ซือหม่าโยวเย่ว์เห็นปฏิกิริยาของเป่ยกงถัง จึงเอ่ยว่า “หุบเขามารเทพร้ายกาจมากเลยหรือ”
“แน่นอนอยู่แล้วสิ!” มารเฒ่าพูด “มิฉะนั้นจะมีคนอยากไปที่หุบเขามารเทพของข้ามากมายถึงเพียงนั้นหรือ”
“ข้าไม่เคยไปมาก่อนแล้วจะรู้ได้อย่างไรเล่าว่าร้ายกาจหรือไม่!” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
ที่ใต้โต๊ะ เป่ยกงถังเอื้อมมือไปดึงชายเสื้อของเธอพลางขยิบตาให้
เป่ยกงถังให้เธอรับปาก
ซือหม่าโยวเย่ว์มองมารเฒ่าพลางเอ่ยว่า “ถึงกับเอาตัวเองมาขายเพื่อให้ได้ดูการหลอมยาครั้งเดียวก็ดูจะไร้ค่าเกินไปหรือไม่ ท่านปู่มาร กราบท่านเป็นอาจารย์มีข้อดีอะไรหรือไม่ แล้วมีของรับขวัญศิษย์หรือไม่”
มารเฒ่าจ้องมองซือหม่าโยวเย่ว์ เป่ยกงถังที่อยู่ข้างๆ ก็ตกใจแทบตาย เกิดความกลัวว่าเขาจะโกรธจนทำอะไรซือหม่าโยวเย่ว์เข้า แต่คิดไม่ถึงว่าเขากลับหัวเราะเสียงดังลั่นขึ้นมา
“ฮ่าๆๆ ผู้อื่นล้วนอยากกราบข้าเป็นอาจารย์ทั้งสิ้น ให้เจ้ามาเป็นศิษย์ข้าแล้วยังจะมาถามอีกว่าข้ามีของรับขวัญศิษย์หรือไม่ ข้าชอบนิสัยเช่นนี้ของเจ้ายิ่งนัก คล้ายคลึงกับข้าสมัยยังเยาว์วัยอยู่ไม่น้อยเลย!”
เมื่อได้ฟังคำพูดของเขา เป่ยกงถังจึงค่อยวางใจลง อย่างน้อยเขาก็คงไม่ทำร้ายโยวเย่ว์แล้ว
“สรุปแล้วมีหรือไม่มีกันแน่!” ซือหม่าโยวเย่ว์ถาม
“เจ้าต้องการของรับขวัญศิษย์อะไรเล่า” มารเฒ่าถาม
“ของวิเศษอะไรก็หยิบมาเถอะน่า อาวุธวิญญาณระดับเทพก็ได้” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“แค่กๆ” วาจาของเธอทำให้เป่ยกงถังแทบจะสำลักตาย นางจึงกระแอมอย่างแรงสองครั้ง
“เจ้าเด็กน้อย คำขอไม่เบาเลยทีเดียวนะ!” มารเฒ่าพูด “ขอเพียงแค่เจ้ารับปากว่าในภายหน้าจะทำอาหารให้ข้ากินบ่อยๆ เจ้าก็จะได้ของรับขวัญศิษย์อย่างสมใจเลยละ!”
