บทที่ 164 ใช้คุณธรรมทำให้ซาบซึ้ง
ทางด้านนี้ กู้หยุนหลันรีบร้อนไปโรงงานวัตถุดิบ
กู้เผิงเฟยพาหัวหน้าฝ่ายโรงงาน มาต้อนรับกู้หยุนหลันเข้าห้องประชุม
ผู้จัดการน้อยใหญ่ในโรงงาน ล้วนนั่งอยู่ในห้องประชุม เกี่ยวกับเรื่องที่รถขนส่งถูกกักเอาไว้ โดยที่ทำอะไรไม่ได้เลย
เมื่อเห็นกู้หยุนหลันเข้ามา ทุกคนก็ลุกขึ้น
“ประธานกู้มาแล้ว”
“สวัสดีประธานกู้”
“ประธานกู้มาแล้วจะต้องมีวิธีแก้ปัญหาแน่นอน”
ผู้จัดการน้อยใหญ่ ในขณะนี้ได้ฝากความหวังไปบนตัวของกู้หยุนหลัน
กู้หยุนหลันนั่งลงบนที่นั่งประธานด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ถาม “สถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไงบ้างคะ? พวกคุณพยายามทำอะไรบ้างแล้ว”
กู้เผิงเฟยยิ้มอย่างแก้เก้อ “สถานการณ์คือ รถถูกพวกนักเลงกักเอาไว้แล้วครับ พวกผมเองก็ติดต่ออีกฝ่ายหลายรอบ แต่ไม่มีความคืบหน้าอะไรเลย”
“สำนักงานของโรงงานพวกเราติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบอกว่ามันเป็นข้อพิพาทในทางแพ่ง จึงให้พวกเราเองและฝ่ายตรงข้ามเจรจาตกลงกันเอง”
“แผนกรักษาความปลอดภัยไปติดต่อขอเจรจากับอีกฝ่าย คนของพวกเราพูดยังไม่ถึงสองคำ ก็ถูกอีกฝ่ายตีกลับมาแล้ว”
“ผมติดต่อนักเลงที่อยู่ใกล้ ๆ อยากเชิญสักคนที่พอคุยกันได้ แต่ไม่มีใครยอมมาเลยสักคน ทั้งหมดบอกว่าอีกฝ่ายมีเบื้องหลังไม่ธรรมดา ไม่ใช่คนที่พวกเขาจะเอ่ยถึงหรือแตะต้องได้”
ฟังรายงานของคนเหล่านี้ ใจของกู้หยุนหลันก็ตกไปที่ตาตุ่ม
“ทุกคนระดมความคิดหน่อย ใครยังพอจะมีช่องทางติดต่อหรือวิธีการดี ๆ บ้าง? อีกฝ่ายทำถึงขนาดนี้เพื่ออะไร? เป็นการขู่กรรโชคทรัพย์หรือเปล่า?”
กู้หยุนหลันโยนคำถามออกมาเป็นชุด ทุกคนล้วนเงียบสนิท
สายตามองเหล่าผู้จัดการที่ก้มหน้าไม่พูด กู้หยุนหลันก็ถอนหายใจเงียบ ๆ ในใจ ในเวลาสำคัญคนพวกนี้ช่างพึ่งพาไม่ได้เลยจริง ๆ
“ประธานกู้ ผมว่าพวกมันไม่ได้ทำเพื่อเงิน ถ้าต้องการเงินละก็ ตอนที่พวกเราส่งคนไปเจรจา พวกมันต้องเสนอเงื่อนไขออกมาแล้ว ผมว่าคงเป็นเรื่องเดียวกับ……เมื่อวานนี้”
กู้เผิงเฟยพูดเสียงต่ำ
กู้หยุนหลันตกใจไปสักพัก เมื่อวานมีผู้อยู่เบื้องหลังคอยขัดขวางการผลิตวัตถุดิบของโรงงาน วันนี้รถของโรงงานวัตถุดิบถูกกัก อาจเป็นไปได้ที่จะเป็นวิธีตอบโต้ที่เลื่อนขั้นขึ้นของฝ่ายตรงข้ามจริง ๆ
“ถ้าเป็นแบบนี้ ก็ยากที่จะจัดการแล้ว”
กู้หยุนหลันพูดด้วยความปวดหัว “วางแผนให้คนพาฉันไปเจอคนพวกนั้น ฉันจะไปเจรจากับพวกเขาเอง”
ในเวลานี้กู้หยุนหลันเองก็ยังไม่มีทางออกที่ดี คิดว่าไปเจรจากับเฮียพีลี่ของพวกเขาด้วยตัวเอง อาจจะมีผลอะไรก็ได้
แอ๊ด
ประตูห้องประชุมถูกผลักเปิด หลี่โม่เดินยิ้มตาหยีเข้ามา
กู้เผิงเฟยเห็นร่างของหลี่โม่ ใบหน้าก็กระตุกสั่น ทั่วตัวสั่นขึ้นมาเล็กน้อยอย่างอดไม่ได้ ฉากเมื่อวานที่เกือบจะถูกหลี่โม่บีบคอตาย ผุดขึ้นในใจของกู้เผิงเฟย
“นายมาได้ยังไง?”
กู้หยุนหลัน
“ซื้อข้าว เลยแวะมาดู”
หลี่โม่พูดอย่างสงบนิ่ง
กู้หยุนหลันกลอกตามองหลี่โม่ คิดในใจว่าหลี่โม่หาเหตุผลได้ห่วยมากจริง ๆ แต่ว่าในตอนนี้หลี่โม่มาหาตัวเองได้ ในใจของกู้หยุนหลันก็รู้สึกตื้นตันใจขึ้นมาบ้าง
“นั่นน่ะ คุณไม่ต้องไปเจรจากับนักเลงพวกนั้นแล้ว”
หลี่โม่เกาหัวแล้วยิ้มพูด
“ทำไมถึงไม่ต้องแล้ว? ตอนนี้นี่เป็นหน้าที่สำคัญที่สุดของฝ่ายผลิต มีปัญหาเล็กน้อยก็ไม่ได้ ฉันจะต้องไปเจรจากับพวกเขา”
กู้หยุนหลันพูดอย่างหนักแน่น
“ความหมายของผมคือ ผมเจรจากับพวกเขาเรียบร้อยแล้ว พวกเขารู้ถึงความผิดจากส่วนลึกของจิตวิญญาณตัวเองแล้ว อยากแก้ไขข้อผิดพลาดแล้วก้าวหน้าขึ้นทุกวัน”
กู้หยุนหลัน กู้เผิงเฟย รวมไปถึงผู้จัดการล้วนเบิกตาจ้องมองหลี่โม่ เหมือนได้ยินอะไรบางอย่างที่น่าเหลือเชื่อ
“สมัยนี้ถ้าไม่พูดให้คนตกใจจะไม่สบายใจสินะ นายรู้ไหมว่าคนพวกนั้นน่ารังเกียจขนาดไหน? ฉันพาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไปหลายสิบคน ล้วนโดนตีจนฉี่แทบราด”
ผู้จัดการแผนกรักษาความปลอดภัยพูดอย่างหงุดหงิด
“เจ้าพวกนั้นไม่ใช่แค่อันธพาลธรรมดา ทั้งหมดเป็นคนเก่าแก่ที่มีประสบการณ์ทะเลาะวิวาทมามากมาย ลูกน้องก็โหดเหี้ยม พี่ใหญ่ของพวกมันคือเฮียเปียวที่มีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่ว นายเนี่ยนะเจรจากับพวกมัน เกรงว่าแค่นายไป ก็คงโดนตีจนหนีหางจุกก้นนั่นแหละ”
“ฉันเพิ่งจะติดต่อกับเจ้าพ่อที่มีชื่อเสียงพวกนั้นมากมาย ไม่มีสักคนที่ยอมยื่นมือเข้าช่วยเรื่องนี้ คนที่วัน ๆ อยู่บ้านเป็นแมงดาเกาะผู้หญิงกินอย่างนาย จะมีความสามารถอะไรจัดการเรื่องนี้ ไปหลอกผีเถอะ”
เหล่าผู้จัดการพากันออกปากเหน็บแนม คิดว่าหลี่โม่คงโกหกแน่ ๆ
ทุกคนไม่เชื่อประเด็นหลักของหลี่โม่แม้แต่น้อย เพราะทุกคนล้วนรู้ว่าหลี่โม่เป็นคนไร้ประโยชน์ คนไร้ประโยชน์จะจัดการเรื่องได้ยังไง พวกเขาทำงานมาครึ่งวันแต่ก็ยังหาทางจัดการไม่ได้ นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะสู้คนไร้ประโยชน์ไม่ได้หรอกหรือ
กู้เผิงเฟยก้มหน้าไม่พูดอะไร แต่ใจในกลับเชื่อมั่น ยังไงกู้เผิงเฟยก็เคยถูกหลี่โม่ทุบตีมาก่อน รู้ว่าหลี่โม่ร้ายกาจแค่ไหน
กู้หยุนหลันขมวดคิ้ว กวาดสายตามองผู้จัดการที่พูดพวกนั้น
