บทที่ 324 หมู่บ้าน
บทที่ 324 หมู่บ้าน
อาซิ่วตะโกนอย่างตื่นเต้นหลังจากเห็นคน
“ท่านอาจู้จือ ท่านอาหนานหู พวกข้าอยู่นี่”
เมื่อได้ยินเสียงของเด็กหนุ่ม ชายเหล่านั้นก็รีบวิ่งตรงมาอย่างรวดเร็ว
เพียงไม่นานก็มาหยุดอยู่ด้านหน้าห่างจากพวกเขาไปราวสิบกว่าจั้ง จ้องมองเสือตัวใหญ่ท่าทางทรงพลังที่อยู่ข้างหลังพวกเขาด้วยท่าทางระมัดระวัง
อาซิ่วหันย้อนกลับไปมอง ก่อนจะรีบเอ่ยออกมา
“ท่านอาหนานหู เป็นเสือสองตัวนี้ที่ช่วยชีวิตของพวกข้าเอาไว้!”
หลังจากอธิบายไปอย่างรวบรัด ทั้งสองฝั่งก็มารวมตัวกัน
“เป็นท่านหัวหน้าเผ่าที่ส่งพวกเราออกมาตามหา พวกเจ้าออกมานานเกินไปแล้ว ทุกคนต่างกลัวว่าจะเกิดเรื่องอันใดขึ้น”
สุดท้ายก็เกิดเรื่องขึ้นจริง ๆ หลังจากฟังคำบอกเล่าของอาซิ่วแล้วทุกคนก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา หากไม่ใช่เพราะแม่นางน้อยกับสองพยัคฆ์ ทั้งสามคนคงตายเพราะเขี้ยวคมของหมูป่าสองตัวเสียแล้ว
อาเตี่ยของอาซิ่วยังได้รับบาดเจ็บหนัก ตอนนี้ไม่ใช่เวลาพูดคุยสนทนาแต่อย่างใด คนหนุ่มร่างกายกำยำสองคนรับเปลจากอาซิ่วและชายวัยกลางคน พากันกลับไปยังหมูบ้านโดยไวที่สุด
ระหว่างนี้เองทุกสายตาคล้ายกับจับจ้องมาที่เสี่ยวเป่าและเสือทั้งสองตัว
ผู้ที่มีอายุมากกว่าใครหลายคนต้องการจะคุยกับแม่นางน้อย ทว่าข้างกายของนางมีสองพยัคฆ์ปกป้องอยู่ จึงไม่อาจเข้าใกล้ได้เลย
ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงหมู่บ้าน
ครั้นพวกเด็ก ๆ ที่อยู่ตรงทางเข้าหมู่บ้านเห็นพวกเขาก็ส่งเสียงร้องออกมาทันที
“พวกอาซิ่วกลับมาแล้ว ด้านหลังยังมีเสือตัวใหญ่สองตัวตามมาด้วย!”
เสียงของเด็ก ๆ ค่อนข้างดัง ข่าวนี้จึงถูกส่งต่อให้แทบทุกคนในหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนี้ได้ยิน
ในไม่ช้าเสี่ยวเป่าก็ได้เห็นผู้คนที่สวมเสื้อผ้าแปลกตาจำนวนมากมายรวมกันที่ทางเข้าหมู่บ้าน
เสื้อผ้าของพวกเขานั้นคล้ายคลึงกับเสื้อผ้าของเผ่าม้งที่นางเคยเห็นในชาติก่อน บนเสื้อตกแต่งไว้ด้วยเครื่องประดับเงิน กระทั่งบุรุษยังสวมต่างหูและเครื่องประดับเงินอื่น ๆ ทว่าไม่ได้ดูเหมือนกับสตรี อีกทั้งยังดูมีเสน่ห์เป็นพิเศษ
“นางเป็นใคร เหตุใดถึงมาที่หมู่บ้านของพวกเรา”
“ท่านอาอาหลัวเกิดอันใดขึ้น!”
“รีบพาอาหลัวไปหาหัวหน้าเผ่าเร็วเข้า พวกเขาเจอหมูป่า หากไม่ใช่เพราะเสือทั้งสองตัวนั้น วันนี้เกรงว่าคงไม่อาจกลับมาได้แล้ว”
เมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูด บรรดาผู้ใหญ่ต่างเข้าใจได้ถึงความร้ายแรงของเรื่องที่เกิดขึ้น จึงรีบตรงไปเรียกหัวหน้าเผ่าทันที
ส่วนกลุ่มเด็กจำนวนมากรวมตัวกันล้อมรอบเสือทั้งสองตัวไม่ห่าง เด็กเหล่านี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าสิ่งใดคือลูกวัวแรกเกิดไม่กลัวเสือ แต่ละคนต่างมีความอยากรู้อยากเห็นและกล้าพอที่จะพูดคุยกับเสี่ยวเป่าที่อยู่บนหลังเสือ
“เจ้าเป็นใคร เหตุใดจึงขี่อยู่บนหลังเสือ”
เสี่ยวเป่าตอบกลับไป “ข้าชื่อเสี่ยวเป่า พวกมันเป็นเพื่อนของข้า”
“ว้าว เพื่อนของเจ้าสุดยอดมาก ข้าเองก็อยากเป็นเพื่อนกับพวกมันด้วยได้หรือไม่”
พวกเขาเองก็อยากขี่เสือเหมือนกัน ดูแล้วจะต้องสง่างามมากแน่นอน!
