ซือหม่าโยวเย่ว์สนใจใคร่รู้ต่อสิ่งนี้เป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นจึงจ้องมองซือหม่าโยวหราน รอให้เขาอธิบายให้ทุกคนฟัง
ซือหม่าโยวหรานแย้มยิ้มพลางเอ่ยว่า “เพราะที่นี่เป็นศูนย์ใหญ่ของทุกขุมอำนาจ คนทั่วไปไม่กล้าฆ่าคนชิงทรัพย์ที่นี่ ส่วนผู้ที่มาค้าขายเหล่านั้นหลังจากเข้ามาแล้วก็ได้รับการคุ้มครองจากที่นี่ ต่อให้คนพวกนั้นอยากลงมือกับพวกเขาก็ทำไม่ได้อยู่ดี”
“ก็หมายความว่ามิอาจนำบุญคุณความแค้นจากภายนอกเข้ามาที่นี่ได้ ต่อให้คนผู้นั้นช่วงชิงสิ่งของของผู้อื่นมา หรือเผชิญกับการไล่ล่าสังหารของผู้อื่น ขอเพียงเข้ามาที่นี่ ก็มิอาจฆ่าคนได้แล้วอย่างนั้นหรือ รอให้เจ้าโจรผู้นั้นขายของออกไปเรียบร้อยแล้ว คนพวกนั้นก็มิอาจทำอะไรเขาได้แล้วสิ” เจ้าอ้วนชวีพูด
“จะว่าอย่างนั้นก็ได้” ซือหม่าโยวหรานพยักหน้า
“เช่นนั้นที่นี่ก็มีสิ่งล้ำค่ามากมายเลยน่ะสิ!” เจ้าอ้วนชวีแววตาเปล่งประกาย
บางคนมีของล้ำค่าอยู่กับตัว แต่กลับไม่กล้าเปิดเผยข้างนอก เพราะถ้าหากไปต้องตาต้องใจใครเข้า ไม่เพียงแต่จะรักษาสิ่งของเอาไว้ไม่ได้เท่านั้น แม้กระทั่งชีวิตก็จะรักษาเอาไว้ไม่ได้ด้วย!
แต่เมื่อมาถึงที่นี่ก็ไม่เหมือนกัน เพียงแค่ปลอมตัวสักหน่อย ก็จะปล่อยสิ่งล้ำค่าในมือตนเอาไว้ที่นี่ได้อย่างง่ายดายแล้ว
“สิ่งล้ำค่ามีอยู่มากมาย แต่ก็มีคนที่เล็งเห็นความคิดเช่นนี้ของทุกคนแล้วนำของมีตำหนิหรือของปลอมมาย้อมแมวขายเป็นของชั้นเลิศหรือของแท้อยู่เหมือนกันนะ” ซือหม่าโยวหรานพูด
“ต่อให้เป็นเช่นนี้ก็ไม่มีใครสนใจหรือ” เว่ยจือฉีพูด
“หลังจากเข้ามาแล้วการค้าขายล้วนเป็นอิสระทั้งหมด เจ้าไปซื้อของปลอมอะไรมาก็ได้แต่โทษที่ตนสายตาไม่แหลมคมพอจนซื้อของปลอมมาเอง”
เมื่อได้ยินซือหม่าโยวหรานพูดเช่นนี้ ทุกคนก็จนคำพูด นี่มิได้แปลว่าจะไปในทิศทางนี้กันหมดหรอกหรือ!
รถเทียมสัตว์อสูรของพวกเขาวิ่งมาหนึ่งชั่วยามจึงจะถึงเขตศูนย์กลาง เมื่อมาถึงที่นี่แล้ว บนท้องถนนล้วนเต็มไปด้วยรถเทียมสัตว์อสูรแน่นขนัด แต่ยังดีที่ท้องถนนที่นี่กว้างขวาง รถเทียมสัตว์อสูรยี่สิบคันสัญจรไปมาพร้อมกันได้ มิฉะนั้นที่นี่คงจะถูกน้ำขังจนกลายเป็นสระน้ำไปแล้ว
เพราะคำขอของพวกซือหม่าโยวเย่ว์ คนขับรถจึงพาพวกเขาไปยังตลาดการค้าที่อยู่ใกล้ที่สุด หลังจากนั้นเขาก็รออยู่ข้างนอกให้คนอื่นๆ เข้าไป
พวกซือหม่าโยวเย่ว์ยืนอยู่ที่ทางเข้าตลาดการค้า เห็นผู้คนมากมายเข้าๆ ออกๆ ก็ตื่นตกใจไม่น้อย
“ที่นี่คือตลาดการค้าเสรีอย่างนั้นหรือ มิได้แตกต่างอะไรกับร้านค้าเหล่านั้นเลยนี่!” ซือหม่าโยวเล่อพูด
ประตูใหญ่นี่ก็ดูเหมือนเป็นห้องโถงธรรมดา ภายนอกมิได้แตกต่างอะไรกับร้านค้าอื่นๆ เลย
คนหลายคนกำลังจะเข้าไป เมื่อเห็นพวกซือหม่าโยวเย่ว์ยืนอยู่ที่ประตูจึงเอ่ยถามว่า “พวกท่านคงจะเพิ่งเคยมาที่เมืองวิเศษกระมัง”
พวกซือหม่าโยวเย่ว์หันมาก็เห็นชายวัยกลางคนสองคน ดูจากกลิ่นคาวโลหิตตลอดร่างนั้นก็รู้เลยว่าต้องเป็นคนที่ผ่านความเป็นตายมาอย่างโชกโชน
“พวกเรามาเมืองวิเศษกันเป็นครั้งแรกจริงๆ ได้ยินเรื่องตลาดการค้าเสรีแห่งนี้ จึงอยากมาดูสักหน่อย” ซือหม่าโยวหรานพูดยิ้มๆ
“มาเป็นครั้งแรกจริงด้วย พวกเราสองคนก็จะเข้าไปเช่นกัน พวกเจ้าจะเข้ามาพร้อมกับพวกเราเลยก็ได้นะ” ชายผิวขาวหน่อยคนหนึ่งในนั้นพูดขึ้น
“ขอบคุณท่านอามาก”
พวกซือหม่าโยวเย่ว์เข้าไปพร้อมกับพวกเขาสองคน พอเข้าประตูมาก็พบความแตกต่างระหว่างที่นี่กับตลาดแห่งอื่นในทันที
ตลาดทั่วไปมักจะจัดวางสินค้าบนชั้นวางอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย แต่ที่นี่มีผู้คนมากมายนั่งเป็นแถวอยู่บนพื้น ปูผ้าลงบนพื้นตามใจชอบ หลังจากนั้นก็วางข้าวของลงไปบนนั้นอย่างกระจัดกระจาย บางคนก็เขียนสิ่งที่พวกเขาต้องการแลกเปลี่ยนลงไป
“ที่นี่มีทั้งหมดสี่ชั้น ให้คนมาตั้งแผงได้ครั้งละกว่าพันคน สิ่งของล้วนล้ำค่าเป็นอย่างยิ่ง” ชายวัยกลางคนผิวขาวพูดอธิบาย “พวกเจ้ามากันเป็นครั้งแรก จะค่อยๆ เริ่มดูจากชั้นที่หนึ่งก่อนก็ได้ พวกเราจะขึ้นไปข้างบน ไม่ไปกับพวกเจ้าแล้วละนะ”
“ได้เลย ขอบคุณท่านอามาก”
เห็นได้ชัดว่าชายวัยกลางคนทั้งสองมายังสถานที่แห่งนี้อยู่เป็นประจำ เมื่อรู้ว่าสิ่งของที่ตนอยากได้ หรือต้องการขายมีระดับขั้นค่อนข้างสูง จึงตรงขึ้นไปข้างบนเลย
“พวกเราเดินดูรอบๆ กันก่อนดีกว่า” ซือหม่าโยวหมิงพูด
พวกเขาเดินดูรอบๆ ชั้นหนึ่ง ซือหม่าโยวเย่ว์เห็นเครื่องยาจำนวนไม่น้อย แต่ก็มิได้ล้ำค่ามากนัก แล้วยังมีพวกยาวิเศษและอาวุธวิญญาณด้วย แต่ระดับขั้นนั้นธรรมดาทั่วไป จึงมิได้เข้าตาพวกเขาเลย
พวกเขาดูทั่วชั้นแรกอย่างรวดเร็ว เพราะพวกเขาไม่เห็นของดีเลย จึงแต่เดินวนดูเท่านั้น
เพียงครู่เดียวพวกเขาก็ขึ้นไปที่ชั้นสอง ซึ่งเหมือนกับที่ชายวัยกลางคนสองคนนั้นบอกเอาไว้ สิ่งของบนชั้นนี้ล้ำค่ากว่าชั้นแรกอยู่พอประมาณ แต่ก็ยังคงไม่เข้าตาพวกเขาอยู่ดี
พวกเขาดูทั่วชั้นสองอย่างรวดเร็วแล้วขึ้นไปยังชั้นสาม
สิ่งของที่นี่ระดับขั้นสูงพอสมควร มีบางครั้งที่ทำให้พวกเขาหยุดฝีเท้าได้ แต่ก็ยังมิได้ซื้อสักเท่าไรนัก มีเพียงแค่เจ้าอ้วนชวีที่ซื้อวัสดุสำหรับหลอมวัตถุจำนวนหนึ่งเท่านั้น
ที่ชั้นสี่ พวกเขาได้พบกับชายวัยกลางคนสองคนนั้น เมื่อเห็นพวกเขาขึ้นมาอย่างรวดเร็วเช่นนี้จึงพูดอย่างประหลาดใจอยู่บ้าง “พวกเจ้าดูสามชั้นล่างครบอย่างรวดเร็วถึงเพียงนี้เชียวหรือ”
“ข้าวของด้านล่างนั้นธรรมดาอย่างยิ่ง ดังนั้นจึงดูได้ค่อนข้างเร็วน่ะ” ซือหม่าโยวหรานพูดยิ้มๆ
เมื่อทั้งสองได้ฟังก็เข่าใจในทันที พวกเขาต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ของที่ได้สัมผัสในยามปกติย่อมไม่ธรรมดาแน่ ดังนั้นจึงไม่เห็นข้าวของข้างล่างอยู่ในสายตาเลย
“ที่นี่เป็นเพียงแค่ตลาดการค้าเล็กๆ เท่านั้น ถ้าหากพวกเจ้าอยากหาของดี จะไปตลาดที่ใหญ่หน่อยก็ได้นะ” ชายวัยกลางคนผิวขาวพูด
“ตลาดแห่งอื่นดีกว่าที่นี่หรือ” ซือหม่าโยวเล่อถาม
“แน่นอนอยู่แล้วล่ะ ตลาดการค้าก็มีการแบ่งระดับชั้น เป็นระดับหนึ่ง สอง และสาม ที่นี่คือระดับสาม เป็นระดับที่ต่ำที่สุด ข้าวของที่ตลาดแห่งนี้ย่อมเปรียบกับตลาดแห่งอื่นมิได้อยู่แล้วล่ะ” ชายวัยกลางคนอธิบายอย่างใจเย็น
“เช่นนั้นตลาดไหนที่ระดับขั้นสูงกว่าเล่า” ซือหม่าโยวหมิงถาม
“ยิ่งเข้าใกล้ศูนย์กลาง ระดับก็จะยิ่งสูง มีตลาดระดับหนึ่งอยู่สามแห่งภายใต้ชื่อของสมาคมนักหลอมยา สมาคมนักหลอมวัตถุ และสมาคมนักฝึกสัตว์อสูร ถ้าหากพวกเจ้าสนใจก็ไปลองดูที่นั่นได้นะ”
“ได้เลย ขอบคุณท่านอาที่ชี้แนะ”
จากนั้นพวกซือหม่าโยวเย่ว์ก็เดินรอบชั้นสี่รอบหนึ่ง จึงได้เห็นเครื่องยาที่ระดับขั้นค่อนข้างสูงอยู่บ้าง แต่ภายในเจดีย์วิญญาณก็มีเครื่องยาเหล่านี้อยู่มากมาย พวกเขาจึงมิได้ซื้ออะไรเลย
สิ่งที่ทำให้ซือหม่าโยวเย่ว์สนใจก็คือตอนที่พวกเขากำลังจะจากมา ได้เห็นต้นหญ้าแรดสีแดงเข้ม ซึ่งปกติแล้วสมุนไพรชนิดนี้จะมีสีเขียว เมื่ออายุเกินสองร้อยปีแล้วจึงจะเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม ซึ่งในช่วงเวลานี้สรรพคุณของยาจะเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว
ชายหนุ่มผู้หนึ่งกำลังคุกเข่าต่อรองราคาของสมุนไพรนี้กับพ่อค้าอยู่ตรงหน้าแผงนั้น
“สามพันตำลึงทอง ไม่อย่างนั้นก็เลิกเจรจา” พ่อค้าผู้นั้นมีทัศนคติแข็งกร้าวอย่างยิ่ง
ชายหนุ่มผู้นั้นดูเหมือนจะต้องการสมุนไพรชนิดนี้เป็นอย่างยิ่ง แต่ตอนออกมามิได้พกเงินมากมายถึงเพียงนั้น จึงต่อราคาหมายจะให้พ่อค้าผู้นั้นลดราคาให้ต่ำลงอีกสักเล็กน้อยด้วยสีหน้าแดงก่ำ
“พ่อค้า ลดอีกสักหน่อยเถิดน่า ข้าจะได้ซื้อของเจ้าเลย”
“สามพันตำลึงทอง น้อยกว่านี้ไม่ได้แล้ว” พ่อค้าพูด “ท่านดูสิว่าของข้านี้เป็นต้นหญ้าแรดสีแดงเข้มเชียวนะ เรื่องราคายังต้องให้ข้าพูดอีกหรือ ถ้าหากท่านไม่อยากได้ ก็ต้องมีผู้อื่นอยากได้อยู่ดี”
“ข้านำเงินมาไม่พอ แต่ข้าต้องการต้นหญ้าแรดนี่มากจริงๆ เจ้าช่วยเก็บไว้ให้ข้าสักครู่สิ ข้าจะกลับไปเอาเงินเดี๋ยวนี้เลย”
“ไม่ได้หรอก ถ้าหากมีผู้อื่นให้ราคาสูงกว่า ข้าก็จะขายเลย” พ่อค้าพูด
“เช่นนั้นจะทำอย่างไรดีเล่า” ชายหนุ่มจะร้องไห้อยู่รอมร่อ
“เช่นนี้ก็แล้วกัน ถ้าหากท่านยอมจ่ายสามพันห้าร้อยตำลึงทอง ข้าก็จะเก็บไว้ให้ท่าน”
ชายหนุ่มขบเขี้ยวเคี้ยวฟันแล้วเอ่ยว่า “ก็ได้!”
ในขณะนี้เอง ท่อนแขนขาวยาวเรียวข้างหนึ่งก็ยื่นเข้ามาหยิบต้นหญ้าแรดต้นนั้นไป
………………………………………