การกวาดล้างมนุษยชาติของเจ้าหญิงแวมไพร์กับอดีตผู้กล้า – ตอนที่ 41 องค์ที่ 2 ผู้กล้า – เจ้าหญิงแวมไพร์และปฏิบัติการขั้นสุดท้าย

การกวาดล้างมนุษยชาติของเจ้าหญิงแวมไพร์กับอดีตผู้กล้า

“…ทีนี้ ฉันจะทำอะไรต่อดีล่ะ?”

 

ไม่สิ คือก็ดีแล้วที่ฉันหยุดผู้กล้าไว้ได้ แต่ต่อจากนี้ ฉันต้องทำอะไรล่ะเนี่ย?

เพราะฉันใช้เวทเคลื่อนย้ายไม่ได้ แล้วฉันก็ไม่มีเมจิกไอเท็มสำหรับเคลื่อนย้ายด้วย

ตอนนี้ฉันอยู่ท่ามกลางป่าหน้าตาธรรมดาๆ แต่ฉันก็ดันจำไม่ได้ด้วยสิว่าตัวเองเข้ามาจากทางไหน

ก็ พูดง่ายๆ ฉันค่อนข้างกลุ้มใจอยู่…

 

‘ลีน! เจ้าทำได้ดีมาก!’

“หวาา!?”

 

ระหว่างกำลังใช้ความคิด จู่ๆ ก็มีเสียงก้องดังเข้ามาในหัวของฉัน

เสียงนั้นมัน…

 

‘เออ ท่านจอมมารเหรอคะ?’

‘ใช่แล้ว! ยอดเยี่ยมมาก ลีน เจ้าเอาชนะผู้กล้าได้จริงๆ! คอยดูนางไว้ประเดี๋ยว เราจะส่งเทียน่าไปหาเจ้าในอีกไม่กี่นาที’

‘…ระหว่างนั้น ฉันเกรงว่าผู้กล้าจะตื่นขึ้นมาก่อนแล้วอาละวาดโดยไม่สนใจอาการบาดเจ็บของตัวเองน่ะสิคะ…’

‘ไม่ต้องกังวลไป ด้วยสภาพตอนนี้ของนางแล้ว คงขยับตัวไม่ได้ตามที่ต้องการหรอก ต้องขอโทษจริงๆ เราเองก็ต้องการให้เจ้าได้กลับมาเร็วๆ แต่ทางเรายังงานเต็มมืออยู่เล็กน้อย’

 

ยังยุ่งอยู่งั้นเหรอ? แล้วคุณเทียน่าล่ะ?

 

‘เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าคะ?’

‘เจ้า 2 คนนั่นจาก 12 อัครสาวกที่เราลักพาตัวมา… อัซบาร์กับทรัซท์นั่นน่ะดื้อด้านกว่าที่เราคิดเสียอีก เทียน่ากับเฟเรีย แล้วก็เซดกับนัตสึเมะกดดันพวกมันไปมาก แต่พวกมันก็ไม่ยอมตายซักที แต่ไม่มีสิ่งใดที่เจ้าต้องเป็นห่วง เพราะตอนนี้เจ้าจัดการผู้กล้าลงได้แล้ว มาตรการฉุกเฉินจึงไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป เราให้เรนกับเกรย์กลับมาที่นี่แล้ว’

 

…ว้าว แย่จังเลยน่า

อันดับที่ 9 กับ 10 ที่แทบจะสู้กับผู้บริหารแบบตัวต่อตัวได้ แล้วตอนนี้ต้องมาสู้แบบ 4 ต่อ 2 แถม 2 ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในกองทัพจอมมารก็กำลังจะไปร่วมวงด้วยเหรอเนี่ย

 

‘คงไม่ต้องพูดอะไรแล้วสิ… อะ เรนเรียกฟ้าผ่าใส่ เทียน่ายิงเวทมนตร์ตาม… เกรย์พุ่งเข้าไป… อ่า ทรัซท์ตายแล้วล่ะ’

‘… เออ ไม่ต้องคอยพากย์มวยให้ฉันฟังก็ได้นะคะ’

‘หืม ไม่ชอบอย่างนั้นเหรอ? ถ้าเช่นนั้น เจ้ารออยู่อีกบริเวณนั้นซักประเดี๋ยวหนึ่งนะ เมื่อทางนี้จัดการได้เรียบร้อยดีแล้ว เราจะส่งเทียน่าไปหาเจ้าอีกครั้งหนึ่ง’

 

จบจากประโยคนั้น โทรจิตสื่อสารก็ถูกตัดไป

 

“…ฟิ่ว ดูท่าจะไม่มีปัญหาอะไรสินะ…”

 

ไม่หรอก เล่นเอากังวลไปแป๊บนึงเลยแฮะว่าจะมีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นหรือเปล่า?

