“ท่านอาจารย์ ศิษย์พี่ เหตุใดพวกท่านจึงมองข้าเช่นนี้เล่า” เธอมองพวกเขาทั้งสองพลางลูบหว่างคิ้ว ยังรู้สึกวิงเวียนศีรษะอยู่บ้าง
“เมื่อครู่เจ้าเห็นอะไรหรือ” มารเฒ่าถามอย่างใคร่รู้
“เห็นหัวกะโหลกอันหนึ่งกับหญิงงามผู้หนึ่ง” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “ใช่แล้ว เมื่อครู่คล้ายกับว่าข้าได้ไปยังสถานที่อันแปลกประหลาดแห่งหนึ่ง พวกท่านได้เห็นหรือไม่”
“เจ้าเห็นหญิงงามผู้หนึ่งกับหัวกะโหลกอันหนึ่งอย่างนั้นหรือ” ทั้งสองเผยสีหน้าตกใจ พรั่นพรึงกับคำพูดของเธอไม่น้อย
“ใช่แล้ว อ้อ ก็คือหัวกะโหลกกับหญิงงามบนนี้นี่แหละ” เธอชี้ไปที่ปลอกนิ้ว แต่กลับพบว่ามันได้เปลี่ยนไปมีขนาดใกล้เคียงกับนิ้วหัวแม่มือของตนเสียแล้ว “เอ๊ะ ของชิ้นนี้มันเล็กลงนี่นา!”
“นั่นเป็นเพราะมันยอมรับเจ้าแล้วอย่างไรเล่า” มารเฒ่าพูดอธิบาย
“คือสิ่งที่ข้าเผชิญเมื่อครู่นี้น่ะหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์เข้าใจความหมายของเขาอย่างรวดเร็ว เธอมองดูแหวนบนนิ้วแล้วเอ่ยว่า “เหตุใดจึงรู้สึกอยู่ตลอดว่าปลอกนิ้วนี้ไม่ธรรมดาเลย”
“แน่นอนว่าต้องไม่ธรรมดาอยู่แล้วล่ะ นี่คือปลอกนิ้วของผู้สืบทอดหุบเขามารเทพเชียวนะ” อูหลิงอวี่พูด
เดิมทีปลอกนิ้วนี้ยอมรับเขาแล้ว แต่กลับถูกเขาหยิบเอาลงมาให้มารเฒ่าขจัดการยอมรับที่มีต่อเขาไปเสีย
ทว่าต่อให้เขาได้รับการยอมรับในตอนนั้นไปแล้ว แต่ก็มิได้เกิดปรากฏการณ์ใหญ่โตเหมือนกับตอนที่ซือหม่าโยวเย่ว์ได้รับการยอมรับ
เมื่อครู่ท้องฟ้าที่นี่เต็มไปด้วยสีโลหิต ถ้าหากมิใช่เพราะข่ายมนตร์ของมารเฒ่าสกัดกั้นเอาไว้ เกรงว่าคงจะแผ่ไปทั่วทั้งเทือกเขาหมื่นอสูรอย่างแน่นอน
“ปลอกนิ้วของผู้สืบทอด…” ซือหม่าโยวเย่ว์มองมารเฒ่าอย่างจนคำพูด “ท่านอาจารย์ ท่านคงมิได้หยิบปลอกนิ้วมาผิดกระมัง”
“เจ้าหาว่าอาจารย์อย่างข้าแก่จนเลอะเลือนหรือ” มารเฒ่าถลึงตาใส่ซือหม่าโยวเย่ว์
“ท่านจะให้ข้าเป็นผู้สืบทอดของหุบเขามารเทพอย่างนั้นหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์มองมารเฒ่าอย่างประหลาดใจ
“แน่นอนอยู่แล้ว” มารเฒ่าพูด “ของสิ่งนี้ชดเชยมิได้หรืออย่างไร”
“ไม่เท่าไหร่หรอก” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดอย่างไม่พอใจ “ข้าคืนของสิ่งนี้ให้ท่านได้หรือไม่”
“เจ้าไม่อยากเป็นผู้สืบทอดของหุบเขามารเทพอย่างนั้นหรือ”
