บทที่ 321 ไล่ล่า
บทที่ 321 ไล่ล่า
หลังจากได้ข่าวคราวของเจิ้นหนานอ๋องแล้ว หนานกงสือเยวียนก็สั่งการให้กองทัพต้าเซี่ยบุกโจมตีหนานจ้าวทันที ขณะที่ด้านคนสนิทของเจิ้นหนานอ๋องได้นำกองกำลังมือดีลอบเข้าไปในเมืองหลวงหนานจ้าว เพื่อเตรียมการช่วยคนออกมา
บุตรชายและบุตรบุญธรรมผู้มากฝีมือทั้งหลายของเจิ้นหนานอ๋องต่างก็ร่วมเดินทางไปด้วย
เป็นเหตุให้ยามนี้จวนเจิ้นหนานอ๋องเงียบเหงา ท่ามกลางสถานการณ์ในเมืองเต็มไปด้วยความตึงเครียด
ก๊อก ๆ…
“องค์หญิงเพคะ ได้เวลาเสวยมื้อเที่ยงแล้วเพคะ”
เสี่ยวเป่าตอบรับ “เข้ามา”
นางวางตัวสงบนิ่งเก็บซ่อนท่าทีว้าวุ่นใจไว้อย่างมิดชิด
ทันใดนั้นเสียงฝีเท้าของคนจำนวนมากก็ดังใกล้เข้ามา ทันทีที่เสี่ยวเป่าหันไปมอง เสียงปะทะกันอย่างดุเดือดก็พลันดังขึ้น
“องค์หญิงหนีเร็วเพคะ!”
สาวใช้ผู้หนึ่งวิ่งเข้ามาเตรียมจะพานางออกไป แต่เสี่ยวเป่ารีบเบี่ยงตัวหลบ พิศมองสาวใช้ตรงหน้าเหมือนไม่ไว้ใจ
“เจ้าไม่ใช่ชิงหลาน เจ้าคือผู้ใดกัน”
‘ชิงหลาน’ ตัวปลอมไม่คิดว่าจะถูกเด็กจับได้ นางจ้องเสี่ยวเป่าด้วยสีหน้าเคร่งขรึมพร้อมสาวเท้าเข้าหาหมายจะจับตัวเสี่ยวเป่า
“เฟิงเฟิงจัดการนาง!”
เสี่ยวเป่าคว้าตัวต่อบนผมออกมาโยนใส่หน้าสาวใช้
เจ้าพวกตัวต่อก็แสนรู้ความ บินเข้าไปรุมต่อยชิงหลานตัวปลอมจนนางกรีดร้องเสียงดัง
เสี่ยวเป่าสบโอกาสสับขาสั้น ๆ วิ่งหนีออกมาอย่างรวดเร็ว
ทันทีที่วิ่งมาถึงหน้าประตู นางก็เจอกับเฮยอู๋ฉางที่กำลังวิ่งมาหานางพอดี
“โฮก!”
เฮยอู๋ฉางคำรามด้วยเสียงโกรธเกรี้ยว ยกอุ้งเท้าดันตัวเสี่ยวเป่าไปบนหลังตัวเอง
สิ้นเสียงกรีดร้องของชิงหลานตัวปลอม เจ้าพวกตัวต่อก็บินกลับมาหาเสี่ยวเป่า
“เฮยอู๋ฉาง เรารีบไปหาท่านอาสะใภ้กับคนอื่น ๆ กันเถอะ”
จวนเจิ้นหนานอ๋องเกิดความโกลาหล นักฆ่าชุดดำกระจายอยู่แทบทุกจุดในจวนอ๋อง เหล่าองครักษ์เงาต่างต่อสู้กับนักฆ่าเหล่านั้นอย่างแข็งขัน
เสี่ยวเป่าไม่แน่ใจว่าตนเองตาฝาดหรือคิดไปเอง นางรู้สึกว่าเมื่อนางปรากฏตัว นักฆ่าเหล่านั้นจะพยายามพุ่งเข้าหานาง
ทันทีที่องครักษ์เงาสังหารนักฆ่าคนที่ห้าที่หมายจะพุ่งเข้าใส่นาง ชัดแล้วว่าเสี่ยวเป่าเข้าใจมิผิด เป้าหมายของพวกนักฆ่าก็คือนาง
“เฮยอู๋ฉาง เรารีบหนีออกไปข้างนอกกันเถิด”
ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าของเสี่ยวเป่าเต็มด้วยความจริงจัง เมื่อแน่ใจว่านักฆ่าต้องการตัวนาง นางจึงตัดสินใจให้สองพยัคฆ์พาตนหนีออกไปให้ไกลจากจวนเจิ้นหนานอ๋อง
นางไม่ต้องการให้พวกท่านอาสะใภ้เดือดร้อนไปกับนางด้วย และที่สำคัญคือนางจะปล่อยให้ตนเองถูกจับไปเป็นเครื่องต่อรองท่านพ่อไม่ได้เด็ดขาด
อย่างที่คาดไว้ นักฆ่าพวกนั้นวิ่งตามนางมาบราวนี่ออนไลน์
ทว่าโชคดีที่มีเหล่าองครักษ์เงาคอยสกัดนักฆ่าพวกนั้นให้ สองพยัคฆ์จึงสบโอกาสพาเสี่ยวเป่าหนีเข้าไปในป่าได้
สองพยัคฆ์วิ่งเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่เสียงต่อสู้ยังตามไล่หลังมาไม่หยุด
ถึงตอนนี้เสี่ยวเป่าเองก็ไม่รู้แล้วว่าพวกตนหนีมาไกลเพียงใด ทำได้แค่หนีเข้าไปในป่าทึบต่อไปไม่หยุด
เสียงปะทะกันเริ่มห่างออกไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งหายไปในที่สุด และในยามนี้ท้องฟ้าก็มืดสนิทเสียแล้ว
ในป่าทึบอันเงียบสงบ เสี่ยวเป่าที่นั่งอยู่บนหลังเสือกวาดตามองไปรอบ ๆ
“เฮยอู๋ฉาง พวกเราอยู่ที่ใด”
ยามนี้นางอยู่ในพงไพรซึ่งรายล้อมไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่ ใบไม้หนาแน่นจนแสงจันทร์แทบส่องลอดผ่านมาไม่ถึงพื้นดิน น่าพรั่นพรึงชวนขนหัวลุก
ผืนป่าเงียบจนวังเวง มีเพียงเสียงลมพัดหวิวและเสียงฝีเท้าของพวกเขา
เสี่ยวเป่าไม่กลัว เพราะนางเคยอาศัยอยู่ในป่า
เพียงแต่นางเริ่มไม่ชินกับมันแล้ว
เสี่ยวเป่าซุกหน้าลงกอดเจ้าเสือดำพลางกล่าวเสียงเป็นกังวล “หากท่านพ่อรู้ว่าข้าหายไปจะต้องเป็นกังวลมากแน่ ๆ ข้าเริ่มคิดถึงพวกเขาแล้วด้วย”บราวนี่ออนไลน์
ชาติก่อนนางเกิดเป็นภูตพฤกษา ชินชากับการใช้ชีวิตเพียงลำพัง ทว่าตอนนี้นางไม่ชินแล้ว นางชอบชีวิตที่มีท่านพ่อและญาติ ๆ มากกว่า
ทั้งสามหลงทางอยู่ในป่าที่ปกคลุมไปด้วยความมืดมิด แต่ต่อให้พวกเขาจำทางกลับได้ ก็มีโอกาสเจอคนร้ายที่ต้องการจับตัวนางซุ่มอยู่ที่ใดสักแห่งในป่า
ฉะนั้น… พวกเขาควรหาที่ซ่อนและพักผ่อนชั่วคราวก่อน
…
ณ ค่ายทหาร
หลังจากได้รับข่าวการหายตัวไปของเสี่ยวเป่า หนานกงสือเยวียนพลันโมโหเลือดขึ้นหน้า
คนผู้ใดในค่ายทหารก็เข้าหน้าเขาไม่ติด เหล่าทหารชั้นน้อยใหญ่ต่างสัมผัสได้ถึงไอสังหารจากฝ่าบาทที่แผ่ซ่านไปทั่วค่าย
“พวกเขาหนีไปที่ใด”
หนานกงสือเยวียนเอ่ยถามเสียงเรียบ ทว่าเป็นเสียงที่ยิ่งฟังยิ่งน่ากลัวมากขึ้นเท่านั้น
“ใต้เท้าทั้งสองพาองค์หญิงหนีเข้าไปในป่าทึบ เราจับตัวพวกมันได้เพียงสามคนพ่ะย่ะค่ะ”
หนานกงสือเยวียนนัยน์ตาลึกล้ำดุจห้วงเหวไร้ก้นบึ้ง
“พวกมันอยู่ที่ใด”
“คุกใต้ดินพ่ะย่ะค่ะ”
หนานกงสือเยวียนไปเยือนคุกใต้ดินในทันที
หนึ่งก้านธูปต่อมาก็เดินออกมาพร้อมสีหน้าเรียบเฉย
เขาค่อย ๆ เช็ดเลือดบนมือ เหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาที่เดินตามอยู่ข้างหลังต่างก้มหน้าให้ต่ำที่สุดเท่าที่จะทำได้
ภาพที่คนพวกนั้นทรมานจนต้องร้องขอความตายยังติดอยู่ที่ตาพวกเขา มิหนำซ้ำยังหวาดกลัวต่อวิธีการลงมือของฝ่าบาทไม่หาย
“รวบรวมมือดีไปกับข้า… บุกรังศัตรู”
เป็นเพียงประโยคสั้น ๆ ทว่าเต็มไปด้วยความพยาบาทไร้ที่สิ้นสุด
…
ในป่าทึบ…
เพราะมีเรื่องมากมายวนเวียนอยู่ในหัว เสี่ยวเป่าจึงผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว
ในที่สุดสองพยัคฆ์ก็พบถ้ำที่พอจะใช้เป็นที่พักแรมในค่ำคืนนี้ พวกมันนอนล้อมตัวนางไว้ เสี่ยวเป่าขดตัวเป็นลูกบอลบนหน้าท้องนุ่มนิ่มของเสือตัวใหญ่ นางจึงไม่ต้องทรมานกับการนอนบนพื้นแข็ง ๆ
เช้าวันรุ่งขึ้น เสี่ยวเป่างัวเงียตื่นด้วยความงุนงง
“ท่านพ่อ…”
ขยี้ตาพลางเรียกหาท่านพ่อ ผ่านไปสักพักก็ยังไม่ได้ยินเสียงตอบรับ เสี่ยวเป่าเบิกตากว้างเพื่อกวาดมองรอบ ๆ พลันนึกได้ว่าเมื่อวานเกิดสิ่งใดขึ้น
เมื่อนางลุกขึ้นกะทันหัน สองพยัคฆ์ก็ลุกตามอย่างรวดเร็ว เดินวนเวียนรอบตัวนางเหมือนระวังภัย
“เฮยอู๋ฉาง ไป๋อู๋ฉาง เราต้องรีบกลับไป เดี๋ยวท่านพ่อเป็นห่วง”
นางกล่าวเสียงกระตือรือร้นพลางปีนขึ้นหลังเฮยอู๋ฉาง โน้มตัวไปข้างหน้าเกาะเจ้าเสือดำให้แน่นขึ้นเพื่อเตรียมออกเดินทาง
“ไปเร็ว”
เฮยอู๋ฉางเงยหน้าขึ้นสูดอากาศ หมุนตัวเป็นวงกลมเพื่อดมหากลิ่นจากทุกทิศทาง ท่าทางเริ่มกระวนกระวาย
“เป็นอันใดไป”
เฮยอู๋ฉางคำรามเสียงหงอย
“จำทางกลับไม่ได้หรือ!”
เสี่ยวเป่าถามเสียงตื่น
ตอนหนีเข้ามาในป่า สถานการณ์คับขันเกินกว่าจะจดจำหนทาง
อีกทั้งเมื่อคืนยังฝนตกลมแรง กลิ่นที่ทิ้งไว้เมื่อวานหายไปหมดแล้ว
คงเดินตามกลิ่นออกไปไม่ได้แล้ว
เสี่ยวเป่าทำได้เพียงปล่อยให้สองพยัคฆ์พาไปตามสัญชาตญาณของพวกมัน
หลังจากเดินวนทั่วป่ามาทั้งเช้า เสี่ยวเป่าก็เริ่มหิว นอกจากแมลงและงูพิษมากมายแล้ว ยังไม่เห็นผลไม้พอให้กินประทังชีวิตเลย
การติดอยู่ในป่าไม่ใช่ปัญหาสำหรับสองพยัคฆ์ เพราะเสืออย่างพวกมันออกล่าหาอาหารเองได้ แต่เสี่ยวเป่าทำไม่ได้
หนึ่งคนกับสองตัวไม่มีผู้ใดรู้วิธีทำอาหาร ที่สำคัญคือไม่มีเครื่องปรุงรส
โครก…
ท้องร้องเสียงดัง เสี่ยวเป่ากัดปากพลางลูบท้องป้อย ๆ ดวงตาแดงก่ำ น้ำตาคลอเบ้าจวนจะร้องไห้เต็มที
ฮื่อ… นางคิดถึงท่านพ่อและพวกพี่ ๆ เหลือเกิน
บัดนี้เสี่ยวเป่าเพิ่งรู้ว่าตนเองกลายเป็นคนอ่อนแอขนาดนี้ ใจนางเอาแต่คิดถึงท่านพ่อ หากเป็นเมื่อก่อนนางคงไม่เป็นเช่นนี้แน่
แต่ก็ช่วยไม่ได้ ในเมื่อนางถูกท่านพ่อตามใจจนเสียนิสัยไปแล้ว
ระหว่างทางที่สองพยัคฆ์ตั้งใจจะพาเสี่ยวเป่าไปขโมยน้ำผึ้ง หูพวกมันพลันกระตุกเพราะได้เสียงแปลก ๆ สองพยัคฆ์หันขวับรีบมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของป่า
ยิ่งเข้าไปใกล้ เสี่ยวเป่าก็คล้ายกับจะได้ยินเสียงของมนุษย์!
เด็กน้อยเริ่มมีความหวัง รีบสั่งให้สองพยัคฆ์พานางหาที่ซ่อนตัวใกล้ ๆ เพื่อดูลาดเลาเสียก่อน
ภาวนาอย่าให้เป็นพวกคนชั่วที่ไล่ล่านางก็เป็นพอ
แต่เมื่อเข้าไปแอบมองใกล้ ๆ ก็พบว่าเป็นชายสามคนสวมชุดชนเผ่า ทั้งสามถืออาวุธในมือ มีทั้งมีดปังตอและธนูวิ่งหนีบางสิ่งล้มลุกคลุกคลาน
หนึ่งในนั้นเหมือนจะได้รับบาดเจ็บที่แขน
ด้านหลังของพวกเขามีหมูป่าสองตัววิ่งตามมาติด ๆ