เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช – บทที่ 314 องค์หญิงน้อยกลับมาแล้ว

เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช

บทที่ 314 องค์หญิงน้อยกลับมาแล้ว

บทที่ 314 องค์หญิงน้อยกลับมาแล้ว

ช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิเป็นช่วงเวลาแห่งการเพาะปลูกพืชไร่ตลอดทั้งปี ดังนั้นโครงการสร้างเตียงเตาจึงเป็นอันต้องสิ้นสุดลงชั่วคราว

เสี่ยวเป่าและคนอื่น ๆ เริ่มออกเดินทางกลับไปยังเมืองหลวงพร้อมกับหีบใส่เงินหลายใบ

หิมะบนพื้นค่อย ๆ ละลายหายไป ถนนหนทางเฉอะแฉะไปด้วยโคลนเลนทำให้เดินไม่ค่อยสะดวก แต่ว่ามันหาได้ส่งผลใด ๆ ต่อเสี่ยวเป่าไม่

เพราะว่านางสลับไปมานั่งบนหลังเจ้าเสือยักษ์ทั้งสอง ท่านอาเจ็ดและคนอื่นมิวายส่งสายตาอิจฉามาให้นางครั้งแล้วครั้งเล่า

เจ้าสุนัขที่ช่วยค้นหาเงินจนพบก็ตามพวกเขากลับมาด้วยเช่นกัน หลังจากที่เหล่าอู๋ให้มันกินกระดูกหมูอยู่หลายมื้อ เจ้าสุนัขก็เริ่มพองกลมราวกับลูกโป่ง มีเนื้อมีหนังปรากฏให้เห็น

มันเป็นสุนัขชนบทพันธ์ุพื้นเมือง มีขนสีน้ำตาลอ่อนค่อนข้างสั้น ก่อนหน้านี้ไม่ได้รับการเลี้ยงดูอย่างดี ทำให้ผอมแห้งหนังติดกระดูกจนมองเห็นซี่โครงได้อย่างชัดเจน ขนก็พันกันยุ่งทั้งยังแห้งกรัง

แต่ว่าตอนนี้ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว เจ้าสุนัขเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา ขนตามตัวก็ค่อย ๆ เรียบลื่นเงางาม มีเนื้อมีหนังเพิ่มขึ้นแลดูปราดเปรียว

มันชอบวิ่งนำหน้าคอยสำรวจเส้นทางราวกับเป็นกองหน้าตัวน้อยของขบวน

ทุกคนล้วนชอบเจ้าสุนัขตัวนี้เมื่อได้เห็นไหวพริบและความฉลาดของมัน

และแล้วก็มีเหตุการณ์เล็ก ๆ แทรกขึ้นระหว่างที่เดินทางกลับ

พวกเขาเจอเข้ากับโจรภูเขาอีกครั้ง เพียงแต่คราวนี้เป็นกองโจรขนาดเล็กที่มีสมาชิกเพียงไม่กี่คน

เมื่อเห็นคณะเดินทางของพวกเขา แน่นอนว่าพวกโจรภูเขาย่อมไม่กล้าลงมือ

พวกเขาไม่กล้าขยับเขยื้อน ทว่ากลับถูกเจ้าสุนัขสำรวจเส้นทางพบเข้า มิหนำซ้ำมันยังวิ่งเข้าไปกัดแขนโจรคนหนึ่งอย่างกล้าหาญ

ในที่สุดรังของพวกโจรภูเขาก็ถูกกลุ่มของพวกเขาปล้นไปจนหมด เงินไม่ได้มากมายอะไร หนานกงหลีจึงแบ่งเงินจำนวนนั้นให้กับเหล่าองครักษ์

ส่วนพวกโจรก็ถูกทิ้งไว้ให้เป็นหน้าที่ของที่ว่าการท้องถิ่น

หลังจากเหตุการณ์นี้ ทุกคนก็ยิ่งชอบเจ้าสุนัขตัวนี้มากขึ้นไปอีก

หัวหน้าองครักษ์ถึงขั้นกอดเจ้าสุนัขพร้อมกับชื่นชม “เด็กดีจริง ๆ เหมาะเป็นหน่วยสอดแนมยิ่งนัก!”

