บทที่ 255 ความงามของกระดูก
เมโยคลินิกเป็นเครือโรงพยาบาลระดับสากลที่มีสาขาอยู่ในเมืองใหญ่ทั่วโลกในฐานะโรงพยาบาลเอกชนที่มีชื่อเสียงระดับโลกในแง่ของการบริการที่เหมือนอยู่บ้านและเทคนิคทางการแพทย์อันยอดเยี่ยมมาโดยตลอด
ขณะเดียวกันก็มีค่าใช้จ่ายที่สูงมากด้วย แน่นอนว่าผู้ป่วยของที่นี่ก็ไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน
หลังจากที่หวงจิ้งตามหาคนให้ไปช่วยติดต่อกับเมโยคลินิกได้แล้ว ก็มีทีมแพทย์พิเศษรออยู่ตั้งแต่ก่อนที่เธอจะมาถึงโรงพยาบาลด้วยซ้ำ
ทั้งศัลยแพทย์กระดูกและข้อสองคนจากอังกฤษและอีกคนหนึ่งเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและศัลยกรรมพลาสติกจากเกาหลีใต้ ต่างกำลังรอการมาถึงของหวงจิ้งอยู่แล้ว
รถถูกจอดอยู่ในโซนจอดรดพิเศษ บรรดาสื่อมวลชนที่มารออยู่หน้าประตูต่างถูกกั้นไว้บริเวณล็อบบี้ชั้นหนึ่ง
ข้างลิฟต์มีพนักงานรอต้อนรับหวงจิ้งอยู่ เมื่อเธอก้าวขาออกจากลิฟต์ พยาบาลมืออาชีพสองคนก็เข้ามาช่วยกันเข็นเธอไปที่ห้องตรวจทันที
ห้องทำงานของที่นี่ถูกตกแต่งอย่างหรูหราไม่แพ้โรงแรม
เมื่อผู้เชี่ยวชาญทั้งสามเห็นหวงจิ้งมาถึงก็ยืนขึ้นและทักทายเธออย่างยิ้มแย้ม
ทุกขั้นตอนจะได้รับการดำเนินการตามสิทธิพิเศษ นี่แหละการบริการที่แท้จริง!
หวงจิ้งพอใจกับบริการของที่นี่มาก เทียบกับที่ผู่เจ๋อแล้วต่างกันคนละโลกเลย
แพทย์ทั้งสามคนปรึกษากันโดยอิงจากภาพเอ็กซ์เรย์ของหวงจิ้งและอาการของเธอ จนในที่สุดก็ได้ผลออกมา
“คุณหวง พวกเราวินิจฉัยให้คุณผ่าตัดก่อน เมื่อพิจารณาจากอาการของคุณแล้ว การรักษาด้วยวิธีกายภาพบำบัดเป็นไปได้ยากที่จะเชื่อมส่วนที่แตกหักให้เข้าที่ตามหลักกายวิภาคศาสตร์ พวกเรากังวลว่าจะมีผลกระทบต่อการฟื้นตัวในอนาคต เพราะว่า…”
หวงจิ้งถามอย่างกังวล “ถ้าผ่าตัดก็ต้องมีแผลเป็นบนขาใช่ไหมคะ”
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังตอบ “ไม่ต้องกังวลครับ คุณหวง นี่เป็นหน้าที่ของผม ระหว่างขั้นตอนการเย็บผมจะใช้เทคนิคพิเศษที่ไม่ทิ้งรอยแผลเป็นไว้ แต่แน่นอนว่าคงไม่ใช่ไม่มีแผลเลย หลังจากตกแต่งบาดแผลแล้ว ก็จะมองเห็นได้ยากขึ้นเท่านั้นเองครับ”
อีกฝ่ายเป็นมืออาชีพมากและทั้งยังแนะนำวิธีการลบรอยแผลเป็นหลังการรักษาให้อีกด้วย
รวมถึงพยากรณ์โรคและการฟื้นตัวให้อย่างรวดเร็ว
หวงจิ้งพอใจกับแผนการรักษาที่เป็นระบบและเซ็นยินยอมทันที
ทางทีมแพทย์ก็รีบเตรียมห้องผ่าตัดเพื่อทำการผ่าตัดให้หวงจิ้งทันที
ทุกอย่างดำเนินไปตามขั้นตอน
แน่นอนว่าบริการระดับสูงย่อมมีค่าใช้จ่ายที่สูงตามมาด้วย
อีกด้านหนึ่งที่โรงพยาบาลผู่เจ๋อ หลังจากที่เฉินอ้ายฟื้นแล้วเธอก็ถูกพยาบาลเข็นไปตรวจสุขภาพ
ตั้งแต่ไป๋เยี่ยมาที่แผนกศัลยกรรมกระดูก แผนกฉายรังสีของโรงพยาบาลผู่เจ๋อมีกิจกรรมใหม่หนึ่งรายการนั่นคือการ ‘จับผิด’
แน่นอนว่าไม่ใช่การจับผิดโดยมีเจตนา แต่เป็นคำสั่งจากหลี่เจี้ยนเหว่ยและหัวหน้าแผนกฉายรังสี
เพราะพวกเขาพบว่าฟิล์มเอ็กซ์เรย์ของผู้ป่วยที่ไป๋เยี่ยทำกายภาพบำบัดให้นั้นสวยมากจริงๆ
สำหรับแพทย์รังสีแล้ว การได้เห็นระบบโครงกระดูกที่สวยงามถือเป็นเรื่องมหัศจรรย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการเปรียบเทียบสภาพโครงกระดูก
คุณจะพบว่าโครงกระดูกของมนุษย์มีความงดงามมากเพียงใด
เมื่อทุกคนรู้ว่าเฉินอ้ายเพิ่งจะทำกายภาพบำบัดไปเมื่อคืนก็กรูกันมาหารือกัน
“ว้าว! สุดยอดมาก จัดกระดูกมุมนี้ได้ด้วย ฝีมือของหัวหน้าไป๋นี่เทพจริงๆ!”
“ใช่ ไป๋เยี่ยเป็นคนแรกที่รักษาเคสกระดูกหักด้วยการทำกายภาพบำบัดเพียงครั้งเดียวได้สำเร็จ!” หัวหน้าแผนกฉายรังสีถอนหายใจพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงใจ
ทุกคนได้ยินดังนั้นก็พากันตะลึง
หัวหน้าแผนกฉายรังสีเคยเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลสามศูนย์หนึ่ง ต่อมาก็ถูกดึงตัวมาที่ผู่เจ๋อเพราะมีศักยภาพสูง การที่เขาเอ่ยชมไป๋เยี่ยด้วยตนเองเช่นนี้ ก็พอจะจินตนาการได้ว่าฝีมือของไป๋เยี่ยนั้นดีมากแค่ไหน
เฉินอ้ายมองฟิล์มเอ็กซ์เรย์ของเธอด้วยท่าทางสับสน แม้ว่าเธอจะไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เธอก็เดาได้จากน้ำเสียงของคนรอบข้างว่าการรักษาเสร็จสมบูรณ์แล้ว
ระหว่างที่เธอกำลังงุนงง หัวหน้าแผนกฉายรังสีก็เอ่ยขึ้น “บอกตามตรง ตอนแรกที่เห็นฟิล์มของคุณผมคิดว่าคุณจะต้องผ่าตัดซะแล้ว แต่…ไม่คิดเลยว่าคุณจะอยู่ในมือไป๋เยี่ย คุณโชคดีมากสาวน้อย!”
วันรุ่งขึ้นระหว่างที่กำลังราวน์วอร์ดอยู่นั้น ขณะที่ไป๋เยี่ยกำลังจะเดินเข้าวอร์ดพร้อมทีมแพทย์ เขาก็เห็นเฉินอ้ายกำลังหลั่งน้ำตาแห่งความดีใจออกมา
เธอเอาแต่ร้องไห้โดยไม่พูดอะไรพลางจ้องมองมายังไป๋เยี่ยจนเขาเริ่มรู้สึกแปลกๆ…
โดยเฉพาะวันนี้ที่หลี่เจี้ยนเหว่ยลงมาราวน์วอร์ด ด้านหลังของเขามีแพทย์กว่าสิบคนและนักศึกษาแพทย์อีกราวๆ ยี่สิบคนตามมาเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า
หลี่เจี้ยนเหว่ยแทบตกใจ ถ้าเขาไม่ได้ดูฟิล์มเอ็กซ์เรย์และเปรียบเทียบสภาพที่ได้รับบาดเจ็บก่อนหน้านี้ ก็คงไม่รู้ว่าการรักษานั้นเป็นไปอย่างราบรื่น
มิเช่นนั้นใครๆ ก็คงคิดว่าไป๋เยี่ยทำเรื่องไม่อายฟ้าดินลงไปแล้ว!
หลี่เจี้ยนเหว่ยยิ้มและพูดจาปลอบโยน “สาวน้อย ไม่ต้องร้องไห้แล้ว คุณฟื้นตัวได้ดีมาก ผมรับรับประกันได้เลยว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของคุณ พอหายดีแล้ว คุณก็กลับไปถ่ายหนังเต้นรำต่อได้แล้ว ทุกอย่างเรียบร้อยดี”
เฉินอ้ายได้แต่พยักหน้าและไม่พูดอะไร จนในที่สุดเธอก็ยอมปริปากพูดพร้อมกับปาดน้ำตาทิ้ง “ขอบคุณหมอไป๋ ขอบคุณมากจริงๆ ค่ะ”
ตอนนี้ทุกคนเข้าใจถึงวิธีแสดงความขอบคุณต่อผู้คนผ่านคำพูดและอารมณ์แล้ว
ไป๋เยี่ยที่กำลังจะเดินจากไปก็หันกลับมายิ้มให้เธอ “เป็นหน้าที่ของผมครับ”
เฉินอ้ายมองตามร่างที่เดินไปไกลของไป๋เยี่ยอย่างเงียบๆ เธอเห็นกับตาว่าไป๋เยี่ยเลื่อนการทำกายภาพบำบัดของหวงจิ้งออกไปเพื่อที่จะช่วยเหลือเธอก่อน
หลังจากที่ออกมาจากห้องตรวจแล้ว เธอจึงได้รู้ว่าหวงจิ้งจากที่นี่ไปด้วยความโมโหและย้ายไปรักษาตัวที่เมโยคลินิกโดยไม่ทำตามขั้นตอนใดๆ ทั้งสิ้น
เธอไม่ได้เพิ่งมาเป็นสแตนด์อินให้หวงจิ้งแค่วันหรือสองวัน เธอรู้ดีว่าทักษะการแสดงในชีวิตจริงของหวงจิ้งนั้นดีกว่าในจอโทรทัศน์เสียอีก เฉินอ้ายจึงคิดจะเตือนไป๋เยี่ยสักหน่อย
เฉินอ้ายคิดได้ดังนั้นก็รั้งไป๋เยี่ยไว้ “หมอไป๋ ฉันมีอะไรจะบอกค่ะ”
เมื่อผู้คนรอบข้างได้ยินเฉินอ้ายกล่าวเช่นนั้นต่างก็เผยรอยยิ้มใจดีออกมา
ไป๋เยี่ยยิ้มรับอย่างประหม่า ส่วนคนอื่นๆ ก็ไปราวน์วอร์ดต่อ โดยทิ้งไป๋เยี่ยไว้ตรงนั้น
ตอนนี้ในห้องไม่มีคนอื่นแล้ว เฉินอ้ายลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะค่อยๆ เอ่ยปาก “หมอไป๋ คุณ…คุณต้องระวังหวงจิ้งไว้นะ ฉันว่าเธอต้องอยู่เบื้องหลังแน่ๆ…”
ไป๋เยี่ยยิ้ม “ครับ ขอบคุณมาก ผมจะระวังตัวครับ คุณไปพักฟื้นได้เลย”
เฉินอ้ายมองไป๋เยี่ยเดินจากไปพลางตัดสินใจแน่วแน่ว่าถ้าหวงจิ้งจะเล่นงานไป๋เยี่ยจริงๆ เธอก็พร้อมยืนอยู่ข้างไป๋เยี่ย
อย่างไรเสีย… ไป๋เยี่ยก็เป็นคนทำให้หวงจิ้งโกรธเป็นฟืนเป็นไฟทั้งที่เขาไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นเลย แต่เขากลับทำมันไปแล้ว!
ยิ่งไปกว่านั้น คุณต้องรู้ว่า เฉินอ้ายกุมข้อมูลของหวงจิ้งไว้เยอะมาก แถมทั้งหมดยังเป็นข้อมูลที่มีหลักฐานชัดเจนด้วย