เอาเถอะ ไม่เป็นไรหรอก ไม่มีทางที่ท่านจอมมารจะไม่ได้ดูการต่อสู้ของฉันอยู่แล้วล่ะ งั้นฉันจะช่างเรื่องนั้นไปก่อนจนกว่าทุกอย่างจะ… เรียบ…… ร้อย…… หืม?

 

ผู้กล้า ลืมตาแล้วเหรอ?

 

…ไม่ ไม่ ไม่ ไม่หรอกน่า ฉันต้องคิดไปเองแน่ๆ คือ หลังจากโดนเข้าไปจังๆ แบบนั้นอะนะ?

แล้วนี่แค่ไม่กี่นาทีเอง จะตื่นแล้วเหรอ? ล้อกันเล่นใช่มั้ยเนี่ย ผู้กล้า?

…อะ แต่เหมือนเธอจะไม่ลุกขึ้นมาเลยแฮะ อย่างว่าแหละ ก็ควรจะเป็นแบบนั้นล่ะนะ เจ็บหนักขนาดนั้น

ฉันจะแค่จับตามองเธอจากที่ไกลๆ ก็แล้วกัน…

 

“…หวังว่าฉันจะไม่ต้องตื่นขึ้นจากฝันนี้นะ”

 

เอ๋? เธอพูดงั้นเหรอ?

 

“พูดอะไรของเธอน่ะ… ไม่สิ นี่เธอพูดแล้วเหรอ?”

 

หลังจากลังเลอยู่ซักพัก ฉันก็เลือกที่จะพูดกับผู้กล้า

เธอหันมาทางเสียงของฉัน ก่อนจะเบิกตาออกนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับมา

 

…ไม่รู้สิ ฉันรู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆ กับตัวผู้กล้าอยู่นะ

มันเป็นความรู้สึกไม่สบายใจแปลกๆ เหมือนเห็นตุ๊กตายัดนุ่นเปลี่ยนท่าทางไปหลังจากที่เราตื่นมาอะไรแบบนั้น

และฉันก็รู้สึกได้ถึงความมีชีวิตนิดๆ ในนัยน์ตาของเธอบ้างแล้ว

…นี่หัวใจของเธอกลับมาแล้วเหรอ?

 

…ไม่ล่ะ ไม่ ไม่ ไม่มีทางที่หัวใจที่แตกสลายไปตั้ง 3 ปีจะรักษาได้ง่ายๆ แบบนี้หรอก

ฉันคงคิดไปเองแน่เลย

 

“โอ๊ะ ฉันจะลักพาตัวเธอไปก่อนนะสำหรับตอนนี้… ฉันต้องปกป้องเธอ- โอ๊ย! โอย…ปวดไปหมดทั้งตัวเลย {มิดเดิลฮีล (ฟื้นฟูระดับกลาง)}… เอาล่ะ รู้สึกดีขึ้นละ”

 

พอเพิ่งนึกได้ว่ายังอดทนกับความเจ็บปวดทั่วร่างกายอยู่ ฉันเลยร่ายเวทฟื้นฟูให้กับตัวเอง

ก็นะ ผลของมันก็เบาลงไปมากเพราะสเตตัสของฉันมันตกลง กับพลังของผู้กล้าเองด้วย

 

“คุณลีนคะ”

“ว้าย!? …อะ คุณเทียน่าเองเหรอคะ”

 

ไม่รู้ตัวเลยว่าเธอมายืนอยู่ตรงนี้แล้ว อย่าเคลื่อนย้ายมาข้างหลังฉันเลยนะคะ ขอร้องล่ะค่ะ

 

“ขอบคุณสำหรับความเหนื่อยยากนะคะ ตอนนี้อัครสาวกทั้ง 2 คนนั้นถูกจัดการเรียบร้อยแล้วค่ะ เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลไปนะคะ เดี๋ยวฉันพาคุณไปอีกฝั่งนึงเอง”

“คุณเทียน่าคะ เคลื่อนย้ายให้พวกเราได้เลยค่ะ~”

“…ทำไมน้ำเสียงฟังดูตื่นเต้นจังเลยล่ะคะ?”

 

แน่นอนสิคะ หลังจากเอาชนะผู้กล้ามาได้ มันก็คลายความตึงเครียดบางอย่างออกมาได้เลยค่า~☆

 

คุณเทียน่าพาฉันกับผู้กล้าเคลื่อนย้ายมาที่…เอ๋?

