“โยวเย่ว์?” เป่ยกงถังเองก็คิดไม่ถึงว่าซือหม่าโยวเย่ว์จะพูดเช่นนี้ นางจึงตกใจจนสะดุ้งตัวลอย
ซือหม่าโยวเย่ว์ตบบ่านางพลางเอ่ยว่า “ท่านอาจารย์ พรสวรรค์ในการหลอมยาของเป่ยกงก็ยอดเยี่ยมเป็นที่สุดเช่นกัน รับไว้เป็นศิษย์ก็ไม่เสียหายหรอก”
“ก็ไม่ได้อยู่ดีนั่นแหละ” มารเฒ่าส่ายหน้า
“ท่านอาจารย์ นางเป็นต้นกล้าชั้นยอดเชียวนะ ท่านอยากพลาดของดีหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์โน้มน้าวต่อไป
“ศิษย์น้อง ท่านอาจารย์อยู่มาทั้งชีวิต ก็เพิ่งจะมีลูกศิษย์แค่พวกเราสองคนนี้เท่านั้นเพราะกลัวจะยุ่งวุ่นวาย แต่เจ้าจะให้เขารับศิษย์เพิ่มอีกคน อย่างไรก็เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว” อูหลิงอวี่ค่อนข้างเข้าอกเข้าใจมารเฒ่า ถ้าหากมิใช่เพราะเขาต้องการศิษย์สักคนมารับช่วงต่อ บางทีแม้แต่ซือหม่าโยวเย่ว์เองเขาก็คงไม่รับมาแล้ว
ซือหม่าโยวเย่ว์ผิดหวังอยู่บ้าง เธออยากให้เป่ยกงถังได้รับการรับรองจากหุบเขามารเทพ เช่นนี้ตอนที่พวกเธอขึ้นไปข้างบนแล้ว เป่ยกงถังกลับบ้านไปช่วยมารดาและน้องชาย ก็จะได้มีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น
“ตาเฒ่า ท่านไม่รับนางเป็นศิษย์ แต่ก็พานางเข้าไปในหุบเขาได้นี่” อูหลิงอวี่ไม่อยากเห็นซือหม่าโยวเย่ว์ผิดหวังจึงพูดต่อ
“จริงหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์ได้ฟังแล้วสองตาเปล่งประกาย ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาไม่น้อย “ท่านอาจารย์ ได้หรือไม่”
“ได้น่ะได้อยู่หรอก แต่ข้าต้องดูก่อนว่าพรสวรรค์ของนางเป็นเช่นไรบ้าง หุบเขามารเทพนั้นมิใช่ว่าใครอยากเข้าก็เข้าได้หรอกนะ” มารเฒ่าพูด
“ได้สิๆ!” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดพลางยิ้มตาหยี “เป่ยกงต้องไม่ทำให้ท่านผิดหวังอย่างแน่นอน”
“เช่นนั้นเจ้าจงหลอมยาวิเศษระดับสูงสุดที่เจ้าหลอมได้ในตอนนี้ออกมาหน่อยสิ” มารเฒ่าพูดกับเป่ยกงถัง
เป่ยกงถังสะดุ้งคราหนึ่ง จากนั้นจึงลุกขึ้นยืนอย่างตื่นเต้นแล้วเอ่ยว่า “ได้เลย”
เธอหยิบเตาหลอมยาและเครื่องยาออกมาพลางสูดหายใจเข้าลึกให้ตนสงบลงก่อนจะเริ่มต้นหลอมยา
มารเฒ่าพบว่าวิธีการหลอมยาของเป่ยกงถังนั้นเหมือนกันกับซือหม่าโยวเย่ว์ จึงถามว่า “วิธีการหลอมยาของนางเหมือนออกมาจากสำนักเดียวกันกับอาจารย์เจ้าเลย”
“แน่นอนสิ ข้าเป็นผู้สอนนางกับโอวหยางให้เริ่มต้นหลอมยาเอง” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “เป็นอย่างไรบ้าง เป่ยกงใช้ได้เลยกระมัง”
“อืม ดีกว่าเจ้าเด็กที่อยู่ในหุบเขาพวกนั้นไม่น้อยเลยจริงๆ” ยากนักที่มารเฒ่าจะเอ่ยชมใคร เขาพูดเช่นนี้นับว่าหาได้ยากยิ่ง
ซือหม่าโยวเย่ว์ดีใจไม่น้อย เขาพูดเช่นนี้ก็หมายความว่าเป่ยกงถังเข้าไปในหุบเขามารเทพได้อย่างไม่มีปัญหาแล้ว!
“ท่านอาจารย์ ข้าได้ยินมาว่าหุบเขามารเทพของเรามีผู้เชี่ยวชาญครบทุกแขนง หรือท่านจะรับพวกเขาเข้าไปด้วยหมดเลยดีเล่า” ซือหม่าโยวเย่ว์ชี้ไปทางเว่ยจือฉีและเจ้าอ้วนชวี
เว่ยจือฉีและเจ้าอ้วนชวีต่างมองซือหม่าโยวเย่ว์อย่างตกตะลึง เธออยากพาพวกตนเข้าไปในหุบเขามารเทพด้วยกันอย่างนั้นหรือ
พวกเขารู้สถานะของหุบเขามารเทพที่ดินแดนเบื้องบนอยู่แล้ว ถ้าหากเข้าไปได้ก็คงดีไม่น้อยเลย
มารเฒ่าหันไปจ้องซือหม่าโยวเย่ว์ เจ้าเด็กนี่ช่างขอมากมายจริงๆ
ซือหม่าโยวเย่ว์รีบยิ้มอย่างประจบประแจงแล้วเอ่ยว่า “ท่านอาจารย์ ข้าเติบโตมากับพวกเขา ตั้งแต่อายุสิบห้าปีเป็นต้นมาก็ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมาโดยตลอด ในเมื่อหุบเขามารเทพร้ายกาจถึงเพียงนี้ ก็ต้องอยากให้พวกเขาเข้าไปด้วยอยู่แล้วสิ ท่านอาจารย์ ท่านช่วยข้าหน่อยนะๆ”
มารเฒ่าคิดไม่ถึงว่าเธอจะตรงไปตรงมาเช่นนี้ จึงถามว่า “พวกเขามีความสามารถอะไรกันบ้างหรือ”
“ตอนนี้จือฉีถฝึกสัตว์อสูรเทพให้เชื่องได้แล้ว ส่วนเจ้าอ้วนก็สามารถหลอมวัตถุวิเศษได้ ส่วนโอวหยางก็มีทักษะในการหลอมยาใกล้เคียงกับเป่ยกงถัง โยวหลินเป็นปรมาจารย์ค่ายกล” ซือหม่าโยวเย่ว์เอ่ยตอบ “เป็นอย่างไรบ้างเล่า ท่านอาจารย์ พอจะให้พวกเขาเข้าไปด้วยได้หรือไม่”
ซือหม่าโยวหลินที่กำลังยืนตั้งใจฟังเรื่องราวทางนี้อยู่หน้ากระโจมตัวเองได้ยินเธอเอ่ยถึงชื่อตน แววตาก็กระเพื่อมไหว จากนั้นจึงก้มหน้าลงเพื่อปิดบังความรู้สึกของตน
“เจ้าช่างรู้จักผู้คนมากมายเสียจริงนะ” ชายชราร่างเล็กพูด “ข้าจะให้โอกาสพวกเขาสักครั้งก็ได้ แต่จะเข้าสู่หุบเขามารเทพได้หรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของพวกเขาแล้ว”
“แค่โอกาสครั้งเดียวเท่านั้นเองหรือ!” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดอย่างไม่พอใจว่า “ให้พวกเขาเข้าไปเลยไม่ได้หรือไร”
“เจ้าเด็กนี่ ต่อให้ข้ารับพวกเขาเข้าไปก็ไม่มีสำนักย่อยไหนเต็มใจรับพวกเขาอยู่ดี เข้าไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก” มารเฒ่าพูด
“ศิษย์น้อง เจ้าอย่ากังวลใจไปเลยนะ มีท่านอาจารย์คอยชี้แนะอยู่ทั้งคน ขอเพียงแค่พรสวรรค์ของพวกเขาผ่านไปได้ก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว” อูหลิงอวี่พูด “เงื่อนไขทั่วไปของอาจารย์ลุงอาจารย์อาเหล่านั้นต่ำกว่าอยู่พอสมควรเลยทีเดียว”
“นั่นก็ยังดี มีโอกาสบ้างย่อมดีกว่าไม่มีเลย!” ซือหม่าโยวเย่ว์ก็ไม่บังคับฝืนใจมารเฒ่าอีก เธอพูดว่า “แต่ทั้งโอวหยางและเป่ยกงต่างก็เป็นนักหลอมยาเหมือนกัน ท่านอาจารย์พอจะจัดการตรงนี้ให้ได้หรือไม่”
“ถ้าหากเขาเป็นอย่างที่เจ้าพูดก็ไม่มีปัญหาหรอก แต่รอให้ข้าได้เห็นกับตาก่อนแล้วค่อยว่ากัน เขาคือคนไหนล่ะ” มารเฒ่าถาม
“เขาอยู่ที่อาณาจักรทักษิณายาตร ตอนนี้ยังไม่มา แต่เขาน่าจะมาตอนงานประลอง พอถึงเวลานั้นท่านอาจารย์ค่อยประเมินเขาแล้วกัน” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
พอพูดจบเธอก็เบนสายตาไปทางอูหลิงอวี่ นับได้ว่าซาบซึ้งที่เขาช่วยพูดแทนตนเมื่อครู่
มารเฒ่าหยิบป้ายพกออกมาสี่ชิ้นแล้วโยนให้ซือหม่าโยวเย่ว์พลางเอ่ยว่า “เอาให้พวกเขาแล้วกัน พอถึงตอนที่ขึ้นไปข้างบนแล้วจงถือสิ่งนี้ไปยังหุบเขามารเทพ ก็จะมีคนทำการประเมินให้พวกเขาเอง”
ซือหม่าโยวเย่ว์โยนป้ายพกให้เว่ยจือฉีและเจ้าอ้วนชวีด้วยท่าทางเปี่ยมสุข หลังจากนั้นจึงวิ่งไปตรงหน้าซือหม่าโยวหลินก่อนจะส่งป้ายพกให้กับเขา
“ข้าให้”
ซือหม่าโยวหลินมองรอยยิ้มบนใบหน้าซือหม่าโยวเย่ว์พลางรับป้ายพกมาแล้วเอ่ยว่า “ขอบใจเจ้ามาก โยวเย่ว์”
“จะมาพูดจาเกรงอกเกรงใจอะไรกัน” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดยิ้มๆ “พวกเราเป็นคนครอบครัวเดียวกันนะ”
พอพูดจบเธอก็กลับมาอยู่ข้างกายมารเฒ่าแล้วคุยเล่นกับเขาระหว่างดูเป่ยกงถังหลอมยา
กว่าเป่ยกงถังจะหลอมยาเสร็จก็ถึงกลางดึกแล้ว เธอวางยาที่หลอมเสร็จแล้วลงตรงหน้ามารเฒ่า มารเฒ่ามองดูแวบหนึ่งแล้วหยิบป้ายพกออกมามอบให้นางพลางเอ่ยว่า “นี่คือป้ายสถานะของศิษย์ พอเจ้าขึ้นไปข้างบนแล้ว เมื่อไปถึงหุบเขามารเทพค่อยมาดูกันอีกทีว่าเจ้าจะกราบเข้าเป็นศิษย์สำนักใคร”
“ขอบคุณท่านปู่มาร” เป่ยกงถังเก็บป้ายพกลงไปพร้อมรอยยิ้ม ในใจตื่นเต้นไม่น้อย เธอยิ้มอย่างซาบซึ้งใจให้ซือหม่าโยวเย่ว์
เธอได้เป็นศิษย์ของหุบเขามารเทพอย่างแท้จริงแล้ว นี่เป็นเรื่องที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยคิดฝันมาก่อนเลย
“ท่านอาจารย์ เหตุใดข้าจึงไม่มีป้ายพกเล่า” ซือหม่าโยวเย่ว์ถาม
“ข้ามีป้ายพกศิษย์อยู่เพียงอันเดียว ให้เขาไปแล้ว ของเจ้ายังทำไม่ทัน พอกลับไปแล้วค่อยให้คนทำให้เจ้าอีกอันหนึ่งนะ” มารเฒ่าพูด
อูหลิงอวี่หยิบป้ายพกออกมาอันหนึ่งแล้วโยนให้เธอพลางเอ่ยว่า “เอาอันของข้าให้เจ้าก่อนก็แล้วกัน”
“เช่นนั้นท่านจะใช้อะไรเล่า” ซือหม่าโยวเย่ว์รับป้ายพกเอาไว้แล้วเอ่ยถาม
“ใบหน้าของศิษย์พี่เช่นข้าก็คือป้ายพกแล้วละ” อูหลิงอวี่กล่าวอย่างหลงตัวเอง
ซือหม่าโยวเย่ว์คิดๆ ดูแล้วก็เห็นจะจริง เขาเข้าออกหุบเขามารเทพอยู่เป็นประจำ ทุกคนย่อมรู้จักเขาดีอยู่แล้ว จากนั้นเธอจึงเก็บป้ายพกลงไปอย่างวางใจ
“นี่คือค่าครูที่เจ้าเตรียมเอาไว้ให้ข้าอย่างนั้นหรือ” มารเฒ่าพูด
“ใช่ที่ไหนกันเล่า!” ตนบรรลุวัตถุประสงค์แล้ว ซือหม่าโยวเย่ว์จึงหยิบขวดหยกใบหนึ่งออกมาส่งให้ตรงหน้ามารเฒ่า
“เจ้ามอบยาวิเศษให้ข้าอย่างนั้นหรือ” มารเฒ่าเลิกคิ้ว
มอบยาวิเศษให้นักหลอมยา นี่ต้องใช้ความกล้าหาญอย่างมากเลยทีเดียว
“ท่านอาจารย์ ท่านลองดูก่อนสิ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดพลางยิ้มกว้าง
มารเฒ่าเห็นท่าทีมั่นอกมั่นใจของเธอแล้วจึงหยิบขวดหยกมาก่อนจะเปิดออกดม เขาสองตาลุกวาว จากนั้นจึงเทยาวิเศษออกมาอย่างอดใจไม่ไหว
“ยาวิเศษฟื้นสติ!” แม้กระทั่งตัวเขายังตกใจไม่น้อย คิดไม่ถึงว่าซือหม่าโยวเย่ว์จะกล้ามอบยาวิเศษเช่นนี้ให้กับตน