ตอนที่ 83 การจัดการของหนิงอี้
เสียงลมหายใจของหนิงอี้กระชั้นขึ้นมา
ครั้งนี้ เหนือความคาดหมายเขาจริงๆ
เขาไม่คิดเลยว่าท่านนั้นในวังจะยกเรื่องใหญ่ขนาดนี้ให้ตนจัดการ
คำพูดนั้นของขุนนางชราหมายความว่าอย่างไรกัน…ทุกคนได้ยิน เอ่ยนามของเจ้าจวนขานฟ้าจูโฮ่วง่ายและชัดเจน ให้เป็นผู้ปกปักเมืองหลวงใต้แม่น้ำวายุแดง นี่หมายความว่าฝ่าบาทกริ้วกับการกระทำครั้งนี้ของสามสำนักศึกษาจริงๆ
สามสำนักศึกษามีโทษ
ส่วนสามสำนักศึกษามีโทษหนักเพียงใด ยกให้หนิงอี้จัดการทั้งหมด…ในเมื่อฝ่าบาทไท่จงตรัสแล้วก็ยากจะคืนคำได้ เช่นนั้นต่อให้หนิงอี้คิดว่าผู้บำเพ็ญที่ร่วมศึกของสามสำนักศึกษารวมถึงคนพวกนี้ที่คิดจะฆ่าตนในจวนภูเขาครามมีโทษทั้งหมด อภัยให้ไม่ได้ ทั้งยังจะฆ่าพวกเขาทั้งหมด วังก็จะทำตามประสงค์นั้น
ตอนนี้ผู้บำเพ็ญสามสำนักศึกษาหน้าเปลี่ยนสีไปทั้งหมด
โดยเฉพาะราชันดาราอี๋อู๋ แววตาที่เขามองหนิงอี้ไม่ใช่แบบก่อนหน้านี้อีก…แต่มีความหวาดกลัวเสี้ยวหนึ่ง
หนิงอี้ยืนใต้ภูเขาคราม
เขารู้สึกได้ว่าสายตามากมายมองเข้ามา ความรู้สึกที่ไม่เคยเจอมาก่อนหลั่งไหลมาที่หัวใจ นี่เป็นความรู้สึกที่ไม่คุ้นเลย แต่ก็ไม่ได้ขจัดออกไป
การถูกคนมากมายจ้องมอง บางทีนี่อาจจะเป็นรสชาติของอำนาจ
ตอนนี้ หนิงอี้คือใจกลางสายตาของทุกคน
องค์ชายสามมีสีหน้าปั้นยาก เขาคิดว่าลมหนาวในวันนี้น่ารำคาญมาก พัดจนแก้มตนแสบร้อนไปหมด อดกำสองหมัดไม่ได้ สูดลมหายใจเข้าลึก
เสียเปรียบหนักแล้ว
องค์ชายรองหลี่ไป๋จิงกลับต่างไปอย่างสิ้นเชิง เขามองหนิงอี้ด้วยแววตาเร่าร้อน ในดวงตาเต็มไปด้วยการเฝ้ารอคอย
เพียงแต่มีจุดหนึ่งที่น่าเสียดายมาก ก่อนจะเริ่มศึกสำนักศึกษา เขาไม่เคยพูดคุยหรือผูกมิตรกับคุณชายหนิงอี้คนนี้เลย
แต่ตอนนี้ ความหมายแฝงในแววตาเขาชัดเจนอย่างยิ่ง…สำนักศึกษาเนื้อก้อนนี้ ใครก็อยากได้ องค์ชายสามมาถึงจวนภูเขาครามก่อน ทำทุกอย่างพัง ดูท่าคงมีสัมพันธ์ไม่กลมเกลียวกับหนิงอี้ สำหรับองค์ชายรองแล้ว นี่กลับเป็นเรื่องดียิ่งนัก
โลกนี้ไม่มีใครไม่ยินดีผูกมิตรกับองค์ชายต้าสุย ขอแค่หนิงอี้คลายปากออกเล็กน้อย เนื้อชิ้นนี้ของสำนักศึกษาก็จะตกอยู่ในปากของพันธมิตรเขาศักดิ์สิทธิ์แดนบูรพาอย่างแน่นอน ส่วนความไม่พอใจพวกนั้นที่หลังเขาสู่ซาน หลี่ไป๋จิงไม่สนใจเลย อีกทั้งเขายังคิดดีแล้วว่าหลังจากคำสั่งที่สอง กองกำลังทางนี้ของแดนบูรพาจะผูกมิตรกับคุณชายหนิงอี้คนนี้อย่างไร
“สำหรับจวนขานฟ้า…”
หนิงอี้ลังเลอยู่นานมาก เขาคลึงระหว่างคิ้วก่อนพูดเสียงเบา “และยังมีสำนักศึกษาตะวันสูงกับสำนักศึกษาขุนเขา”
ขุนนางชรามองเขาด้วยรอยยิ้ม
หนิงอี้กวาดสายตามองทุกคน เขามองเห็นแววตาอำมหิตขององค์ชายสาม และเห็นการเฝ้ารอคอยขององค์ชายรอง การเฝ้ารอและร้อนรนของคนพวกนั้นในสามกรม…แต่ในใจเขากำลังเผชิญหน้ากับการเลือกที่สำคัญมาก
บนเส้นทางภูเขา เคียงกระบี่เคยถามเขา
หากวันหนึ่ง เจ้าปฏิบัติตามหลักการที่ตนเชื่อมั่นแล้ว เดินไปจนสุดทาง กลับพบว่าตนผิดพลาด เช่นนั้นควรทำอย่างไร
คำตอบของหนิงอี้คือ พลาดแล้วก็ต้องจ่าย
สามสำนักศึกษาทำพลาด จวนขานฟ้าก็ต้องจ่าย แต่คนนั้นที่รับผิดชอบการลงโทษกลับมาอยู่ที่ตน ทุกอย่างเปลี่ยนไปหมด
หลักการที่หนิงอี้เชื่อมั่นคือดีมาดีตอบ ร้ายมาร้ายตอบ สามสำนักศึกษาจะสังหารตน เดิมทีตนควรจะตัดสินใจอย่างฉับพลันและไม่ลังเลเลย
แต่ตอนนี้ ขณะครุ่นคิดในช่วงสั้นๆ แต่ก็ยาวนานนั้น เขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
พลังบำเพ็ญวิถีกระบี่ของนักกระบี่เกี่ยวกับว่าตนเป็นคนอย่างไร หนิงอี้ไม่ฝึกกระบี่ยิ่งใหญ่ และไม่ฝึกกระบี่สังหาร เขาไม่เป็นทั้งคนแก่ใจดีและไม่เป็นคนฆ่าผู้บริสุทธิ์…ทุกสรรพสิ่งในโลกนี้ล้วนเป็นกระบี่ สิ่งที่ฆ่าคนได้คือกระบี่ สิ่งที่ช่วยคนได้คือกระบี่ ถือกระบี่ไว้ ก็คือกุมอำนาจในการเลือก
การเลือก
ไท่จงมอบกระบี่หนักอึ้งที่มีนามว่า ‘การเลือก’ ให้กับมือหนิงอี้
ส่วนรวมกับส่วนตัว ควรแบ่งแยกอย่างไร ควรหรือไม่ควรแบ่งแยก
หากตนพลาดโอกาสนี้ สังหารสามสำนักศึกษาตามใจ เช่นนั้นก็จะกลายเป็นคนประเภทนั้นที่ตนดูถูก
หากตนไม่ทำอะไร หากยกสามสำนักศึกษาให้องค์ชายรองแห่งแดนบูรพา…บทสรุปก็เหมือนเดิม
จิตมรรคของหนิงอี้เผชิญหน้ากับการทดสอบที่เข้มงวดมาก
นักกระบี่ จะฝึกควบทั้งในและนอก รู้และปฏิบัติสอดคล้องกันได้หรือไม่
นี่คือของขวัญที่ฝ่าบาทไท่จง ‘มอบ’ ให้มา
เขาอยากจะมองผ่านเมืองหลวง ดูว่าเด็กหนุ่มที่มีนามว่าหนิงอี้คนนี้ เป็นคนแบบใดกันแน่
……
หลังจากเงียบไปชั่วขณะ ในที่สุดหนิงอี้ก็พูดขึ้น
“หากจัดการตามกฎหมายต้าสุย เช่นนั้นสามสำนักศึกษาปิดสำนักทบทวนความผิดสิบปี ตัดขาดมรดก ศิษย์ในสำนักไม่มีวาสนากับงานราชวงศ์ใหญ่”
เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้น พูดประโยคเช่นนี้นิ่งๆ
ใบหน้าของคุณชายครามซีดขาว เขาจับหินยาวแตกของจวนภูเขาคราม เส้นเลือดเขียวโผล่มาตรงข้อนิ้วมือ จับหินแน่น คุณชายใหญ่ของสองสำนักศึกษาไม่อยู่จวนภูเขาคราม หากรู้ข่าวนี้ก็คงจะเป็นเช่นนี้เหมือนกัน นี่คือฟ้าผ่าในวันแจ่มใส ลงโทษเฉียบขาด สำหรับคนใหญ่คนโตคงไม่เจ็บไม่คัน แต่สำหรับผู้บำเพ็ญหนุ่มอย่างคุณชายคราม นี่เป็นหายนะทำลายล้างโดยสมบูรณ์ ตัดขาดโชควาสนากับงานราชวงศ์ใหญ่…พวกเขาลำบากเตรียมตัวมาต้องสูญเปล่าทั้งหมด
สามคุณชายใหญ่ไม่รู้แผนการของสำนักศึกษา พายุฝนถาโถมในคืนนี้ ความจริงไม่เกี่ยวกับพวกเขา
แต่หนิงอี้ใต้ภูเขาครามเพียงแค่เอ่ยกฎต้าสุยที่เกี่ยวกับการผิดกฎของสำนักศึกษาออกมาตามเดิมเท่านั้น
“นี่เป็นกฎที่กำหนดไว้นานแล้ว” หนิงอี้พูดเสียงเบา
คำพูดต่อมาทำให้องค์ชายสามหรี่ตาลง
พวกคนใหญ่คนโตขมวดคิ้ว
เขาพ่นลมหายใจยาว มองเจ้าสำนักทั้งสามคนก่อนพูดเสียงเบา “พวกเจ้าเป็นคนทำความผิด มีสิทธิ์อะไรถึงจะให้คนอื่นมารับความเจ็บปวดแทนพวกเจ้า”
“พวกหมอกพิษร้าย พวกเหยี่ยวเหี้ยมสุนัขเห่า ศึกของสำนักศึกษา ไม่ใช่โทษของสำนักศึกษา แต่เป็นโทษของบุคคล คนทำความผิด คนรับผิด เกี่ยวอะไรกับป้ายสำนักพันปีนั่น”
หนิงอี้เลิกคิ้วขึ้น พูดกับขุนนางชราอย่างจริงจัง “สิ่งแรกที่ข้าจะทำคือไล่ผู้บำเพ็ญที่ร่วมวางแผนในสำนักศึกษาพวกนี้ออกจากสำนักศึกษาให้หมด”
คนชราพยักหน้าด้วยสีหน้าลุ่มลึกเล็กน้อย
เมื่อเอ่ยคำพูดนี้ องค์ชายสามมีสีหน้าลึกล้ำมาก เขาชำเลืองตามององค์ชายรอง พบว่าในแววตาหลี่ไป๋จิงมีความสงสัยเสี้ยวหนึ่ง ความเร่าร้อนค่อยๆ หายไป
หนิงอี้จะทำอะไรต่อไป
“ข้ามาจากเขาสู่ซาน ไม่ใช่คนในสำนักศึกษา…ดังนั้นศึกของสำนักศึกษาครั้งนี้ มีคนที่มีอำนาจจัดการศิษย์ชั่วในสำนักมากกว่าข้า ดังนั้นคนพวกนั้นที่ไล่ออกจากสำนักศึกษา ข้าหวังว่าจะให้ผู้อาวุโสซูมู่เจอจัดการแทน ให้ดีที่สุดคือขับไล่ไปแดนทักษิณ ไปช่วยรบ”
หนิงอี้มองขุนนางชราอีกครั้ง “ข้ามีเพียงคำขอเดียว ต่อให้คนพวกนี้จะสร้างคุณความดีชดใช้ความผิด ได้รับอิสระอีกครั้ง ชีวิตนี้…ก็ห้ามเข้าเมืองหลวงอีก”
ซูมู่เจอมองหนิงอี้พลางพยักหน้าเบาๆ นัยน์ตามีความชื่นชมเสี้ยวหนึ่ง
คนชราสองคนจากสำนักศึกษาตะวันสูงกับขุนเขามีสีหน้าไม่ดีนัก ไปรักษาความสงบที่แดนทักษิณ…ความจริงนี่ไม่ต่างอะไรกับการประกาศเกษียณอายุเลย เพียงแต่บทสรุปนี้ ทำให้พวกเขายอมรับได้กว่าบทสรุปของจูโฮ่ว
พวกเขามองสององค์ชายด้วยความไม่ยอม สิ่งที่ทำให้พวกเขาผิดหวังคือ…ฟางช่วยชีวิตสุดท้ายเส้นนั้น ดูเหมือนจะทอดทิ้งตนแล้ว
