ยาวิเศษฟื้นสตินั้นตรงตามชื่อ คือเป็นยาวิเศษสำหรับฟื้นคืนสติรับรู้ ระดับขั้นมิได้สูงมากนัก แต่กลับค่อนข้างหายาก เพราะวัตถุดิบนั้นล้วนขาดแคลนอย่างยิ่ง สิ่งที่หายากที่สุดในนั้นก็คือไขกระดูกมังกรดินซึ่งเป็นวัตถุดิบหลัก
แต่สิ่งนี้มิใช่เรื่องยากแต่อย่างใดสำหรับซือหม่าโยวเย่ว์ เธอไม่มีไขกระดูกมังกรดิน แต่มีสิ่งที่ล้ำเลิศกว่าไขกระดูกมังกรดินอย่างน้ำทิพย์วิญญาณอยู่ จึงใช้มันแทนไขกระดูกมังกรดินได้อย่างไม่มีปัญหาเลย
“ท่านอาจารย์ วันนี้ข้าล้มเหลวมาเจ็ดครั้งแล้ว ที่หลอมสำเร็จได้ก็เพราะมีเป่ยกงถังคอยช่วยเหลือ เป็นอย่างไรบ้างเล่า พอจะเข้าตาผู้เฒ่าเช่นท่านได้บ้างหรือไม่” ซือหม่าโยวเย่ว์มองความพรั่นพรึงบนใบหน้ามารเฒ่าด้วยความพึงพอใจอย่างยิ่ง
มารเฒ่าเก็บยาวิเศษลงไปแล้วเอ่ยว่า “เจ้าคิดได้อย่างไรว่าเจ้าจะมอบยาวิเศษนี้ให้แก่ข้า”
“เป่ยกงบอกว่าท่านเคยได้รับบาดเจ็บไปจนถึงสติรับรู้ ถึงขนาดที่ทำให้ท่านมิอาจเลื่อนระดับขั้นการหลอมยาได้อีก นอกจากนี้ยังทำให้มีรูปลักษณ์เป็นชายชราเหมือนในตอนนี้ด้วย ดังนั้นข้าจึงอยากจะหลอมยาวิเศษชนิดนี้ให้แก่ท่านอย่างไรเล่า แต่ด้วยพลังยุทธ์ของข้าในตอนนี้ยังไม่อาจหลอมยาวิเศษขั้นหกได้ ปราณวิญญาณไม่เพียงพอ ทุกครั้งเมื่อถึงตอนผนึกยา ล้วนขาดอีกเพียงแค่นิดเดียวเท่านั้น ยังดีที่ข้าและเป่ยกงเข้าขากันดี สองคนร่วมแรงกันจนหลอมยาวิเศษชนิดนี้ออกมาได้ แต่หลอมสำเร็จเพียงแค่เม็ดนี้เม็ดเดียวเท่านั้น”
ระดับขั้นการหลอมยาของเธอไปถึงระดับนักหลอมยาขั้นหกแล้ว แต่เพราะข้อจำกัดของพลังยุทธ์ เธอจึงอยู่ที่ขั้นห้าระดับสูงสุดมาโดยตลอด การหลอมยาวิเศษฟื้นสติในวันนี้จึงต้องใช้ความเพียรพยายามเป็นอย่างมาก
“เจ้าใช้ใจหลอมเลยสินะ” มารเฒ่าพูด จากนั้นจึงมองเป่ยกงถังแวบหนึ่ง “เจ้าคงลงมาจากเบื้องบนกระมัง”
“ใช่แล้ว ท่านปู่มาร” เป่ยกงถังพยักหน้า
“เป็นคนตระกูลเป่ยกงหรือ” อูหลิงอวี่ถาม
“ใช่แล้ว” เป่ยกงถังเอ่ยตอบ น้ำเสียงแข็งกระด้างอยู่บ้าง สายตาเจือแววเคียดแค้น