เจ้าสุนัขตัวนี้นิสัยเป็นมิตร ไม่เหมือนกับเสืออีกสองตัวที่ไม่ยอมให้ผู้ใดแตะเนื้อต้องตัวนอกจากเสี่ยวเป่า ตอนนี้มันคุ้นเคยและเข้ากับทุกคนได้เป็นอย่างดี และแน่นอนว่าเสี่ยวเป่าเป็นคนโปรดที่สุดของมัน

บัดนี้เจ้าสุนัขดีใจมากที่ได้รับคำชม มันแลบลิ้นพลางกระดิกหางไปมาอย่างมีความสุข

เสี่ยวเป่าเองก็มีความสุขไม่แพ้กัน ร่างที่กำลังเกาะบนหลังเสือพูดขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “ต่อไปให้มันออกลาดตระเวนกับพวกท่านดีหรือไม่ เจ้าสุนัขเก่งมาก จมูกกับหูของมันไวมากเลยล่ะ”

เสี่ยวเป่าหวนนึกถึงสุนัขทหารที่เคยเห็นในชาติก่อน ก็พบว่าเจ้าสุนัขตัวนี้มีคุณสมบัติที่จะเป็นสุนัขทหาร

อีกทั้งตอนนี้ก็ยังไม่มีการฝึกสุนัขทหารอย่างจริงจัง

หลังจากที่หัวหน้าองครักษ์ได้ฟังองค์หญิงพูดก็เริ่มรู้สึกคล้อยตาม พลางจับใบหน้าของเจ้าสุนัขมาสำรวจซ้ายทีขวาที

“องค์หญิง สุนัขตัวนี้มีคุณสมบัติในการเป็นสุนัขสอดแนมได้จริง ๆ ท่านให้กระหม่อมยืมใช้ได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

เสี่ยวเป่ายกขาสั้นป้อมขึ้นไขว่ห้าง “เจ้าถามมันเองสิ”

หัวหน้าองครักษ์ก็ดันถามจริง ๆ เสียด้วย

สุนัขตัวนี้ช่างแสนรู้ เสี่ยวเป่าแค่แปลโดยใช้ท่าทาง มันก็ราวกับจะเข้าใจ

มันมองเสี่ยวเป่าสลับกับหัวหน้าองครักษ์ด้วยสีหน้าที่ดูลังเล ในที่สุดก็เดินเข้าไปคลอเคลียมือของเสี่ยวเป่าและเห่าสองทีราวกับกำลังขอบคุณ จากนั้นก็เดินไปยืนข้างหัวหน้าองครักษ์

หัวหน้าองครักษ์คุกเข่าและลูบหัวมันอย่างเอ็นดูพร้อมกับหัวเราะไปด้วย

“เด็กดี ต่อไปนี้เจ้าคือพี่น้องของพวกเราแล้วนะ”

องครักษ์คนอื่น ๆ พากันหัวเราะให้เจ้าสุนัขแสนรู้

เสี่ยวเป่ายิ้มแก้มปริด้วยความดีใจ เจ้านี่เป็นสุนัขที่มีใจรักในการทำงาน อีกทั้งยังรู้จักทำงานแลกข้าวกิน

ตลอดการเดินทางที่เหลือ เจ้าสุนัขที่ได้รับการตั้งชื่อว่าเสี่ยวเซวี่ยนเฟิง กระตือรือร้นเป็นอย่างยิ่ง ทันทีที่มันพบสิ่งผิดปกติก็จะวิ่งกลับมาเพื่อเห่าเตือนพวกเขา ช่างทุ่มเทให้กับการทำงานยิ่งนัก

