ตอนที่ 295 เรียกว่าคล้ายกันไม่ได้ นี่เรียกเหมือนกันทุกประการ
ตอนที่ 295 เรียกว่าคล้ายกันไม่ได้ นี่เรียกเหมือนกันทุกประการ
เซี่ยไห่กอดหญิงชราพลางเอ่ยปลอบเธอด้วยเสียงอ่อนโยน “แม่ครับ ร้องไห้ทำไมกัน? ดีใจที่ได้กลับมาสินะครับ”
“แม่ดีใจ ดีใจมาก”
นางมองดูภาพวาดที่คุ้นเคย รวมถึงอักษรวิจิตร และภาพวาดต่าง ๆ บนผนัง ทุกอย่างล้วนแล้วแต่อบอุ่น
“ไม่ต้องร้องไห้แล้วครับ เดี๋ยวผมไปชงชาให้”
ทันทีที่เซี่ยไห่บอกว่าเขาจะชงชา เฉินเจียเหอก็รีบหยิบกาน้ำชาไปชงชาทันที
เซี่ยไห่มองดูท่าทางที่เอาใจใส่ของเขาด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ
ฮ่าๆ ต้องขอบคุณในความโชคดีของพี่ใหญ่ ที่ทำให้เขาผ่านความทุกข์ทนต่าง ๆ มาได้
ในวันข้างหน้าตัวเขาจะกลายเป็นผู้อาวุโสกว่า และสามารถเรียกใช้เฉินเจียเหอทำงานให้ได้
หลังจากนั่งพักดื่มไปได้ครู่หนึ่ง แม่เซี่ยก็อดรนทนไม่ไหวที่จะเอ่ยถามถึงหลานสาวของตน นางมองไปยังเซี่ยเหลย ก่อนถามเซี่ยไห่ว่า “เสี่ยวไห่ ห้องไหนคือห้องของพี่ใหญ่ของลูก? ให้เขาไปพักผ่อนสักหน่อย เขานั่งรถมานานขนาดนี้ต้องเหนื่อยไม่น้อยแน่”
เซี่ยไห่เองก็เข้าใจนัยยะนั้น ชายหนุ่มพยักหน้ารับ “ครับ”
“พี่ครับ เดี๋ยวผมพาพี่ไปพักผ่อน”
“ดี” เซี่ยเหลยลุกขึ้น พลางมองไปยังเฉินเจียเหอ “เสี่ยวเฉิน ฉันขอตัวไปพักผ่อนก่อน ขอบคุณที่มารับพวกเราในวันนี้”
เฉินเจียเหอรีบเอ่ยตอบ “ด้วยความยินดีครับ”
เซี่ยไห่พาเซี่ยเหลยเข้าไปในห้องนอน เตียงถูกปูด้วยผ้าปูที่นอนลายตารางซึ่งดูติดดินอย่างยิ่ง เขาหยิบผ้าห่มออกมา “พี่ใหญ่ นอนพักสักหน่อยนะครับ เมื่อถึงเวลากินข้าวแล้วผมจะมาเรียก”
เซี่ยเหลยตอบว่า “ได้ ขอบใจมากเสี่ยวไห่”
พี่ใหญ่นั้นสุภาพแบบนี้ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เมื่อเซี่ยไห่ได้ฟังจึงรู้สึกเคอะเขินแปลก ๆ
เขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการที่พี่ใหญ่ของเขากลับมายังเมืองไห่เฉิงในครั้งนี้ เขาจะสามารถรื้อฟื้นความทรงจำที่หายไปและจดจำเหตุการณ์ในอดีตระหว่างพี่น้องเมื่อครั้งยังเป็นเด็กได้
ซึ่งจะทำให้ระยะห่างของพวกเขาลดลง
เซี่ยอวี่เองก็มองหาห้องนอนของตัวเอง ด้วยต้องการนำข้าวของไปเก็บ เซี่ยไห่จึงนำหล่อนไป
เมื่อเห็นห้องที่ตกแต่งอย่างอบอุ่นและสะอาดสะอ้าน หญิงสาวก็อดเหลือบมองเซี่ยไห่อีกครั้งไม่ได้
หล่อนถามเซี่ยไห่ว่า “ผ้าปูที่นอนนี่นายซื้อมาเหรอ?”