ไม่ใช่ที่ห้องประชุม ฉันเคยเห็นห้องนี้แค่ 3 ครั้งเอง… ที่นี่คือห้องของจอมมารนี่นา

ท่านจอมมารนั่งบนที่นั่งที่เป็นเหมือนบัลลังก์เหมือนอย่างทุกที่ ผู้บริหารทุกคนก็มารวมกันที่นี่ด้วย

ท่านจอมมารดูทั้งสง่าทั้ง…

 

“ลีน เจ้ากลับมาแล้ว! แหม เจ้าทำงานได้ดีมากจริงๆ! สมแล้วล่ะที่เป็นหล-…เป็นภาชนะของเราเลย!”

 

…ผิดแล้วค่ะ ฉันแค่คิดไปเอง

ท่านจอมมารคะ นี่ต่อหน้าคนอื่นๆ ด้วย หยุดกอดฉันก่อนเถอะนะคะ ฉันทั้งเขินทั้งงงไปหมดแล้ว

หลังจากที่ผู้บริหารคนอื่นๆ เข้ามาช่วยเหลือฉัน แล้วก็หลังจากความเขินอายนิดๆ หน่อยๆ เราก็กลับมาเผชิญหน้ากับปฏิบัติการขั้นสุดท้ายของพวกเรา

 

ฟื้นฟูจิตใจและสติให้กับผู้กล้า

คงจะไม่เป็นการพูดเกินไป ถ้าจะบอกว่านี่คือขั้นตอนที่ยากที่สุดในปฏิบัติการนี้เลย

ถ้าล้มเหลวในขั้นตอนนี้ เราจะถูกบังคับให้เหลือแค่หนทางเดียว

นั่นคือ…สังหารผู้กล้าลงตรงนี้

 

“หืม… เป็นปัญหาที่ยากจริงๆ มันไม่เหมือนกับการสงครามที่สามารถจัดการได้ด้วยกำลัง นี่เป็นปัญหาทางจิตใจ เป็นโจทย์ที่ยากมาก เพราะกำลังใดก็ไม่เป็นผลเลย…”

 

จริงค่ะ…

 

“ฉันคิดว่าฉันได้ยินผู้กล้าพูดอยู่นะคะ แต่ฉันน่าจะหูแว่วไปเองมากกว่า เพราะตอนนี้เธอไม่ขยับตัวเลย…”

“…เจ้าคิดว่า อย่างนั้นเหรอ?”

 

หืม?

เอ๊ะ อะไรนะคะ?

 

“จริงๆ แล้ว ไม่สิ มีวิธีที่จะรักษาจิตใจของผู้กล้าได้… หากจะพูดให้ถูกแล้วล่ะก็ มีวิธีทำให้จิตใจของผู้กล้ากลับมาทำงานอีกครั้งแล้ว”

“เ―――เอ๋!?”

 

มันมีวิธีแบบนั้นอยู่ด้วยเหรอคะ?!

 

“และลีนก็เป็นกุญแจสำคัญในวิธีนั้นด้วย ลีน เจ้าได้เปลี่ยนอาชีพของตัวเองเป็น [อสูรอาฆาตแค้น] ระหว่างการต่อสู้แล้วสินะ?”

“เอ๊ะ? ใช่ค่ะ… รู้ได้ยังไงเหรอคะ?”

“นางพูดออกมาสองสามคำด้วยสินะ นั่นไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจินตนาการไปเองหรอก แต่จิตใจของนางฟื้นกลับขึ้นมาเล็กน้อยจริงๆ และสติก่อนหน้านี้ของนางก็กลับมาด้วย นั่นเป็นผลจากความสามารถของ [อสูรอาฆาตแค้น]”

 

เอ๋? อะไรนะคะ? [อสูรอาฆาตแค้น] มีความสามารถแสนสะดวกสบายแบบนั้นด้วยเหรอเนี่ย?

เป็นความสามารถสะดวกสบายแบบไหนกันหนอ?

 

“พูดอย่างย่อ… [อสูรอาฆาตแค้น] มีพลังในการ ‘ตามหาคนที่มีความปรารถนาที่จะแก้แค้นร่วมกัน และปลุกไฟแห่งความแค้นนั้นให้ลุกโชนเพื่อเพิ่มความต้องการที่จะล้างแค้น’ ทำงานอยู่ตลอดเวลา ผู้กล้าที่จิตใจพังทลายไป สูญเสียสติรู้ตน และกลายเป็นตุ๊กตาอย่างในขณะนี้ ในใจนางยังคงมีความปรารถนาที่จะล้างแค้นพวกมนุษย์ซ่อนเร้นอยู่ในเศษเสี้ยวจิตใจของเธอที่เหลืออยู่เป็นแน่ พลังของลีนได้ทำให้ความปรารถนานั้นเข้มแข็งขึ้น และช่วยฟื้นฟูจิตใจของนางมาได้ระดับนึงนั่นเอง”

“เข้าใจแล้วค่ะ แต่นั้นก็ช่วยได้นิดเดียวเอง แล้วฉันจะช่วยรักษาให้สมบูรณ์ได้ยังไงเหรอคะ?”

“เป็นเรื่องง่ายๆ แล้ว สิ่งที่เหลือคือจัดการเรื่อง-… ไม่สิ เราต้องทำให้ภารกิจที่นางถูกมนุษย์สลักเอาไว้ให้สมบูรณ์ก่อนสินะ”

 

…? หมายความว่ายังไงเหรอคะ?

 

“ก็ เห็นแล้วจึงจะเชื่อ ดูด้วยตาของพวกเจ้าเองก็แล้วกัน”

 

ว่าเช่นนั้น ท่านจอมมารก็รีบเดินตรงเข้ามาหาผู้กล้า ก่อนที่จะ…  

 

“{เอ็กซ์ตร้า ฮีล (ฟื้นฟูขั้นสูงสุด)}”

“…เดี๋ยวก่อนสิคะ!? ทำอะไรของท่านน่ะคะ ท่านจอมมาร?”

 

ท่านจอมมารทำการรักษาอาการบาดเจ็บของผู้กล้าด้วยเวทฟื้นฟูระดับสูงที่สุดโดยไม่สนใจคำทักท้วงของฉันเลย ก่อนจะพูดคุยกับผู้กล้า

 

“โอ้ ผู้กล้า ได้ยินเราพูดมั้ย? ได้ยินที่เราพูดหรือเปล่า?”

“………”

 

อย่างที่ฉันคิด เธอไม่ได้พูดอะไรเลย

จิตใจที่ฟื้นขึ้นมานิดหน่อยคงจะมีขีดจำกัดอยู่สินะ…

 

“ตัวเราคือจอมมาร จอมมารฟิลิส”

“…จอม…มาน?”

 

เธอพูดแล้ว!

 

“ถูกต้อง จอมมาร ศัตรูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเจ้ายังไงเล่า ผู้กล้าเอ๋ย รวมทั้งยังเป็นศัตรูตัวสุดท้ายด้วย ถ้าเจ้าสังหารเธอได้ล่ะก็ ทุกอย่างก็จะจบลง”

“…จอม…มาน…จอมมาน…จอมมาร…ฆ่า ฆ่า ต้องฆ่า ฆ่าซะ ต้องฆ่าซะ ฆ่าซะ…”

 

…เออ นี่ชักจะไม่เข้าท่าแล้วมั้ยคะ?

เป้าหมายคือ ‘สังหารจอมมาร’ ที่ถูกบังคับให้สลักไว้ในตัวเธอนั้น หลังจากที่จิตใจของเธอแตกสลายกลับมาทำงานใหม่ แล้วก็…

 

“…ฆ่า”

 

…แล้วผู้กล้าก็แทงดาบของเธอทะลุอกของจอมมารไปก่อนที่พวกเราจะทันหยุดเธอได้

 

“ท่านจอมมาร!”

“พวกเจ้า…อุก!”

 

“พวกเจ้าทุกคนสงบใจกันก่อน! เราไม่อนุญาตให้ใครก็ตามขยับมาจากตรงนั้นเด็ดขาด!”

 

ฉันกับผู้บริหารทุกคนกำลังจะพุ่งใส่ผู้กล้า… แต่ท่านจอมมารสั่งให้พวกเราหยุด

แม้ว่าเธอจะถูกแทงเข้าที่หัวใจและกระอักเลือดออกมาก็ตาม การกระทำของเธอกลับเด็ดเดี่ยวยิ่งกว่าเดิมเสียอีก

 

“…ผู้กล้าเอ๋ย งานของเจ้าจบลงแล้วนะ”

“………อา”

“เจ้าทำได้ดีแล้ว เจ้าฆ่าจอมมารลงได้แล้ว งานสุดท้ายที่เจ้าได้รับมาคือ ‘สังหารจอมมาร’ ใช่ไหม? ทุกอย่างจบลงด้วยดีแล้ว เจ้าฆ่าเราได้แล้วหนหนึ่ง ทีนี้งานของเจ้าก็สิ้นสุดแล้ว”

“……สิ้น…สุด…?”

“ใช่ เจ้าไม่ต้องเป็น [ผู้กล้า] อีกแล้ว เจ้าเป็นแค่มนุษย์ธรรมดา เจ้าไม่ต้องฆ่าเหล่ามารที่เจ้าไม่ต้องการจะฆ่า หรือต้องรับคำสั่งที่เจ้าไม่อยากได้ยินอีกแล้ว เจ้าสามารถไปที่ใดหรือทำสิ่งใดก็ได้ เจ้าเป็นอิสระแล้ว”

“………อิสระ…”

“ถูกครอบครัวทอดทิ้ง หัวใจเจ้าแตกสลาย ทั้งชีวิตถูกพรากไปจากเจ้า… มันคงจะหนักมากสำหรับเจ้าสินะ ไม่เป็นไรแล้วนะ แม้เจ้าจะเปิด ‘ใจ’ ออกมาก็ไม่เป็นไรแล้ว”

“เปิด…… ใจ………”

“ถูกต้อง เราให้คำสัตย์ จะไม่มีใครที่นี่ทำร้ายเจ้า ไม่มีใครจะทำร้ายเจ้าอีก ฉะนั้น เจ้าพูดออกมาเลย”

“ตัวฉัน……… ฉ-… ฉันน่ะ……… เราน่ะ……”

“…อะไรหรือ…”

 

“ผู้กล้าอะไรนั่นน่ะ…ผู้กล้าอะไรนั่นน่ะ! เราไม่ได้อยากจะเป็นเลย!!!”

 

TN: ช่วงต้นของตอนนี้ ก็คือเหตุการณ์ช่วงท้ายของตอนที่ 27   “ผู้กล้าพังทลาย” นั่นเองครับ

(ผู้กล้านั้นแต่เดิมจะใช้คำสรรพนามแทนตัวเองว่า ボク (Boku) ซึ่งผมใช้คำว่า “เรา” แทน ส่วนช่วงที่จำบุคลิกเดิมของตัวเองไม่ได้ เลยใช้คำสรรพนามแทนตัวเองว่า 私 (Watashi) ซึ่งผมใช้คำว่า “ฉัน” นะครับ)

การกวาดล้างมนุษยชาติของเจ้าหญิงแวมไพร์กับอดีตผู้กล้า

การกวาดล้างมนุษยชาติของเจ้าหญิงแวมไพร์กับอดีตผู้กล้า

Status: Ongoing
เซนโจ โยนะ เด็กหญิงที่ถูกกลั่นแกล้งอย่างหนัก ได้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุแก๊สระเบิด หลังจากนั้น ด้วยความช่วยเหลือของเทพชั่วร้าย อิซึสึ เธอก็ได้มาเกิดใหม่เป็นลูกสาวของผู้นำเผ่าแวมไพร์ [ลีน บลัดลอร์ด] ชีวิตอันสงบสุขกำลังรอเธออยู่ รายล้อมไปด้วยครอบครัวและเพื่อนพ้องที่รักเธอ สิ่งที่เธอต้องการมาโดยตลอดจากชาติก่อน … แต่เวลาเหล่านั้นก็ต้องสิ้นสุดลง จากการกวาดล้างเผ่าพันธุ์แวมไพร์ด้วยน้ำมือของพวกมนุษย์อย่างไร้เหตุผล “อา เข้าใจแล้ว ชีวิตของฉันต้องพังทลายเพราะว่ามีพวกมนุษย์อยู่งั้นสินะ” อีกด้าน มีเด็กสาวที่ถูกมองเป็นตัวน่ารำคาญในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เธอได้รับ [คุณสมบัติของผู้กล้า] พร้อมทั้งพรสวรรค์และศักยภาพอันล้นเหลือ แต่จิตใจของเธอกลับถูกทำลายลงด้วยน้ำมือของพวกมนุษย์ เพื่อล้างสมอง และเปลี่ยนเธอเป็นอาวุธมีชีวิต “จริงๆ แล้ว…ไม่อยากปกป้องพวกมนุษย์ซักหน่อย เราไม่ได้อยากเป็นผู้กล้า…” และพวกเธอผู้เกลียดชังต่อมนุษย์ ก็กลายมาเป็นภัยพิบัติต่อมนุษยชาติ นี่คือเรื่องราวของเด็กสาว 2 คนที่ชีวิตต้องถูกทำลายด้วยน้ำมือของมนุษย์ และสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตไป เหลือเพียงแค่ชีวิตของตัวเอง และพวกเธอจะใช้ทุกวิถีทางเพื่อล้างแค้นและกวาดล้างมนุษยชาติให้สิ้น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท