ตอนที่ 278 พาตัวหลิวจื้อหมิงขึ้นโรงพัก
ตอนที่ 278 พาตัวหลิวจื้อหมิงขึ้นโรงพัก
“มีเรื่องฉาวเกิดขึ้นกับแผงขายเหลียงเฝิ่นเหรอ? จริงหรือเปล่า?” เสิ่นเสี่ยวเหมยรู้สึกตื่นเต้นทันทีเมื่อได้ยินข่าว
หล่อนถามถังหลิงอย่างกระตือรือร้น “เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
ถังหลิงตอบว่า “หญิงชราคนหนึ่งมีอาการอาหารเป็นพิษหลังจากกินเหลียงเฝิ่นจนต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล”
เมื่อเสิ่นเสี่ยวเหมยได้ยินแบบนี้ หล่อนก็กัดฟันและสาปแช่ง “สมควรแล้ว กรรมตามสนองชัด ๆ อยากทำของไม่ดีให้คนกินทำไม”
“บอกความจริงมา เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเธอหรือเปล่า? ฉันได้ยินมาว่าปัญหาไม่ได้เป็นเพราะวัตถุดิบที่หลิวกุ้ยอิงใช้ แต่มีใครบางคนจงใจจัดฉากใส่ร้าย” ถังหลิงถาม
“เกี่ยวอะไรกับฉันล่ะ?”
น้ำเสียงของเสิ่นเสี่ยวเหมยหงุดหงิดเล็กน้อย “หล่อนคงทำนิสัยแย่ ๆ กับคนอื่นด้วย พอบางคนทนไม่ได้ก็เอาความแค้นมาลงกับแม่แทนลูกสาว ทำไมตอนนั้นฉันถึงคิดวิธีจัดการหล่อนแบบนี้ไม่ออกนะ?”
ถังหลิงเลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะชักนำเธอไปในทางที่ดี “เสี่ยวเหมย อย่าคิดทำอะไรโง่ ๆ อีกล่ะ ต่อให้เธอจะกลั่นแกล้งหล่อนยังไง ท้ายที่สุดก็ไม่สามารถสาดน้ำโคลนใส่หลิวกุ้ยอิงได้ โบราณว่าไว้ตีงูต้องตีที่เจ็ดชุ่น ถ้าจัดการใครให้ราบคาบในครั้งเดียวไม่ได้ก็อย่าไปยุ่งกับคนคนนั้นอีก เพราะคนที่ต้องรับผลที่ตามมาจะกลายเป็นเธอซะเอง คราวที่แล้วเธอยังได้รับบทเรียนไม่พออีกเหรอ? ทำตัวเป็นผู้ใหญ่ให้มากกว่านี้หน่อยเถอะ”
คำพูดของถังหลิงดูเหมือนจะให้ความกระจ่างแก่เสิ่นเสี่ยวเหมยได้เป็นอย่างดี สีหน้าของหล่อนสดใสขึ้น หล่อนมองไปที่ถังหลิงแล้วตอบว่า “พี่หลิงพูดถูก ฉันจะทำอะไรโดยประมาทเกินไปได้ ไม่อย่างนั้นจะต้องแบกรับผลที่ตามมา”
เมื่อเห็นว่าดวงตาของเสิ่นเสี่ยวเหมยหรี่แคบลงเล็กน้อย ถังหลิงจึงรีบพูดต่อ “เฮ้อ ฉันเองก็ไม่ได้อยากจะแนะนำหรอกนะ แต่อย่าไปยุ่งกับคนพวกนั้นอีกเลย เปลี่ยนนิสัยของตัวเองซะใหม่ บางทีถ้าเธอทำตัวน่ารักขึ้น เฉินเจียซิ่งอาจจะเปลี่ยนใจกลับมาหาเธอก็ได้”
เสิ่นเสี่ยวเหมยทำหน้าหยิ่งยโส “ฉันไม่รอให้เขาเปลี่ยนใจแล้ว คุณลุงบอกฉันว่าเขาจะแนะนำลูกชายญาติของอดีตผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาให้ฉันรู้จัก เขาเป็นหมอ หน้าที่การงานดีไม่พอ ยังหล่อมากอีกด้วย ครอบครัวของเขาก็ร่ำรวยพอสมควรเลยนะ ภูมิหลังโดยรวมดีกว่าตระกูลเฉินมาก เราจะได้เจอกันวันอาทิตย์นี้แล้ว”
หลังจากได้ยินสิ่งที่เสิ่นเสี่ยวเหมยพูด ดวงตาของถังหลิงก็ฉายแววแห่งความอิจฉา
เสิ่นเสี่ยวเหมยเป็นผู้หญิงที่เคยผ่านการแต่งงานมาแล้ว แถมยังไร้สมอง แต่กลับมีโอกาสได้เจอคนใหม่ที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อมแบบนั้นได้
นี่ทำให้หล่อนยิ่งมีความตั้งใจมากขึ้นที่จะจับเจ้าสัวบ่อเพชรอย่างเซี่ยไห่ให้ได้
ปัจจุบันครอบครัวของหล่อนอยู่ในสภาวะตกต่ำ ไม่เพียงแต่จะหวังพึ่งพาครอบครัวของตัวเองไม่ได้ ยังเคยทำให้ชื่อเสียงของครอบครัวของแปดเปื้อน ฉะนั้นหล่อนต้องพึ่งพาความสามารถของตัวเอง เพื่อฟื้นชีวิตให้กลับมาสุขสบายเหมือนตอนที่เธอยังสาว
…
หลินเซี่ยถามอย่างเร่งรีบ “เป็นยังไงบ้าง? พวกคุณได้เบาะแสอะไรบ้างไหม?”
เซี่ยไห่เห็นกาต้มน้ำและถ้วยวางอยู่บนโต๊ะ จึงเดินไปรินน้ำใส่แก้วแล้วพูดด้วยความโกรธ “โชคดีที่ฉันส่งคนมาเฝ้าอยู่หน้าวอร์ด ไม่งั้นไอ้ลูกชายใจดำของยายป้าคนนั้นคงจะสังเวยชีวิตแม่เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของตัวเองไปแล้ว”
หลินเซี่ยดูกังวลและต้องการฟังผลจากการตามสืบ เฉินเจียเหอบอกกับเธอว่า “เราไปสืบเจอว่าหวังเฉียง ลูกชายของหญิงชราเคยทำงานเป็นพนักงานที่โรงงานเครื่องจักร ช่วงหลังโรงงานเครื่องจักรมีความจำเป็นที่จะต้องเลิกจ้างพนักงานหลายครั้ง”
หลินเซี่ยได้ยินดังนั้นก็โพล่งขึ้นก่อน “ดังนั้น หลิวจื้อหมิงก็เลยให้สัญญากับลูกชายของหญิงชรา ว่าถ้าทำงานให้เขาเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาจะได้รับโอกาสได้กลับไปทำงานต่อได้?”
เฉินเจียเหอพยักหน้า
หลินเซี่ยถอนหายใจ “อย่างนั้นก็เถอะ นี่เป็นแค่การคาดเดา ยังไม่มีหลักฐานสำคัญ”
เซี่ยไห่ดื่มน้ำ จากนั้นก็ถอนหายใจแรง เมื่อรู้สึกเหนื่อยน้อยลงจึงยิ้มและให้เครดิตว่า “ถ้าเฉินเจียเหอลงมือเองซะอย่าง มีอะไรบ้างที่พวกเราทำไม่ได้?
เขาโบกมือให้เฉินเจียเหอ “รีบเล่าให้เซี่ยเซี่ยฟังถึงผลการตามสืบของเราเร็วเข้า”
เฉินเจียเหอเริ่มเล่าว่า “ผมไปขอพบรองผู้อำนวยการโรงงานเจียงมา จากนั้นก็อธิบายเหตุผล รองผู้อำนวยการโรงงานเจียงมีท่าทางโมโหมากเมื่อได้ยินว่าแม่ของคุณถูกปรักปรำ เขาก็เลยไปที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคลเพื่อตรวจสอบข้อมูลของ หวังเฉียง จนรู้ว่าหวังเฉียงเป็นหนึ่งในรายชื่อของพนักงานที่กำลังจะถูกเลิกจ้างชุดแรก แต่แล้วรายชื่อกลับถูกปากกาขีดฆ่าอย่างไม่มีเหตุผล
“โชคดีที่รองผู้อำนวยการโรงงานเจียงทำงานด้วยความเข้มงวดและเป็นกลาง พออเขารู้ว่ามีเรื่องบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้น เขาก็ขอให้ฝ่ายบุคคลเพิ่มชื่อของหวังเฉียงลงในรายการทันที แล้วบอกว่าจะเรียกหวังเฉียงมาคุยเป็นการส่วนตัว และบอกเหตุผลที่ทางโรงงานตัดสินใจเลิกจ้างเขา “
เฉินเจียเหอพูดต่อ “ถ้าหวังเฉียงถูกเลิกจ้าง เขาต้องแปรพักตร์แน่ แล้วถ้าพวกเราแสดงหลักฐานเพื่อพิสูจน์ข้อปรักปรำอันเป็นเท็จของเขา พร้อมกับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาแทรกแซง เขาต้องยอมสารภาพอย่างไม่มีทางเลือก”
“ต้องใช้เวลานานแค่ไหนจึงจะทำแบบนั้นได้?” หลินเซี่ยถาม
เฉินเจียเหอ “รองผู้อำนวยการโรงงานเจียงบอกว่าเขาจะคุยกับหวังเฉียงช่วงบ่าย ๆ ตอนนี้เขาคงตระหนักแล้วว่าตัวเองถูกหลอกใช้ให้ทำงานโดยเปล่าประโยชน์ อีกสักพักเราจะออกไปหาเขาอีกที ทันทีที่หวังเฉียงสารภาพ หลิวจื้อหมิงก็จะถูกจับแทน ส่วนปลาตัวใหญ่ที่ชักใยอยู่ข้างหลังจะถูกซัดทอดหรือเปล่า ต้องรอดูกันว่าหลิวจื้อหมิงจะปากแข็งแค่ไหน”
“ผลการตรวจร่างกายของหญิงชราที่โรงพยาบาลก็ออกมาแล้ว หล่อนป่วยเพราะพิษจากกรดไนไตรท์ ทั้งเหลียงเฝิ่นและเครื่องปรุงรสที่แม่คุณทำไม่มีส่วนผสมไหนเลยที่ก่อให้เกิดกรดพวกนี้ แถมวัตถุดิบในวันนั้นก็สดใหม่ ไม่มีการเน่าเสีย”
เซี่ยไห่ขอให้คนรู้จักที่เป็นหมอเข้าไปพูดคุยหลอกถามจากหญิงชรา หญิงชราเผลอหลุดปากว่าตนกินผัดกุยช่ายที่บูดเสียไปหนึ่งจาน ก่อนจะออกจากบ้านมากินเหลียงเฝิ่น”
“ใช่ พอผัดกุยช่ายเริ่มบูด คนที่กินในปริมาณที่มากเกินไปอาจทำให้กระเพาะอาหารเกิดพิษที่ว่าได้”
หลังจากอธิบายให้หลินเซี่ยฟังสั้น ๆ ถึงความคืบหน้าของเหตุการณ์ เฉินเจียเหอก็พูดว่า “มาเถอะ ออกไปร้านอาหารแล้วสั่งบะหมี่ผัดกินสักชามกัน หลังจากนี้พวกเราจะไปบุกบ้านหวังเฉียง”
หลินเซี่ยถาม “คุณอยากให้ฉันไปด้วยไหม?”
“ไม่ต้องไปหรอก เดี๋ยวฉันจะไปรับหู่จื่อกลับบ้านเอง รอให้พวกเราจัดการเรื่องนี้กันเสร็จก่อน ฉันเป็นอารองของเธอ แถมนี่ยังถือเป็นโอกาสอันดีสำหรับฉันที่จะขอรับเครดิตจากพี่อิงจื่อด้วย”
เซี่ยไห่เป็นคนตรงไปตรงมา ตอนนี้เขาถือว่าหลิวกุ้ยอิงเป็นพี่สะใภ้จากใจจริง ทั้งยังหวังเป็นอย่างยิ่งว่าหลังจากพี่ชายของเขามาถึงไห่เฉิงแล้ว พวกเขาทั้งสองจะมีโอกาสได้สานต่อความสัมพันธ์กันอีกครั้ง
อดีตอันขมขื่นของหลิวกุ้ยอิง ทำให้เขารู้สึกสงสารและเห็นใจหล่อนยิ่งกว่าใคร ๆ
เมื่อได้ยินเขาเรียกตัวเองว่าอารองอย่างเต็มปากเต็มคำ หลินเซี่ยก็อดรู้สึกไม่ได้ว่ามันฟังดูแปลก ๆ แต่คำพูดของเขาก็ทำให้หัวใจของเธออบอุ่นมาก เธอถามว่า “แม่ของคุณกับคนอื่น ๆ จะมาถึงเมื่อไหร่เหรอคะ?”
“ยังไม่แน่ใจ พวกเขายังต้องไปรอเปลี่ยนเครื่องที่เชินเฉิง แม่ฉันอายุมากแล้ว ฉันเลยจองโรงแรมไว้ให้พวกเขาค้างที่เชินเฉิงก่อนหนึ่งคืน ไม่อย่างนั้นร่างกายพวกเขาคงทนไม่ไหวแน่ ส่วนพี่สาวก็ต้องไปตรวจดูกิจการห้องเต้นรำของฉันในเชินเฉิง บางทีการเดินทางอาจจะล่าช้าไปสองวัน”
“พวกเราไปก่อนนะ เย็นนี้ฉันจะพาหู่จือไปกินข้าวเอง ไม่ต้องรอพวกเรา”
คนกลุ่มใหญ่ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและเด็ดขาด หลังจากแวะกินข้าวในร้านอาหารแล้ว พวกเขาก็พากันไปที่บ้านของหญิงชราเพื่อจับโจร
หวังเฉียงลูกชายของหญิงชรากำลังอารมณ์เสียหัวฟัดหัวเหวี่ยงด้วยความโกรธอยู่ที่บ้าน
ทันทีที่พวกเขาเดินเข้าไปในบ้าน ก็เห็นว่าม้านั่งตัวเล็ก ๆ ถูกจับโยนจนยกหงาย ตามพื้นมีถ้วยชามตกแตกเกลื่อนกลาด
เซี่ยไห่มองดูเขา จากนั้นก็แค่นเสียงเยาะเย้ยว่า “ไง หวังเฉียง นี่คงเป็นผลจากการที่หลิวจื้อหมิงให้สัญญากับนายแต่เขากลับทำตามที่รับปากไม่ได้สินะ? นายคงโกรธมากเลยใช่ไหมล่ะ?”
เมื่อหวังเฉียงเห็นกลุ่มคนที่อยู่ข้างหลังเซี่ยไห่ ทั้งเฉินเจียเหอและชายฉกรรจ์คนอื่น ๆ ตัวสูงและทรงพลัง พอได้ยินอีกฝ่ายพูดถึงหลิวจื้อหมิง เขาก็เริ่มตื่นตระหนกเหมือนวัวสันหลังหวะ “พวกคุณมาทำอะไร? แม่ผมยังรักษาตัวในโรงพยาบาลอยู่เลย ที่ผ่านมาผมก็ไม่ได้สร้างปัญหาให้พวกคุณเลยด้วย”
ใบหน้าของเฉินเจียเหอมืดมน เขาแสดงท่าทางที่ทำให้คู่สนทนารู้สึกกดดันอย่างรุนแรง “เราไม่ได้จะมาทำอะไรนาย แค่อยากจะบอกให้นายรู้ไว้ ว่าถึงนายจะเสียชามข้าวเหล็กไปแล้ว แต่อีกไม่นานนายก็จะได้ชามข้าวเหล็กใบใหม่ อย่ากังวลไปเลย ถึงมันจะไม่ทนทานเหมือนกับเหล็กรถถังหุ้มเกราะ แต่ก็ยังพอถูไถไปได้ ต่อให้อยู่ในนั้นหลายปีก็ไม่น่าจะอดอยากอะไร”
“หมายความว่าไง?” หวังเฉียงแสดงท่าทางแตกตื่น รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมา
“นายมันไร้จิตสำนึก เห็นแก่ตัวไม่ยอมถูกโรงงานเครื่องจักรเลิกจ้าง แม่ของนายอายุจวนจะแปดสิบอยู่แล้ว แต่หล่อนกลับยอมเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงเพื่อแลกกับการรักษางานของนายไว้ นายมันลูกอกตัญญูจริง ๆ”
เฉินเจียเหอเดินสืบเท้าเข้าไปหา และถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ถ้าหลิวจื้อหมิงขอให้นายบีบคอหญิงชราคนนั้นจนตาย เพื่อที่จะรักษางานของตัวเองไว้ นายจะยอมทำโดยไม่ลังเลเลยหรือเปล่า?”
“คุณกำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไร? แห่มาที่บ้านของผมกันทำไม? ออกไปเดี๋ยวนี้นะ” เวลานี้สายตาที่มีความผิดของหวังเฉียงฉายแววดุร้าย เขาถอยห่างออกไปหนึ่งก้าว น้ำเสียงสั่นเทา แต่กลบเกลื่อนโดยการไล่กลุ่มคนตรงหน้าออกไป
“พวกเราได้หลักฐานที่มีน้ำหนักเพียงพอจะพิสูจน์ว่าแม่นายไม่ได้อาหารเป็นพิษเพราะเหลียงเฝิ่น แต่เป็นแบบนั้นเพราะกินผัดกุยช่ายเน่า ๆ ที่เมียนายหามาให้หล่อนกินในตอนเช้า”
เซี่ยไห่โยนปึกรายงานผลการทดสอบให้เขา “นี่เป็นรายงานผลการทดสอบจากหมอที่เชื่อถือได้ การกินผัดกุยช่ายที่ปรุงสุกแล้วทิ้งไว้เป็นเวลานานจนบูดทำให้เกิดกรดบางอย่าง ปริมาณไนเตรตในกุยช่ายจะถูกแปลงเป็นไนไตรต์ ยิ่งเมื่อกินในปริมาณมากก็จะทำให้เกิดอาการอาหารเป็นพิษ ท้องเสีย ขาดน้ำ และอาจถึงขั้นช็อกตายได้ ฉันได้ยินแม่นายบอกว่าลูกสะใภ้เอาจานผัดกุยช่ายมาให้หล่อนกินเป็นมื้อเช้าเมื่อสามวันก่อน หลานชายบอกแล้วว่าอย่ากิน แต่ลูกสะใภ้บอกว่าทิ้งไว้เดี๋ยวของจะเสียหมดก็เลยยกให้หล่อนกิน จากนั้นเมียนายก็พาหล่อนออกไปกินเหลียงเฝิ่น กรมอาหารและยาเอาเหลียงเฝิ่นที่เหลือรวมถึงเครื่องปรุงทั้งหมดที่หลิวกุ้ยอิงเป็นคนขายไปทดสอบแล้ว แถมยังไปสอบถามอาการของลูกค้าที่มากินในวันเดียวกันด้วย ซึ่งไม่มีใครมีปัญหา”
เฉินเจียเหอพูดเสริมว่า “นอกจากนี้ ตอนแรกชื่อของนายยังอยู่ในรายชื่อพนักงานที่จะถูกเลิกจ้างชุดแรกของโรงงานเครื่องจักร ต่อมาหลิวจื้อหมิงก็ขีดฆ่าชื่อนายออก หลังจากเกิดเหตุ ชื่อของนายก็ถูกบรรจุเข้ามาอีกครั้ง แต่สุดท้ายแล้วแม่นายก็ยังทุกข์ทรมานอย่างเปล่าประโยชน์ ไม่มีใครช่วยไม่ให้นายถูกเลิกจ้างได้”
หวังเฉียงมองพวกเขาด้วยความสยดสยอง ไม่คิดไม่ฝันมาก่อนว่าพวกเขาจะตามสืบที่มาที่ไปได้อย่างชัดเจนขนาดนี้ ก่อนหน้านี้เขาเตือนผู้เป็นแม่แล้วว่าอย่าพูดอะไรโดยไม่จำเป็น ใครจะไปคิดว่านางจะแก่จนเลอะเลือน ถึงกับยอมสารภาพว่าตัวองกินผัดกุยช่ายบูดเข้าไป
หวังเฉียงมองไปที่กลุ่มผู้ชายน่าเกรงขามที่อยู่ตรงหน้า รู้ดีว่าคำแก้ตัวของตัวเองไม่มีประโยชน์อีกต่อไป
“ท่าน ๆ ทั้งหลาย ปล่อยผมไปเถอะ ผมทำลงไปก็เพราะไม่มีทางเลือก ครอบครัวผมมีทั้งคนแก่และเด็กที่ต้องเลี้ยงดู ทั้งครอบครัวอาศัยเงินเดือนของผมคนเดียว ผมยอมให้ตัวเองโดนเลิกจ้างไม่ได้ พอหัวหน้าหลิวมาคุยกับผม ผมไม่มีทางเลือกนอกจากต้องตอบตกลง ใครจะคิดว่าพวกหัวหน้าระดับสูงฉลาดแกมโกง ทำตามที่พูดไม่ได้ ผมแค่หลงเชื่อคำโกหกของเขา ผมทำผิดไปแล้วจริง ๆ”
เฉินเจียเหอก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับตบไหล่เขาแล้วพูดว่า “พวกเราเข้าใจความยากลำบากของนายนะ ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นนายก็ไปสารภาพความจริงกับตำรวจเถอะ ถ้ายอมรับสารภาพก็จะได้รับการผ่อนปรนโทษ ตราบใดที่นายให้ปากคำตามความเป็นจริง พวกเราจะพิจารณายอมความ ไม่ดำเนินดดีตามกฎหมาย”
“จริงเหรอ?” หวังเฉียงที่หวาดกลัวเป็นทุนเดิมอยู่แล้วพลันมีดวงตาเป็นประกายทันทีเมื่อได้ยินว่าเขาอาจไม่ต้องรับผิดทางกฎหมาย
“แน่นอน”
หวังเฉียงรีบรุดไปมอบตัวที่โรงพัก พอเสร็จสิ้นการให้ปากคำ หลิวจื้อหมิงก็ถูกพาตัวขึ้นโรงพักโดยทันที
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ยัยถังคิดจะเตะตัดขายัยเหมยเน่าแล้วหรือเปล่า พอได้ยินว่าอีกฝ่ายหาคนใหม่ได้หล่อรวยนี่ตาร้อนผ่าวๆ เลยนะ
โห พี่เหอสืบละเอียดมาก ทำงานละเอียดอย่างกับเป็นตำรวจสายสืบที่ปลอมตัวมาสืบคดี
ไหหม่า(海馬)
——————————————-