หลังจากเห็นคุณเอลลิสเดินจากไปแล้ว ฉันก็หันกลับไปถอนวัชพืชต่อ อีกไม่นาน ฉันก็ไปถึงประตูซักที
ฉันหยิบกุญแจออกมาจากกระเป๋ากระโปรง แล้วสอดเข้าไปในรูกุญแจ พอบิดมัน ก็มีเสียงปลดกลอนเบาๆ ดัง *แกร๊ก* ออกมา
พอฉันเปิดประตูออก มันก็เปิดออกมาอย่างไหลลื่นโดยไม่มีเสียงฝืดเอี๊ยดอ๊าดอย่างไม่คาดคิดเลย
“…ไม่ได้สกปรกอย่างที่คิดไว้ตอนแรกเลยนี่?”
ส่วนแรกที่เจอทันทีที่เปิดประตูเข้ามาก็คือหน้าร้าน
ฉันเตรียมพร้อมเผชิญกับฝุ่นที่ฟุ้งกระจายแล้ว แต่ตามชั้นตามพื้นก็สะอาดอย่างไม่น่าเชื่อเลย
“จะว่าไป ที่นี่ก็เป็นร้านเล่นแร่ด้วยนี่นา ฉันว่าที่นี่คงมีการฝังตราประทับ {ทำความสะอาด} ด้วยล่ะมั้ง?”
ตามปกติ เวลาจะสร้างอาร์ติแฟกต์ (อุปกรณ์แปรธาตุ) เราจะใส่ของลงไปในหม้อเล่นแร่แล้วก็จัดการแปรรูปมัน
แต่ ถ้าถามว่าสามารถสร้างอุปกรณ์ให้ผ่านการปรับแต่งทั้งๆ ที่ไม่สามารถยัดลงไปในหม้อเล่นแร่ได้หรือเปล่า มันก็ไม่ใช่แบบนั้นซะทีเดียว
วิธีที่จะทำแบบนั้น เรียกว่า [การฝังตราประทับ]
แต่ว่า กระบวนการขั้นตอนจะซับซ้อนกว่าการใช้หม้อเล่นแร่เยอะเลยล่ะ
ถ้าเป็นแค่ของง่ายๆ มันก็ทำได้ง่ายๆ ด้วยการวาดแผนภาพด้วยสีพิเศษ แต่ถ้าเกิดเป็นของที่ซับซ้อนขึ้นมา ก็ต้องใช้ทั้งเวลาทั้งความพยายามในการฝังอาร์ติแฟกต์หลายชิ้นในตำแหน่งที่เฉพาะ หรือปรับรูปร่างของสิ่งของที่เข้ากับตราประทับให้ได้
ด้วยวิธีนี้ ทางทฤษฎีแล้วก็สามารถเปลี่ยนเมืองทั้งเมืองให้เป็นอาร์ติแฟกต์เลยก็ยังได้ แต่เทียบกับการใช้หม้อเล่นแร่แล้วเนี่ย ข้อด้อยของมันนอกจากเรื่องความซับซ้อนของขั้นตอนแล้ว ก็คือขนาดที่ใหญ่โตนี่แหละ
เรื่องแรกเลยก็คือ มันไม่มีประสิทธิภาพ
เทียบกับการทำของให้ได้ความสามารถที่เหมือนกันล่ะก็ ทั้งทักษะที่จำเป็นต้องใช้ ทั้งต้นทุนที่ใช้ลงไปนั่นก็มากกว่ากันหลายเท่าเลย
แล้วยังจำเป็นต้องให้นักเล่นแร่แปรธาตุทำการบำรุงรักษาอยู่เป็นประจำ และก็คอยเติมพลังเวทอยู่เรื่อยๆ ด้วย เพราะงั้น มันก็เลยไม่ใช่นวัตกรรมที่ใช้กันอย่างแพร่หลายเท่าไหร่ในตอนนี้
แต่กลับกัน ถ้าเป็นในร้านเล่นแร่ล่ะก็ การใช้งานวิธีนี้ก็ถือว่าคุ้มค่าเลยล่ะ
“ที่ร้านของอาจารย์เอง ก็มีแก่นฝังอยู่ที่กำแพงในห้องทำงานนี่นะ…”
แก่นคือจุดตั้งต้นในการฝังตราประทับ แล้วก็ยังเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดด้วย