“ไม่อยาก” ซือหม่าโยวเย่ว์ปฏิเสธอย่างชัดเจนยิ่ง
“เพราะเหตุใดเล่า” มารเฒ่าสีหน้าดำทะมึน ศิษย์คนแรกไม่เต็มใจก็ช่างเถิด ตอนนี้อีกคนก็ไม่พอใจอีก หากพูดออกไปเขาคงถูกคนหัวเราะเยาะตายแน่
“ข้าไม่ชอบน่ะ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“ฮ่าๆๆ!” อูหลิงอวี่หัวเราะเสียงดังลั่น เหตุผลของเธอเหมือนกับของเขาเลยทีเดียว สมกับที่เป็นหญิงที่ตนชอบพอจริงๆ
ใช่แล้ว ตลอดหลายปีที่แยกจากกันมานี้เขาก็รู้แน่ชัดถึงความจริงข้อนี้แล้ว เขาชอบเด็กสาวผู้นี้ ในเมื่อเข้าใจความรู้สึกของตัวเองแล้ว เขาจึงมิอาจหลบเลี่ยงได้อีก หากแต่จะพยายามทำให้เธอกลายเป็นผู้หญิงของตนให้จงได้
“ไม่ชอบก็ช่วยไม่ได้!” มารเฒ่าพูด “ตอนนี้ปลอกนิ้วโลหิตยอมรับเจ้าแล้ว นอกจากนี้ยังเป็นการยอมรับระดับสูงอีกด้วย ต่อจากนี้ไปเจ้าก็คือผู้สืบทอดของหุบเขามารเทพแล้ว! หากเจ้ากล้าริอ่านทำอย่างศิษย์พี่เจ้า ข้าจะตีขาเจ้าให้หักเสีย!”
“ศิษย์พี่ก็เคยได้รับการยอมรับจากปลอกนิ้วโลหิตมิใช่หรือ แล้วเหตุใดเขายังย้อนคืนได้เลย แล้วเหตุใดข้าจึงทำไม่ได้เล่า” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดอย่างไม่พอใจ
“ก็เพราะเขาเคยย้อนคืนไปแล้วอย่างไรเล่า เจ้าจึงทำไม่ได้!” มารเฒ่าพูด “หากถูกดูหมิ่นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ปลอกนิ้วโลหิตก็จะโกรธขึ้นมา เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นแล้ว ขจัดการยอมรับสองครั้งติดต่อกัน ผลปรากฏว่าคนที่สองหลั่งโลหิตจากทวารทั้งเจ็ดจนตาย”
“มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์เบิกตาโพลง
“ข้าก็เคยเห็นในตำราเช่นกัน” อูหลิงอวี่พูด
ซือหม่าโยวเย่ว์นึกถึงหัวกะโหลกและหญิงงามที่ตนได้เห็น เธอรู้สึกอยู่ตลอดว่าทั้งสองครอบครองพลังอันไร้ที่สิ้นสุด
“ก็ได้” เธอไม่อยากมีจุดจบเช่นนี้จึงฝืนรับปากไป
“ผู้คนมากมายอยากเข้าไปในหุบเขามารเทพก็ยังทำไม่ได้ แต่เจ้ากลับรังเกียจตำแหน่งเจ้าหุบเขาน้อย ทำเอาข้าโมโหแทบตายเลยจริงๆ!” มารเฒ่าเป่าหนวดพลางถลึงตาใส่
ตอนนี้ซือหม่าโยวเย่ว์รู้สึกหดหู่เป็นอย่างยิ่ง จึงไม่นำพาคำพูดของมารเฒ่าแล้วถามว่า “ท่านอาจารย์ ในเมื่อหุบเขามารเทพมีเจ้าหุบเขาสองคน เช่นนั้นก็ต้องมีเจ้าหุบเขาน้อยอีกคนหนึ่งมิใช่หรือ”
“ถูกต้อง นั่นก็เป็นปีศาจร้ายตนหนึ่งเลยทีเดียว” มารเฒ่าพูด “ในวันหน้าเมื่อเจ้าได้พบเขาก็จะรู้จักกันเองนั่นแหละ”