เสี่ยวเป่าเอ่ย “เจ้าต้องลองถามพวกมันดู”
เสี่ยวเป่าลูบหัวของไป๋อู๋ฉาง
เฮยอู๋ฉางปรายตามองเด็กเหล่านั้นอย่างไม่แยแส วางมาดเต็มที่พาเสี่ยวเป่าเดินเข้าไปในหมู่บ้าน
เสี่ยวเป่าแบมือออกแล้วยักไหล่ “พวกมันไม่อยาก”
เด็ก ๆ ต่างรู้สึกผิดหวังขึ้นมาทันที
ทว่าก็รีบปรับอารมณ์กลับมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็วิ่งตามเสือไปต้อย ๆ
หัวหน้าเผ่ามาถึงแล้ว เสี่ยวเป่าที่นั่งอยู่บนหลังเฮยอู๋ฉางเห็นสตรีในชุดสีดำที่ถูกรายล้อมไปด้วยผู้คน
ทันทีที่สตรีผู้นั้นเงยหน้าขึ้น ดวงตาเฉียบคมที่ยังคงความอ่อนโยนเอาไว้ก็มองมาทางเสี่ยวเป่า
สีหน้าของนางไม่ได้ประหลาดใจมากนัก เห็นได้ชัดว่ามีคนบอกนางเกี่ยวกับเสี่ยวเป่าและเสือทั้งสองตัวก่อนมาที่นี่แล้ว
สตรีผู้นี้มีนามว่าปู้หนานอี เป็นหัวหน้าแห่งเผ่ากู่ขาว
นับตั้งแต่หัวหน้าเผ่าผู้นั้นให้กำเนิดบุตรีที่เปี่ยมความสามารถด้านกู่ เผ่ากู่ขาวจึงได้ค้นพบว่าสตรีมีความสามารถในการเรียนรู้และควบคุมแมลงกู่ได้ดีกว่า หลังจากนั้นตำแหน่งหัวหน้าเผ่าส่วนมากจึงตกเป็นของสตรี
หัวหน้าเผ่านั่งคุกเข่าลงเพื่อตรวจดูอาการของอาหลัว เมื่อนางเห็นไม้ประคบขาบนร่างของเขา ดวงตาก็พลันสว่างวาบ
“นี่เป็นความคิดของผู้ใด”
อาซิ่วตอบกลับอย่างรวดเร็ว “เป็นความคิดของเสี่ยวเป่า สมุนไพรห้ามเลือดก็เป็นเสี่ยวเป่าที่หามา ท่านหัวหน้าเผ่า สมุนไพรเหล่านั้นช่วยห้ามเลือดได้ดีมาก”
ปู้หนานอีหันไปมองเสี่ยวเป่าอีกครั้ง ตอนนี้เด็กน้อยกำลังส่งเสียงฮึบออกมาระหว่างลงจากหลังเสือ จากนั้นก็ใช้ขาสั้น ๆ เบียดแทรกตัวเข้าไปในกลุ่มคน ไม่มีความเกรงกลัวต่อเหล่าคนที่ถือว่าแปลกหน้าสำหรับนาง
กล่าวตามตรงแล้ว ทักษะความคุ้นเคยในการเข้าสังคมของนางสามารถนำไปโอ้อวดได้บ้าง
ปู้หนานอีพยักหน้าให้เด็กน้อย จากนั้นก็ใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางแตะไว้บนหน้าผาก เป็นการแสดงความเคารพแบบพิเศษ
“ต้องขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของสหายน้อยเป็นอย่างมาก”
เสี่ยวเป่าย่อกายรับอย่างสง่า นี่เป็นมารยาทที่หมัวมัวในวังหลวงสั่งสอนนางมา แม้จะอยู่ด้านนอก เสี่ยวเป่าก็ไม่ยอมให้ต้าเซี่ยต้องเสียหน้า ยิ่งโดยเฉพาะตอนนี้ที่อยู่ในแดนของศัตรู
“ผู้ที่ช่วยเหลือเป็นสหายทั้งสองของข้า ส่วนหากต้องการจะพันขาเขาต่อ ก็จำเป็นต้องเปลี่ยนผ้าพันและไม้ประคบ ต้องใช้ผ้าสะอาดผ่านการฆ่าเชื้อแล้ว ไม้ประคบเองก็ต้องผ่านการล้างทำความสะอาดฆ่าเชื้อ ไม่เช่นนั้นแผลจะติดเชื้อเกิดการอักเสบขึ้นได้”