“ไม่สวยเหรอ?” เซี่ยไห่ถามกลับโดยไม่ตอบคำถามของผู้เป็นพี่สาว
เซี่ยอวี่ถอดเสื้อคลุมของเธอออกแล้วนำไปแขวนไว้ ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเก๊กขรึม “ไม่สวย”
เซี่ยไห่ยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนเอ่ยอย่างจริงจังว่า “เซี่ยเซี่ยหลานสาวของพี่เป็นคนซื้อมา ในเมื่อมันไม่สวยก็ถอดออกไปเถอะ ผมจะได้เอาไปให้เซี่ยเซี่ย”
ชายหนุ่มเอ่ยจบก็เตรียมจะดึงผ้าปูที่นอนออก
เซี่ยอวี่รั้งมือของน้องชายเอาไว้ แล้วนั่งลงบนเตียง “เนื้อผ้านิ่มสบายแบบนี้ ฉันเดาไว้แล้วเชียวว่าไม่ใช่นายซื้อแน่”
เซี่ยไห่ “…”
ทันทีที่กลับมายังห้องโถงใหญ่ แม่เซี่ยก็รีบเอ่ยถาม “พี่ชายแกพักผ่อนไปแล้วหรือ?”
“ครับ”
หญิงชรารีบกล่าวบอกให้พวกเขานั่งลง แทบรอไม่ไหวที่จะเอื้อนเอ่ยเรื่องนี้ออกมา “เล่าเรื่องหลานสาวของแม่ให้ฟังหน่อยสิ ทำไมวันนี้หล่อนไม่มารับพวกเราล่ะ? หล่อนไม่อยากรู้จักพวกเราหรือ? เสี่ยวไห่ ลูกจัดการยังไงของลูกกัน?”
หญิงชราไม่ให้โอกาสคนอื่นได้อธิบายสถานการณ์ด้วยซ้ำ ซ้ำยังผุดคำถามออกมามากมาย ก่อนจะตามด้วยการบ่นว่าเซี่ยไห่
เซี่ยไห่จึงค่อย ๆ อธิบายอย่างใจเย็น
“แม่ครับ เซี่ยเซี่ยรู้ความอย่างยิ่ง ไม่มีทางปฏิเสธพวกเราหรอกครับ เหตุผลที่หล่อนไม่ไปรับแม่ในวันนี้ เหตุผลหลักก็เพราะหล่อนคิดว่าเมื่อแม่ได้พบหน้าหล่อนแล้วแม่จะต้องตื่นเต้นมากแน่ ๆ แล้วหากแม่เผลอเอ่ยอ้างความเป็นญาติ กอดคอร้องไห้เรียกหล่อนว่าหลานสาวต่อหน้าพี่ใหญ่ แล้วผมจะแนะนำสถานะของเซี่ยเซี่ยว่าอะไรล่ะครับ? หากพี่ใหญ่เอ่ยถามขึ้นมาพวกคุณจะตอบอย่างไร?”
นิสัยของเซี่ยเหลยนั้นเย็นชาและจริงจัง ประกอบกับการสูญเสียความทรงจำ เซี่ยไห่เองยังค่อนข้างกลัวเขา
เมื่อได้ยินคำอธิบายของเซี่ยไห่ แม่เซี่ยก็พยักหน้า “แกก็พูดถูก”
“ดูสิ แต่หลานเขยของแม่ก็มารับแม่ไม่ใช่เหรอครับ? แม่คิดว่าเจียเหอเป็นอย่างไรบ้าง?”
หญิงชรามองเฉินเจียเหอด้วยความเมตตาอ่อนโยน แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ดีมาก เป็นคนใช้การได้”
นางจับมือของเฉินเจียเหอเอาไว้ ยิ่งหญิงชรามองเขามากเท่าใด ก็ยิ่งชอบเขามากขึ้นเท่านั้น
“รีบบอกเราเร็วเข้าว่าเธอรู้จักกับเซี่ยเซี่ยของเราได้อย่างไร?”
เฉินเจียเหอพิจารณาคำพูดอย่างรอบคอบและจัดฉากที่เขาพบกับหลินเซี่ยให้เป็นเรื่องราวการพบหน้ากันอย่างสวยงามและโรแมนติก แล้วเล่าให้หญิงชราฟัง
แม้แต่เรื่องการแต่งงานในบ้านเกิดของเขา เขาก็พยายามบอกว่าเขาชอบหลินเซี่ยและเป็นฝ่ายวิ่งโร่ไปหาตระกูลหลินเพื่อขอแต่งงาน
ตั้งใจข้ามเรื่องที่แม่เฒ่าหลินต้องการจะให้เธอแต่งงานกับหวังต้าจ้วงคนขายหมู
“แล้วเรื่องที่เซี่ยเซี่ยถูกสลับตัวนั้นแท้จริงแล้วเป็นมาอย่างไร?” หญิงชราถามอีกครั้ง
เซี่ยไห่เล่าถึงการกระทำชั่วร้ายของเสิ่นเถี่ยจวินอย่างเต็มไปด้วยความแค้นเคืองต่อคววามไม่เป็นธรรม
เมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดนี้ ทั้งแม่เซี่ยและเซี่ยอวี่ต่างก็โกรธมาก
เซี่ยอวี่ตบโต๊ะอย่างเกรี้ยวกราด “นายว่าไงนะ? เสิ่นเถี่ยจวินเป็นคนสลับเด็กงั้นเหรอ?”
เมื่อเซี่ยอวี่มีโทสะขึ้นมา เซี่ยไห่ก็พลันตัวสั่นด้วยความกลัว “ใช่ เขาสงสัยว่าพี่สาวเซี่ยหลานมีความสัมพันธ์กับพี่ใหญ่ ในตอนนั้นพี่สาวเซี่ยหลานคลอดลูกก่อนกำหนด ด้วยเหตุนี้เขาจึงยิ่งสงสัยอย่างสุดหัวใจ ทันทีที่พี่สาวเซี่ยหลานคลอดลูก เขาก็แอบสับเปลี่ยนตัวเด็ก”
“สารเลว! เซี่ยหลานทำไมถึงตาบอดไปเจอสวะแบบนี้มาได้”
ด้วยเพราะความโกรธ ใบหน้าที่ตบแต่งอย่างประณีตงดงามของเซี่ยอวี่พลันเบี้ยวบูด
หลังจากฟังเรื่องราวจากปากเซี่ยไห่ หญิงชราก็โกรธมากเช่นกัน ทว่าความรู้สึกที่มีมากกว่าโกรธคือเจ็บปวด
สิ่งที่เรียกว่าวงล้อแห่งกรรมเป็นที่มาของเรื่องนี้ ด้วยในท้ายที่สุดแล้วเรื่องนี้ก็ตกอยู่ที่เซี่ยเหลย
เพราะเสิ่นเถี่ยจวินต้องการแก้แค้นเซี่ยเหลย คิดว่าตัวเองถูกต้อง จึงแอบสับเปลี่ยนเด็ก
ทว่าโชคชะตานั้นเล่นตลก เด็กที่สับเปลี่ยนไปนั้นกลับเป็นลูกของเซี่ยเหลย
เด็กทั้งสองคนต่างตกเป็นเหยื่อ
ตอนนี้โชคชะตาได้นำทางพวกเขาให้มาพบหลานสาวแล้ว ถือเป็นความเมตตาจากสวรรค์ ครอบครัวของพวกเขาจะต้องทะนุถนอมหญิงสาวอย่างดี
เซี่ยอวี่ถามเซี่ยไห่ว่า “เซี่ยหลานไม่หย่ากับเสิ่นเถี่ยจวินหรือ?”
“คราวนี้เห็นทีว่าคงหย่าครับ”
“อยู่กับคนไร้ความจริงใจแบบนั้นมาหลายปีดีดับ หล่อนคงลำบากยากเข็ญไม่น้อยเลยจริง ๆ”
เมื่อนึกถึงสหายสาวแสนดีของหล่อนซึ่งเคยนอนร่วมเตียงกับชายที่น่ากลัวแบบนั้นมาหลายปี เซี่ยอวี่ก็รู้สึกเศร้าแทนหล่อน
เพราะความไม่เชื่อใจ จึงยอมสับเปลี่ยนลูกสาวแท้ ๆ ของตัวเอง
เพราะเมื่อเด็กเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ และมีหน้าตานับวันยิ่งเหมือนน้องสาวศัตรูหัวใจ จึงปฏิบัติต่อหลินเซี่ยอย่างโหดร้ายทารุณ ซ้ำยังบั่นทอนจิตใจ เซี่ยอวี่เพียงแค่คิดถึงชีวิตแบบนั้นก็รู้สึกหายใจไม่ออกแล้ว
หล่อนเกลียดชังเสียจนอยากฉีกเสิ่นเถี่ยจวินเป็นชิ้น ๆ
หัวใจของหญิงชราก็หนักอึ้งเช่นกัน นางปาดน้ำตาออกพลางถอนหายใจ “เสี่ยวไห่ พอได้ยินเรื่องทั้งหมดที่ลูกเล่ามานี้ แม่รู้สึกเหน็บหนาวไปถึงกระดูกเลยจริง ๆ โชคดีที่เซี่ยเซี่ยเติบโตขึ้นมาอย่างปลอดภัย”
เซี่ยไห่เองเป็นคนมองโลกในแง่ดี ก็ยังแทบจะเซื่องซึมไปเช่นกันเมื่อต้องเอ่ยถึงเรื่องราวที่หลิวกุ้ยอิงและหลินเซี่ยประสบพบเจอมา “พี่สาวอิงจื่อก็ต้องทนทุกข์ทรมานไม่น้อยเช่นกัน แต่สามีของหล่อนดีกับหล่อนมาก ทว่าน่าเสียดายที่เขาเสียชีวิตไปเมื่อสามปีที่แล้ว”
“หากในเวลานั้นไม่เกิดเรื่องกับพี่ใหญ่ของลูกเข้า โศกนาฏกรรมเหล่านี้ก็คงไม่เกิด”
“มันผ่านไปแล้ว พวกเรามองไปข้างหน้า และในอนาคตเรามาชดเชยให้เซี่ยเซี่ยและพี่สาวกุ้ยอิงอย่างดีกันเถอะครับ” เซี่ยไห่ลุกขึ้นแล้วเอ่ย “ผมสั่งอาหารมาจากร้านอาหาร อีกสักพักคงมาส่ง เดี๋ยวจะไปดูที่หน้าประตู พี่ไปเรียกพี่ใหญ่มากินข้าว”
เขาต้องออกไปข้างนอกเพื่อสูดอากาศและสงบสติอารมณ์
………
หลังจากหลินเซี่ยเลิกงานแล้วไปรับหู่จือ เธอก็กลับบ้านและรอฟังข่าวจากเฉินเจียเหอ
ทว่าหกโมงเย็นแล้วเขาก็ยังไม่กลับมา
ในเวลานี้ หญิงสาวว้าวุ่นใจ อดรนทนไม่ไหวอยากจะไปบ้านของเซี่ยไห่
ถึงอย่างไร คนเหล่านั้นก็คือสมาชิกในครอบครัวของเธอ และเธอเองก็แทบรอไม่ไหว อยากทราบข่าวคราวของพวกเขา
เธอไม่กะจิตใจกะใจจะทำกับข้าว จึงพาหู่จือไปยังร้านอาหารเล็ก ๆ ในละแวกลานบ้าน จากนั้นก็กลับบ้านมารอฟังข่าวอีกครั้ง
เวลาผันผ่านไปจงถึงเกือบหนึ่งทุ่ม พลันมีเสียงฝีเท้าดังขึ้นหน้าประตู
หู่จือซึ่งกำลังดูการ์ตูนกระโดดขึ้นจากโซฟาในพริบตา “แม่ครับ ต้องเป็นพ่อแน่ ๆ เลย”
หลินเซี่ยดูสดใสเล็กน้อย หญิงสาวรีบลุกขึ้นยืน
ในขณะที่หู่จือกำลังจะวิ่งไป ประตูก็ถูกเปิดออก
เขาเห็นคนจำนวนหนึ่งตามหลังเฉินเจียเหอมาและยืนออกันอยู่ที่หน้าประตู
เขารู้จักเพียงพ่อและเซี่ยไห่เท่านั้น
“พ่อครับ คุณลุงเซี่ย”
หู่จือเอ่ยเรียกเสร็จแล้ว ก็มองดูคุณยายที่ยืนอยู่ด้านหลังเฉินเจียเหอและคุณป้าคนสวยที่ไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของเธอได้ชัดเจนเพราะสวมแว่นกันแดดอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
“แม่ของลูกอยู่ไหน?”
“ฉันอยู่นี่ค่ะ” หลินเซี่ยเดินเข้ามาอย่างร่าเริง ก่อนที่ใบหน้าของเธอจะตะลึงงันเล็กน้อยเมื่อเห็นแขกที่มาเยือนอย่างกะทันหัน
เซี่ยอวี่ซึ่งสวมแว่นกันแดดก็แสดงสีหน้าประหลาดใจเช่นกัน หล่อนถอดแว่นออกแล้วมองดูตัวเองในแบบฉบับช่วงวัยรุ่น จากนั้นจึงอ้าปากค้างด้วยความตกใจ
ไม่แปลกใจเลยที่คนตาไม่มีแววอย่างเซี่ยไห่พูดจาอย่างมีหลักฐานว่าหลินเซี่ยเหมือนหล่อนตอนวัยรุ่น
จะเรียกว่าคล้ายกันไม่ได้ นี่เรียกเหมือนกันทุกประการ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าหล่อนในตอนนี้ไว้ผมยาว ปักปิ่นปักผม และสวมชุดกระโปรง แม้กระทั่งรูปร่างก็ยังเหมือนหล่อนเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ได้เจอหลานสาวแล้ว เป็นอย่างที่น้องเล็กของบ้านบอกเลยใช่ไหมคะ
ไหหม่า(海馬)