ดูท่าทางมารเฒ่าจะไม่อยากพูดถึงคนผู้นั้นมากนัก จึงได้แต่ยับยั้งความอยากรู้อยากเห็นของตนเอาไว้
เธอหยิบขวดหยกออกมาหลายใบ ก่อนจะส่งให้มารเฒ่าขวดหนึ่ง แล้วยกที่เหลือให้กับอูหลิงอวี่พลางเอ่ยว่า “ตอนนี้ข้าใช้เพียงแค่ครั้งละหยดสองหยดเท่านั้น ท่านไปแบ่งใช้เอาเองแล้วกันนะ”
“มีมากมายถึงเพียงนี้เชียวหรือ!” เมื่อเห็นสิ่งล้ำค่า ความเคร่งขรึมของมารเฒ่าเมื่อครู่ก็ไม่หลงเหลืออยู่อีก เขาเปิดฝาขวดออกดม “ที่แท้แล้วนี่คือสิ่งใดกันแน่”
“ท่านคิดเสียว่ามันคือไขกระดูกมังกรดินที่ยกระดับก็แล้วกัน” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
เธอพูดอย่างง่ายๆ แต่ก็ยังคงทำให้ทั้งสองคนพรั่นพรึง เพราะได้รู้ประโยชน์ของสิ่งนี้อย่างคร่าวๆ แล้ว
“ไม่เบิกบานใจเอาเสียเลย ข้าจะกลับละ เห็นหน้าพวกท่านสองคนแล้วอารมณ์เสียยิ่งนัก เฮ้อ”
พอพูดจบเธอก็เรียกเจ้าวิหคน้อยออกมาแล้วไปจากยอดเขา
ไม่ได้รับการชดเชย แต่กลับได้เป็นผู้สืบทอดของหุบเขามารเทพ นี่ทำให้เธออารมณ์ไม่ดีเอาเสียเลย
เธอไม่ใช่คนโง่งม สถานะเจ้าหุบเขาน้อยแห่งหุบเขามารเทพย่อมทำให้คนของโลกเบื้องบนตาร้อนผ่าว มีการคุ้มครองในระดับนี้ ในภายหน้าเมื่อเธอขึ้นไปข้างบนก็คงดีไม่น้อยเลยทีเดียว
แต่เธอนั้นเข้าใจดีว่ายิ่งมีอำนาจมาก ก็ย่อมต้องมีความรับผิดชอบมากเช่นเดียวกัน ในภายหน้าจะต้องมีธุระมากมายให้จัดการแน่นอน แต่ตัวเธอเองนั้นมีนิสัยเกียจคร้านจนเข้ากระดูก เมื่อนึกถึงว่าภายภาคหน้าต้องแบกภาระเอาไว้มากมาย เธอก็เริ่มเป็นทุกข์เสียแล้ว
“นางไม่ชอบใจจริงๆ นะ” อูหลิงอวี่มองเงาหลังที่จากไปของซือหม่าโยวเย่ว์แล้วเอ่ยขึ้น
“นางเป็นคนอ่อนไหว แต่ข้าเชื่อว่าผ่านไปอีกไม่กี่วันก็ไม่เป็นไรแล้วล่ะ” มารเฒ่ายังคงทุ่มเทความสนใจไปที่น้ำทิพย์วิญญาณ จึงมิได้กังวลถึงความโกรธเคืองของซือหม่าโยวเย่ว์เลย
อูหลิงอวี่ก็มองดูขวดหยกในมือพลางเอ่ยว่า “ข้าเคยเห็นน้ำทิพย์ชนิดหนึ่งในตำราที่ตำหนักผู้วิเศษ มันเหมือนกับสิ่งนี้ยิ่งนัก บางทีนี่อาจจะเป็นของสิ่งนั้นก็ได้นะ”
“น้ำทิพย์อะไรหรือ”
“สมบัติแห่งฟ้าดิน น้ำทิพย์วิญญาณ” อูหลิงอวี่พูด
มารเฒ่าสะดุ้ง จากนั้นจึงมองดูสิ่งของในมืออย่างพรั่นพรึง เขาเองก็เคยได้ยินเรื่องน้ำทิพย์วิญญาณมาก่อน ยิ่งดูก็ยิ่งเหมือน ทันใดนั้นเขาก็หัวเราะเสียงดังลั่นแล้วเอ่ยว่า “นางช่างเป็นคนที่โชคดีเสียจริง!”
หลังจากซือหม่าโยวเย่ว์กลับมาถึงริมทะเลสาบเล็กแล้วก็ไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่ง จึงขว้างก้อนหินอยู่ที่ริมทะเลสาบเพื่อระบายอารมณ์
“เป็นอะไรไปหรือ” ทุกคนรู้สึกได้ว่าเธอผิดปกติไปจึงเข้ามาถาม
“ไม่มีอะไรหรอก” ซือหม่าโยวเย่ว์รู้สึกว่าตนกำลังโกรธตัวเอง พูดออกมาก็ไม่มีประโยชน์ เมื่อเห็นว่าไกลออกไปยังมีก้อนหินขนาดค่อนข้างใหญ่หน่อยอยู่ จึงเดินเข้าไปยกมา ก่อนจะใส่พลังวิญญาณเข้าไปแล้วขว้างมันลงไปยังทะเลสาบเล็กอย่างแรง
“บุ๋ง”
ก้อนหินกระแทกผิวน้ำจนแหวกเปิดออก เกิดเป็นระลอกคลื่นชั้นแล้วชั้นเล่า
ทันใดนั้นไอเย็นขุมหนึ่งก็พุ่งขึ้นมาจากก้นทะเลสาบ ทำให้ทุกคนหนาวเหน็บไปทั่วทั้งแผ่นหลัง
“อันตราย รีบถอยไปอยู่ภายในค่ายกลเร็วเข้า!” ซือหม่าโยวเย่ว์ตะโกนเสียงดังในทันใดแล้วหมุนกายวิ่งไปด้านหลัง
คนอื่นๆ ถอยหลังไปก่อนแล้วโดยไม่ต้องรอให้ซือหม่าโยวเย่ว์พูด พวกเขากลับไปอยู่ภายในค่ายกลกันหมดแล้ว
ในขณะนี้เอง ผิวน้ำในทะเลสาบก็มีฟองผุดขึ้นมาไม่หยุดหย่อนราวกับน้ำเดือด จากนั้นไอพลังขุมหนึ่งก็พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า แต่กลับดูเหมือนถูกบางสิ่งบางอย่างสกัดเอาไว้แล้วถูกกดให้กลับลงไปอยู่ภายในทะเลสาบ
ตั้งแต่กลิ่นอายขุมนั้นขึ้นมาจนถึงตอนที่กลับลงไปใช้เวลาไม่เกินสองวินาที แต่พวกซือหม่าโยวเย่ว์กลับรู้สึกว่าเนิ่นนานราวกับทั้งศตวรรษ พอกลิ่นอายขุมนั้นกลับลงไปแล้ว ทุกคนต่างก็หมอบนิ่งอยู่บนพื้น
ผ่านไปครู่ใหญ่ ซือหม่าโยวเย่ว์จึงค่อยได้พละกำลังกลับคืนมา เธอตะเกียกตะกายลุกขึ้นมาอย่างทุลักทุเลอยู่บ้างแล้วมองผิวทะเลสาบอย่างตกตะลึง