ปู้หนานอีมองไม้ประคบ “สิ่งนี้มีไว้ทำอันใดหรือ”
เสี่ยวเป่าเข้ามานั่งคุกเข่าด้านข้างนางโดยไม่รู้ตัว เสียงนุ่มนิ่มเอ่ยตอบคำถามอีกฝ่าย “สิ่งนี้ช่วยประคองกระดูกที่หักของเขาให้ไม่อยู่ผิดที่ยามประสาน หากกระดูกอยู่ผิดที่จะเจ็บปวดเป็นอย่างมาก”
ดวงตาของปู้หนานอีเปล่งประกาย “เป็นวิธีที่ดียิ่งนัก”
นางสั่งให้คนช่วยนำไม้ประคองบนร่างของอาหลัวออก จากนั้นก็ทำความสะอาดนำยาสมุนไพรบนร่างของเขาออกไป
กระบวนการนี้สมควรจะเจ็บปวดเป็นอย่างมาก แต่เสี่ยวเป่าเห็นปู้หนานอีนำหนอนออกมาจากที่ไหนสักแห่งแล้ววางลงบนร่างของท่านอาอาหลัว หลังจากนั้นเขาก็ไม่ร้องอันใดออกมาสักคำ ราวกับว่าไม่รับรู้ถึงความเจ็บปวดแม้แต่น้อย
เสี่ยวเป่ามองดูหนอนในมือของนางอย่างสงสัย
มือของปู้หนานอียังคงลงมือรักษาบาดแผลไม่หยุด ขณะที่ปากเอ่ยอธิบายเกี่ยวกับหนอนตัวนี้ให้เสี่ยวเป่าฟัง
“นี่คือกู่หมา*[1] กัดเพียงครั้งเดียวก็สามารถทำให้ร่างกายไร้ความรู้สึกชั่วคราว ไม่อาจรับรู้ความเจ็บปวดได้”
บาดแผลของท่านอาอาหลัวบางจุดใหญ่เกินไป หลังจากนำยาสมุนไพรออกแล้ว เลือดก็กลับมาไหลอีกครั้ง
นางหยิบเอาแมลงอีกตัวออกมาวาง ปลายนิ้วแตะวนรอบปากแผล
เสี่ยวเป่ามองดูแมงมุมขนสีดำขลับแทงก้นใหญ่ ๆ เข้าไปในเนื้อของท่านอาอาหลัว จากนั้นก็เริ่มเคลื่อนไปรอบ ๆ ปากแผลของเขา เพียงไม่นานก็ถักทอใยสีขาวช่วยปิดปากแผลได้อย่างน่าอัศจรรย์
รอจนปู้หนานอีโรยผงยาลงบนปากแผล เลือดก็หยุดไหลอย่างสมบูรณ์
น่าอัศจรรย์มาก!
ในที่สุดเสี่ยวเป่าก็ได้เห็นว่ากู่ที่มีเพื่อการรักษาเป็นเช่นนี้!
นางมองดูด้วยความจริงจัง ปู้หนานอีเองก็อธิบายคุณประโยชน์ของหนอนกู่ที่นางหยิบออกมาให้ฟัง
สุดท้ายเมื่อบาดแผลของอาหลัวได้รับการรักษาไปมากแล้ว ปู้หนานอีก็เลือกจะทำตามวิธีก่อนหน้านี้ของเสี่ยวเป่า ใช้ไม้ประคบช่วยประคองส่วนที่กระดูกหัก
ด้วยความช่วยเหลือของทุกคน ในท้ายที่สุดอาหลัวซึ่งกำลังสลบไสลก็ถูกส่งกลับไปยังบ้านของอาซิ่ว
ปู้หนานอีจึงมีเวลาพูดคุยกับเสี่ยวเป่า
“เจ้ามาจากต้าเซี่ยหรือ”
เสี่ยวเป่าพยักหน้า
“สามารถทำให้คนเหล่านั้นของหนานจ้าวคิดจับตัวไปข่มขู่บิดาของเจ้า คาดว่าตัวตนของเจ้าและบิดาเจ้าย่อมไม่ธรรมดา”
เสี่ยวเป่าเบิกตากลมโตกว้าง มองดูนางด้วยความระมัดระวัง ไม่ยอมเอ่ยสิ่งใด!
[1] กู่หมา คำว่า ‘หมา’ มาจาก หมาเฟ่ยซ่าน (麻沸散) ที่แปลว่า ยาชา
——————————————-