ในที่สุดก็กลับถึงเมืองหลวง

เพื่อเลี่ยงไม่ให้ประชาชนตื่นตระหนก เสี่ยวเป่าจึงเกลี้ยกล่อมให้เสือทั้งสองกลับเข้าไปในรถม้าอีกครั้ง

ผู้พิทักษ์ประตูเมืองเพียงกวาดตาดูเอกสารเดินทางของพวกเขา เมื่อรู้ฐานะของคณะเดินทางก็รีบเปิดประตูให้ทันที

ครั้นวสันตฤดูมาเยือน ภายในเมืองก็กลับมาครึกครื้นอีกครั้ง

เสียงตะโกนขายของดังไปทั่วทุกหนแห่ง

หนานกงฉีอวิ๋นซื้อถังหูลู่สองไม้ให้เสี่ยวเป่า แต่ยังไม่ทันได้เอาเข้าปาก ทหารรักษาพระองค์ก็วิ่งเหยาะ ๆ อย่างเป็นระเบียบเข้ามาหาพวกเขา

ทหารรักษาพระองค์ในชุดเกราะสีเงินสง่างาม บรรดาชาวเมืองโดยรอบล้วนหลีกทางและรอดูเหตุการณ์

“คารวะเซียวเหยาอ๋อง องค์ชายสาม และองค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ!”

ทหารองครักษ์คุกเข่าลงข้างหนึ่งทำความเคารพโดยพร้อมเพรียง ส่งเสียงดังฟังชัดดูทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง

เสี่ยวเป่าค่อย ๆ ยื่นศีรษะน้อย ๆ ออกมาจากรถม้า ดวงตากลมโตมีชีวิตชีวามองไปรอบ ๆ แต่แล้วก็ต้องผิดหวังเมื่อไม่เห็นท่านพ่ออยู่ด้วย

ทว่าไม่เป็นไร อีกเดี๋ยวนางก็จะได้พบท่านพ่อแล้วบราวนี่ออนไลน์

เสี่ยวเป่ายิ้มเริงร่าพลางหดหัวกลับเข้าไปตามเดิม

ท่านอาเจ็ดคอยจัดการสถานการณ์อยู่ด้านหน้า นางยังเด็กเกินไปจึงไม่ได้เข้าไปร่วมด้วย

พวกเขาเข้าวังโดยไร้สิ่งใดกีดขวาง ภายใต้การคุ้มครองของทหารรักษาพระองค์ที่เดินขนาบซ้ายและขวา

ทันทีที่มาถึง เสี่ยวเป่าก็กระโดดลงจากรถม้าโดยไม่รีรอ

เสือทั้งสองตัวตามนางลงไปแทบจะในทันที ด้วยขนาดตัวที่ใหญ่โตของพวกมัน เหล่าทหารรักษาพระองค์จึงอดไม่ได้ที่จะถอยหลบไปหลายก้าว

ด้วยกริ่งเกรงว่าหากเจ้าสองตัวนี้เกิดอยากจู่โจมพวกเขาขึ้นมา ชีวิตของพวกเขาคงจะไม่เหลือชิ้นดี

เจ้าจิ้งจอกน้อยขาสั้นจึงวิ่งได้ไม่เร็วนัก ร่างเล็ก ๆ ปุกปุยกระโดดขึ้นไหล่ของเสี่ยวเป่าอย่างว่องไวเพื่อติดสอยห้อยตามไปด้วย

เสี่ยวเป่ามิวายคว้าคนมาสอบถามหาท่านพ่อของนางตลอดทั้งทาง

“ฝ่าบาทประทับอยู่ที่ตำหนักฉินเจิ้งเพคะ”

เสี่ยวเป่าวิ่งปรี่ด้วยขาสั้นป้อมเร็วยิ่งกว่าเดิม รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าราวกับพระอาทิตย์ดวงน้อย

หนานกงหลีและหนานกงฉีอวิ๋นที่รั้งท้ายอยู่ เอ่ยเสียงดังว่า “เจ้าอย่าวิ่งเร็วนักสิ!”

“รู้แล้ว ๆ!”

เด็กหญิงตอบกลับไป ทว่าขาสั้น ๆ มิได้ลดความเร็วลงแม้แต่น้อย

เมื่อมาถึงตำหนักฉินเจิ้ง เสียงอ่อนหวานก็ตะโกนออกมาก่อนที่ตัวจะทันได้เข้าไปข้างใน

“ท่านพ่อ ๆ…ท่านพ่อ เสี่ยวเป่ากลับมาแล้ว!”

เสียงร้องเรียกดังก้องกังวานไปทั่วทั้งตำหนัก

นางกำนัลและขันทีในตำหนักฉินเจิ้งได้ยินเสียงอ่อนหวานอันคุ้นเคยก็ยิ้มออกมาทันที ในที่สุดองค์หญิงของพวกเขาก็กลับมาแล้ว!

วันเวลาที่องค์หญิงน้อยไม่อยู่ ทำให้พวกเขารู้สึกเบื่อหน่ายงานของตนเองยิ่งนัก

ท่าทีเย็นชาของฝ่าบาทจะมีก็แต่องค์หญิงน้อยเท่านั้นที่กล้าเข้าใกล้ด้วยท่าทางดีอกดีใจเช่นนี้

“องค์หญิงน้อยกลับมาแล้ว องค์หญิงน้อยกลับมาแล้ว…”

เมื่อขันทีที่หน้าประตูได้ยินเสียงตะโกน น้ำเสียงก็พลันเบิกบานโดยไม่รู้ตัว

ฝูไห่ซึ่งคอยปรนนิบัติอยู่ข้างกายฮ่องเต้ ใบหน้าที่เดิมทีเคร่งขรึมจริงจังพลันเผยรอยยิ้มออกมาให้เห็น

“ฝ่าบาท องค์หญิงน้อยกลับมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

พู่กันในมือของหนานกงสือเยวียนชะงักไปชั่วครู่ มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย แต่ก็กลับมาเหยียดตรงแทบจะในทันที สีหน้าเย็นชาราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“ได้ยินแล้ว ข้าไม่ได้หูหนวก” น้ำเสียงเย็นชาคล้ายกับไม่แยแสแม้แต่น้อย

ฝูไห่หรี่ตามองฝ่าบาท ยังคงกริ้วที่องค์หญิงน้อยแอบหนีไปเป็นแน่

ทว่าเขาสังเกตเห็นรอยยิ้มของฝ่าบาทเมื่อครู่ หึ…จิตใจนี้หนอ มิรู้ว่าคิดถึงมากเพียงใด

เสี่ยวเป่าวิ่งเข้ามาราวกับเป็นระเบิดลูกน้อย ๆ

“ท่านพ่อ!”

น้ำเสียงอ่อนหวานนุ่มนิ่มตะโกนออกมาจนสุดเสียง

เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช

เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช

Status: Ongoing
จากลูกเป็ดขี้เหร่สู่การเป็นองค์หญิงคนสุดท้องแห่งราชวงศ์ ความน่ารักของซูเสี่ยวเป่าพร้อมจะพิชิตใจทุกคนแล้ว!หลังจากภูตพฤกษาตัวน้อยตายลง นางก็มาเกิดในยุคสมัยโบราณ และหลงคิดไปว่าตนเองเป็นเพียงเด็กลูกชาวบ้านแถบชนบทธรรมดา ๆ แต่คาดไม่ถึงเลยว่าท่านพ่อที่นางไม่เคยพบหน้ามาก่อนจะมีภูมิหลังยิ่งใหญ่ปานนี้เขา…ถึงกับเป็นราชาของแผ่นดิน!เสี่ยวเป่าที่อายุเพียงสามขวบถูกพาตัวไปยังพระราชวังทันทีหลังจากที่แม่ของนางสิ้นชีพลง แล้วนางก็กลายเป็นองค์หญิงน้อย สตรีเพียงหนึ่งเดียวท่ามกลางพี่ชายแปดคน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท