บทที่ 233 เปี่ยมด้วยพลัง
ไป๋เยี่ยได้รับสายจากเว่ยซูชิงให้รีบจัดการตนเองตั้งแต่เนิ่นๆ
รางวัลผลงานดีเด่นถือเป็นรางวัลสำคัญระดับโลก ซึ่งรางวัลที่ไป๋เยี่ยได้รับนั้นไม่ได้เป็นเพียงเกียรติยศของไป๋เยี่ยเพียงผู้เดียว แต่ยังเป็นเกียรติยศของประเทศชาติอีกด้วย
เทคโนโลยีการแพทย์สมัยใหม่ของจีนไม่ได้ล้าหลังชาติอื่นไปเพียงหนึ่งหรือสองเก้า แต่ล้าหลังมาเป็นเวลานานแล้ว แต่ถึงกระนั้น รางวัลโนเบลของถูโยวก็ได้พลิกกระแสให้การแพทย์แผนจีนรอดพ้นจากวิกฤตได้
น่าเสียดายที่ไม่มีรางวัลระดับนานาชาติใดที่สร้างเกียรติให้แก่ชาวจีนเลย ซึ่งการปรากฏตัวของไป๋เยี่ยก็เกิดขึ้นในเวลาที่เหมาะสมพอดี
นอกจากนี้ ประเทศยังให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อรางวัลผลงานดีเด่น โดยอาศัยการอุปถัมภ์ของคณะกรรมการสุขภาพและครอบครัวแห่งชาติ ในพิธีมอบรางวัลจึงมีการเชิญสื่อมวลชนและนักข่าวจากทั้งในและต่างประเทศจำนวนมากมร่วมงาน
ทีมช่างแต่งหน้ามืออาชีพมาเตรียมเครื่องแต่กายกว่าสิบชุดให้ไป๋เยี่ยถึงห้องแต่เช้า ทีมงานนับสิบคนวิ่งวุ่นกันกว่าสองชั่วโมง จนในที่สุดก็ได้ลุคของไป๋เยี่ยสำหรับวันนี้!
ทีมช่างแต่งหน้ามองภาพสะท้อนอันเปล่งประกายดุจซุปเปอร์สตาร์ของชายหนุ่มในกระจกก่อนจะพยักหน้าขึ้นลงด้วยความพึงพอใจและปล่อยไป๋เยี่ยออกไป
ไป๋เยี่ยไม่เคยคิดเลยว่าตนจะหล่อขนาดนี้!
หน้าตาของไป๋เยี่ยเป็นที่โดดเด่นมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่เขาไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยว่าตนจะเปล่งประกายดั่งซุปเปอร์สตาร์ แต่เมื่อเทียบกับบรรดาซุปเปอร์สตาร์ระดับนานาชาติแล้ว ไป๋เยี่ยดูจะมีมาดนักวิชาการมากกว่าหน่อย
พิธีมอบรางวัลจัดขึ้นที่ศูนย์นักศึกษาของมหาวิทยาลัยปักกิ่ง ซึ่งที่นี่ถูกใช้เป็นสถานที่จัดงานสัมมนาทางวิชาการมาหลายครั้ง การจัดงานจึงเป็นไปอย่างสะดวก
พิธีมอบรางวัลเริ่มต้นขึ้นในเวลาสิบโมงเช้าโดยมีเว่ยซูชิงจากคณะกรรมการวางแผนสุขภาพและครอบครัวแห่งชาติ เมิ่งเต๋อชิ่ง ผู้อำนวยการมหาวิทยาลัยปักกิ่ง คังเจี้ยนเซิง ผู้อำนวยการคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยปักกิ่งและนักวิชาการจากสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ เกาเย่ว์หยาง นักวิชาการทรงคุณวุฒิ ถูโยว ผู้ได้รับรางวัลโนเบลและคนอื่นๆ มาร่วมงานในวันนี้
ทว่าไป๋เยี่ยกลับประหลาดใจที่อาจารย์ที่ปรึกษาของเขาอย่างหลิวป๋อหลี่ไม่ได้มาร่วมงานด้วย ทำให้เขารู้สึกผิดหวังนิดหน่อย
อาจารย์หลิวเป็นคนที่ไป๋เยี่ยสนิทด้วยลำดับต้นๆ การราวน์วอร์ดรายสัปดาห์ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่แน่นแฟ้นมากขึ้น อาจารย์หลิวสอนทุกอย่างให้ไป๋เยี่ยชนิดที่เรียกว่าไม่มีกั๊ก ไป๋เยี่ยก็มักจะไปกินเกี๊ยวฝีมือแม่ของอาจารย์หลิวถึงที่บ้านอยู่บ่อยครั้ง
เมื่อไป๋เยี่ยได้สร้างผลงาน เขาก็อยากให้อาจารย์คนสนิทมาเห็น แต่ไม่คิดเลยว่าอาจารย์หลิวจะไม่มาร่วมพิธีมอบรางวัล
ไป๋เยี่ยคิดได้ดังนั้นก็โทรหาเถ้าแก่ไป๋
ไม่นานนักอีกฝ่ายก็รับสาย
“พ่อ ผมได้รางวัลใหญ่” ไป๋เยี่ยเปิดประเด็น
เถ้าแก่ไป๋ตะลึงไปครู่หนึ่งก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ “รางวัลผลงานดีเด่นน่ะเหรอ”
ไป๋เยี่ยนิ่งไป แววตาของเขาเปี่ยมด้วยความปิติยินดี “พ่อ!”
ไป๋เยี่ยดีใจมากที่พ่อของเขาพูดขึ้นมา ไม่คิดเลยว่าพ่อจะรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว
ไป๋ตงหลินหัวเราะร่า “ฮ่าๆ เด็กน้อยเอ๋ย คิดว่าพ่อแม่ไม่สนใจลูกจริงๆ เหรอ แม่น่ะซื้อวารสารทุกเล่มที่ลูกตีพิมพ์บทความลงไปมาเก็บไว้ด้วย แม่จดทุกความก้าวหน้าของลูกไว้หมดเลยนะ คนที่จดจำความสำเร็จของลูกได้ดีที่สุดก็คือแม่นั่นแหละ”
คำพูดของเถ้าแก่ไป๋ทำให้ไป๋เยี่ยถึงกับน้ำตารื้น ที่แท้พ่อแม่ก็ให้ความสนใจกับทุกก้าวของเขา พ่อแม่คอยเฝ้ามองทุกความก้าวหน้าและความสำเร็จของเขามาตลอด
ไป๋เยี่ยมีค่อนข้างมีความเป็นผู้ใหญ่และเด็ดเดี่ยว เขาคุ้นชินกับการเผชิญหน้าสิ่งต่างๆ เพียงลำพัง พอได้ยินคำพูดแสนลึกซึ้งจริงใจจากพ่อจึงรู้สึกแปลกๆ
ไป๋เยี่ยพยายามกลั้นน้ำตาไว้
ไป๋ตงหลินยิ้ม “สู้ๆ ลูกพ่อ ลูกเก่งมาก ลูกคือความภาคภูมิใจของครอบครัวเรา จะสายแล้ว รีบไปเตรียมตัวเข้าพิธีเถอะ ต้องทำตัวหล่อๆ เข้าไว้ แม่รอดูถ่ายทอดสดอยู่นะ!” ดฮณ๊ฯดฯฌซ,
ไป๋เยี่ยหัวเราะก่อนจะวางสายลงแล้วเดินออกไปด้วยท่าทีสบายๆ
บรรดาสื่อมวลชนจากกว่าสี่สิบประเทศทั่วโลกมารวมตัวกันที่ด้านล่างเวที มีสำนักข่าวกว่าสามร้อยแห่งและผู้คนนับพันในสถานที่จัดประชุม ไป๋เยี่ยยืนอยู่ด้านหลังฉาก เขาทอดสายตาลงไปยังผู้นำองค์กรและอาจารย์ ทันใดนั้นในใจของเขาก็อัดแน่นไปด้วยความรู้สึกอันหลากหลาย
พิธีกรประกาศเริ่มพิธีมอบรางวัล โดยมีเว่ยซูชิงจากคณะกรรมการวางแผนสุขภาพและครอบครัวกล่าวเปิดงาน
แม้เธอจะมีอายุกว่าหกสิบปีแล้ว แต่ก็ยังคงเปล่งน้ำเสียงอันเปี่ยมด้วยพลังผ่านไมโครโฟนออกมา “วันนี้ถือเป็นวันพิเศษวันหนึ่ง ในฐานะตัวแทนจากคณะกรรมการวางแผนสุขภาพและครอบครัวแห่งชาติ ดิฉันขอต้อนรับคณะตัวแทนจากสาขาทวารหนักแห่งสมาคมศัลยแพทย์นานาชาติของคุณเจียลี่…บัดนี้ ดิฉันขอประกาศเปิดพิธีมอบรางวัลผลงานดีเด่นอย่างเป็นทางการ เชิญคุณเจียลี่ขึ้นพูดค่ะ”
เจียลี่ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์สั้นๆ โดยจะเน้นกล่าวถึงการมีส่วนร่วมของไป๋เยี่ยและอธิบายถึงทฤษฎีจุลชีพภายในลำไส้ของไป๋เยี่ยเป็นหลัก
เจียลี่กล่าวเสียงดัง “ต่อไป โปรดต้อนรับคุณไป๋เยี่ยด้วยเสียงปรบมืออย่างอบอุ่นด้วยครับ!”
ทันทีที่ไป๋เยี่ยเดินออกมาใต้แสงสปอร์ตไลท์ ทั้งหอประชุมก็ตกอยู่ในความเงียบ!
ไม่มีใครคิดว่าเด็กหนุ่มผู้นี้คือไป๋เยี่ย ต่างคนต่างคิดว่าเขาเป็นเจ้าหน้าที่เท่านั้น เพราะเขาดูอ่อนวัยและหล่อเหลาเกินคาด
ทว่าผ่านไปราวๆ ครึ่งนาทีกลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผู้คนต่างมองไปยังเด็กหนุ่มบนเวทีด้วยความประหลาดใจ เด็กหนุ่มคนนั้นยืนเปล่งประกายอยู่บนเวที และด้วยรูปลักษณ์ที่ดูดีดุจซุปเปอร์สตาร์ทำให้เขายืนเด่นอยู่ตรงนั้นอย่างสง่าผ่าเผยและเท่เกินบรรยาย!
หลีอวี่หรานที่นั่งอยู่ด้านล่างเวทีถึงกับใจเต้นระรัวจนแทบหายใจไม่ทัน
พลันมีประโยคหนึ่งแว่วเข้ามาในหัวของเธอ
พลังล้นเหลือจริงๆ
เจียลี่ยืนขึ้นพร้อมกับหันไปพูดกับทุกคน “ทุกท่านครับ นี่คือคุณไป๋เยี่ย ผู้ให้กำเนิดทฤษฎีจุลชีพภายในลำไส้! โปรดปรบมือให้กับเยาวชนผู้ยิ่งใหญ่ด้วยครับ!”
คำพูดและท่าทีของเจียลี่ทำให้ทุกคนตื่นตะลึง ที่แท้บุคคลนี้ก็คือไป๋เยี่ยนี่เอง
เมิ่งอวิ๋นซีที่นั่งอยู่ข้างๆ หลีอวี่หรานก็มีความรู้สึกมากมายหลั่งไหลเข้ามาเช่นกัน ไป๋เยี่ยดูดีเกินกว่าที่ทุกคนรวมถึงเธอจินตนาการไว้
เธอรวบรวมสมาธินึกถึงเรื่องต่างๆ เกี่ยวกับไป๋เยี่ยพร้อมกับมองไปที่เด็กหนุ่มสุดเปล่งประกายบนเวทีไม่ได้เลย
หลีอวี่หรานละทิ้งภาพลักษณ์เคร่งขรึม เธอกุมมือเมิ่งอวิ๋นซีด้วยความตื่นเต้นพลางเอ่ยเสียงสั่น “ซี! เธอเห็นไหม! นั่นไป๋เยี่ย! เขาคือไป๋เยี่ย! ฉ…ฉันไม่ไหวแล้ว ฉันว่าฉันชอบเขา เขาควรเป็นของฉัน!”
พิธีมอบรางวัลยังคงดำเนินไป ผู้รับผิดชอบจากมูลนิธิเดินออกมาพร้อมกับถ้วยรางวัลและใบรับรอง
เจียลี่มอบถ้วยรางวัลให้ไป๋เยี่ยกับมือ วินทีที่ไป๋เยี่ยรับถ้วยรางวัลมา ประวัติศาสตร์ก็ถูกบันทึกไว้เรียบร้อยแล้ว
เสียงชัตเตอร์จากฝูงชนดังระงม บางทีนี่คงเป็นสิ่งที่ถูกลิขิตไว้ให้กล้องถ่ายรูปเหล่านั้นต้องเก็บภาพช่วงเวลาอันน่าจดจำ ภาพผู้คนและสิ่งต่างๆ ที่ควรค่าแก่การรำลึกไว้ในความทรงจำ
ชื่อเสียงของไป๋เยี่ยเลื่องลือไปทั่วโลก
ขณะเดียวกัน ในมุมหนึ่งด้านล่างเวที หลิวป๋อหลี่ยืนถือไม้เท้าพลางมองไปยังไป๋เยี่ยที่กำลังยืนชูถ้วยรางวัลด้วยรอยยิ้มทั้งร่างที่กำลังสั่นเทิ้ม
คนที่ยืนอยู่ด้านข้างหลิวป๋อหลี่ก็คือลูกศิษย์ของเขาหลี่ว์เฟิ่งเซียนนั่นเอง หลี่ว์เฟิ่งเซียนไม่ได้มีท่าทีตื่นเต้น จึงเอ่ยถามผู้เป็นอาจารย์ด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “อาจารย์…”
หลิวป๋อหลี่สะดุ้ง เขาหันกลับมามองหลี่ว์เฟิ่งเซียนด้วยสายตาสงสัย
ทว่ากลับเห็นเพียงหลี่ว์เฟิ่งเซียนยืนพึมพำเบาๆ “น่าเสียดายที่เสี่ยวเยี่ยทำงานด้านงานวิจัย หน้าตาแบบนี้เนี่ย หางานทำเลี้ยงปากเลี้ยงท้องได้สบายๆ”
หลิวป๋อหลี่ “…”
แม้ว่าจะไม่ได้พูดอะไร แต่หลิวป๋อหลี่ก็ต้องยอมรับว่าไป๋เยี่ยยืนอยู่บนตำแหน่งนั้นอย่างเต็มเปี่ยมด้วยพลังจริงๆ!
ตอนนี้ไป๋เยี่ยได้เปลี่ยนมุมมองของผู้คนต่อนักวิจัยไปแล้ว ที่แท้นักวิทยาศาสตร์ก็หล่อได้เหมือนกัน!
แถมยังหล่อมากด้วย!