บทที่ 217 ปัญหาของเส้นโค้ง (1)
ไป๋เยี่ยรีบเดินทางจากญี่ปุ่นกลับมาที่ปักกิ่งเพราะเรื่องห้องแล็บ
เมื่อวานเขาเพิ่งได้รับข่าวจากเมิ่งอวิ๋นซีว่า ‘สถานที่พร้อมแล้ว’ เดิมทีไป๋เยี่ยตั้งใจจะจัดการเรื่องงานที่ญี่ปุ่นให้เสร็จก่อนค่อยบินกลับมา เพราะนี่ไม่ใช่เรื่องด่วนนัก
ทว่าข้อความที่มาจากสาขาทวารหนักของสมาคมศัลยแพทย์นานาชาติอย่างกะทันหันนั้นทำให้เขาต้องขอตัวเดินทางกลับมาก่อน
เขาต้องจัดเตรียมเอกสารเพื่อนำไปพิสูจน์แนวคิดการวิจัยเรื่องจุลชีพภายในลำไส้ มิฉะนั้นจะถูกตัดสิทธิ์
คิดหรือว่าไป๋เยี่ยจะยอมให้เรื่องพรรคนั้นเกิดขึ้น
นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เขากังวลหนักจนต้องรีบบินกลับมาที่จีน สร้างห้องแล็บขึ้น จากนั้นก็แปลงความคิดที่วนเวียนในหัวของเขาออกมาเป็นหลักฐานรูปธรรมโดยเร็วที่สุด!
หลังจากก้าวขาลงจากเครื่องบิน ไป๋เยี่ยก็สังเกตเห็นเมิ่งอวิ๋นซีในชุดเดรสสีลาเวนเดอร์พลิ้วไหวไปตามสายลม เธอเหมือนกับผีเสื้อลายงดงามที่โบยบินต้องแสงอาทิตย์ไม่มีผิด
ต้องบอกว่าเธอเป็นยอดสาวงามจริงๆ!
น่าเสียดายที่ไป๋เยี่ยไม่มีเวลาไปคิดเรื่องหยุมหยิมพวกนี้ ตอนนี้ในหัวของเขามีแต่เรื่องจุลชีพในลำไส้และห้องแล็บเท่านั้น
ตอนนี้เขาอยากเห็นห้องแล็บแทบแย่!
ถ้าเขาใช้ห้องแล็บนี้ไม่ได้ เขาก็ต้องปรึกษาศาสตราจารย์ถูเพื่อขอยืมห้องแล็บเพาะเชื้อจุลินทรีย์ของสถาบันแพทย์แผนจีน
สภาพอากาศในเดือนตุลาคมหนาวเย็นขึ้นเล็กน้อย นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เมิ่งอวิ๋นซีมาที่สนามบิน นักธุรกิจอย่างเธอจำเป็นต้องติดต่อกับผู้คนหลากหลายอยู่แล้ว
ทว่าตอนนี้ เธอกลับยืนอยู่ตรงนั้นอย่างเกร็งๆ ไม่รู้ว่าควรจะประสานมือไว้อย่างไรดี เธอจึงได้แต่ยืนไพล่มือไว้ด้านหลัง ดฮณ๊ฯดฯฌซ,
เธอตกอยู่ในอาการเช่นนี้ตั้งแต่ก่อนออกเดินทางแล้ว เธอใช้เวลารื้อเสื้อผ้าอยู่นานนมกว่าจะเลือกได้สักตัว
ไป๋เยี่ยส่งสายตามองเมิ่งอวิ๋นซีพร้อมกับก้าวขึ้นไปหาเธอ “สถานที่พร้อมแล้วใช่ไหมครับ เราไปกันเลยไหม”
เมิ่งอวิ๋นซีผงะ!
นี่ใช่ประโยคแรกที่ควรเอ่ยปากตอนเจอหน้ากันเหรอ
ฉันอุตส่าห์ผละตัวเองออกจากตารางงานแสนยุ่งแถมยังผลัดลูกค้าเพื่อมารอเธอที่สนามบินเชียวนะ แล้วดูพูดเข้า แม้แต่คำขอบคุณหรือคำปลอบใจสักคำยังไม่มีเลย
เมิ่งอวิ๋นซีนิ่วหน้าลง เธอรู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างยิ่ง!
ได้แต่ตอบกลับไปสั้นๆ “ขึ้นรถ!”