มารเฒ่าเงียบงันไปครู่หนึ่งแล้วก็เข้าใจเรื่องราวขึ้นมาไม่น้อย จึงเอ่ยว่า “รุ่นเยาว์ของตระกูลเป่ยกงไม่มีใครพรสวรรค์สู้เจ้าได้เลย พวกเขาเป็นเพียงแค่ทารกน้อยที่ถูกตามใจจนเสียคนเท่านั้น”
“ท่านอาจารย์ ตอนที่ข้าหลอมยา ข้าได้ใส่น้ำผึ้งแดงเข้าไปในนั้นด้วย ว่ากันว่าสิ่งนี้ไม่เพียงแต่จะยกระดับพลังยุทธ์ได้เท่านั้น หากใช้ติดต่อกันเป็นระยะเวลานานยังช่วยให้คงความอ่อนวัยเอาไว้ได้ตลอดไปอีกด้วย” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“น้ำผึ้งแดงหรือ เจ้ามีน้ำผึ้งแดงด้วยหรือ” มารเฒ่าถูกดึงความสนใจมาในทันที
“ถูกต้อง ท่านอาจารย์ตื่นเต้นถึงเพียงนี้ทำไมกัน” ซือหม่าโยวเย่ว์เห็นแววตาตื่นเต้นของมารเฒ่าแล้วจึงเอ่ยถามขึ้น
“เจ้ามีของพรรค์นี้อยู่ได้อย่างไรกัน เจ้าได้พบกับผึ้งแดงในตำนานแล้วอย่างนั้นหรือ ตอนนี้ยังมีอยู่หรือไม่” มารเฒ่ากุมมือซือหม่าโยวเย่ว์พลางถามหลายคำถามต่อเนื่องกัน
“ถึงแม้ว่าผึ้งแดงจะหาได้ยากยิ่ง แต่ท่านอาจารย์ก็ไม่เห็นต้องตื่นเต้นถึงเพียงนี้เลยนี่” ซือหม่าโยวเย่ว์ตกใจกับท่าทีของเขาจนขนลุกไปหมด
“ศิษย์น้อง เจ้าไม่รู้หรอก ตาเฒ่าเสาะหาของสิ่งนี้มาตั้งหลายปีแล้ว แต่ก็ไม่เคยหาพบ เขาพูดกับข้าตั้งหลายครั้งว่าคงมิใช่ว่าตายไปหมดแล้วหรอกนะ มิฉะนั้นเหตุใดจึงหาไม่พบเสียที ที่ลงมาในคราวนี้ก็เพื่อเสาะหาน้ำผึ้งแดงโดยเฉพาะเลย” อูหลิงอวี่อธิบายแทนมารเฒ่า
“โยวเย่ว์ เจ้าไปได้น้ำผึ้งแดงมาจากไหนหรือ” มารเฒ่าถาม
“สร้างขึ้นจากผึ้งของข้าเอง” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดพลางหยิบน้ำผึ้งแดงขวดใหญ่ออกมาแล้วเอ่ยว่า “ท่านอาจารย์ ท่านต้องการมากเพียงใดเล่า”
เมื่อเห็นเธอหยิบน้ำผึ้งแดงขึ้นมาทีเดียวตั้งมากมายเช่นนั้น มารเฒ่าจึงตื่นตะลึงไป อูหลิงอวี่เองก็อยู่ไม่สุขเสียแล้ว
“น้ำผึ้งแดงมากมายถึงเพียงนี้เชียว ฮ่าๆๆ!” มารเฒ่าหัวเราะเสียงดังอย่างมีความสุข แต่กลับถูกคำพูดต่อมาของซือหม่าโยวเย่ว์กระตุ้นยิ่งกว่าเดิม
“ท่านอาจารย์ ท่านไม่ต้องตื่นเต้นไปหรอก พวกเราดื่มเจ้านี่กันเป็นปกติอยู่แล้ว ถ้าหากท่านต้องการ ข้าจะหยิบให้ท่านอีกขวดก็ได้นะ”
“สิ้นเปลืองน่า! น่าละอายนัก!” มารเฒ่าดึงขวดน้ำผึ้งแดงในมือซือหม่าโยวเย่ว์มา คล้ายกับกลัวว่าเธอจะคิดว่ามันสิ้นเปลือง
ซือหม่าโยวเย่ว์คิดไม่ถึงว่ามารเฒ่าและอูหลิงอวี่จะมีปฏิกิริยาใหญ่โตถึงขนาดนี้เมื่อได้รู้เรื่องน้ำผึ้งแดง จึงเอ่ยว่า “ข้าเคยรู้เสียที่ไหนกันว่าเจ้านี่ล้ำค่าถึงเพียงนี้”
“ศิษย์น้อง เจ้าบอกว่าสิ่งนี้สร้างโดยผึ้งแดงของเจ้าเองอย่างนั้นหรือ” อูหลิงอวี่ถาม
“ใช่แล้ว” ซือหม่าโยวเย่ว์ความคิดวูบไหวคราหนึ่ง ผึ้งแดงตัวหนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าพวกเขา
“เป็นผึ้งแดงจริงๆ ด้วย!” มารเฒ่ามองผึ้งแดงด้วยสองตาเปล่งประกายพลางเอ่ยว่า “โยวเย่ว์เอ๋ย เจ้ามีของสิ่งนี้มากน้อยเพียงใดหรือ”
“เยอะแยะเลยล่ะ” ซือหม่าโยวเย่ว์เอ่ยตอบ
สองปีมานี้นางพญาผึ้งแดงให้กำเนิดผึ้งแดงออกมาไม่น้อย บวกกับความแตกต่างของเวลาภายในเจดีย์วิญญาณ ตอนนี้จึงมีผึ้งแดงจำนวนมากมายเลยทีเดียว
“เช่นนั้นเจ้าแบ่งให้ข้าสักหน่อยสิ” มารเฒ่าพูดพร้อมรอยยิ้มกว้าง
“ได้เลย!” ซือหม่าโยวเย่ว์เอ่ยตอบอย่างมีความสุข “สักพันตัวพอหรือไม่”
“พันตัวหรือ!” มารเฒ่าคิดว่าตนหูฝาดเสียแล้ว ขวดหยกในมือแทบจะร่วงลงพื้น
ซือหม่าโยวเย่ว์เห็นท่าทีของมารเฒ่าแล้วเข้าใจว่าเขาคิดว่ายังไม่พอ “ท่านอาจารย์ ข้ายังต้องมอบน้ำผึ้งแดงนี้ให้กับตระกูลซือหม่าด้วย มิอาจให้ทั้งหมดในคราวเดียวได้ หรือว่าคราวนี้ให้ท่านสักพันตัวก่อน คราวหน้าค่อยให้ท่านเพิ่มอีกสักหน่อยก็ได้นะ”
“แค่กๆ ให้เขาสักร้อยตัวก็พอแล้วละ” อูหลิงอวี่พูด
ตอนแรกมารเฒ่าคิดว่าซือหม่าโยวเย่ว์แบ่งให้เขาสักสามสี่สิบตัวก็ไม่เลวแล้ว คิดไม่ถึงว่าซือหม่าโยวเย่ว์จะบอกจำนวนออกมาคราวเดียวมากมายเช่นนี้ จึงตกใจจนอุจจาระแทบราด
ทันใดนั้นเขาก็ได้สติกลับคืนมา เธอบอกว่าคราวหน้าจะให้เพิ่มอีก
“เจ้ามีนางพญาผึ้งแดงอยู่อย่างนั้นหรือ!”
“ถูกต้อง!” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดแล้วเรียกตัวนางพญาผึ้งแดงออกมาก่อนจะเอ่ยว่า “ผึ้งแดงเหล่านี้มาจากไข่ที่มันสร้างขึ้นทั้งนั้น”
“วะฮะฮ่าๆๆ โยวเย่ว์ เจ้ามีของล้ำค่าเช่นนี้อยู่ได้อย่างไรกัน มีเจ้านี่อยู่! อยากได้ผึ้งแดงมากแค่ไหนก็ย่อมได้!”
นางพญาผึ้งแดงเองก็สัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายมีพลังยุทธ์อันแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นจึงอยู่ในอุ้งมือซือหม่าโยวเย่ว์นิ่งๆ
“ท่านอาจารย์ ท่านหาสิ่งที่พยุงชีวิตได้มาก่อนสิ แล้วข้าจะแบ่งให้ท่าน” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “ท่านต้องการลองใช้ยาวิเศษฟื้นสตินี่ดูก่อนหรือไม่เล่า”
“ดี ดีเลย!” มารเฒ่าพูดพร้อมยิ้มกว้าง “ข้าจะกินยาวิเศษฟื้นสติก่อนค่อยหลอมยาวิเศษตรีปราณแล้วกัน”
“ท่านอาจารย์ ตอนท่านหลอมยาวิเศษตรีปราณ ให้เป่ยกงอยู่ด้วยนะ” ซือหม่าโยวเย่ว์อาศัยจังหวะนี้เอ่ยขึ้น
“ได้ พอถึงตอนนั้นก็ให้นางไปดูด้วยกันเลย” เขาอารมณ์ดีเป็นอย่างยิ่ง จึงรับปากคำขอเล็กน้อยนี้ของซือหม่าโยวเย่ว์อย่างมีความสุข
“ใช่แล้ว เจ้าเด็กบ้า เจ้ามิได้บอกว่าจะไปเทือกเขาสั่วเฟยย่าหรอกหรือ ตอนนี้เจ้าได้พบศิษย์น้องเล็กของเจ้าแล้ว จงไสหัวไปได้แล้ว” มารเฒ่าพูด
“ไม่ไปแล้วละ” อูหลิงอวี่พูด
คนที่เขาต้องการตามหาตัวอยู่ที่นี่แล้ว จะต้องไปเทือกเขาสั่วเฟยย่าอีกทำไมกันเล่า!
“เจ้าเด็กบ้า เจ้าปั่นหัวข้าเสียแล้ว!” มารเฒ่าพูดอย่างไม่พอใจ “โชคดีที่ศิษย์น้องเล็กเป็นคนจิตใจดี”
“เปล่าเสียหน่อย” อูหลิงอวี่พูดด้วยความสัตย์จริง
เขาเองก็คิดไม่ถึงว่าจะได้พบกับซือหม่าโยวเย่ว์ที่นี่ แล้วจะมาบอกว่าปั่นหัวเขาได้อย่างไรกัน!
“ข้าคร้านจะมองหน้าเจ้าแล้ว บาดตายิ่งนัก โยวเย่ว์ ข้าไปหาที่ใช้ยาวิเศษฟื้นสติก่อนดีกว่า พวกเจ้าสองคนมาอารักขาข้าทีสิ” พอพูดจบเขาก็คว้าไหล่ซือหม่าโยวเย่ว์แล้วหายตัวมาอยู่ข้างกายเป่ยกงถัง เขาคว้าตัวนางขึ้นมาก่อนจะพาพวกเธอจากไป
อูหลิงอวี่เห็นตาเฒ่าทิ้งตนเอาไว้เช่นนี้จึงพูดด้วยความไม่พอใจอย่างยิ่งว่า “ตาเฒ่า ตอนนี้ท่านลำเอียงเสียแล้ว จริงๆ เลยนะ”
เขาพูดแล้วลุกขึ้นทะยานร่างจากไปโดยมิได้แยแสความไม่ปลอดภัยของเทือกเขาหมื่นอสูรในยามราตรีเลยแม้แต่น้อย
มารเฒ่าพาพวกซือหม่าโยวเย่ว์เหินทะยานไปไม่รู้เนิ่นนานเท่าใดจนมาถึงลาดเขาแห่งหนึ่ง ก่อนจะเดินเข้าไปในถ้ำ
“พวกเจ้าสองคนคอยเฝ้าข้างนอกให้ข้านะ ข้าต้องการเวลาสองวันในการย่อยยาวิเศษฟื้นสติ”