บทที่ 223 จดหมายจากนายกรัฐมนตรี (1)
ณ กรุงโตเกียว บนห้องประชุมชั้นยี่สิบสามของโรงพยาบาลในเครือมหาวิทยาลัยโตเกียวตกอยู่ในความเงียบงัน ทั้งที่เดิมทีห้องประชุมนี้ควรมีบรรยากาศการประชุมอันคึกคัก! ทว่าในตอนนี้ ห้องประชุมอันกว้างใหญ่กลับเงียบเสียจนได้ยินเสียงเข็มหล่น
ถึงแม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครทำเข็มหล่น แต่ก็ได้ยินเสียงหายใจของทุกคนอย่างชัดเจน!
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้ว…
ห้องประชุมชั้นยี่สิบสามกำลังดำเนินการประชุมครั้งสำคัญ
แผ่นป้ายที่มีตัวอักษรขนาดใหญ่เขียนอยู่ถูกแขวนอยู่เหนือห้องประชุม
‘การประชุมกลุ่มวิจัยเรื่องจุลชีพภายในลำไส้’
การประชุมครั้งนี้เป็นการรวบรวมผู้เชี่ยวชาญด้านสาขาทวารหนักในญี่ปุ่น นักวิจัยจากบริษัทยาและเจ้าหน้าที่รัฐบาลของญี่ปุ่นให้มารวมตัวกัน
การประชุมครั้งนี้เรียกได้ว่าเป็นการประชุมสาขาทวารหนักครั้งยิ่งใหญ่ครั้งหนึ่งในญี่ปุ่นซึ่งจัดขึ้นโดยไอดะ ทามะ!
หลังจากที่วารสารการแพทย์เอเชียฉบับพิเศษถูกตีพิมพ์ออกไปก็ได้รับผลตอบรับที่ดีมากตามที่เขาวางแผนไว้ สื่อมวลชนและสถาบันวิจัยจำนวนมากต่างให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอย่างมากจนสร้างแรงกระตุ้นให้กับทีมวิจัยที่นำโดยไอดะ ทามะได้
ไอดะ ทามะใช้ประโยชน์จากกระแสดังกล่าว เขาส่งแผนโครงการวิจัยเรื่องจุลชีพภายในลำไส้และได้รับการอนุมัติทันที
นั่นทำให้ความมั่นใจและความทะเยอทะยานของไอดะ ทามะเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว ทุกอย่างกำลังเดินหน้าไปในทิศทางที่ดี
เขาไม่เชื่อว่าไป๋เยี่ยจะเทียบชั้นกับทีมวิจัยของญี่ปุ่นที่มีสมาชิกนับร้อยคนได้ แต่เขาก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าไป๋เยี่ยเป็นคนมากความสามารถจริงๆ อย่างไรก็ตาม งานวิจัยคงไม่อาจสำเร็จได้ด้วยคนเพียงคนเดียวเท่านั้น!
ยิ่งไปกว่านั้น จุลชีพภายในลำไส้ยังเป็นหัวข้อที่ใหญ่และซับซ้อน ไป๋เยี่ยจะฉายเดี่ยวไหวจริงหรือ
จะรอดูแล้วกัน!
ไม่ใช่ว่าเขาไม่เชื่อในตัวพานเซี่ยงเหนียน หลี่มู่หยางและคนอื่นๆ แต่งานวิจัยจะนำบุคลากรมาเปรียบเทียบกันไม่ได้ สิ่งที่จะเปรียบกันได้ก็มีแต่คุณภาพของงานวิจัยเท่านั้น ซึ่งคุณภาพงานวิจัยด้านการแพทย์และสุขภาพของจีนก็ยังคงล้าหลังอยู่มาก
ไม่ต้องพูดอะไรมาก แค่อุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ประเทศจีนใช้อยู่ในปัจจุบันยังเป็นอุปกรณ์ที่ประเทศพัฒนาแล้วใช้กันเมื่อช่วงปีหนึ่งพันเกก้าร้อยแปดสิบถึงหนึ่งพันเก้าร้อยเก้าสิบ และปัจจุบันก็เลิกใช้ไปแล้ว
แนวทางปฏิบัติทางการแพทย์ที่จีนใช้ล้วนมาจากต่างประเทศทั้งนั้น แม้แต่แนวทางดำเนินงานวิจัยทางการแพทย์และเภสัชตำรับของการแพทย์แผนจีนหลายๆ ข้อก็อ้างถึงงานวิจัยล่าสุดจากต่างประเทศ ไม่ใช่งานวิจัยภายในประเทศ
ช่างเป็นเรื่องน่าหงุดหงิดใจจริงๆ
ไป๋เยี่ยจำที่จางฮั่นหลินเคยบอกเขาถึงเหตุผลว่าทำไมถึงอยากมีส่วนร่วมในงานวิจัยมากกว่าลงไปทำงานในวอร์ดได้ ‘ความล้าหลังของประเทศเรามันรวมหลายๆ อย่างไว้ ถ้าคุณอยากรู้ว่าเราล้าหลังแค่ไหน ผมคิดว่าก็คงราวๆ ห้าสิบปีได้มั้ง ในฐานะที่เป็นหมอคนหนึ่ง ผมช่วยชีวิตคนได้เป็นพันเป็นหมื่นก็จริง แต่ผมก็แก้ปัญหาความล้าหลังของประเทศเราไม่ได้’
‘แต่ถ้าผมเลือกทำงานวิจัย พัฒนาตัวยาใหม่ๆ หรือสร้างทฤษฎีใหม่ขึ้นมา ผมก็อาจจะช่วยชีวิตผู้คนได้เป็นล้าน หรือสิบล้านคน ถึงขั้นลดช่องว่างระหว่างประเทศเราและต่างประเทศได้ ถึงแม้จะเพียงเล็กน้อย แต่นั่นก็นับว่าเราได้พัฒนาแล้ว’ 艾琳小說
‘นี่ไม่ใช่การนิยมชมชอบในวิทยาการของต่างชาติ แต่นั่นเป็นเพราะช่องว่างระหว่างเราและพวกเขายังคงกว้างเกินไป’
สื่อในประเทศและต่างประเทศจำนวนมากก็มาเข้าร่วมการประชุมในวันนี้เช่นกัน ไอดะ ทามะเพิ่งจะกล่าวรายงานบนโต๊ะแถลงจบไป
สองแถวแรกหน้าเวทีเป็นสื่อ ส่วนด้านหลังเป็นบรรดาผู้เข้าร่วมประชุม
ถึงเวลาตอบคำถามของสื่อมวลชวนแล้ว นักข่าวชาวอังกฤษคนหนึ่งลุกพรวดขึ้นมาทันที “คุณไอดะ ทามะครับ มีหลายเสียงบอกว่าคุณไป๋เยี่ยจากประเทศจีนเป็นผู้ทฤษฎีจุลชีพภายในลำไส้ คุณคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้ครับ”
ไอดะ ทามะยิ้ม “เป็นคำถามที่ตลกดีนะครับ จุลชีพภายในลำไส้ยังไม่ถือเป็นทฤษฎีด้วยซ้ำ เป็นเพียงแนวคิดที่เป็นรูปธรรมเท่านั้น ถึงแม้ว่ามันจะถูกเสนอออกมาก่อนหน้านี้ แต่พวกเราก็ค้นคว้ามันต่อได้นี่ครับ วิทยาศาสตร์ไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นของพวกเราทุกคน!”
ไอดะ ทามะกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “วัฒนธรรม ความรู้ และเทคโนโลยีเป็นบันไดสู่ความก้าวหน้าทางสังคม ลำพังศักยภาพของเราล้วนมีขีดจำกัด สิ่งสำคัญที่สุดคือการเปิดรับสิ่งใหม่ๆ เพิ่มคุณค่าให้กับคลังความรู้ของเราอยู่เสมอ”
“แน่นอน แนวคิดนี้…อาจจะถูกเสนอโดยคุณไป๋เยี่ยจริง ทางเรารู้สึกขอบคุณเขาที่มอบแนวคิดใหม่ๆ ให้เป็นอย่างยิ่ง แต่ยังไงซะ การทำวิจัยไม่ใช่เรื่องที่คนคนเดียวจะทำได้ด้วยตนเอง แต่ต้องอาศัยทีมวิจัยระดับแนวหน้า ผู้เชี่ยวชาญระดับสูงและสภาพแวดล้อมที่เหมาะสำหรับการวิจัย…ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้!”
“ผมมั่นใจมากว่าญี่ปุ่นมีข้อได้เปรียบในแง่การทำวิจัยมาก ยิ่งถ้าเป็นงานวิจัยทางการแพทย์ ผมยิ่งมั่นใจว่าเราเก่งที่สุดแล้ว!”
“เพราะฉะนั้น ลำพังแค่คุณหยิบยกแนวคิดขึ้นมา ก็คงอธิบายอะไรไม่ได้ มีแต่จะต้องทำให้แนวคิดนั้นสมบูรณ์ขึ้นมาจริงๆ จากนั้นก็ทำการวิจัยอย่างถี่ถ้วนและสร้างทฤษฎีอันเป็นระบบขึ้นมา แบบนี้สิถึงจะเรียกคนคนหนึ่งว่าเป็นผู้ก่อตั้งทฤษฎี!”
“ผมขอยกตัวอย่างง่ายๆ แล้วกัน การแพทย์แผนจีนมีต้นกำเนิดในประเทศจีน แนวคิดของการแพทย์แผนจีนก็มาจากประเทศจีนเช่นกัน แต่ถึงกระนั้นประเทศที่มีการนำเข้าและส่งออกยาแผนจีนมากที่สุดกลับไม่ใช่ประเทศจีน ผู้ที่นำแนวคิดนั้นมาวิจัยจนถี่ถ้วน สืบทอดและเผยแพร่ให้กับผู้คนทั้งโลกก็ไม่ใช่ประเทศจีน!”
“ก็เหมือนกับดินปืนที่มีต้นกำเนิดจากจีน แต่ทุกครั้งที่เราพูดถึงระเบิดไดนาไมต์ เราจะนึกถึงคุณโนเบลผู้ยิ่งใหญ่ สิ่งที่ผมพูดหมายความว่าอย่างไรย่อมชัดเจนในตัวอยู่แล้ว!”
ไอดะ ทามะยังคงพูดต่อ ไม่มีใครรู้ว่าเขามีเจตนาหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาหรือไม่ “จีนเป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์แสนรุ่งเรืองและมรดกอันเฟื่องฟู เราเคารพมรดกทางวัฒนธรรมที่สืบทอดมานับพันปีและได้เรียนรู้จากมันมาอย่างยาวนาน ยิ่งไปกว่านั้น เรายังแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และเทคโนโลยีจากกันและกัน ทั้งได้รับประโยชน์ร่วมกัน! ก็เหมือนกับสารสกัดสมุนไพรจีนที่ใช้กันทั่วไป ญี่ปุ่นเป็นผู้คิดค้นมันขึ้นมาและมันก็เป็นที่นิยมมากในจีน”
กล่าวได้ว่าไอดะ ทามะมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในด้านวัฒนธรรมจีนมาก เขาได้แสดงทักษะวาทศิลป์ของตนเองออกไปอย่างเต็มที่
ความหมายของเขาชัดเจนแจ่มแจ้ง ชาวจีนเป็นชนชาติที่เก่ง มักจะคิดค้นอะไรดีๆ ออกมาได้ แต่ผู้ที่สานต่อสิ่งเหล่านั้นล้วนไม่ใช่ชาวจีน
ตอนนี้ไอดะ ทามะสบายใจกับสถานการณ์ตรงหน้ามาก หลังจากที่การประชุมในวันนี้จบลง เขาเชื่อว่าสื่อในประเทศและต่างประเทศจะต้องกระจายข่าวเกี่ยวกับการวิจัยเรื่องจุลชีพภายในลำไส้ของญี่ปุ่นออกไปและสร้างชื่อเสียงมากมายให้กับตัวเขาแน่นอน
การประชุมผ่านไปด้วยดี ทว่าระหว่างช่วงพัก จู่ๆ ก็มีข่าวด่วนแว่วมาจากด้านนอก!
ไป๋เยี่ยตีพิมพ์บทความลงในวารสารระดับโลกมากกว่าสิบเล่ม อีกทั้งวารสารเหล่านั้นยังขนานนามเขาว่าเป็น ‘ผู้คิดค้นทฤษฎีจุลชีพภายในลำไส้’ อีกด้วย
ข่าวนี้ทำให้ที่ประชุมเกือบระเบิดเป็นจุณ!
เริ่มจากมีคนเห็นข่าวเพียงคนเดียว จากนั้นก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นว่ามีคนที่เห็นข่าวนี้มากมาย
นอกจากนี้ ทุกคนที่มาประชุมต่างก็เป็นผู้เชี่ยวชาญที่ให้ความสำคัญกับวารสารชั้นนำเหล่านี้อย่างมาก ทันทีที่ทราบข่าว ต่างคนก็ต่างกระจายข่าวออกไปและเริ่มอ่านบทความเหล่านั้น
ตอนแรกไอดะ ทามะคิดจะพ่นคำพูดเย้ยหยันอีกสักหน่อย แต่เมื่อเขาเห็นว่าวารสารเหล่านั้นคือ ‘นิวอิงแลนด์’ ‘เดอะแลนซิต’ ‘เจเอเอ็มเอ’ และ ‘เดอะบีเจเอ็ม’…ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นวารสารระดับโลก เป็นวารสารทางการแพทย์สิบอันดับต้นๆ ที่ไม่อาจเผยแพร่โดยใช้อำนาจเงินได้!
บทความเหล่านั้นจะต้องผ่านการตรวจสอบอย่างเข้มงวดและบทความที่ได้ขึ้นปกวารสารก็ต้องเป็นบทความที่ทรงอิทธิพลและสร้างคุณค่าทางสังคมได้!
แต่ทำไมบนปกวารสารตั้งหลายเล่มถึงมีบทความและภาพของไป๋เยี่ยล่ะ
หรือว่า…เขาจะส่งบทความซ้ำหลายๆ ครั้ง
บ้าน่า วารสารชั้นนำพวกนี้จะยอมให้เขาส่งบทความซ้ำจริงเหรอ
ไอดะ ทามะพลิกบทความขึ้นกวาดสายตาอ่านอย่างรวดเร็ว เขาไม่คาดคิดว่าไป๋เยี่ยจะตีพิมพ์บทความที่มีเนื้อหาเดียวกันลงวารสารทุกฉบับ
แท้จริงแล้วบทความเหล่านี้มีเนื้อหาไม่เหมือนกัน!
ตัวอย่างเช่น ใน ‘เดอะแลนซิต’ ไป๋เยี่ยพิสูจน์การมีอยู่ของจุลชีพภายในลำไส้โดยอาศัยข้อมูลทางสถิติ ทั้งยังกล่าวถึงการค้นพบและการวิจัยสารฟทาริกชนิดอาร์
ส่วนใน ‘นิวอิงแลนด์’ ไป๋เยี่ยนำเสนอบทความเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างตัวชี้วัดสุขภาพของลำไส้กับมะเร็งทวารหนัก