บทที่ 251 ซุปเปอร์สตาร์มาหาหมอ
หยางเจ๋อได้รับรางวัลรองชนะเลิศในการแข่งขันความรู้ด้านแพทย์แผนจีนแห่งชาติ ซึ่งนั่นแสดงให้เห็นว่าความสามารถและความรู้ของเขานั้นไม่ธรรมดาเลย หลังจากที่เข้าร่วมกลุ่มวิจัยของนักวิชาการเฉินแล้ว เขาก็อุทิศตนให้กับงานวิจัยและมีผลงานออกมาให้เห็นบ้าง
ตอนที่เขาเห็นไป๋เยี่ย ภายในใจก็แฝงไปด้วยความอวดดี คล้ายกับผู้แพ้ศึกที่พยายามปรากฏตัวอย่างเย่อหยิ่ง
แต่เมื่อคิดดูแล้ว เขาก็รู้สึกว่าตนเองช่างน่าขันเหลือเกิน โตจนป่านนี้แล้วยังคิดจะมีเรื่องกับเด็กเสียได้
ยิ่งไปกว่านั้น ทัศนคติของหยางเจ๋อก็ค่อยๆ แปรเปลี่ยนไป ตอนนี้วิสัยทัศน์ของเขาไม่เหมือนกับแต่ก่อนแล้ว
การจะพัฒนาการแพทย์แผนจีนไม่ได้อาศัยแรงของคนเพียงคนเดียว แต่อาศัยความพยายามของผู้คนจากรุ่นสู่รุ่น
ระหว่างที่ทำวิจัย หยางเจ๋อก็ตระหนักได้ว่าตนยังด้อย องค์ความรู้แพทย์แผนจีนนั้นกว้างขวางมากนัก ไม่แปลกเลยหากเขาจะเป็นเพียงน้ำหยดหนึ่งในมหาสมุทร
ดังนั้นเมื่อเขาเห็นไป๋เยี่ย เขาก็เปลี่ยนใจจากที่เดิมทีจะคุยโวโอ้อวด แต่กลับยิ้มและให้คำแนะนำกับไป๋เยี่ยแทน
ไป๋เยี่ยพูดคุยกับหยางเจ๋อต่ออีกพักหนึ่ง เรื่องที่คุยกันล้วนเป็นประเด็นในสาขาชีพ อย่างเช่นการกรองส่วนผสมของยาแผนจีนและการใช้ตัวบ่งชี้ในการจัดประเภทยาจีนโบราณเป็นต้น
หลังจากที่สนทนากันได้สักพัก ทั้งคู่ก็เริ่มคุยกันมากขึ้นและแลกข้อมูลติดต่อกันไว้ เพื่อที่ต่อไปจะได้ติดต่อกันง่ายขึ้น
จากนั้นไป๋เยี่ยก็หยิบกล่องสร้อยข้อมือออกมาจากกระเป๋าและยื่นให้เมิ่งอวิ๋นซีด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “สุขสันต์วันเกิดครับพี่เมิ่ง”
แววตาของเมิ่งอวิ๋นซีเปล่งประกาย สะท้อนให้เห็นถึงความสุขอันมากล้น ราวกับตนเป็นเด็กๆ
ทว่าเมิ่งอวิ๋นซีก็อดใจไม่เปิดกล่องนั้นก่อนจะตอบ “ขอบคุณนะ เสี่ยวเยี่ย”
มีผู้คนจากอุตสาหกรรมยามาร่วมงานมากขึ้นเล็กน้อย ซึ่งหยางเจ๋อก็ยังคงเป็นที่นิยมในหมู่ผู้คน
อย่างไรเสีย ตอนนี้หยางเจ๋อก็เป็นคนที่เพียบพร้อมในด้านศักยภาพและครอบครัว ทั้งยังเป็นคนดีคนหนึ่งด้วย
ไป๋เยี่ยต้องการแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับการผลิตหุ่นยนต์กับจ้าวเฉินต่อ เขามีความคิดที่อยากจะก่อตั้งทีมวิจัยและพัฒนาหุ่นยนต์ของตนเอง
อย่างไรก็ตาม เขาจะใจร้อนกับเรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด ไป๋เยี่ยยังคงหวังว่าเขาจะได้ไปสัมผัสประสบการณ์นี้ด้วยตนเองที่มหาวิทยาลัยเป่ยหางสักพักหนึ่งบ้าง
เมิ่งอวิ๋นซีหันไปพูดกับไป๋เยี่ย “หาที่นั่งกันเถอะ มีเรื่องอยากคุยนิดหน่อยน่ะ”
ไป๋เยี่ยชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า แล้วจึงตามเมิ่งอวิ๋นซีไปยังที่สงบ
“วันนี้พี่สวยมากเลย” ไป๋เยี่ยกล่าวชมอย่างจริงใจ
เมิ่งอวิ๋นซีพลันหน้าแดงขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุแล้วยิ้มกลบเกลื่อน “เฮ้ คิดจะหยอกกันหรือไง”
ไป๋เยี่ยส่ายหัว “ไม่กล้าครับ ผมแค่กำลังคิดว่าใครได้แต่งงานกับคนเก่งๆ แบบพี่คงจะโชคดีไม่น้อยเลย”
เมิ่งอวิ๋นซีหัวเราะเบาๆ “ไม่ยักจะรู้ว่านายปากหวานขนาดนี้มาก่อน เอาเถอะ ฉันมีเรื่องหนึ่งที่อยากคุยกับนาย พวกเราเอาสารต้านอนุมูลอิสระที่นายค้นพบมาผลิตเป็นมาส์กหน้าแหละ ตอนนี้ผลิตภัณฑ์ถูกวิจัยและพัฒนาเสร็จแล้ว”
มาส์กหน้า?
ไป๋เยี่ยได้ยินดังนั้นก็เบิกตากว้าง เรื่องนี้ทำให้มุมมองของไป๋เยี่ยเปิดกว้างขึ้นกว่าเดิม เขาตามหาแนวทางใหม่ของการพัฒนาองค์ความรู้ทางการแพทย์มาโดยตลอด
ทว่าเมิ่งอวิ๋นซีก็ได้ทิ้งแนวคิดไว้ให้ไป๋เยี่ย นั่นคือการเจาะลึกลงไปยังสิ่งต่างๆ ในชีวิต
จุดเด่นสำคัญที่สุดของยาจีนคือความซับซ้อนไร้ซึ่งการจัดระบบจนบางครั้งการแบ่งประเภทระหว่างอาหารและยาก็ไม่ชัดเจนสักเท่าไหร่
เช่นเดียวกับการแพทย์แผนจีน ไม่ว่าจะเป็นการฝังเข็ม กายภาพบำบัดหรือการแปะยาตามจุดต่างๆ ก็ตาม วิธีการรักษาเหล่านี้ล้วนแทรกซึมเข้ามาในชีวิตของคนเราได้อย่างสมบูรณ์
“เสี่ยวเยี่ย”
เมิ่งอวิ๋นซีเห็นว่าไป๋เยี่ยกำลังเหม่อก็เรียกชื่อให้เขาได้สติ
ไป๋เยี่ยครุ่นคิดกับตนเองว่าจะลองพิจารณาถึงเรื่องนี้เมื่อมีเวลาว่าง
“ความคิดพี่เมิ่งดีมากเลย”
เมิ่งอวิ๋นซียิ้ม “ตอนนี้บริษัทของเรากำลังอยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างน่ะ พวกเราอิ่มตัวกับการลงตลาดยาทั่วไปแล้ว พูดตามตรงคือบริษัทของเราค่อนข้างขาดศักยภาพในการแข่งขัน ด้วยสภาพนี้ ถ้าไม่ปรับโครงสร้างก็คงไปต่อไม่ได้”
ไป๋เยี่ยต้องชื่นชมในความเด็ดเดี่ยวของเมิ่งอวิ๋นซี คิดจะปรับโครงสร้างของบริษัทมูลค่าหลายพันล้านหยวนก็ปรับเลย ตอนนี้เมิ่งอวิ๋นซีไม่ได้มีตำแหน่งเป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาดของบริษัทยาจื่ออวิ๋นอีกต่อไปแล้ว แต่กลับเป็นผู้จัดการทั่วไปซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการดำเนินงานและการจัดการของบริษัท
“มาส์กหน้าตัวนี้จะเป็นผลิตภัณฑ์หลักของเราในช่วงปรับโครงสร้าง ตอนนี้เรากำลังมองหาดารามาเป็นพรีเซนเตอร์ให้น่ะ”
“ยังไงนายก็เป็นคนคิดค้นมันขึ้นมาก ฉันเลยต้องบอกเรื่องนี้ให้นายเข้าใจด้วย”
หนึ่งวันผ่านไปในชั่วพริบตา ไป๋เยี่ยพอใจกับปาร์ตี้ในวันนี้มาก เขาได้รับอะไรมากมายและได้รู้จักผู้คนมากขึ้น ต่อไปในอนาคตเขาอาจจะได้ร่วมงานกับผู้คนเหล่านี้ก็เป็นได้
เช้าวันอาทิตย์อากาศดีอย่างน่าประหลาดใจ ไป๋เยี่ยนอนอ่านหนังสือและอาบแสงแดดอันอบอุ่นที่สาดส่องมายังริมหน้าต่างอย่างสบายใจ
ขณะที่ไป๋เยี่ยกำลังเคลิ้ม จู่ๆ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
เมื่อไป๋เยี่ยเห็นว่าเป็นหลี่เจี้ยนเหว่ยก็รีบรับสายทันที บทที่ 251 ซุปเปอร์สตาร์มาหาหมอ
น้ำเสียงของหลี่เจี้ยนเหว่ยแฝงความร้อนรนและกังวลใจ “เสี่ยวเยี่ยอยู่ที่โรงพยาบาลหรือเปล่า”
ไป๋เยี่ยผงะ “อยู่ห้องครับ เกิดอะไรขึ้นเหรอครับหัวหน้า”
“ที่แผนกมีเคสค่อนข้างยุ่งยากน่ะ คุณไปจัดการที ตอนนี้คนไข้รออยู่ที่แผนก คุณรีบไปเถอะ เคสค่อนข้างเร่งด่วน”
“คนไข้เป็นดารา ระหว่างถ่ายละครเกิดอุบัติเหตุขึ้น กระดูกขาหัก คุณไปช่วยดูเขาหน่อยแล้วกัน…ฝากจัดการด้วยล่ะ”
ดาราเหรอ
ไป๋เยี่ยคว้าเสื้อกาวน์ขึ้นมาสวมและตรงไปที่วอร์ดทันที ในใจก็ยังคงครุ่นคิดว่าหลี่เจี้ยนเหว่ยกำลังหมายความว่าอย่างไร
พอเป็นเรื่องของดาราก็จะยุ่งยากขึ้นมาหน่อย ถ้าจัดการดี การประชาสัมพันธ์ก็จะดีตามไปด้วย แต่ถ้าจัดการไม่ดีก็เป็นเรื่องยุ่ง
ทันทีที่ไป๋เยี่ยมาถึงห้องทำงาน เขาก็เห็นว่ามีคนกลุ่มหนึ่งมายืนล้อมอยู่ด้านหน้าประตู
ด้านนอกยังมีนักข่าวตามมาด้วย ทว่าคนเหล่านั้นถูกเจ้าหน้าที่รั้งไว้แล้ว
วันนี้เป็นเวรของหลิวเสี่ยวกัง ทันทีที่เห็นไป๋เยี่ยมาเขาก็เอ่ยขึ้น “ทุกคนหลีกทางหน่อยครับ หมอไป๋”
ในที่สุดฝูงชนก็ยอมผละออกจากประตูห้องทำงาน เมื่อไป๋เยี่ยเดินเข้ามาก็เห็นคนสองคนนั่งคร่ำครวญอยู่บนวีลแชร์
ไป๋เยี่ยขมวดคิ้วก่อนจะถามขึ้น “ใครเป็นญาติผู้ป่วย หรือผู้รับผิดชอบครับ ตามผมเข้ามาหน่อย คนที่เหลือหลีกไปก่อนนะครับ”
จู่ๆ ก็มีชายคนหนึ่งเดินเข้ามา “ผมเป็นผู้จัดการครับหมอ”
ใบหน้าของชายผู้นี้ฉายแวววิตกกังวลทั้งยังเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ เขารีบใช้แขนเสื้อเช็ดหน้าตนเองแล้วกล่าวว่า “หมอครับ รีบตรวจได้ไหม”
ไป๋เยี่ยขอให้พยาบาลไปแยกคนที่ไม่เกี่ยวข้องเหล่านี้ออกจากทางเดินและให้ไปรอที่ล็อบบี้ด้านนอก ทว่ากลับมีทั้งกล้องวิดีโอและกล้องถ่ายรูปตั้งกันสะเปะสะปะจนจัดการไม่ได้
ไป๋เยี่ยเหลือบมองผู้ป่วยตรงหน้าแล้วก็ต้องช็อกไปครู่หนึ่ง
เธอนี่เอง!
ที่แท้เธอก็คือ ‘หวงจิ้ง’ ดาราสาวผู้ประสบความสำเร็จอย่างมากในวงการบันเทิง ไป๋เยี่ยไม่คิดเลยว่าดาราคนนั้นจะเป็นเธอได้
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหลี่เจี้ยนเหว่ยถึงบอกให้เขาระมัดระวัง
นอกจากนี้ ยังมีผู้ป่วยอีกรายที่มีหน้าตาคลับคล้ายกับหวงจิ้ง ทั้งยังสวมเสื้อผ้าเหมือนกับหวงจิ้งทุกประการ
คงเป็นเพราะไม่มีเวลาเปลี่ยนชุดแน่ๆ
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเปรียบเทียบกับเสียงครวญครางด้วยความทรมานของหวงจิ้งแล้ว หญิงสาวผู้นี้ดูจะมีท่าทีสงบกว่ามาก เพราะว่าเธอไม่เจ็บเลยเหรอ เปล่า!
เพราะเมื่อไป๋เยี่ยสังเกตคิ้วที่ขมวดเป็นปมของหญิงสาวคนนั้นดูดีๆ แล้ว จะเห็นว่าสีหน้าของเธอแฝงไปด้วยความเจ็บปวดไม่แพ้กัน