…อืม ฉันชินกับความรู้สึกแบบนี้ซะแล้วสิ
นานแล้วนะที่ฉันเลิกสนใจที่จะพยายามหาแล้วว่านี่มันความรู้สึกอะไรกันแน่
“สายัณห์สวัสดิ์ค่ะ คุณลีน ดีใจที่เธออยู่ที่นี่นะคะ อามาเทราสึจังเอาพุดดิ้งมาจากร้านขนมชื่อดังมาฝากด้วยล่ะค่ะ อยากได้พุดดิ้งฟักทองหรือพุดดิ้งชาเขียวดีคะ?”
พุดดิ้งชาเขียวค่ะ โอ้ แล้วมีชาด้วยหรือเปล่าคะ?
“แน่นอนค่ะ คาโมไมล์หรือลาเวนเดอร์ดีคะ?”
คาโมไมล์แล้วกันค่ะ
ไม่สิ ต้องขอโทษด้วยนะคะที่ต้องขอให้ท่านเป็นคนเตรียมเองทุกทีเลย
“ไม่มีปัญหาเลยค่ะ เราไม่ค่อยได้มีเวลาว่างเลยช่วงนี้ และเราก็ชอบเตรียมงานเลี้ยงน้ำชาแบบนี้นะคะ”
ฉันเข้าใจอารมณ์แบบนั้นเลยค่ะ
ว้าว กลิ่นหอมมากเลยค่ะ ใบชาพวกนี้น่าจะแพงน่าดูเลยนะคะ
“โอ๊ะ จริงด้วยค่ะ สมกับเป็นอามาเทราสึจังจริงๆ มีสายตาเฉียบคมมากเลย เช่นนั้นแล้ว มาทานกันเลยค่ะ”
ค่ะ อิตาดาคิมัส (ทานล่ะนะค้า)
…อืมมม~ อร่อยจังเลย
ความหวานกระจายไปทั่วปาก ตามมาด้วยความขมนิดๆ ของชาเขียว
เพราะแบบนี้แหละ ฉันเลยไม่เคยเบื่อความหวานนี้เลย ฉันกินมันได้เรื่อยๆ เลยนะเนี่ย
“อะ พุดดิ้งฟักทองนี่ก็อร่อยเหมือนกันนะคะ รสชาติของฟักทองออกมาเต็มปากเลย แต่รสชาติของพุดดิ้งก็ยังอยู่เช่นกัน เป็นผลิตภัณฑ์ที่ดีเยี่ยมเลยค่ะ”
จริงเหรอคะ? …ท่านอยากชิมพุดดิ้งชาเขียวมั้ยคะ?
“เธออยากลองชิมพุดดิ้งฟักทองด้วยสินะคะ งั้นเรามาแลกกันดีกว่าค่ะ”
ขอบคุณมากนะคะ
…โอ๊ะ จริงด้วยค่ะ อันนี้ก็อร่อยเหมือนกัน
ฟู่ว… โกะจิโซซามะเดชิตะ (ขอบคุณที่เลี้ยงค่ะ) ว้าว ชาก็อร่อยเหมือนกันเลยนะคะ
“มันเข้ากันได้ดีกับพุดดิ้งเลยนะคะ ชาก็ดี แต่เราชอบชาสมุนไพรมากกว่านะคะ”
ฉันก็เหมือนกันค่ะ โอ๊ะ ขอโทษนะคะ ขอฉันถามคำถามหน่อยนะคะ?
“ค่ะ สามารถถามเราได้ตามสะดวกเลยค่ะ”
…ทำไมฉันถูกเรียกขึ้นมาเหรอคะ? ท่านอิซึสึ
“เธอถามเราหลังจากทานพุดดิ้งกับดื่มชาเรียบร้อยแล้วเหรอคะ? เราคิดว่าเธอคงจะคุ้นเคยกับที่นี่แล้วสินะคะ ขนาดที่เธอไม่ได้ตบมุขเลย”
ไม่ล่ะค่ะ ฉันตัดสินใจแล้วว่าถ้ามีชากับขนมแล้ว ฉันจะเลื่อนการตบมุขออกไปก่อน ฉันจะรอจนกว่าพวกเราจะพอใจแล้ว ก่อนจะเผลอแทรกคำพูดที่ไร้ไหวพริบอะไรออกไปค่ะ
“ดีแล้วค่ะ มีเหตุผลที่เราเชิญเธอขึ้นมาอยู่ข้อหนึ่ง ตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว เราจะจัดงานเลี้ยงน้ำชาเพื่อรายงานความคืบหน้าทุกๆ 3 เดือนอยู่แล้วก็จริง แต่เราก็ปฏิเสธไม่ได้ค่ะว่าครั้งนี้ออกจากสายกว่าปกติเล็กน้อย”
ค่ะ ก็ มันก็จริง
ตลอด 3 ปีมานี่ พวกเราจัดงานเลี้ยงน้ำชาแบบนี้กันมากกว่า 10 ครั้งแล้วสินะคะ?
“…เราจะเล่าต่อเลยนะคะ ผู้กล้ารุ่นปัจจุบันถูกส่งออกไปยังสมรภูมิและเริ่มล่าพวกมารโดยไม่สนสิ่งใดแล้ว อย่างไรก็ตาม ทันทีที่เธอยืนยันได้ถึงตัวตนของผู้บริหาร เธอจะถูกพาหนีด้วยเวทเคลื่อนย้ายทันที เธอคงจะวางแผนฆ่าพวกมารที่อ่อนแอก่อน เพิ่มเลเวลขึ้น และจัดการกับเหล่าผู้บริหารอย่างปลอดภัย”
งั้น ผู้กล้ารุ่นปัจจุบันก็แข็งแกร่งพอๆ กับพวกผู้บริหารแล้วสินะคะ แม้แต่ฉันก็ไปถึงระดับนั้นได้ง่ายๆ แล้วตอนนี้ เพราะฉันก็แข็งแกร่งกว่าผู้บริหารทุกคนแล้ว ขอแค่อยู่ในคืนจันทร์เต็มดวงก็พอ
“……คือมัน……”
คะ?
“เป็นความผิดพลาดของเราเองค่ะ… พรสวรรค์ของผู้กล้านั้นเหนือกว่าที่เราจินตนาการเอาไว้ ทั้งสเตตัสและทักษะเลยค่ะ น่าแปลกที่ต้องพูดว่าแม้แต่ในตอนนี้ เธอก็สามารถเอาชนะผู้บริหาร 1 คนได้อย่างเป็นเรื่องธรรมดาเลยค่ะ”
…หา?
เดี๋ยว เดี๋ยว เดี๋ยว หมายความว่ายังไงเหรอคะ? แม้ว่าฉันจะจัดการแผนการขั้นแรกสุดได้แล้ว ฉันต้องรับมือกับผู้กล้าที่แข็งแกร่งกว่าระดับผู้บริหารกับพวกลิ่วล้ออีก 4 คนพร้อมกันงั้นเหรอคะ? ขนาดในคืนจันทร์เพ็ญยังยากเลยนะคะ!
โถ่ ว่าแต่ ผู้กล้านี่แข็งแกร่งขนาดไหนเหรอคะ?
“เราคาดเดาจากบันทึกภาพจากสนามรบดูแล้ว… สเตตัสเฉลี่ยของเธอน่าจะเกิน 20,000 อย่างแน่นอนค่ะ ไม่มีร่องรอยว่าเธอใช้เวทมนตร์เลย แสดงว่าเธอน่าจะเป็นสายศิลปะการต่อสู้อย่างเดียวค่ะ อย่างไรก็ตาม แม้จะลองโจมตีเธอจากระยะไกล เธอก็ยังรวดเร็วเกินไป ผู้กล้าสามารถเข้าประชิดและฆ่าเธอได้ก่อนที่เธอจะทันใช้เวทมนตร์ด้วยซ้ำค่ะ แม้จะเข้าประชิดตัว ทักษะกระบวนดาบของผู้กล้สก็สูงเกินมาตรฐานถึงขนาดที่พวกเธอส่วนใหญ่คงจะถูกฟันทั้งหมดได้ในเวลาน้อยกว่า 1 วินาทีเสียอีกค่ะ”
สัตว์ประหลาดดีๆ นี่เอง
โธ่ เอาจริงๆ เลยนะคะ ฉันจะจัดการกับเจ้าสิ่งนั้นยังไงดี?
…ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ต้องไปกังวลกับเรื่องนั้นสิ ตัวฉัน ถ้าเป็นคืนจันทร์เต็มดวงล่ะก็ ฉันก็ชนะได้อยู่แล้วถ้าเป็นการต่อสู้หนึ่งต่อหนึ่งน่ะ
เพราะยังไง ในคืนจันทร์เต็มดวง สเตตัสของฉันก็สูงกว่าผู้กล้านั่นแล้ว งั้น…
“คุณลีน คือ เราก็ไม่ได้อยากพูดแบบนี้นะคะ แต่… สเตตัสเพียงอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอที่จะตัดสินความได้เปรียบเสียเปรียบในการต่อสู้ได้หรอกนะคะ เพราะสเตตัสไม่ได้บอกเราว่าทักษะของคุณนั้นแข็งแกร่งแค่ไหนค่ะ แม้เธอจะฝึกหนักจนได้ร่างกายที่แข็งแกร่งเหนือมนุษย์มาแล้ว เธอก็ไม่สามารถเอาชนะผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะการต่อสู้ได้เลยค่ะ ในทำนองเดียวกัน คุณลีนยังตามหลังผู้กล้าอยู่นะคะ ในด้านของทักษะการต่อสู้”
…มันน่ากลัวขนาดนั้นเลยสินะคะ กระบวนดาบของผู้กล้าเนี่ย?
“มันยากที่จะเชื่อนะคะว่าเป็นทักษะที่ได้มาจากการฝึกเพียง 3 ปีเท่านั้น อยู่ในระดับที่แม้แต่เราก็สงสัยว่านี่เธอได้ไปเข้าห้องที่ทำให้ 1 วันยาวนานเป็น 1 ปีเลยหรือเปล่า?”
คุณรู้จักเรื่องห้องนั้นได้ยังไงคะเนี่ย?
ไม่สิ นี่ไม่ใช่เวลามาคิดเล็กคิดน้อยนะ
ล้อกันเล่นใช่มั้ยคะเนี่ย ผู้กล้าคะ เอาจริงๆ ฉันอาจจะประเมินเธอต่ำเกินไป
ในคืนจันทร์เต็มดวง ฉันมั่นใจว่าไม่มีทางแพ้ใครแน่
แต่ฉันชักไม่แน่ใจแล้วว่าจะชนะผู้กล้าที่แม้แต่เทพอย่างท่านอิซึสึยังเฝ้าระวังได้เลยค่ะ
ฉันเรียนรู้จากคุณอารอนมาเยอะ ฝึกอยู่ที่สนามฝึกของคุณเซดมาด้วย แต่ดูจากที่ท่านอิซึสึว่ามาแล้วนี่ ฉันต้องยังด้อยกว่าเธอแน่เลย
“เธอเป็นเด็กผู้หญิงอายุแค่ 8 ขวบ และเป็นเด็กที่น่ากลัวค่ะ ไม่ใช่แค่เธอหรอก… ผู้กล้าค่อนข้างจะเกินมือเธอนะคะ แม้แต่เทียน่าก็เอาชนะผู้กล้าไม่ได้ คนที่เป็นไปได้ที่จะชนะผู้กล้าได้ในกองทัพจอมมารล่ะก็ คงมีเกรย์ ผู้บริหารที่แข็งแกร่งที่สุด หรือเรน ผู้บริหารที่แข็งแกร่งเป็นอันดับ 2 และหลานชายของเทียน่า ว่าที่ผู้บริหารที่แข็งแกร่งที่สุด…ซากุระ ก็ประมาณนี้ล่ะค่ะ”
3 นักสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในกองทัพจอมมารสินะคะ คนพวกนั้นน่ะ
ซากุระคุงคืออัจฉริยะด้านเวทมนตร์ที่สามารถเรียนรู้เวทมนตร์ได้มากกว่า 90% ที่ปรากฏในโลก
คุณเรนเป็นแฟรี่ที่แข็งแกร่งที่สุดที่สามารถควบคุมปรากฏารณ์ทางสภาพอาการได้ตามใจนึก
คุณเกรย์คือนักรบฟ้าประทานที่ว่ากันว่าเขาเชี่ยวชาญในศิลปะการต่อสู้ทุกรูปแบบของเผ่ามารเลย
ฉันเคยดูทุกคนต่อสู้มาแล้ว และความประทับใจของฉันกับทุกคนก็เท่ากันเลย ‘อย่างโกงเลย’
แล้วยังสูสีได้แม้แต่กับพวกคนใช้สูตรโกง 3 คนนั้นน่ะนะ? นี่เจ้านั่นเป็นโคตรบอสขนาดไหนกันเนี่ย?
ฉันเพิ่งรู้สึกได้ไม่นานนี่เองว่าฉันเอาชนะทั้ง 3 คนนั้นไม่ได้เลยแม้จะอยู่ในคืนจันทร์เต็มดวงนะคะ!
“และก็…”
ยังมีอีกเหรอคะ!?
“สิ่งแรกที่เธอต้องรู้ก่อนคือ อาชีพ [ผู้กล้า] มีผลที่ทำให้ได้เปรียบเมื่อทำการต่อสู้กับเผ่ามารนะคะ ผลของมันก็ทัดเทียมกับผลของ [ผู้ชำระแค้น] ของเธอเลย กล่าวคือ สเตตัสที่เพิ่มขึ้นเท่าตัวของ [ผู้ชำระแค้น] ไม่เป็นผลกับผู้กล้าค่ะ”
แล้วฉันจะเอาอะไรไปชนะล่ะคะเนี่ย?!
“…ก็ หลังจากที่เราพูดถึงผู้กล้ากันมาเสียนานแล้ว มันก็ยังมีความเป็นไปได้ที่คุณลีนจะชนะได้อยู่นะคะ”
ท่านจะให้ฉันเชื่อท่านหลังจากที่เราฟังความโกงของผู้กล้ามาจนถึงตอนนี้เหรอคะ
ฉันทำไม่ได้หรอกค่ะ
“โปรดฟังเราก่อนนะคะ ผู้กล้านั้นยอดเยี่ยมก็จริง แต่ก็เป็นเรื่องจริงเช่นกันที่ว่าในคืนจันทร์เพ็ญเช่นนั้น สเตตัสของเธอนั้นสูงกว่าผู้กล้าเกินกว่าเท่าตัวเลย อีกทั้งเทคนิคการต่อสู้ทางกายภาพที่เธอเรียนรู้จากอารอนและเกรย์ ประสบการณ์การต่อสู้จริงที่เซดสอนให้ และเวทมนตร์ที่เธอได้รับมาจากเทียน่า แม้กระบวนดาบของผู้กล้าจะเลิศเลอเพียงใด แต่นั่นก็คือสิ่งเดียวที่เธอมีค่ะ เพราะฉะนั้น แม้บางครั้งการเชี่ยวชาญเฉพาะด้านเดียวอาจเหนือกว่าการชำนวญหลายด้าน แต่ถึงอย่างนั้น เราคิดว่าคุณลีนเหนือกว่าเธอในภาพรวมนะคะ”
จ- จริงเหรอคะ?
“จริงค่ะ ถ้าเธอไม่มีโอกาสชนะเลย จอมมารคงไม่ส่งเธอไปตั้งแต่แรกแล้วจริงมั้ยคะ?”
ก- ก็… ก็จริงนะคะ ท่านจอมมารก็ใจดีด้วยสิ
“(นั่นไม่ใช่ที่เราจะหมายถึงหรอกนะคะ…)”
แล้วมีโอกาสที่ฉันจะชนะผู้กล้าอยู่เหรอคะ?
“มีค่ะ แน่นอน พูดตามตรง พวกผู้ติดตามนั้นไม่ได้แข็งแกร่งเลยค่ะ เธอสามารถรวบพวกนั้น แล้วฆ่าทีเดียวด้วยเวทมนตร์ที่เหมาะสม จากนั้น ก็ใช้เวลาในการต่อสู้กับผู้กล้าได้เลยค่ะ”
โอ้ เป็นข้อมูลที่เยี่ยมเลยค่ะ!
ฉันกำลังกังวลเลยว่าพวกลิ่วล้อนั่นแข็งแกร่งแค่ไหน แต่ถ้าแค่เวทของฉันก็ตายแล้ว ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย
เอ แล้วจะว่าไป เปอร์เซ็นต์ที่ฉันจะชนะมีแค่ไหนเหรอคะ?
“………”
อะเระ? ท่านอิซึสึคะ?
โฮ้―――ย
“ถ้างั้น คุณลีนคะ ขอให้โชคดีกับการต่อสู้กับผู้กล้านะคะ! ไว้มาดื่มชากันอีกวันหลังนะคะ! เจอกันใหม่ค่ะ!”
เฮ่…นี่เรายังคุยกันไม่จบเลยนะคะ-…
พอฉันตื่นมา ฉันก็นอนอยู่บนเตียงในห้องพักของทหารระดับสูง
ฉันลุกขึ้นมา เทน้ำใส่แก้วข้างตัว ก่อนจะดื่มอึกเดียวหมด
จากนั้น ฉันทำใจให้เย็นลง และค่อยๆ วิเคราะห์การสนทนากับท่านอิซึสึเมื่อครู่นี้
ผลลัพธ์ที่ได้ มีแค่คำคำเดียว
“…เป็นไปไม่ได้ สินะคะ?”
TN: มีใครงงมั้ยครับ ห้องที่ทำให้ 1 วันยาวนานเป็น 1 ปี
ท่านอิซึสึต้องรู้จักมาจากเทพีอามาเทราสึแน่นอนครับ ของสุดเด็ดสุดโกงจากมังงะโชเน็นญี่ปุ่นชื่อดังแบบนี้ 555