ไป๋เยี่ยชะงักไปครู่หนึ่ง เขามองใบหน้าเรียบเฉยของเมิ่งอวิ๋นซีแล้วจึงพยักหน้าลงอย่างเคลือบแคลงใจ “ครับ”
เมิ่งอวิ๋นซีขับรถมาเซราตีคันหรู โดยมีไป๋เยี่ยนั่งอยู่บนที่นั่งข้างคนขับ
รถทั้งคันตกอยู่ในความเงียบ ได้ยินเพียงเสียงของจีพีเอสนำทาง ทั้งสองคนเอาแต่เงียบใส่กัน เมิ่งอวิ๋นซีรู้สึกไม่สบอารมณ์นักจึงไม่อยากพูดอะไรมาก ทว่าทันทีที่ไป๋เยี่ยสังเกตเห็นสีหน้าบูดบึ้งของอีกฝ่ายก็รับรู้ได้ในทันทีว่าต้องมีอะไรไม่ชอบกลแน่ๆ เวลาผู้หญิงมีประจำเดือนก็มักจะแสดงออกมาทางสีหน้าแบบนี้ ขืนตอนนี้พูดอะไรผิดไปต้องแย่แน่ๆ
ไป๋เยี่ยพลันรู้สึกได้ว่าการแพทย์แผนจีนนั้นมีประโยชน์จริงๆ อย่างน้อยแนวคิด ‘มนุษย์เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับสรวงสวรรค์‘ ก็กล่าวไว้ถูกต้อง ยามผู้หญิงอยู่ในช่วงมีประจำเดือนก็ไม่ต่างอะไรกับยามฝนพรำพายุโหมในเดือนกรกฎาคม ไป๋เยี่ยลอบมองใบหน้าอันมืดมนของเมิ่งอวิ๋นซีแล้วก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ ฝนกำลังตั้งเค้าได้ที่ อีกเดี๋ยวยฟ้าคงผ่าแน่ๆ เราอยู่เงียบๆ ดีกว่า…
แต่ไม่นานนัก ไป๋เยี่ยก็คิดอะไรขึ้นได้ ในฐานะที่เป็นผู้ชายคนหนึ่งเขาก็ควรแสดงความรับผิดชอบสักหน่อย อย่างเช่นเล่าเรื่องตลกขบขันเพื่อคลายบรรยากาศอันตึงเครียดนี้ลง
ไป๋เยี่ยกระแอม “ผมว่าวันนี้คุณดูพิเศษมากเลยครับ”
เมิ่งอวิ๋นซี “…”
ทั้งที่เห็นว่าอีกฝ่ายไม่สนใจ เขาก็ยังคงรบเร้า “คุณไม่สงสัยเหรอครับว่าพิเศษยังไง”
เมิ่งอวิ๋นซี “…”
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงนิ่งเงียบ ไป๋เยี่ยก็เริ่มกระดากอายขึ้นมาบ้าง จึงไม่รบเร้าเธอต่อ บรรยากาศภายในรถคันหรูก็กลับเข้าสู่ความเงียบอีกครั้ง
ไม่นานนักรถก็หยุดอยู่ตรงหน้าปากทางเข้าชุมชนเล็กๆ แห่งหนึ่ง เมิ่งอวิ๋นซีจอดรถและเดินตัวปลิวไปทันที ไป๋เยี่ยจึงได้แต่เดินตามหลังเธอไปเงียบๆ
ไป๋เยี่ยมองไปรอบๆ สภาพแวดล้อมของชุมชนนี้ดูไม่เลวเลย มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบถ้วน เมื่อครู่เหมือนเห็นยามคอยเดินตรวจตราด้วย แสดงว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็น่าจะดีพอสมควร
เมิ่งอวิ๋นซีชี้ไปทางอาคารฝั่งตรงข้ามก่อนจะเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ “บนชั้นสิบห้ามีห้องว่างอยู่สามห้อง เดิมทีมันเคยเป็นห้องทำงานมาก่อน แต่ตอนนี้ไม่ได้ใช้แล้ว คนที่นั่นก็ดูเหมือนจะอยากย้ายออกด้วย ฉันจะพาคุณขึ้นไปดูเอง”
ไป๋เยี่ยลอบอุทานเบาๆ ที่นี่ไม่ไกลจากผู่เจ๋อเท่าไหร่ สภาพแวดล้อมโดยรวมค่อนช้างเหมาะสม หลังจากที่ทั้งคู่เดินขึ้นไปก็พบว่ามีคนรออยู่ที่นั่นแล้ว เมื่อเดินเข้าไปก็พบว่าทั้งห้องนั้นว่างเปล่า ไม่มีฉากกั้นใดๆ ผนังห้องก็ดูจะเริ่มผุผังลงบ้างแล้ว
ผู้ที่รออยู่เป็นชายอายุราวๆ สามสิบปี เขาเอ่ยทักขึ้นด้วยรอยยิ้ม “เสี่ยวเมิ่ง คุณมาแล้ว นี่คงเป็นเพื่อนคุณที่จะมาซื้อห้องนี้สินะ ถ้างั้นผมขอแนะนำตัวหน่อย ผมชื่อว่า ‘เฉินเต้า’”
ทั้งสองฝั่งล้วนเป็นคนกระฉับกระเฉงและเด็ดขาด เมิ่งอวิ๋นซีแนะนำไป๋เยี่ยให้อีกฝ่ายรู้จัก ทำให้อีกฝ่ายค่อนข้างเชื่อมั่นในความสามารถด้านธุรกิจอันรอบด้านของไป๋เยี่ย
ห้องนี้เป็นห้องขนาดหนึ่งร้อยเจ็ดสิบแปดตารางเมตรต่อกันสามห้อง มีมูลค่าทะลุสามสิบล้านหยวน แน่นอนว่าไป๋เยี่ยไม่ได้มีเงินเยอะขนาดนั้น ทั้งสองฝ่ายจึงแลกข้อมูลติดต่อและลงนามในสัญญาผ่อนชำระค่าห้องเป็นงวด ไป๋เยี่ยลองคำนวณดูแล้วก็คิดว่าถ้าได้เงินปันผลช่วงปลายปีจากน่าย่าก็ไม่น่าจะมีปัญหา
อย่างไรก็ตาม ตามสัญญาแล้วเขายังต้องจ่ายเงินดาวน์จำนวนเก้าล้านหยวน ทันทีที่ไป๋เยี่ยโอนเงินออกไปแล้ว เขาก็ต้องตกตะลึงเมื่อพบว่าในบัญชีของตนมีเงินเหลืออยู่เพียงห้าล้านหกแสนหยวนเท่านั้น
ก็ยังดี!
มิฉะนั้นเงินก็จะไม่พอสำหรับจ่ายค่าจัดตั้งห้องแล็บ วันนั้นไป๋เยี่ยจึงล็อกประตูห้องให้แน่นหนาและจัดการกับของอื่นๆ ในห้องเล็กน้อย
ทว่าน่าแปลกใจที่เมิ่งอวิ๋นซีไม่ได้กลับไปในทันที กลับกัน หลังจากที่เธอช่วยไป๋เยี่ยจัดการเรื่องราวต่างๆ เสร็จแล้ว เธอก็ปริปากถามไป๋เยี่ยด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง “เฮ้! สรุปฉันมีอะไรพิเศษเหรอ”
ไป๋เยี่ยสะดุ้งโหยง จู่ๆ ก็รู้สึกไปไม่เป็นเสียอย่างนั้น! เฮ้อ…ดูเหมือนจะเสียค่าโง่ไปฟรีๆ ซะแล้ว
ไป๋เยี่ยเหลือบมองเมิ่งอวิ๋นซีด้วยท่าทีระแวง ทีแรกเขาจ้องตาเธอ จากนั้นก็มองเธอตั้งแต่หัวจดเท้า แล้วจึงเดินวนรอบๆ ตัวเธอก่อนจะถอนหายใจออกมา
ไป๋เยี่ยทำให้เมิ่งอวิ๋นซีรู้สึกอึดอัดขึ้นมาเล็กน้อย มามองกันแบบนี้ได้ไง นี่เขาคิดจะมองเราเป็น…มองบ้าอะไรของนายยะ!
ไป๋เยี่ยตั้งใจมองเธอจนท้ายที่สุดก็กล่าวออกมาอย่างยิ้มแย้ม “ผมว่ากระดูกสันหลังตรงคอของคุณโค้งสวยมากเลยนะ!”
เมิ่งอวิ๋นซีอึ้งงันไป!
หา
กระดูกคอโค้งสวยเนี่ยนะ
ไอ้หมอนี่!
เมิ่งอวิ๋นซีมองไป๋เยี่ยด้วยสายตาคาดโทษ เธอกระทืบเท้าปึงปังแล้วสะบัดตัวกลับไปโดยไม่หันกลับมามองไป๋เยี่ยอีก เป็นบ้าอะไรของนายเนี่ย เด็กเรียนพวกนี้มันเป็นบ้าไปกันหมดแล้วเหรอ
กระดูกสันหลังโค้งได้รูป! ถ้าของคุณโค้งสวยแบบนั้น ทั้งตระกูลก็โค้งสวยกันทุกคนนั่นแหละ!
ไป๋เยี่ยเห็นว่าเมิ่งอวิ๋นซีกำลังจะเดินหนีไปก็รีบวิ่งตามเธอมา “เฮ้! ผมล้อเล่น! ผมจะบอกว่าวันนี้คุณสวยต่างหาก! สวยมากเลยด้วย!”
ทว่าตอนนี้เมิ่งอวิ๋นซีเดินเข้าลิฟต์ไปแล้ว เมื่อได้ยินเสียงเอ่ยชมความงามจากไป๋เยี่ยดังตามมา เธอก็อดมีความสุขไม่ได้ แต่เมื่อเห็นว่าไป๋เยี่ยเดินตามมา เธอก็รีบกดปุ่มปิดลิฟต์ไล่เขาไปอย่างไร้เยื่อใย!
เมื่อเห็นว่าเมิ่งอวิ๋นซีไปแล้ว ไป๋เยี่ยก็คว้าโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความ
[ขอบคุณสำหรับวันนี้ ไว้วันหลังผมจะไปเลี้ยงดินเนอร์คุณนะ วันนี้ผมยุ่งมากจริงๆ! ขอโทษนะครับ…]