เมื่อได้ฟังอูหลิงอวี่กระซิบเสียงต่ำที่ข้างหูตน อีกทั้งยังขบกัดใบหูตนอีกด้วย ซือหม่าโยวเย่ว์ก็โมโหจนกระทืบเท้า แต่ตนสู้แรงเขามิได้ เพลิงโทสะในใจจึงยิ่งลุกโชน
“อ๊ากกก…”
อูหลิงอวี่มองซือหม่าโยวเย่ว์ที่ก้มลงกัดตนด้วยแววตาเจือรอยยิ้ม
“ศิษย์น้องเล็ก ชายชาตรีใช้ฝีปากไม่ลงมือ แล้วเจ้ากัดข้าได้อย่างไรกัน!”
เขาเอนตัวเล็กน้อย เผยให้ทุกคนเห็นฉากที่ซือหม่าโยวเย่ว์กัดตนพอดี
“ข้ามิได้ตาฝาดใช่หรือไม่” ซือหม่าโยวหยางขยี้ตาตัวเอง สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ
“โยวเย่ว์กัดคนเป็นด้วย…” ซือหม่าโยวฉิงก็ตกตะลึงเช่นเดียวกัน
คนตระกูลซือหม่าต่างก็ไม่อยากเชื่อฉากที่ตัวเองได้เห็น ซือหม่าโยวเย่ว์นั้นเป็นตัวประหลาดในสายตาของพวกเขา แต่กลับเอาชนะอูหลิงอวี่มิได้ อีกทั้งยังถูกกดดันจนต้องขยับปากกัดคนเลยทีเดียว
พร้อมกันนั้นทุกคนต่างใคร่รู้อย่างยิ่งว่าที่แท้แล้วเป็นความโกรธแค้นอันใดกันแน่ถึงได้ทำให้เธอพบหน้าแล้วต้องลงมือทันที และถึงกับต้องคลุ้มคลั่งเพียงนี้
มารเฒ่าเองก็มองมาทางนี้อย่างประหลาดใจ แต่สิ่งที่เขาตกใจก็คืออูหลิงอวี่เต็มใจให้ซือหม่าโยวเย่ว์เข้าใกล้เขาจนถึงขนาดที่กัดเขาเข้าคำหนึ่งแล้วยังไม่โกรธ
“เจ้าเด็กนี่ เขายังไม่เคยอดทนกับอาจารย์เช่นข้าขนาดนี้มาก่อนเลย!” น้ำเสียงอิจฉาแสดงอารมณ์ของเขาออกมาอย่างชัดเจน
ซือหม่าโยวหลินมองพวกเขาทั้งสองพลางขมวดคิ้ว
ซือหม่าโยวหยางหยิบพัดจีบของตนออกมาพลางยกขึ้นพัดอย่างคล้ายเจตนาคล้ายไม่เจตนา แล้วเอ่ยว่า “โยวเย่ว์เป็นเช่นนี้ ช่างหาได้ยากยิ่ง!”
เมื่อมารเฒ่าแน่ใจว่าทั้งสองคงจะไม่มีเรื่องอะไรกันแล้ว จึงเบนสายตาไปยังอาหารบนโต๊ะแทน
“โอ้ เจ้าเด็กน้อยพูดไว้ไม่ผิดเลย ของกินที่เขาทำในวันนี้อร่อยกว่าที่เขาทำเมื่อวานเสียอีก”
“ท่านปู่มาร ฝีมือของโยวเย่ว์นั้นไม่เบาเลย ท่านรับศิษย์เช่นนี้มา ไม่ต้องพูดถึงพรสวรรค์ของนางเลย ในภายหน้าท่านต้องมีลาภปากเหนือกว่าผู้ใดแน่!” ซือหม่าโยวหรานนั่งลงตรงข้ามมารเฒ่าพลางเอ่ยขึ้น
“ใช่แล้วๆ” มารเฒ่าเบิกบานใจยิ่งนักที่ตนหาศิษย์ผู้ล้ำเลิศเช่นนี้มาได้ อาหารเหล่านี้ล้วนทำด้วยใจทั้งสิ้น
เป่ยกงถังผัดกับข้าวจนเสร็จแล้ววางลงบนโต๊ะ มารเฒ่ากินไปคำหนึ่งแล้วจึงพูดว่า “รสชาติแย่กว่าที่โยวเย่ว์ทำเล็กน้อย แต่เมื่อเทียบกันแล้วอร่อยกว่าที่ผู้อื่นทำมากมายนัก”
“ขอบคุณท่านปู่มารที่ชม” เป่ยกงถังยิ้มพลางไปทำกับข้าวที่เหลือต่อ
ตอนที่ซือหม่าโยวเย่ว์และอูหลิงอวี่กลับมา มารเฒ่าก็กินไปพอสมควรแล้ว
“ท่านอาจารย์ ท่านมิได้บอกว่าศิษย์คนโตของท่านคือเขา” เธอนั่งลงข้างกายมารเฒ่าแล้วเริ่มบ่น
มารเฒ่าหยิบไม้จิ้มฟันออกมาคาบไว้ในปากก่อนจะถามว่า “แล้วมันเกี่ยวกันตรงไหนหรือ”
“เกี่ยวทุกตรงนั่นแหละ!” ซือหม่าโยวเย่ว์หดหู่อย่างที่สุด “ข้ามีความแค้นกับเขา คราวนี้มาเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องกัน ข้าจึงต้องอัดอั้นตันใจยิ่งนัก!”
“เช่นนั้นเจ้าก็ระบายใส่เขาเสียสิ!” มารเฒ่าไม่ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย
“แต่ข้าเอาชนะเขาไม่ได้นี่” ซือหม่าโยวเย่ว์เศร้าสร้อย
“เจ้าวางยาพิษเขาก็ได้นี่” มารเฒ่าพูด
“เขาบอกว่ายาพิษทั่วไปฆ่าเขาไม่ได้ ก็เพราะท่านฝึกเขาเป็นประจำนั่นแหละ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“ก็จริงอยู่ เจ้าเด็กผู้นี้ถูกข้าเคี่ยวกรำจนแทบจะเรียกได้ว่าร้อยพิษมิอาจกล้ำกรายแล้วละ” มารเฒ่าพยักหน้า “เช่นนั้นเจ้าสร้างพิษที่ไม่ธรรมดาขึ้นมาก็ได้นี่”
“ข้ายังไม่มีความสามารถเช่นนั้นหรอก”
“ไม่เป็นไร มาศึกษากับอาจารย์ก็ได้” มารเฒ่าพูดอย่างมั่นใจในตัวเอง “รับรองว่าในภายหน้าเจ้าต้องวางยาเขาได้แน่”
“แต่นั่นมันคืออนาคตนี่นา” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “ตอนนี้ข้าอึดอัดใจจะแย่แล้ว”
“เช่นนั้นเจ้าก็กัดเขาอีกสักคำหนึ่งสิ” มารเฒ่าพูด “เจ้าเด็กบ้า เจ้ามานี่เลยนะ!”
อูหลิงอวี่เดินเข้าไปแล้วพูดว่า “ตาเฒ่า ทำไมหรือ”
เขาไม่ได้หูหนวก ย่อมได้ยินมารเฒ่าเสี้ยมสอนความคิดไม่ดีให้กับซือหม่าโยวเย่ว์อยู่แล้ว
“ให้ศิษย์น้องเล็กของเจ้ากัดอีกทีสิ” มารเฒ่าพูด
“ท่านอาจารย์ ท่านเพิ่งจะรู้จักศิษย์น้องเล็กได้แค่สองวัน เหตุใดจึงรู้จักลำเอียงเสียแล้วเล่า” อูหลิงอวี่ยังมิได้เข้าไป เมื่อเห็นใบหน้าเล็กที่ยังคงเดือดดาลของซือหม่าโยวเย่ว์แล้วจึงเอ่ยว่า “เมื่อครู่เจ้ากัดข้าไปคำหนึ่งแล้วยังไม่คลายความโกรธอีกหรือ!”
เขาพูดพลางถกแขนเสื้อขึ้น รอยฟันสองรอยปรากฏสู่สายตาของทุกคน
ซือหม่าโยวเย่ว์โหดร้ายยิ่งนัก รอยฟันสองแถวนั้นฝังลึกลงไปในเนื้อ ทั้งยังมีเลือดไหลซิบออกมาด้วย
“โอ้ โยวเย่ว์ เจ้าช่างร้ายกาจนัก! เพิ่งจะพบหน้ากันก็ทำให้เขาเลือดตกยางออกเสียแล้ว ไม่เลวๆ!” มารเฒ่าเห็นรอยฟันบนมือของอูหลิงอวี่แล้วก็ยิ้มพลางตบบ่าซือหม่าโยวเย่ว์
“ยังมิได้กัดเนื้อให้หลุดเลย!” ซือหม่าโยวเย่ว์ยังไม่พึงพอใจกับผลงานชิ้นเอกของตนสักเท่าไรนัก
“เฮ้อ… ตอนแรกยังคิดว่าพบหน้าศิษย์น้องเล็กครั้งแรกจะต้องเตรียมของรับขวัญเอาไว้ให้เป็นพิเศษ แต่เจ้าเป็นเช่นนี้ ก็คงจะไม่อยากได้แล้วสินะ” อูหลิงอวี่พูดพลางทอดถอนใจ
“หากเป็นของมีค่าก็อยากได้ แต่ถ้าไม่ใช่ก็ไม่เอาหรอก” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “ท่านหยิบมาให้ข้าดูก่อนแล้วข้าจะตัดสินใจอีกทีว่าอยากได้หรือไม่”
“แต่เจ้ายังโกรธข้าอยู่เลยนี่!” อูหลิงอวี่พูด
ซือหม่าโยวเย่ว์ถลึงตาใส่เขาแล้วเอ่ยว่า “ถ้าหากของที่ท่านจะให้ผ่านเกณฑ์ก็ช่างมันเถิด แต่ถ้าไม่อยู่ในระดับที่น่าพอใจ ข้าก็จะโกรธท่านต่อไป! เอามาสิ”
อูหลิงอวี่ยิ้มพลางหยิบกล่องใบหนึ่งออกมาแล้วโยนให้ซือหม่าโยวเย่ว์ ซือหม่าโยวเย่ว์รับมาก่อนจะเปิดมันออก ภายในนั้นมีเสื้อผ้าบางเบาราวปีกแมลงวางอยู่ชุดหนึ่ง
“เฮ้ๆๆ เจ้าจะมอบเสื้อจักจั่นเทพให้เขาเชียวหรือ!” ซือหม่าโยวเย่ว์ยังไม่ทันเอ่ยวาจา มารเฒ่าก็ชิงร้องขึ้นมาก่อนแล้ว
“ท่านอาจารย์ นี่คือสิ่งใดหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์เห็นมารเฒ่าตื่นเต้นถึงเพียงนั้นจึงถามขึ้น
“นี่ก็คืออาวุธเทพชิ้นหนึ่ง ตอนนั้นข้าจะให้เขาเอาไปให้หลานสาวของสหาย แต่เป็นตายอย่างไรเขาก็ไม่ยอม ไม่ไว้หน้าข้าเลยแม้แต่น้อย แต่ตอนนี้กลับยกให้เจ้าเสียอย่างนั้น ช่างทำร้ายจิตใจข้าเกินไปแล้ว” มารเฒ่าคร่ำครวญอย่างเป็นเรื่องเป็นราว
“อาวุธเทพหรือ!” ซือหม่าโยวเย่ว์หยิบเสื้อผ้าออกมา มันดูคล้ายเสื้อชั้นกลาง แต่วัสดุดูเหมือนเกล็ดปลาสีเงิน
“ข้าเคยได้ยินคนพูดว่าเสื้อจักจั่นเทพนี้เคยเป็นสิ่งที่แต่ละสำนักใหญ่ช่วงชิงกัน อีกทั้งยังมีราคาสูงเสียดฟ้า เป็นสมบัติล้ำค่าชั้นดีเลยทีเดียว” เป่ยกงถังพูด
“เป่ยกงบอกว่าเป็นสมบัติล้ำค่าชั้นดี เช่นนั้นก็ต้องเป็นสมบัติล้ำค่า เอาล่ะ ข้าจะนับว่าของขวัญของท่านชิ้นนี้พอใช้ได้ก็แล้วกัน” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดพลางเก็บของลงไป
ตอนนี้อาวุธเทพค่อนข้างหายาก หาชิ้นไหนได้ก็ต้องเอาชิ้นนั้น
“เก็บของขวัญข้าไปแล้ว ต่อไปนี้ห้ามกัดข้าแล้วนะ” อูหลิงอวี่พูดยิ้มๆ
“เฮอะ” ซือหม่าโยวเย่ว์ไม่สนใจเขา
“ศิษย์เอ๋ย เจ้าเตรียมค่าครูของข้าเสร็จหรือยังเล่า!” มารเฒ่าถาม
“ต้องเตรียมเสร็จแน่นอนอยู่แล้วสิ!” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“คือสิ่งใดหรือ”
มารเฒ่ามีความคาดหวังอยู่พอสมควรเพราะไม่มีใครให้ของขวัญตนมานานมากแล้ว!
แน่นอนว่าไม่นับพวกที่ให้เพื่อร้องขออะไรจากเขา
ซือหม่าโยวเย่ว์ลุกขึ้นมายังด้านหลังเป่ยกงถังแล้วพูดกับมารเฒ่าว่า “ท่านอาจารย์ ท่านคิดว่าเป่ยกงเป็นอย่างไรบ้าง”
“ก็ไม่เลวนะ ทำไมหรือ”
“ตอนนี้นิยมซื้อของกันแบบหนึ่งแถมหนึ่ง ในเมื่อท่านรับข้าเป็นลูกศิษย์ก็ต้องรับอีกคนหนึ่งแถมไปด้วย รับเป่ยกงไปด้วยสิ!” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดยิ้มๆ
“อะไรนะ เจ้าให้ข้ารับนางเป็นลูกศิษย์อย่างนั้นหรือ” มารเฒ่าคิดไม่ถึงว่าซือหม่าโยวเย่ว์จะมีความคิดเช่นนี้ เขาส่ายหน้าแล้วเอ่ยว่า “ไม่ได้ๆ ข้าไม่อยากรับลูกศิษย์มากมายขนาดนั้น แค่มีพวกเจ้าสองคนให้ข้าเล่นสนุกก็พอแล้วละ”