“ท่านยังไม่ได้บอกเลยว่าจะให้ของรับขวัญศิษย์อะไรกับข้า” ซือหม่าโยวเย่ว์พึมพำเสียงเบา แต่ก็ดังพอที่พวกเว่ยจือฉีจะได้ยินกันหมด
“ตอนนี้ยังนึกไม่ออกว่าจะให้อะไรเจ้าดี รอให้ถึงตอนที่เจ้าไปยังหุบเขามารเทพก่อนแล้วค่อยไปเลือกเอาเองก็ได้!” มารเฒ่าพูด
“เยี่ยมเลย ขอบคุณท่านอาจารย์!” ซือหม่าโยวเย่ว์ลุกขึ้นยืนแล้วทำความเคารพมารเฒ่า หลังจากนั้นยังยกน้ำชาบนโต๊ะคารวะเขาจอกหนึ่งด้วย
“เจ้าเด็กนี่ ถึงกับยกน้ำชาเช่นนี้มาทำแบบขอไปที!” มารเฒ่าถลึงตาใส่เธอ
ซือหม่าโยวเย่ว์ส่งน้ำชาไปยังมือมารเฒ่าพลางเอ่ยว่า “ท่านอาจารย์ ท่านก็ปล่อยๆ ไปบ้างเถิดน่า พวกเรามิอาจให้ความสำคัญกับพิธีรีตองมากจนเกินไปนัก ท่านต้องดูที่หัวใจที่ศิษย์มอบให้กับท่านสิ มีน้ำใสใจจริง พิธีรีตองไม่ดีก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย แต่ถ้าจิตใจไม่ดี ต่อให้พวกเรามีพิธีกราบอาจารย์อันเลิศหรูเหนือใครก็ไร้ประโยชน์ ถูกหรือไม่เล่า”
“ฮ่าๆ เจ้าช่างมองอะไรได้ทะลุปรุโปร่งยิ่งนัก!” มารเฒ่ายกน้ำชาขึ้นจิบอึกหนึ่ง นับได้ว่ายอมรับเธอ
“แน่นอนอยู่แล้วสิ!” ซือหม่าโยวเย่ว์กลับมานั่งแล้วเอ่ยว่า “ปกติแล้วข้ามิได้กราบใครเป็นอาจารย์ง่ายๆ หรอกนะ พอกราบเป็นอาจารย์แล้วย่อมมิอาจวางตัวเหมือนคนทั่วไปได้ ดังคำกล่าวที่ว่าเป็นอาจารย์หนึ่งวัน เป็นบิดาตลอดชีวิต นี่มิใช่คำพูดส่งๆ เลยนะ!”
มารเฒ่ามองซือหม่าโยวเย่ว์ เขาเห็นความจริงใจในแววตาของเธอ ไร้ซึ่งคำโกหก ทันใดนั้นก็เกิดความรู้สึกบางอย่างขึ้นในใจวูบหนึ่ง ศิษย์ที่ทำให้ตนเกิดความรู้สึกเช่นนี้ในใจมานานถึงเพียงนี้ผู้นั้นก็เคยเอ่ยวาจาที่คล้ายคลึงกันนี้มาแล้ว
ผู้คนตั้งมากมายอยากกราบตนเป็นอาจารย์ แต่จะมีสักกี่คนที่มีความคิดดังเช่นพวกเขาสองคนบ้าง
“ท่านอาจารย์ เป็นอะไรไปหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์เห็นเขาเป็นเช่นนี้จึงเอ่ยถามขึ้น
“แค่กๆ ไม่มีอะไรหรอก” มารเฒ่ากลบเกลื่อนความรู้สึกภายในใจตนเองแล้วเอ่ยว่า “ข้ามอบของรับขวัญศิษย์ให้เจ้าแล้ว แล้วเจ้าจะให้ค่าครูอะไรกับข้าเล่า”
“หา ไม่ใช่ว่าอาจารย์ต้องเป็นผู้ให้ของรับขวัญศิษย์หรอกหรือ เหตุใดศิษย์จึงต้องให้ค่าครูกับอาจารย์อีกเล่า” ซือหม่าโยวเย่ว์เบิ่งตาโต
มารเฒ่าพูดอย่างไม่พอใจว่า “ผู้ใดกำหนดว่าศิษย์มิอาจมอบค่าครูให้กับอาจารย์บ้างเล่า ไม่ได้สิ เจ้าก็ต้องให้ค่าครูกับข้าเช่นกัน!”
“ท่านมิได้บอกว่าหุบเขามารเทพร้ายกาจหนักหนาหรอกหรือ เหตุใดข้ายังต้องมอบของกำนัลให้ท่านอีกเล่า” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “เช่นนี้ก็แล้วกัน รอให้ข้าคิดออกก่อนแล้วค่อยมอบให้ท่าน มิฉะนั้นหากข้ามอบของให้แล้วท่านไม่ถูกใจจะทำเช่นไรเล่า!”
“ก็ได้” มารเฒ่าตอบรับพร้อมรอยยิ้ม
หลังจากนั้นไม่นานมารเฒ่าก็จากไป บอกว่าวันรุ่งขึ้นจะมารับเธอไปหลอมยา
หลังจากเขาไปแล้วเป่ยกงถังจึงถอนหายใจอย่างแรง จากนั้นก็พูดอย่างดีใจว่า “โยวเย่ว์ ยินดีกับเจ้าด้วยที่กราบมารเฒ่าเป็นอาจารย์ได้”
“เป่ยกง เจ้ารู้จักหุบเขามารเทพหรือไม่” ซือหม่าโยวเย่ว์ถาม
“อื้ม” เป่ยกงถังพยักหน้า “สมาชิกหุบเขามารเทพนั้นไม่เหมือนกับขุมอำนาจหรือตระกูลอื่นๆ แต่กลับมีสถานะอันสูงส่งยิ่งที่โลกเบื้องบน มารเฒ่าผู้นี้มีชื่อเสียงอันยิ่งใหญ่ที่โลกเบื้องบน ถึงแม้ว่าข้าจะสงสัยอย่างยิ่งเมื่อแรกเห็น แต่ถึงอย่างไรก็ไม่เคยพบเขามาก่อน ดังนั้นจึงคิดว่าเป็นคนดินแดนอี้หลินที่มีชื่อซ้ำกัน แต่เมื่อได้ยินชื่อหุบเขามารเทพจึงได้รู้ว่าเป็นเขาจริงๆ”
“ท่านอาจารย์มีชื่อเสียงยิ่งใหญ่มากเลยหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์ถาม
“ใช่แล้ว หุบเขามารเทพมีเจ้าหุบเขาสองท่าน ท่านหนึ่งถูกเรียกว่าเทพเฒ่า ส่วนอีกท่านถูกเรียกว่ามารเฒ่า” เป่ยกงถังพูด
“หากพูดเช่นนี้ก็หมายความว่าท่านอาจารย์ของข้าเป็นหนึ่งในสองเจ้าหุบเขาอย่างนั้นน่ะสิ” ซือหม่าโยวเย่ว์ตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะมีความเป็นมาอันยิ่งใหญ่เช่นนี้ “เหตุใดจึงเรียกเขาว่ามารเฒ่าเล่า”
“เพราะว่าเขามีบุคลิกอันแปลกประหลาดน่ะสิ ทั้งยังมีคนพูดกันว่าเขาฆ่าคนได้โดยไม่กะพริบตาราวกับมารตนหนึ่งอีกด้วย” เป่ยกงถังพูด “แต่ข้าเคยได้ยินท่านพ่อกับท่านน้าหญิงของข้าคุยกันว่าความจริงแล้วเป็นเพราะหุบเขามารเทพมีเจ้าหุบเขาสองท่านมาตลอด เจ้าหุบเขามารมีอุปนิสัยค่อนข้างแปลกประหลาด แต่ก็มิใช่มารปีศาจที่ชอบฆ่าคนพรรค์นั้น”
ซือหม่าโยวเย่ว์ลูบคางพลางเอ่ยว่า “ข้าก็ไม่เห็นจะสัมผัสถึงความชั่วร้ายจากตัวท่านอาจารย์ได้เลย ถ้าหากเป็นผู้ที่ฆ่าคนอยู่เป็นประจำ ก็จะต้องมีไอสังหารอันไร้ที่สิ้นสุดแผ่ออกมาจากร่างสิ”
“อื้ม ดังนั้นเจ้าเข้าไปในหุบเขามารเทพได้ ในภายหน้าเมื่อไปถึงโลกเบื้องบนแล้วก็นับได้ว่ามีภูเขาอันยิ่งใหญ่คอยหนุนหลังอยู่แล้วละ” เป่ยกงถังพูด
“เจ้ามิได้บอกว่าคนของหุบเขามารเทพมีอยู่ไม่มากนักหรอกหรือ แล้วจะร้ายกาจถึงเพียงนั้นได้อย่างไรกันเล่า” ซือหม่าโยวเย่ว์ไม่เข้าใจ
“เพราะในหุบเขามารเทพมีแต่คนมากความสามารถทั้งนั้นเลยน่ะสิ!” เป่ยกงถังพูด “เจ้าดูสมาคมนักหลอมยาตอนนี้สิ มีผู้เชี่ยวชาญเพียงแค่แขนงเดียวก็ร้ายกาจเหลือเกินแล้ว แต่หุบเขามารเทพนั้นรวมเอาไว้ทั้งนักหลอมยา นักหลอมวัตถุ นักฝึกสัตว์อสูร และปรมาจารย์ค่ายกล นอกจากนี้ผู้เชี่ยวชาญที่สุดของทุกแขนงยังอยู่กันที่หุบเขามารเทพทั้งหมดเลยด้วย รู้จักตำหนักผู้วิเศษหรือไม่”
ซือหม่าโยวเย่ว์พยักหน้า เพราะอูหลิงอวี่และเจ้าคำรามน้อยเคยสาธยายข้อมูลเกี่ยวกับตำหนักผู้วิเศษให้เธอฟังมาบ้าง จึงรู้ว่าที่นั่นเป็นขุมอำนาจอันยิ่งใหญ่เพียงใดที่โลกเบื้องบน
“แม้กระทั่งคนของตำหนักผู้วิเศษก็ยังไม่กล้าล่วงเกินหุบเขามารเทพส่งเดชเลย หากพบหน้าก็ยังต้องรักษามารยาท ตอนนี้เจ้ารู้หรือยังว่าขุมอำนาจที่เจ้าได้เข้าร่วมนั้นเป็นขุมอำนาจเช่นไร!” เป่ยกงถังพูด
ซือหม่าโยวเย่ว์ตกตะลึงจนอ้าปากค้าง ตนเองถึงขนาดได้เข้าร่วมขุมอำนาจเช่นนี้ นอกจากนี้ยังได้เป็นศิษย์ของหนึ่งในสองเจ้าหุบเขาอีกด้วย บุญหล่นทับจริงๆ เลย!
“ท่านอาจารย์บอกว่าเขาหลอมยาวิเศษขั้นเก้าได้ ระดับขั้นของเขาสูงที่สุดใช่หรือไม่” เธอถาม
“ไม่ใช่หรอก ว่ากันว่ายังมีตัวประหลาดอยู่อีกไม่น้อยที่มีระดับขั้นสูงยิ่งกว่านั้น แต่ปกติแล้วจะไม่สุงสิงกับโลกภายนอก” เป่ยกงถังพูด
“มีผู้เชี่ยวชาญครบหมดทุกด้านเลยสินะ” ซือหม่าโยวเย่ว์ลูบคางพลางหัวเราะหึๆ ก่อนจะเอ่ยว่า “ข้าคิดออกแล้วว่าจะให้สิ่งใดเป็นค่าครูกับเขาดี!”
“โยวเย่ว์ เจ้าคิดจะทำอะไรน่ะ” เป่ยกงถังเห็นรอยยิ้มเช่นนี้ของเธอแล้วรู้สึกว่าน่าขนลุกอยู่บ้าง
“เตรียมค่าครูให้อาจารย์ของข้าน่ะสิ!” ซือหม่าโยวเย่ว์ดึงเป่ยกงถังให้ลุกขึ้นแล้วเอ่ยว่า “ไป วันนี้ไปพักผ่อนกันก่อน พรุ่งนี้ค่อยไปกราบอาจารย์กัน”