แล้วก็อย่างที่ว่าไว้ ถ้าทำเสร็จแล้วครั้งนึง ก็ต้องคอยเติมพลังเวทใส่ลงไป เพราะงั้นก็เลยเป็นเรื่องปกติเลยที่แก่นจะถูกติดตั้งเอาไว้ในที่ที่ไม่เกะกะขวางทาง แล้วก็ต้องเข้าถึงได้ง่ายเพื่อจะเข้าไปเติมพลังเวทเข้าไปด้วย
ระหว่างนี้ ฉันก็เปิดหน้าต่างของแต่ละห้องเพื่อระบายอากาศไปด้วย มองหาแก่นที่ฝังอยู่ในบ้านหลังนี้ไปด้วย
ทางด้านหลังขวาของพื้นที่ร้าน ฝั่งซ้ายของทางเดินที่วิ่งจากประตูไปที่เคาน์เตอร์ ก็มีโกดัง, ห้องทำงาน, ห้องว่าง แล้วก็บันได ไปจนสุดปลายทางก็คือห้องครัว
“…อ๊ะ แก่นอยู่นี่เอง”
ศิลาเวทฝังอยู่ในกำแพงใต้บันได
เห็นแวบแรกก็เหมือนก้อนหินธรรมดาๆ ที่ไม่ได้มีสัญลักษณ์อะไรให้เห็นเป็นพิเศษเลย แต่เพราะว่ามันมีพลังเวทที่ไหลออกจากมันไปทั่วทั้งบ้าน นักเล่นแร่แปรธาตุก็หาเจอได้ง่ายๆ อยู่แล้ว
“แต่ว่า แทบเกลี้ยงแล้วนะเนี่ย”
ปริมาณพลังเวทที่ไหลออกมาจากศิลาเวทมันน้อยมากๆ อยู่ในระดับที่ว่าทั้งหมดที่ทำได้ก็มีแค่คงเส้นจารึกเอาไว้ก็เท่านั้นเอง
อีกซักปีนึง การฝังตราประทับนี่คงจะหยุดทำงานแล้วล่ะนะ
“…เอาเป็นว่าตอนนี้ มาเติมมันให้เต็มซะก่อนเลยดีกว่า”
ฉันจะไม่โม้หรอกนะ แต่ฉันค่อนข้างมั่นใจกับพลังเวทของตัวเองพอควรเลยล่ะ
บางที มันอาจจะเป็นเหตุผลข้อนึงที่อาจารย์จ้างฉันเอาไว้ก็ได้นะ
พอฉันแตะที่แก่นแล้วก็ค่อยๆ จ่ายพลังเวทลงไป แผนภาพที่ฝังอยู่รอบศิลาเวทก็ปรากฏขึ้นมา
“อื้อ ว่าแล้วเชียว {ทำความสะอาด} จริงๆ ด-… อาเระ?”
ฉันไม่เคยทำการฝังตราประทับขนาดใหญ่แบบที่ใช้ในบ้านแบบนี้มาก่อนเลย ที่เคยทำก็มีแค่แบบฝึกหัดธรรมดาๆ ในห้องเรียนเท่านั้นเอง แต่พอได้เรียนรู้มัน ฉันก็เลยสามารถอ่านมันได้แล้ว
มันอาจจะถูกเขียนจากนักเล่นแร่แปรธาตุที่มีฝีมือเลยก็ได้ แต่จารึกค่อนข้างซับซ้อนเลยล่ะ แต่ฉันมองเห็นได้ว่า มันมี {ทำความสะอาด} เป็นหลัก แล้วก็มี {ป้องกันอาชญากรรม} เป็นรองอยู่ด้วย
ถึงจะยังมีบางส่วนที่ฉันยังไม่ค่อยเข้าใจอยู่บ้าง แต่ในฐานะเจ้าของบ้านแล้ว ฉันก็ไม่เห็นว่ามันจะมีข้อเสียอะไร ฉันก็เลยใส่พลังเวทลงไปเพิ่มขึ้นๆ ต่อไปอีก
“อือ~ อีกหน่อยแล้วกัน จุเยอะอะไรขนาดนี้เนี่ย”
พอฉันใส่พลังเวทของตัวเองไปประมาณครึ่งนึง ฉันก็ปล่อยมือออก
ทำเอาฉันช็อกไปเลยแฮะ ฉันที่มั่นใจในพลังเวทของตัวเองแท้ๆ ยังเติมมันให้เต็มไม่ได้เลย แต่…
ในฐานะนักเล่นแร่แปรธาตุแล้ว ฉันยังมือใหม่มากๆ แต่ฉันก็มีพลังเวทพอที่จะทำให้อาจารย์แปลกใจได้นิดๆ เลยนะ?
“…เอาเถอะ ช่างมัน การทำงานก็ไม่มีปัญหาแล้ว ไว้ค่อยมาเติมทีละนิดทีละหน่อยก็แล้วกัน”
ถ้ากลไกการทำงานของตราประทับกลับคืนมาแล้ว ไม่จำเป็นต้องฝีนตัวเองเติมมันให้เต็มก็ได้ ถ้าเกิดฉันใช้พลังเวทจนหมดก็อกล่ะก็ ฉันคงไม่มีแรงเป็นอันทำงานอะไรกันพอดี
อย่างน้อยที่สุด ฉันก็ทำความสะอาดห้องที่ฉันจะใช้นอนคืนนี้ กับห้องครัวก่อนก็แล้วกัน
ฉันเพิ่งจะมาถึงบ้านใหม่ของฉันเองนะ!
ชั้น 2 มีห้อง 8 ห้อง ใหญ่บ้างเล็กบ้าง แต่ทุกห้องโล่งหมดไม่มีอะไรเลย
ทั้งหมดเลยนะ ไม่มีอะไรเล~ย
ของที่เหลือก็มีแค่ของที่เคลื่อนย้ายไม่ได้ อย่างชั้นวางของบิวท์อินอะไรแบบนี้
ข้อยกเว้นข้อเดียว มีแค่ห้องทำงานเล่นแร่แปรธาตุเท่านั้น
เป็นห้องเดียวเลยนะที่ดูเหมือนทิ้งเอาไว้ไม่ได้แตะอะไรเลย อาจจะมองว่าตอนที่เขาย้ายออกไป เขาไม่ได้เอาอะไรติดตัวออกไปเลยก็ได้
แค่ทำความสะอาดซักหน่อย ฉันอาจจะเริ่มงานพรุ่งนี้ได้เลยนะเนี่ย
“ตามปกติ ถ้าฉันย้ายบ้าน ฉันก็คงทิ้งของเอาไว้อยู่เหมือนกันล่ะมั้ง…?”
จะย้ายเครื่องเรือนชิ้นใหญ่ๆ ไปต่างเมืองมันก็ลำบากนั่นแหละ ถ้าไม่ยกให้เพื่อนๆ ก็ทิ้งเอาไว้ในบ้านหลังเก่าน่าจะดีกว่า
อย่างหีบใบเล็กที่ฉันมีอยู่ในห้องหอพักของฉันก็เป็นหนึ่งในของที่ฉันได้รับต่อมาเหมือนกัน
มันเป็นของที่หรูหรานิดหน่อยที่ฉันได้มาตอนที่เป็นลูกศิษย์ของอาจารย์ ซึ่งฉันก็ชอบมันนะ แต่ฉันแบกมาด้วยไม่ไหว ก็เลยต้องตัดใจทิ้งเอาไว้ที่นั่น
ถ้าถูกทิ้งไปเลยก็น่าเสียดายน่าดู ถ้าเกิดมีใครเอาไปใช้ต่อก็คงดีนะ
…อะ บางทีไม่แน่ ในหมู่บ้านนี้อาจจะบังเอิญมีคู่แต่งงานใหม่ก็ได้มั้ง?
ดูเหมือนเวลาที่แต่งงานแล้วสร้างบ้านใหม่ ก็หาของทุกอย่างที่ยังมีอยู่แบบนี้ แล้วสั่งเพิ่มแค่ของที่ขาดไปก็พอ
แล้วก็เพราะเป็นคู่แต่งงานใหม่ เงินก็อาจจะขัดข้องไปหน่อยถ้าเกิดจะหาซื้อของทุกอย่างใหม่หมดในทีเดียวน่ะ
“เอาเถอะ พอเป็นแบบนี้ เรื่องทำความสะอาดก็ง่ายแล้วล่ะ คิดว่านะ…”
ตราประทับ {ทำความสะอาด} ช่วยให้การทำความสะอาดบ้านง่ายขึ้นเยอะเลยก็จริง แต่โชคร้ายที่มันมีข้อเสียอยู่เหมือนกัน
ข้อแรกเลยคือส่วนนอกบ้าน―――ตามกำแพงส่วนนอก, หน้าต่าง, หลังคา หรืออะไรแบบนั้นในบ้านเนี่ย มันจะเห็นได้ผลยาก
มันจะค่อยๆ สะอาดขึ้นทีละนิดๆ นั่นแหละ แต่ส่วนที่ต้องตากลมตากฝนอยู่ตลอดเวลามันก็ตามไม่ทันล่ะนะ
อีกข้อนึงก็คือ มันมีผลแค่กับตัวบ้านอย่างเดียวจริงๆ
ถ้าเกิดมีเฟอร์นิเจอร์มาตั้งละก็ เศษฝุ่นเศษดินที่สะสมอยู่บนของพวกนั้นจะไม่ได้ทำความสะอาดไปด้วย
หรือก็คือ บ้านหลังนี้ที่แทบจะไม่มีเฟอร์นิเจอร์อะไรเลยเนี่ย เป็นไปได้มากเลยว่าหลังจากที่ตราประทับทำงานแล้ว อีกแค่ไม่กี่วัน ผลของมันก็คงทำให้บ้านสะอาดแทบทั้งหลังได้แล้วล่ะ
“สำหรับตอนนี้ เอาตรงนี้เป็นห้องของฉันเองก็แล้วกัน…”
ฉันเอาสัมภาระของตัวเองไว้ในห้องทางฝั่งใต้ที่มีแดดส่องเข้ามา ก่อนจะเดินลงมาที่ชั้น 1 อีกรอบ แล้วก็เดินเข้าไปในห้องครัว
สิ่งที่ฉันเป็นห่วงที่สุดก็คือห้องทำงานนี่แหละ… แต่ถ้าฉันเข้าไปตอนนี้ล่ะก็ ฉันอาจจะลืมเวลาไปเลยก็ได้ ตอนนี้ ฉันต้องกลั้นน้ำตาแล้วยั้งตัวเองเอาไว้ก่อน
“ห้องครัวก็… อุหวา ไม่มีเตาถ่านหรือเตาไฟพลังเวทเลยแฮะ… แบบนี้ ขนาดทำอาหารก็ยังไม่ได้เลย”
TN: เตาถ่านที่ว่านี้หมายถึง かまど (竈 : kamado) นะครับ ไม่ใช่เตาอั้งโล่ 555
竈 : kamado คือ เตาทำอาหารแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นที่ใช้ฟืนหรือถ่านเป็นเชื้อเพลิง ซึ่งถ้าใครคุ้นๆ จากโชเน็นเรื่องนึง จะมีตัวละคร ที่มีนามสกุลแบบนี้ และมีความเกี่ยวข้องระหว่างคำว่า ‘คามาโดะ’ กับคนขายถ่านอยู่นะครับ
ฟืนไม้หรือถ่านไฟเป็นของที่ใช้เป็นแหล่งกำเนิดความร้อนที่ใช้กันอย่างแพร่หลายตามครัวเรือนทั่วไป
แทนที่จะมีของแบบนั้นอยู่ บ้านหลังนี้ที่ดูเหมือนจะเป็นบ้านของนักเล่นแร่แปรธาตุ ก็มีเตาไฟที่ทำงานด้วยพลังเวทอยู่… เหมือนว่าจะเป็นแบบนั้นนะ
ทั้งหมดที่เหลืออยู่ตอนนี้ก็มีแค่ร่องรอยที่วางของมันเท่านั้นเอง
“เอาเถอะ ดูท่า ฉันคงต้องออกไปกินข้างนอกซักพักล่ะนะ…… ดีจัง! มีอ่างอาบน้ำด้วย! สมกับที่เป็นร้านเล่นแร่เลย!”
ในการสร้างอาร์ติแฟกต์หรือโพชั่น (ยาแปรธาตุ) แล้ว มีของจำเป็นต้องล้างทำความสะอาดเยอะ เพราะงั้น ในห้องทำงานของนักเล่นแร่แปรธาตุก็มักจะมีอ่างล้างเอาไว้ด้วย
แน่นอนว่าที่ร้านของอาจารย์ก็มี ฉันเองก็เคยใช้อยู่หลายครั้งเหมือนกัน
ฉันรักการแช่น้ำมากๆ เลย! นี่แหละประเด็นสำคัญเลยล่ะ!
แต่ ก็เหมือนกับอาจารย์นี่แหละ ถ้าเกิดฉันไม่ทำอาร์ติแฟกต์สำหรับต้มน้ำล่ะก็ ค่าฟืนเนี่ยไม่ใช่เรื่องตลกเลยนะ เป็นเรื่องธรรมดาเลยล่ะที่ฉันจะตั้งเป้าจะทำมันเหมือนกัน
ไม่ยังงั้น ฉันคงลงแช่น้ำไม่ได้ทุกวันแน่เลย
“ว้าว~ ชักจะเริ่มมีไฟขึ้นมาแล้วสิ! สุดท้ายก็เหลือแค่สวนหลังบ้านเนอะ!”
ฉันที่ได้กำลังใจลุกโชนกลับมา ก็ผลักประตูด้านหลังครัว ออกไปที่สวนหลังบ้านออก
―――หลังประตูนั่นคือป่ารกทึบเลย… เรียกแบบนี้ก็ไม่ได้เกินจริงเลยนะ
ครั้งนึง ที่นี่คงเคยเป็นสวนสมุนไพรสินะ ภาพจินตนาการของฉันก็เป็นแค่พุ่มๆ เท่านั้นเอง
รั้วที่ล้อมรอบบ้านก็เหลืออยู่เป็นแค่ส่วนๆ ส่วนใหญ่ก็ผุพังไปหมดแล้ว
ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปล่ะก็ สวนหลังบ้านจะถูกป่าที่อยู่ด้านหลังแบบติดกันเลยเนี่ยกลืนเข้าไปเมื่อไหร่ก็ขึ้นอยู่กับเวลาเลยล่ะ
“บ่อน้ำยังอยู่ดีมั้ยนะ?”
พื้นที่รอบๆ บ่อน้ำที่อยู่ทางด้านขวาทันทีที่ออกจากประตูเลยปูด้วยหิน และหนีจากพุ่มไม้ออกมาได้แบบเฉียดฉิวเลย
ฝาของมันปิดสนิท กันไม่ให้มีขยะหล่นลงไป แต่ก็ไม่มีเชือกผูกถังเลย เพราะงั้นก็ดึงน้ำขึ้นมาไม่ได้ด้วย
“ข้างใน… ยังมีน้ำอยู่แฮะ บ่อนี้ยังไม่แห้งสินะ ถ้าซื้อเชือกผูกถังมาก็ใช้งานได้แล้ว”
ดีล่ะ ได้ความคิดคร่าวๆ แล้วเนอะ?
เฟอร์นิเจอร์ที่ฉันต้องมีก่อนก็มีเตียง โต๊ะ แล้วก็เก้าอี้
ของจิปาถะอื่นๆ ก็มีผ้าปูโต๊ะ ฟูกที่นอน แล้วก็เชือกผูกถังสินะ
ส่วนเรื่องที่จะไปหาซื้อของพวกนี้นี่… เอาล่ะ ไปขอให้คุณเอลลิสช่วยเลยก็แล้วกัน