ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 – ตอนที่ 290 เซี่ยเหลยเป็นดั่งพระเจ้า

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 290 เซี่ยเหลยเป็นดั่งพระเจ้า

ตอนที่ 290 เซี่ยเหลยเป็นดั่งพระเจ้า

เมื่อถึงกลับบ้าน หลินเซี่ยก็ทิ้งตัวนอนลงบนโซฟาพลางบิดขี้เกียจ

“เหนื่อยจะตายแล้ว นี่เหนื่อยยิ่งกว่าทำงานมาทั้งวันอีกค่ะ”

แม้ว่าการจัดการกับพวกสวะจะทำให้รู้สึกดี ทว่าก็นำมาซึ่งความเหนื่อยล้าจริง ๆ

เฉินเจียเหอเห็นผู้เป็นภรรยาทิ้งตัวนอนก็รู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาเล็กน้อย ชายหนุ่มเอ่ยถามว่า “คุณอยากกินอะไร? เดี๋ยวผมทำให้”

“กินไก่ย่างก็ได้ค่ะ วันนี้ตอนที่อยู่บ้านตระกูลเซี่ย ฉันไม่ค่อยได้กินเนื้อเสียเท่าไหร่”

ด้วยในขณะที่อยู่ในงานเลี้ยง ในหัวเต็มไปด้วยความคิดที่จะฉีกหน้ากากของเสิ่นเถี่ยจวิน

“ยังร้อนอยู่เลย เดี๋ยวผมไปหั่นมาให้ครับ”

หลินเซี่ยตะโกนบอกเขา “หั่นแค่ครึ่งเดียวนะคะ เก็บไว้ให้หู่จือด้วย”

เฉินเจียเหอหั่นแบ่งไก่ย่าง ทั้งยังหั่นต้นหอมเป็นฝอย และเสิร์ฟพร้อมน้ำมันพริก

ชายหนุ่มส่งตะเกียบให้หลินเซี่ย

หลินเซี่ยจึงเอ่ยขึ้น “คุณเองก็กินด้วยสิคะ”

“คุณกินเยอะ ๆ ผมยังไม่หิว”

เฉินเจียเหอมองดูอารมณ์ของหลินเซี่ยที่ดูเหมือนจะไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ และกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย เขานั่งข้าง ๆ เธอ สายตาของเขาที่มองเธอนั้นเต็มด้วยแสงประกายอ่อน ๆ ดูมีความสุขอย่างยิ่ง

แค่เธอมีความสุข เขาก็พอใจแล้ว

หลินเซี่ยหันหน้าไปสบตาแววตาล้ำลึกของเขา แล้วผลิยิ้ม “มองฉันทำไม?”

เฉินเจียเหอจัดผมที่หลุดอกมาให้เธอแล้วเอ่ยเบา ๆ “เห็นคุณอารมณ์ดีกินได้ ก็เลยโล่งใจมากน่ะ”

“คุณไม่ต้องมองแล้ว กินสักหน่อยเถอะค่ะ คุณเองก็ไม่ได้กินอิ่มเหมือนกัน”

เขาพูดขึ้นมาว่า “ถ้าอย่างนั้นคุณก็ป้อนผมสิ”

ผู้ชายอกสามศอกงอแงขึ้นมา ทำเอาหลินเซี่ยขนลุกไปทั้งตัว ยื่นตะเกียบไปทางเขาแล้วยัดไก่ย่างเข้าปากผู้เป็นสามี

หลินเซี่ยมองดูท่าทางน่ารักของเขา ก็พลันหวนนึกขึ้นมาว่าวันนี้ที่บ้านตระกูลเซี่ย เขาก็เป็นแบบนี้เช่นกัน วินาทีก่อนยังดูเคร่งขรึมจริงจัง วินาทีต่อมากลับกลายเป็นคนเซ่อซ่าเสียอย่างนั้น

“เอ้อ ฉันเพิ่งนึกขึ้นได้ วันนี้คุณเรียกเซี่ยตงว่าคุณน้าเหรอคะ?”

