บทที่ 224 วารสารฉบับใหม่ (1)
ไป๋เยี่ยนำคำพูดของเหล่าผู้เชี่ยวชาญกลับมาวางแผนอย่างรอบคอบ
ตอนนี้การทดลองดำเนินมาถึงขั้นตอนสำคัญแล้ว ‘การทดลองเชิงปฎิบัติ’
ต่อไปจะต้องนำตัวชี้วัดแต่ละตัวไปทำการทดลองเชิงปฏิบัติเพื่อพิสูจน์ความน่าเชื่อถือ
อันที่จริงไป๋เยี่ยก็ไม่ได้กังวลว่าชาวญี่ปุ่นจะแซงหน้าเขาไป เพราะว่าเดิมทีตัวชี้วัดเหล่านี้ก็ไม่ได้ถูกค้นพบกันง่ายๆ
และการจะพิสูจน์ก็ต้องอาศัยอุปกรณ์มากมายในห้องแล็บ
อุปกรณ์ภายในห้องแล็บของไป๋เยี่ยล้ำหน้าอุปกรณ์ที่จำหน่ายบนตลาดไปหลายขุม โดยเฉพาะในแง่ของการตรวจสอบสภาพภายในลำไส้ที่สร้างประโยชน์อันล้นหลาม
แม้ว่าไป๋เยี่ยจะไม่หวั่นเกรงต่อการประกาศสงครามของญี่ปุ่น ทว่าเขาจะประมาทไม่ได้
ก็พวกคุณอยากให้ผมแข่งนี่นา
ผมจะทำให้พวกคุณแพ้แบบราบคาบเลยคอยดู
ต่อจากนี้ สิ่งที่ไป๋เยี่ยต้องทำย่อมไม่ได้มีเพียงการวิจัยอย่างเดียวแล้ว แต่ยังต้องคอยผลักดันให้ทีมวิจัยของเขาสร้างผลลัพธ์ออกมาด้วย
คนเราย่อมมีขีดจำกัดของศักยภาพ แต่หากมีคนก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำ ผู้คนอื่นๆ ในกลุ่มก็ย่อมพัฒนาตามไปอย่างรวดเร็วด้วย
ทฤษฎีจุลชีพภายในลำไส้กลายเป็นรูปเป็นร่างที่สมบูรณ์แล้วด้วยตัวชี้วัดกว่าสิบชนิด
รอให้มีการแจ้งผลการทดสอบเชิงปฏิบัติก่อน จากนั้นก็นำข้อมูลมาวิเคราะห์แล้วจึงนำไปใช้ในทางการแพทย์ได้
ขั้นตอนแรกคือต้องค้นหาสารที่ส่งผลต่อสุขภาพของลำไส้ ซึ่งก็คือตัวชี้วัดพิเศษเหล่านั้น
ตัวอย่างเช่น สารฟทาริกชนิดอาร์ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวชี้วัด เป็นสารที่อันตรายต่อลำไส้ ยิ่งมีสารนี้มากเท่าใด โอกาสเป็นโรคภายในลำไส้ก็ยิ่งสูง นี่คือการสำรวจทางสรีรวิทยาที่จำเป็นมาก ดฮณ๊ฯดฯฌซ,
ขั้นต่อไปคือศึกษากลไกการออกฤทธิ์ของสารฟทาริกชนิดอาร์และสาเหตุที่ทำให้เกิดโรค นี่คือการวิจัยทางพยาธิวิทยา
ขั้นตอนสุดท้ายคือศึกษาวิธีการยับยั้งการหลั่งของสารและลดปริมาณของสารฟทาริกชนิดอาร์ในลำไส้ลง นี่คือการวิจัยทางเภสัชวิทยา
ทั้งหมดนี้คือกระบวนการศึกษาโรค ขั้นแรกต้องศึกษาสรีรวิทยาทั่วไปของร่างกายมนุษย์ก่อน จากนั้นจึงศึกษาพยาธิสภาพ[1]ของโรค ปิดท้ายด้วยเภสัชวิทยาของการรักษาโรค
ล้วนเป็นกระบวนการที่มีระบบ!
ความคืบหน้าของงานวิจัยอยู่ในขั้นตอนไหนแล้ว ตอนนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการวิจัยสรีรวิทยา ทฤษฎีกำลังถูกปรับปรุงให้ดีขั้นเรื่อยๆ ตัวชี้วัดต่างๆ จะได้รับการทดสอบ จนสุดท้ายย่อมเกิดเป็นทฤษฎีจุลชีพภายในลำไส้ที่สมบูรณ์แล้ว
หลังจากที่ได้ผลการทดลองและวิเคราะห์เชิงปฏิบัติมาแล้ว จึงจะปรับปรุงทฤษฎีให้สมบูรณ์ได้
ทว่าสิ่งที่จำเป็นในการนำทฤษฎีไปใช้ในทางการแพทย์ย่อมเป็นการวิจัยทางพยาธิวิทยาและเภสัชวิทยา
นี่คือช่องว่างที่รอคอยการเติมเต็ม เป็นส่วนสำคัญสำหรับขั้นตอนต่อๆ ไป อย่างไรก็ตาม การวิจัยนี้ก็เป็นวิธีการรักษาสภาพแวดล้อมภายในลำไส้ซึ่งช่วยป้องกันไม่ให้เกิดโรค ตามหลักการป้องกันยามโรคยังไม่เกิด
ไป๋เยี่ยเองก็มีขีดจำกัด เขาลงมือด้วยตนเองทั้งหมดไม่ได้ เขาจึงแบ่งทีมวิจัยพยาธิวิทยาออกเป็นทีมแยกย่อย
แต่ละทีมมีหน้าที่รับผิดชอบการวิจัยสรีรวิทยาและพยาธิวิทยา ซึ่งก็คือกลไกการออกฤทธิ์ของตัวชี้วัดในร่างกายมนุษย์
อันที่จริงนี่คือสิ่งที่ผู้รับผิดชอบจำเป็นต้องทำ ต้องกำหนดวัตถุประสงค์และทิศทางการทดลองให้ชัดเจน จากนั้นจึงมอบหมายหน้าที่ไปให้แต่ละทีมรับผิดชอบ
เช่นเดียวกับทีมวิจัยของไป๋เยี่ย เขาวิเคราะห์และจัดกลุ่มของตัวชี้วัดก่อนแล้วจึงแบ่งหน้าที่ไปให้ทีมวิจัย
ด้วยวิธีนี้ก็จะจัดตั้งทีมวิจัยและทดลองได้อย่างเป็นระบบโดยสมบูรณ์
ส่วนด้านการนำไปใช้รักษานั้นยังไม่ถึงเวลา ต้องรอผลวิจัยทางพยาธิวิทยาออกมาก่อนจึงจะนำไปทำการวิจัยทางเภสัชวิทยาได้
อย่างไรก็ตาม นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าไป๋เยี่ยจะได้พักผ่อน ช่วงนี้เขายังต้องรวบรวมข้อมูล รวมถึงศึกษาว่าตัวยาต่างๆ มีผลต่อลำไส้อย่างไร จากนั้นก็จัดทำแผนวิจัยขึ้นมา
ไป๋เยี่ยจะลงมือทำวิจัยเพียงชั่วคราวก่อน จากนั้นเมื่อได้ผลการทดลองของแต่ละทีมแล้ว เขาก็จะแบ่งผลการทดลองเบื้องต้นที่ได้ให้แต่ละทีมนำไปดำเนินการต่อไป 艾琳小說
วิธีนี้ช่วยประหยัดเวลาและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้มากอย่างไม่ต้องสงสัย
ทว่าตอนนี้ นอกจากเรื่องนั้นแล้ว ไป๋เยี่ยยังมีบางเรื่องค้างคาอยู่ในใจ
นั่นคือกลยุทธ์!
หมายความว่าอย่างไร
สนามรบของงานวิจัยคือผลงานและบทความในวารสาร ซึ่งวารสารเหล่านั้นก็คือกลยุทธ์นั่นเอง
ก็เหมือนกับครั้งที่แล้วที่ญี่ปุ่นประโคมข่าวการตีพิมพ์วารสารการแพทย์เอเชียฉบับพิเศษ
พวกเขาทำเรื่องนั้นได้อย่างง่ายดายเพราะนั่นคือวารสารที่พวกเขาตีพิมพ์ขึ้นมาเอง ทั้งกองบรรณาธิการล้วนเป็นคนพวกเดียวกัน ในขณะที่ไป๋เยี่ยเองก็มีควาสัมพันธ์อันดีกับคาร์ลและคนอื่นๆ อีกนับไม่ถ้วน ทำให้เขาประสบความสำเร็จทุกวันนี้ได้
ไป๋เยี่ยคิดว่าครั้งต่อไปคงไม่ง่ายแบบนี้แล้ว เพราะว่าวารสารชั้นนำอย่าง ‘เดอะแลนซิต’ ไม่ใช่วารสารที่ใครจะเขียนบทความส่งไปให้ตีพิมพ์ได้ทุกเมื่อตามต้องการด้วยเพราะขั้นตอนที่ซับซ้อนยุ่งยาก
อีกทั้งการส่งบทความไปตีพิมพ์ก็ไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหาที่ยั่งยืนนัก เพราะฉะนั้นต่างคนจึงต้องมีจุดยืนของตนเอง เมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันจึงจะเอาตัวรอดได้!
แทนที่จะถูกครอบงำโดยผู้อื่น!
ไป๋เยี่ยคิดได้ดังนั้นก็ตัดสินใจไปปรึกษาผู้ที่มีความรู้ด้านนี้เพื่อเตรียมการทำบางอย่าง
ไป๋เยี่ยพลันนึกถึง ‘จางจี๋เซียน’ หัวหน้ากองบรรณาธิการของโรงพยาบาลแพทย์แผนจีนจิ้นซีผู้เคยเข้าร่วมการแข่งขั้นความรู้แพทย์แผนจีนกับเขา
จางจี๋เซียนทำงานอยู่ในวงการวารสาร แม้จะมีชื่อเสียงเพียงเล็กน้อยแต่ก็มากด้วยความสามารถ อีกทั้งวารสารของโรงพยาบาลแพทย์แผนจีนจิ้นซียังเป็นวารสารประจำจังหวัด จึงจัดได้ว่าพอมีอิทธิพลอยู่บ้าง
ไป๋เยี่ยจึงโทรไปแลกเปลี่ยนความคิดกับจางจี๋เซียนทันที
จางฮั่นหลินได้ข่าวว่าไป๋เยี่ยจะทำวารสารเองก็อึ้งงันไป การเริ่มทำวารสารั้นง่ายมาก แต่จะทำให้ดีกลับยากเย็น
อย่างไรเสีย ถ้าต้องการให้วารสารถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูลต่างๆ วารสารฉบับนั้นก็ต้องอัดแน่นไปด้วยบทความคุณภาพสูงและมีคะแนนไอเอฟที่สูงพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสาขาการแพทย์
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความรอบรู้และความครอบคลุมของตัวผู้เชี่ยวชาญและกองบรรณาธิการ หากมีจุดนั้นที่แข็งพอก็ย่อมหมายความว่าวารสารฉบับนั้นมีอิทธิพล
เช่นเดียวกับ ‘เจเอเอ็มเอ‘ ซึ่งเป็นวารสารที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติที่ร่วมด้วยทีมผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการระดับแนวหน้าหลายคน ส่วนสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์แห่งประเทศจีนก็มีวารสารชื่อว่า ‘เซลล์รีเสิร์ช[2]’ ซึ่งได้คะแนนไอเอฟสูงกว่าสิบคะแนนติดต่อกันมาหลายปี ทั้งหมดนี้ย่อมเป็นเพราะพวกเขามีรากฐานอันมั่นคง
ดังนั้นวารสารใดๆ จะไม่ขึ้นอยู่กับบุคคลใดบุคคลหนึ่งเท่านั้น แต่ขึ้นอยู่กับหน่วยงาน สถาบันวิจัยและมหาวิทยาลัยหลายแห่ง
ทั้งสองคนพูดคุยกันอยู่นาน ไป๋เยี่ยเป็นฝ่ายเอ่ยปากถาม “ระยะเวลาที่สั้นที่สุดในการรวบรวมบทความมาลงวารสารคือเท่าไหร่เหรอครับ”
ไป๋เยี่ยต้องการขึ้นไปยืนบนสนามรบระดับนานาชาติ เขาต้องการให้นักวิชาการจีนประจัญหน้ากับชาวโลก
จางจี๋เซียนเกือบสำลัก “ไอ้น้อง นายคิดว่าวารสารพวกนี้เป็นซุปเปอร์มาร์เก็ตหรือไง ทังเซินลู่เพิ่งจะพูดในที่ประชุมอยู่หยกๆ ว่าต่อไปการลงทะเบียนวารสารลงฐานข้อมูลจะรัดกุมขึ้นเรื่อยๆ”
จางจี๋เซียนดูเหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้ “เอาเถอะ! วารสาร ‘เจทีดี[3]’ ก็ใช้เวลารวบรวมบทความแค่สามปีสามเดือนก่อนจะตีพิมพ์ครั้งแรก ถ้านายอยากทำแบบนั้นก็ลองเอาเจทีดีเป็นแบบอย่างแล้วกัน”
ไป๋เยี่ยได้ยินดังนั้นแววตาก็พลันทอแสงเป็นประกาย ถ้าเคยมีคนทำสำเร็จแล้ว ก็แปลว่าเขายังพอมีโอกาส
แต่ระยะเวลาสามปีก็ยังนานเกินไป ไป๋เยี่ยคงรอไม่ได้แน่ๆ ในเมื่อสามปียังเป็นไปได้ ทำไมสามเดือนจะเป็นไปไม่ได้ล่ะ
[1] พยาธิสภาพ คือ สภาพที่ร่างกายไม่สามารถรักษาสภาพสมดุลได้
[2] เซลล์รีเสิร์ช (Cell Research) คือ วารสารวิทยาศาสตร์ที่ครอบคลุมเนื้อหาเกี่ยวกับชีววิทยาของเซลล์ เป็นวารสารของประเทศจีน
[3] เจทีดี (JTD/Journal of Thoracic Disease) คือ วารสารเกี่ยวกับโรคบริเวณทรวงอก