กลุ่มผู้จัดการพากันปิดปาก เพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าคนไร้ประโยชน์ข้างหน้าเป็นสามีของกู้หยุนหลัน
“หลี่โม่ ที่นายพูดจริงหรือเปล่า?” กู้หยุนหลันถาม
“แน่นอน พวกเขาอยู่ข้างล่าง ภายใต้การสั่งสอนของผม พวกเขาทั้งหมดบอกว่าอยากจะสารภาพผิดกับคุณด้วยความจริงใจ”
หลี่โม่ยิ้มแล้วพูด
ในใจของหลี่โม่มีแค่กู้หยุนหลัน ส่วนคำพูดแดกดันของคนอื่น หลี่โม่ล้วนไม่ใส่ใจทั้งสิ้น
กู้หยุนหลันหยักหน้าเบา ๆ “งั้นไปดูกันเถอะ”
หลี่โม่ผายมือเชิญ กู้หยุนหลันกู้เผิงเฟยยิ้มแล้วเดินไปทางหลี่โม่ กู้เผิงเฟยรีบพาผู้จัดการคนอื่น ๆ ตามหลังไป
กลุ่มคนออกมาจากอาคารสำนักงานใหญ่ ก็เห็นเฮียพีลี่และคนทั้งหมดเอามือกุมหัวหมอบอยู่กับพื้น
ข้าง ๆ คนที่หมอบอยู่ ยังมีหลายสิบคนที่นอน บางคนแขนบิดโค้งในองศาที่ผิดปกติ บางคนกระอักเลือดออกมาไม่หยุด ทั้งหมดดูแล้วน่าสังเวชมาก
กู้เผิงเฟยสูดไอเย็นเข้าปอด คิดในใจเมื่อวานตัวเองโชคดีแล้ว หากถูกหลี่โม่ทุบตีจนกระดูกแขนขาหัก ปากกระอักเลือด ก็ไม่มีทางที่จะโต้แย้งได้
ผู้จัดการที่เหลือต่างตะลึงจนตาค้าง คิดไม่ถึงเลยว่าที่หลี่โม่พูดจะเป็นความจริง แม่มันเถอะนี่คือกลุ่มคนที่ช่วงนี้โอหังที่สุดทำไมถึงได้ถูกหลี่โม่ทำลายทั้งกลุ่มได้ล่ะ?
คนไร้ประโยชน์กลายเป็นซูเปอร์แมนเมื่อไรกัน?
เมื่อเฮียพีลี่เห็นหลี่โม่พาคนออกมา ก็รีบตะโกนเสียงสูง “ผมรู้ความผิดแล้ว ผมไม่ควรขวางรถเอาไว้ ไม่ควรขัดขวางงานการผลิตของพวกคุณ หลังจากนี้ผมจะกลับตัวกลับใจเป็นคนใหม่แน่นอน พี่ใหญ่หลี่ แล้วก็พี่สะใภ้ ให้โอกาสพวกผมกลับตัวกลับใจนะครับ”
“พี่ใหญ่หลี่ พี่สะใภ้ ให้โอกาสพวกผมกลับตัวกลับใจนะครับ”
กลุ่มของลูกน้องก็ตะโกนพูด
กู้หยุนหลันมองหลี่โม่อย่างตกใจ ถามเสียงต่ำ “นายนี่ก็ร้ายกาจสุด ๆ ไปเลยนะ”
“ไม่ได้ร้ายกาจอะไร ก็แค่ให้พวกเขาได้ซาบซึ้งในนิสัยที่มีคุณธรรมอันสูงส่งของผม”
หลี่โม่พูดพลางยิ้มกริ่ม
“พวกคุณลุกขึ้นเถอะ ให้คนมาพาพวกเขาไปที่โกดัง ให้พวกเขาทำงานขนของ พวกเขาซาบซึ้งกับผม ยอมที่จะทำงานให้ฟรี ๆ หนึ่งเดือน เป็นพนักงานขนของของโรงงานพวกเรา” หลี่โม่บอกออกมา
กู้เผิงเฟยและทุกคนตกใจมาก ให้คนเยอะขนาดนี้มาใช้แรงงานฟรี ๆ หลี่โม่จะเอานักเลงพวกนี้มารังแกจนกลายเป็นแบบไหนกัน