องค์ชายสามหรี่ตาลง หยุดมองที่หนิงอี้ ไม่รู้กำลังคิดอะไรอยู่
องค์ชายรองก็ครุ่นคิดเช่นกัน เพียงแค่หลับตาคิด นิ้วมือเคาะดอกบัวรถม้าเบาๆ
คำพูดนี้คือการโยนเนื้อของสำนักศึกษาลงทะเล ไม่มีใครได้กิน…หนิงอี้ไม่ได้โค่นสามสำนักศึกษาลง แค่ดึงเบาๆ เอาส่วนที่แตกหักโยนไปใต้หุบเหว อีกทั้งการเลือกนี้ยังทำให้แดนบูรพาและแดนประจิมต่างไม่ได้ผลประโยชน์
องค์ชายรองลืมตาขึ้น เขามองหนิงอี้ด้วยรอยยิ้ม เพียงแต่รู้สึกว่ามีความเสียดายเล็กน้อย
“มีสองคน เป็นข้อยกเว้น”
เด็กหนุ่มที่ยืนใต้ภูเขาครามพูดเรื่องการจัดการศึกสำนักศึกษาจบแล้ว เขามองคนชราพลางพูดอย่างจริงจัง “ในเมื่อฝ่าบาทมอบอำนาจการตัดสินใจให้ข้า เช่นนั้นข้าก็มีอำนาจต่อทุกคนที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการจัดการของข้า เป็นเช่นนั้นใช่หรือไม่”
ขุนนางชราผมขาวหิมะทั้งศีรษะพยักหน้าด้วยรอยยิ้มอย่างอดทนยิ่ง พูดเบาๆ “ใช่”
“มีคุณทดแทนคุณ มีแค้นต้องชำระ” หนิงอี้ก้มหน้าลง พูดนิ่งๆ “ข้าหวังว่าฝ่าบาทจะมอบรางวัลให้กับท่านหญิงสุ่ยเยวี่ยแห่งสำนักศึกษาถ้ำกวางขาว นางเคยช่วยชีวิตข้าไว้ หากไม่มีท่านหญิงสุ่ยเยวี่ย เช่นนั้นวันนี้…ข้าคงไม่ได้ยืนอยู่ที่นี่”
สุ่ยเยวี่ยที่ถอดงอบออก รู้สึกถึงสายตามากมาย สีหน้าและจิตใจนางซับซ้อนขึ้นมาเล็กน้อย
นางเคยช่วยหนิงอี้ที่ตรอกฝนพรำ
ที่จวนภูเขาคราม นางก็บอกซูมู่เจอถึงได้ปกป้องหนิงอี้
แต่ความจริง…หนิงอี้ได้ตอบแทนบุญคุณแล้ว เขาเปิดเผยความจริงเมื่อพันปีก่อนของถ้ำกวางขาว แก้วิกฤติสามสำนักศึกษาปิดล้อมโจมตี หากไม่มีหนิงอี้ สำนักศึกษาถ้ำกวางขาวก็จะล้มลงในคืนวานเช่นกัน
ขุนนางชราพยักหน้า พูดอย่างนุ่มนวล “เรื่องนี้ เราจะเรียนฝ่าบาทตามจริง”
ขุนนางชราชะงักไป ก่อนถามด้วยความแปลกใจ “แล้วอีกคนเป็นใคร”
หนิงอี้หรี่ตาลง เขามองไปในจวนภูเขาคราม เวลานี้ ตรงจุดที่อีกฝ่ายยืนอยู่ก่อนหน้านี้ กลับไม่เห็นร่างเงาที่คุ้นตานั้น
หนิงอี้หันหน้า
คนนั้นเคยอยู่หลังเขาสู่ซาน คิดจะออกมือสังหารตน
คนนั้นเคยคิดจะซุ่มโจมตีที่ชายแดนประจิม รอตนออกจากเขาสู่ซานก็จะลงมือทันที
มีคุณทดแทนคุณ มีแค้นต้องชำระ
สุดท้ายเขามองไปที่…
บุรุษอ่อนโยนหน้าซีดขาว เส้นผมกระเซอะกระเซิง ตอนนี้ลนลานทำอะไรไม่ถูก เกรงว่าคงหลบไม่พ้นแล้ว
“ราชันดาราอี๋อู๋!”
หนิงอี้ยิ้มเยาะ พูดเสียงดัง “เจ้าจะหลบอะไร”
………………………..
—————————————-