เฉินเจียเหอพยักหน้า “ครับ เรียกแบบนั้น”

มุมปากของหลินเซี่ยกระตุกขึ้นเล็กน้อย “เขาเป็นพี่น้องกับคุณไม่ใช่เหรอคะ? คุณเรียกออกมาได้อย่างไรกันน่ะ?”

เฉินเจียเหอเอ่ยตอบด้วยท่าทีจริงจัง “ทำไมจะเรียกออกมาไม่ได้ล่ะ ความอาวุโสของเขาก็ฉายชัดอยู่ตรงนั้น ผมเรียกตามคุณนี่ คุณเรียกว่าอะไร ผมก็เรียกอย่างนั้น”

“แล้วทำไมถึงไม่เรียกเซี่ยไห่ว่าคุณอาล่ะ?”

“คุณเองก็ยังไม่ได้เปลี่ยนวิธีเรียกนี่ รอคุณเปลี่ยนวิธีเรียกเขาเมื่อไหร่ ผมก็จะเรียกเขาแบบนั้น”

เฉินเจียเหอกล่าวอย่างจริงใจ ไม่ได้เล่นละครตบตาเธอแม้เพียงสักนิด

หลินเซี่ยเชื่อว่าเขาซื่อสัตย์ต่อคำพูดของตัวเอง และจะเรียกเซี่ยไห่ว่าอารอง เหมือนที่เขาเฉกเช่นที่เขาเรียกเซี่ยตงว่าคุณลุงอย่างแน่นอน

เธอนึกภาพไม่ออกเลยว่าคนแบบเขาจะปากหวานอย่างคาดไม่ถึง

หลินเซี่ยกินเนื้อก่อนจะทอดถอนหายใจออกมา “เฉินเจียซิ่งไม่มีความสำนึกตัวเหมือนคุณเลยจริง ๆ”

เป็นพี่น้องเหมือนกัน แต่เฉินเจียซิ่งและเสิ่นเสี่ยวเหมยกลับไม่สามารถยอมรับเรื่องการเรียกขานนี้ได้ ใช้เล่ห์กลจงใจหาเรื่อง และจบลงด้วยการที่เขาแตกหักเลิกรากับหญิงสารเลวนั่น

หากเราทุกคนใจกว้างและสำนึกตัวเฉกเช่นเฉินเจียเหอ ไหนเลยจะเกิดความไม่ลงรอยระหว่างผู้คนได้?

สีหน้าของเฉินเจียเหอฉายชัดถึงความภาคภูมิใจขึ้นมาเล็ก ๆ พลางเอ่ย “ความสำนึกตัวของผมไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาทั่วไปจะเทียบด้วยได้”

แม้ว่าเขาจะมองหลินเซี่ยราวกับว่าเขาอารมณ์ดี แต่เมื่อเขาคิดว่าเซี่ยเหลยจะมาถึงเมืองไห่เฉิงในวันพรุ่งนี้ เฉินเจียเหอก็ยังคงกังวลเกี่ยวกับหลินเซี่ยอยู่

กลัวว่าเธอจะเครียด

เมื่อเฉินเจียเหอจัดการเก็ยกวาดอาหารที่เหลือบนโต๊ะเสร็จแล้ว ชายหนุ่มก็ล้างมือ แล้วเดินเข้ามากอดเธอ พร้อมเอ่ยถามอย่างระมัดระวังและนุ่มนวล “เซี่ยเซี่ย พรุ่งนี้… พวกสหายเซี่ยเหลยอาจจะมาถึงที่นี่ ตอนนี้คุณอยู่ในอารมณ์ไหน?”

หลินเซี่ยชำเลืองมองผู้เป็นสามี น้ำเสียงของเธอดูผ่อนคลาย “ฉันไม่อยู่ในอารมณ์ไหนทั้งนั้นค่ะ มาถึงแล้วก็แค่พบกัน แต่เขาเองความจำเสื่อม ถึงพบหน้ากันก็ไม่รู้จักฉันอยู่ดี พอลองคิด ๆ ดูแล้วก็ค่อนข้างกระอักกระอ่วน ไม่รู้ว่าเซี่ยไห่จะแนะนำว่าพวกเราเป็นอะไรกัน”

หากเซี่ยไห่แนะนำเธอให้รู้จักกับเซี่ยเหลยในฐานะลูกสาวโดยตรง เซี่ยเหลยคงจะตกใจมาก

“อย่าเครียดไปเลยครับ เซี่ยไห่ต้องมีวิธีการที่ดี”

เฉินเจียเหอเอ่ยปลอบโยนหลินเซี่ย ทว่าจริง ๆ แล้วภายในใจเขากลับรู้สึกกังวลมากกว่า

เซี่ยเหลยเป็นแบบอย่างที่ดีและบรรทัดฐานของกลุ่มเขา เมื่อครั้งอยู่ในกองทัพ ทุกครั้งที่มีการจัดการสัมมนาเรียนรู้ ผู้นำมักจะกล่าวถึงความเสียสละและการมีอุทิศตนของสหายเซี่ยเหลยในการสู้รบป้องกันชายแดนอยู่เสมอ

เซี่ยเหลยนั้นเป็นเหมือนพระเจ้าในสายตาของพวกเขา

มาตอนนี้ พระเจ้าที่อยู่ในใจองค์นั้นกลับกลายมาเป็นพ่อตา

แม้เขาจะสูญเสียความทรงจำและไม่รู้จักหลินเซี่ย หรือบางทีอาจจะจดจำแม่ยายของเขาไม่ได้ แต่เฉินเจียเหอก็ยังคงรู้สึกวิตก

เซี่ยเหลยจะพึงพอใจในตัวเขาไหม?

หากความทรงจำของเขาฟื้นคืน หรือหากผลตรวจพิสูจน์ความเป็นบิดาออกมา เขาจะยอมรับตนเป็นลูกเขยหรือไม่?

ดูเหมือนว่าหลินเซี่ยจะสัมผัสได้ถึงอารมณ์ของเฉินเจียเหอเช่นกัน เธอบีบแก้มของเฉินเจียเหอเบา ๆ “มีใบหน้าที่หล่อเหลาขนาดนี้ จะเครียดเกร็งไปทำไมกัน?”

เธอหัวเราะ “ฉันไม่ได้กังวลเลย แล้วคุณกังวลเองจะกังวลทำไมล่ะคะ?”

เป็นเรื่องน่าประหลาดใจสำหรับหญิงสาวเมื่อได้เห็นสีหน้าเช่นนี้ปรากฏบนใบหน้าของเฉินเจียเหอเป็นครั้งแรก

แน่นอนว่ามันยังเป็นการยืนยันถึงความเคารพนับถือที่เฉินเจียเหอมีต่อเซี่ยเหลยอีกด้วย

ในใจของเฉินเจียเหอ เซี่ยเหลยคงเป็นแบบอย่างของเขาสินะ

ด้วยเหตุนี้จึงให้ความสำคัญกับทัศนะที่เซี่ยเหลยมีต่อตัวเองเป็นพิเศษ

เฉินเจียเหอหรี่ตาลง พลางเอ่ยอย่างหงอย ๆ “ผมกลัวว่าพวกเขาจะรังเกียจผม”

หลินเซี่ยได้ยินดังนั้น ก็มองเขาด้วยสีหน้าแปลกใจแล้วถามว่า “รังเกียจอะไรคุณกันล่ะ? คุณเองเป็นคนสร้างรถไฟไม่ใช่เหรอคะ? ใครที่ไหนจะรังเกียจคุณได้?”

เฉินเจียเหอเอ่ยว่า “ผมอายุมากกว่าคุณหลายปี”

หลินเซี่ย “….”

“ฮ่าๆ” หลินเซี่ยหยิกใบหน้าหล่อเหลาของเขา ก่อนจะจูบลงที่มุมริมฝีปากของชายหนุ่ม “ไม่หรอกค่ะ แค่ฉันรักคุณก็พอแล้ว คนอื่นจะมีความคิดเห็นอะไร ฉันจะทำเงียบไปเอง”

“อีกอย่าง มันก็ไม่ได้มากขนาดนั้น”

“ไม่มากจริง ๆ เหรอ?”

“ไม่มากเลยค่ะ”

ในฐานะผู้ชายที่แต่งงานแล้ว จู่ ๆ ก็รู้สึกว่าถ้อยคำของเธอไม่ค่อยรื่นหูเท่าไหร่นัก

ทำไมไม่มากแล้วล่ะ?

เมื่อจิตใจเริ่มคิดชั่วร้าย ร่างกายก็มีปฏิกิริยาโต้ตอบในลักษณะที่อธิบายไม่ได้ขึ้นมาไม่ได้เสียอย่างนั้น

ชายหนุ่มเข้ามาจูบเธอ ทว่าหลินเซี่ยรีบผลักหน้าของเขาออกไป

“คุณอย่ามาลามปามนะ ฉันยังมีเรื่องต้องจัดการอีก”

หลินเซี่ยผละตัวหลุดออกจากอ้อมแขนของเขาและเอ่ยว่า “คุณช่วยฉันหน่อยสิคะ ที่โรงงานยานยนต์ของคุณมีเครื่องจักรประเภทที่สามารถผลิตและขัดเงากรรไกรบ้างไหม? ฉันอยากให้คุณช่วยทำกรรไกรตัดผมให้ฉันสักสองสามอัน”

เฉินเจียเหอสะกดกลั้นความร้อนรุ่มในร่างกายของตัวเองแล้ว แล้วนั่งตัวตรงพลางเอ่ยถามเธอ

“ทำกรรไกรเหรอ? ไม่มีแบบสำเร็จรูปให้ซื้อเหรอครับ”

กรรไกรทั้งหมดนั้นผลิดโดยโรงงานทำกรรไกร

“แบบที่ฉันอยากได้มันไม่มีขายค่ะ”

เฉินเจียเหอถามว่า “มีตัวอย่างไหม?”

“เดี๋ยวฉันจะวาดแบบให้คุณ”

หลินเซี่ยหยิบปากกาและกระดาษขึ้นมา จากนั้นจึงวาดแบบกรรไกรที่เธอต้องการ

ก่อนจะนำแบบพิมพ์เขียวที่บิดเบี้ยวส่งให้เฉินเจียเหอ และอธิบายว่า “คุณดูนะ นี่คือกรรไกรซอยผม เวลาที่ผลิดมันขึ้นมา คุณต้องใส่ใจกับซี่ฟันนี้ของมัน ฉันวาดไว้สองแบบ แบบหนึ่งเป็นปากแบน หนึ่งแบบซี่รูปตัววี โดยตรงใบมีดนี้จะมีร่อง หลักการคือปล่อยผมไว้ตามสัดส่วนของร่องฟัน และใบมีดนั้นจะตัดผมที่อยู่ในร่องนั้นออก ทำให้ผมที่อยู่ข้างนอกร่องหลุดออกไปตามธรรมชาติ มีเพื่อทำให้ผมบางลง”

“กรรไกรซอยผมนี้อาจต้องใช้เครื่องขัดที่ละเอียดมาก ความกว้างของแต่ละร่องคือสามถึงห้ามิลลิเมตร พวกคุณช่วยทำขึ้นมาหน่อยได้ไหม?”

เฉินเจียเหอติดตามภาพวาดบูดเบี้ยวไม่ชัดเจนของเธอ แล้วจึงวาดภาพแบบมืออาชีพออกมาอีกครั้ง

หลินเซี่ยกระโดดลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “ใช่ ใช่แล้ว แบบนี้แหละ”

เฉินเจียเหอเอ่ย “ผมจะลองดู ชิ้นส่วนของรถไฟนั้นละเอียดอ่อนและประณีตอย่างมาก สามารถทำได้ทุกอย่าง ไม่น่าจะเป็นปัญหา ไว้ผมจะหาคนมาจัดการให้”

เมื่อเป็นความต้องการของภรรยาของเขา แม้ว่าจะยากลำบาก เขาก็จะหาทางเอาชนะให้ได้

“ถ้าอย่างนั้นให้เขาทำกรรไกรปากแบนให้ฉันอีกอันตามขนาดที่ฉันเขียนให้ไป เป็นกรรไกรรูปตัวเอแบบนี้”

ก่อนที่หลินเซี่ยจะวาดกรรไกรรูปตัวเอขึ้นมาอีกหนึ่งแบบ

ได้ครับ”

เฉินเจียเหอมองดูมัน ก่อนจะวาดแบบร่างขึ้นมาใหม่ จากนั้นจึงเก็บแบบร่างให้เรียบร้อย

หลังจากจัดการเก็บแบบร่างแล้ว ชายหนุ่มก็อ้าแขนออก “มานี่สิ”

หลินเซี่ยกระโดดเข้าสู่อ้อมแขนของสามีอย่างว่าง่าย

เฉินเจียเหอลูบจมูกของเธอ ดวงตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อยพลางมองเธอด้วยสายตาสงสัย “คุณรู้จักกลไกมากขนาดนี้ได้อย่างไร?”

หลินเซี่ยเอียงศีรษะมองเขาพลางเอ่ย “หากฉันต้องการใช้อะไร แน่นอนว่าฉันต้องศึกษามัน”

“แต่เรื่องที่คุณไม่ได้ใช้ คุณก็เข้าใจนะ”

หลินเซี่ยรู้ว่าเขาหมายถึงภาพวาดของเครื่องจักรกลการเกษตรเหล่านั้นที่เธอร่างให้โจวเจี้ยนกั๋ว หญิงสาวจึงแก้ตัวว่า

“แบบร่างพวกนั้นที่ฉันให้คุณน้าไปเพราะฉันเคยได้ยินหลิวจื้อหมิงและเสิ่นเถี่ยจวินพูดคุยกันเรื่องเครื่องจักร หลังจากได้ฟังมาบ้าง ฉันก็ได้ไปเห็นเครื่องมือการเกษตรแบบดั้งเดิมในชนบท ซึ่งนั่นทำให้ฉันมีแรงบันดาลใจ”

เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ อารมณ์ของชายหนุ่มที่โอบกอดเธอไว้ก็เปลี่ยนไปโดยพลัน แขนของเขาโอบแน่นรอบตัวเธอ

“คุณเป็นอะไรเนี่ย?” หลินเซี่ยถามอย่างสงสัย

เฉินเจียเหอ “หึง”

หลินเซี่ยจึงตระหนักย้อนกลับไปว่าเธอเพิ่งเอ่ยชื่อของหลิวจื้อหมิงขึ้นมา

หญิงสาวอยากจะตบปากตัวเองเสียจริง

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

น่ารักหนุงหนิงมากเลยคู่นี้ เซี่ยเซี่ยอยากได้อะไรพี่เหอก็ทำให้

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

Status: Ongoing
เมื่อสวรรค์ได้ให้โอกาสเธอย้อนกลับมาแก้ขในสิ่งที่ผิดพลาด เธอจะใช้โอกาสนี้เป็นช่างเสริมสวยยอดฝีมือให้ได้ตามฝันอย่างไรกันนะ?เรื่องย่อ : ในชาติก่อน หลินเ เป็นสไตสต์คนโง่ผู้ร้ความคิดป็นของตัวเอง จึงถูกดาราดาวรุ่งผู้เป็นเพื่อนสนิทวางแผนทำลายชีวิตจนพังพินาศ ไร้ซึ่งเครดิต ไร้ซึ่งอำนาจ และหน้ามืดตามัวทิ้งสามีพ่อม่ายลูกติดที่คอยสนับสนุนมาตลอดได้ลงค แต่เหมือนสวรรค์ยังคงเห็นใจต่ชะตาชีวิตอันรันทดของเธอ จึงทำให้เธอได้ย้อนกลับมาเกิดใหม่ในปี 1988 อันเป็นปีที่ทุกอย่างยังไม่สายเกินกว่าแก้ หลินเชี่ยจะใช้โอกาสที่ได้มีชีวิตครั้งที่สองเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของตัวเองอย่างไรบ้าง?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท