บทที่ 303 ลูกชายคนเล็กของท่านฉี
บทที่ 303 ลูกชายคนเล็กของท่านฉี
ห้องนอนใหญ่อยู่ด้านในสุดของชั้นสอง เมื่อเข้าไปจะมีห้องโถงเล็ก ๆ พร้อมเก้าอี้ และโต๊ะกาแฟ ด้านหลังมีฉากกั้นและมีเตียงกว้างสองเมตรวางอยู่ตรงกลางห้อง
มองจากข้างเตียงเป็นหน้าต่างบานใหญ่หันหน้าไปทางทิศใต้และมีหน้าต่างอีกบานหันหน้าไปทางทิศตะวันออกอีกด้านหนึ่งของห้องโถง ซึ่งเรียกได้ว่าแสงส่องได้พอดิบพอดี
ในห้องนอนมีห้องน้ำแยกเป็นสัดส่วน ซึ่งยังคงมีอ่างล้างหน้าและอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ รวมถึง…กระจกที่มีความสูงถึงครึ่งตัวคน
ดวงตาของเซี่ยชิงหยวนกระตุกเมื่อเห็นสิ่งนี้
เสิ่นอี้โจวกอดเธอจากด้านหลัง “คุณพอใจไหม?”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “มันดีมากเลย”
ฝ่ามือใหญ่ของเขาลูบหน้าท้องส่วนล่างของเธอ “คุณเห็นอ่างอาบน้ำนั้นไหม?”
เซี่ยชิงหยวนยังคงพยักหน้า “ฉันเห็นแล้ว”
เสิ่นอี้โจว “มันใหญ่หรือเปล่า?”
เซี่ยชิงหยวนรู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังตระหนักได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง “ก็ใหญ่นะ”
เสิ่นอี้โจวโน้มตัวไปที่คอยาวระหง และก้มลงจูบเธอที่แก้ม “คืนนี้คุณอยากอาบน้ำไหม?”
ฝ่ามือใหญ่ค่อย ๆ เลื่อนจากหน้าท้องขึ้นมา “มีน้ำหอมอยู่ข้าง ๆ ตู้ด้วยนะ ดูสิ”
คราวนี้เซี่ยชิงหยวนเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้ว…
เธอวางฝ่ามือบนใบหน้าของเสิ่นอี้โจว “คืนนี้เราต้องเข้านอนเร็วนะ พรุ่งนี้ฉันมีเรื่องต้องทำเยอะแยะเลย”
หลังจากพูดจบ หญิงสาวก็ถอนตัวจากเขาและพูดต่อในขณะที่ยืดตัว
“หลังจากนั่งอยู่ในรถนาน ๆ ฉันก็รู้สึกปวดเอวไปหมดเลย”
เสิ่นอี้โจวมองดูเธอยืดเอวเรียว และบั้นท้ายที่โยกย้ายไปมาตามจังหวะเดิน มุมปากของเขาพลันยกขึ้นช้า ๆ “ผมตุนไว้ก็ได้ ทนอีกวันจะเป็นอะไรไป”
พอได้ยินเช่นนี้ เซี่ยชิงหยวนรู้สึกขนลุกทันที
ผู้ชายคนนี้ยังเป็นมนุษย์อยู่รึเปล่า?
เสิ่นอี้โจวก้าวไปข้างหน้าและประคองภรรยา “ดูสิ คุณเดินไม่ระวังเอาซะเลยนะ”
หลังจากช่วยประคองเธอแล้ว เขาก็นั่งลงบนม้านั่งพลางปลดกระดุมคอแล้วดึงคอเสื้อออกด้วยมือข้างเดียว “สองวันต่อจากนี้จะเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ ดังนั้นมีเวลาเหลือเฟือแน่นอน”
เขามองดูเธออย่างเจ้าเล่ห์ “ชิงหยวน คุณช่างเอาใจใส่ผมเหลือเกิน”
เซี่ยชิงหยวน “…”
…
เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อเซี่ยชิงหยวนลงไปชั้นล่าง ป้าอู๋ก็มาทำงานแล้ว
ในครัวกำลังเต็มไปด้วยอาหารและส่งกลิ่นหอมอบอวล มันคือโจ๊กใส่เนื้อไม่ติดมันพร้อมทั้งมีมันเทศ
หลินตงซิ่วก็อยู่ในครัวเช่นกัน โดยแข่งขันกับป้าอู๋เพื่อทำสิ่งต่าง ๆ ในขณะที่เสิ่นอี้หลินตามเสิ่นอี้โจวไปเพื่อออกกำลังกายในสนาม
เสียงนกร้องข้างนอกหน้าต่างดังเป็นครั้งคราว และแสงยามเช้าก็ลอดเข้ามาทำให้บ้านมีแสงสีทองสาดส่อง
คิ้วของเซี่ยชิงหยวนเรียวโค้ง ทุกอย่างสวยงามมาก
เมื่อเห็นเธอลงมา ป้าอู๋ก็ตะโกนออกมาว่า “สวัสดีค่ะคุณนาย”
หลินตงซิ่วดูเหมือนเห็นผู้ช่วยชีวิต “ชิงหยวน เสี่ยวอู๋มาแต่เช้าเลย พอแม่บอกจะทำอาหารเช้า เธอก็บอกว่าจะทำเอง พอแม่จะถูพื้น เธอก็ยังบอกด้วยว่าจะทำเองเหมือนกัน”
สีหน้าของหลินตงซิ่วเต็มไปด้วยความอึดอัด “ลูกช่วยบอกเธอหน่อยสิ เราสามารถทำเรื่องพวกนี้ได้ด้วยตัวเองนะ”
เธอไม่เคยถูกรับใช้แบบนี้มาเกือบตลอดชีวิต
ป้าอู๋เองก็กระอักกระอ่วนเช่นกัน “คุณนายหญิงคะ นี่เป็นงานของฉัน คุณนายหญิงไม่จำเป็นต้องทำเรื่องพวกนี้เลยค่ะ”
เซี่ยชิงหยวนยิ้มและพูดกับหลินตงซิ่ว “แม่คะ ป้าอู๋พูดถูกแล้วค่ะ นี่คืองานของเธอ ถ้าแม่ทำงานทั้งหมดนั่น แล้วแบบนั้นเธอจะไม่ตกงานเหรอคะ? แต่ถ้าแม่ต้องการช่วยป้าอู๋แบบนั้นก็พอได้อยู่ค่ะ”
เธอพูดกับป้าอู๋อีกครั้ง “ป้าอู๋คะ แม่สามีของฉันเคยชินกับการทำทุกอย่างด้วยตัวเองมาตลอดชีวิตน่ะค่ะ จึงเลี่ยงไม่ได้ที่คุณแม่จะรู้สึกอึดอัดนิดหน่อย ถ้าอย่างไรในอนาคตเธออยากจะช่วยคุณป้าทำอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ให้เธอช่วยทำทีนะคะ”
จากนั้นเธอเหลือบมองสองพี่น้องที่อยู่นอกประตูและพูดต่อ “ไม่ใช่แค่แม่สามีของฉัน แม้แต่ฉัน สามีของฉัน หรืออี้หลิน พวกเราก็จะทำบางอย่างบ้างที่เราสามารถทำได้ด้วยตัวเองน่ะค่ะ”
ป้าอู๋รู้สึกประทับใจเมื่อได้ยินสิ่งนี้ และเธอก็ตอบอย่างแข็งขัน “แบบนั้นก็ได้เลยค่ะ!”
เดิมทีตอนที่เธอได้รับมอบหมายให้ทำงานที่นี่ ผู้คนที่ทำงานด้วยกันต่างก็หัวเราะเยาะเธอ “ฉันได้ยินมาว่าลูกสะใภ้และแม่ของเลขาธิการเสิ่นมาจากชนบทแหละ พวกเขาไม่น่าจะใช่คนที่ใส่ใจเรื่องสุขอนามัยนะ บ้านน่าจะสกปรกมากทุกวัน และเธอจะต้องเหนื่อยมากจนปวดเอวแน่ ๆ”
“นอกจากนี้ฉันยังได้ยินคนพูดกันว่าคนบ้านนอกมีสำเนียงที่ฟังยากมาก ไม่รู้เลยว่าพอถึงตอนนั้นเธอจะสื่อสารกับพวกเขาได้ไหม!”
ป้าอู๋ตอบกลับในเวลานั้นว่า “ฉันเป็นแค่คนงาน ฉันไม่สนว่าครอบครัวของเจ้านายจะเป็นยังไงหรือมาจากไหนทั้งนั้นแหละตราบใดที่ฉันทำงานได้ดี”
อันที่จริงพอพูดไปแล้วเธอก็ยังเป็นกังวลอยู่ เธอกังวลว่าครอบครัวของเจ้านายใหม่จะอยู่ด้วยไม่ง่ายนัก
แต่เมื่อคืนเซี่ยชิงหยวนและคนอื่น ๆ ได้คลายความกังวลของเธอแล้ว
และสิ่งที่เธอได้ยินเช้านี้ ยิ่งทำให้ความวิตกกังวลหายไปแบบปลิดทิ้ง
เมื่อเห็นแบบนี้ หญิงวัยกลางคนก็ยิ่งอยากจะทำให้คนที่ไม่รู้ความจริงของครอบครัวเลขาธิการเสิ่นละอายใจเหลือเกิน!
…
เสิ่นอี้โจวพาเสิ่นอี้หลินไปออกกำลังกาย หลังจากนั้นก็กลับมาเปลี่ยนเสื้อผ้าและกินข้าวเช้าด้วยกัน
ป้าอู๋ปฏิเสธที่จะร่วมโต๊ะอาหาร เธอยืนยันจะนั่งกินแยกในห้องครัว
ก่อนออกไปข้างนอก เสิ่นอี้โจวกล่าวว่า “วันนี้อาจมีคนมาเยี่ยมที่บ้านก็ได้ แต่ถ้าหากคุณไม่ชอบการต้องต้อนรับผู้คนก็สามารถพาแม่กับอี้หลินออกไปเดินเล่นแทนได้นะ”
เซี่ยชิงหยวนส่ายหัว “ไม่เป็นไรหรอก วันนี้ฉันจะอยู่ที่บ้าน”
วันแรกอาจเป็นไปได้ที่จะซ่อนตัว แต่พวกเขาจะซ่อนได้นานแค่ไหนกันล่ะ?
อันที่จริงเธออยากรู้มากว่าใครจะเป็นคนแรกที่มาเยือนประตูบ้าน
เสิ่นอี้โจวยิ้ม “ได้สิ ผมเกือบลืมไปว่าภรรยาของผมเป็นคนไม่กลัวอะไรเลย”
จากนั้นเขาหันหน้าไปทางเสิ่นอี้หลินแล้วพูดว่า “หลังอาหารเช้า นายจะออกไปเล่นข้างนอกก็ได้นะ แต่พอสัปดาห์หน้า พี่จะพานายไปรายงานตัวที่โรงเรียน”
เสิ่นอี้หลินตอบกลับ “ผมขอไปรายงานตัวอีกครั้งในภาคการศึกษาหน้าได้ไหม?”
เสิ่นอี้โจวยิ้มอย่างน่ากลัว “ก็ได้ งั้นพี่จะให้พี่สะใภ้สอนหนังสือนายที่บ้านทุกวัน”
เสิ่นอี้หลินยกมือยอมแพ้ทันที “ไม่เป็นไร ๆ ผมจะไป ผมจะไป”
เซี่ยชิงหยวนเคาะโต๊ะด้วยมือของเธอแสร้งทำเป็นโกรธ “นี่ พวกนายสองคนอยากมีปัญหานักใช่ไหม?”
ป้าอู๋นั่งอยู่บนโต๊ะตัวเล็กข้างห้องครัว พลางฟังการสนทนาของครอบครัวเจ้านาย
เธออดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้ว บรรยากาศที่มีความสุขแบบนี้ไม่ค่อยเห็นได้บ่อยในบ้านของผู้นำคนอื่นสักเท่าไหร่นัก
เซี่ยชิงหยวนส่งเสิ่นอี้โจวออกไปตามปกติแบบที่เคยทำ
เธอยืนอยู่หน้าสวนดอกไม้สักพัก และกำลังคิดว่าปีหน้าจะปลูกดอกไม้อะไรได้บ้าง
ขณะที่เธอกำลังจะเข้าประตูบ้าน หญิงสาวก็ได้ยินเสียงใครบางคนตะโกนเรียกขึ้นมา “ชิงหยวน!”
เซี่ยชิงหยวนหันศีรษะ และเห็นว่าเป็นเซี่ยจื่ออี้ที่เดินเข้ามา
ข้าง ๆ เธอคือฉินซูอวี้ ซึ่งไม่ได้เจอมานานแล้ว
เมื่อเปรียบเทียบกับเซี่ยจื่ออี้ที่ยิ้มแย้ม สีหน้าของฉินซูอวี้ไม่ได้ดีนัก สีหน้าของเธอดูมืดมนราวกับว่ามีคนเป็นหนี้แล้วไม่ใช้คืน
เซี่ยชิงหยวนหันกลับไป พลางยืดตัวแล้วยิ้มให้เซี่ยจื่ออี้ “ช่างบังเอิญจริง ๆ”
วันนี้เธอสวมชุดกระโปรงแขนยาวสีขาว กระโปรงช่วงล่างดูพองเล็กน้อยและทำปลายกระโปรงพลิ้วได้ดีมาก การออกแบบช่วงเอวก็ทำให้เอวเรียวของเธอดูเย้ายวนมากขึ้น ทั้งยังสวมชุดชั้นในที่ซื้อจากเมืองกว่างโจว ซึ่งปรับเปลี่ยนทรงหน้าอกของเธอได้เป็นอย่างดี และยิ่งบวกกับเส้นผมที่ดัดเป็นลอนสวยยาวถึงเอว กำลังพลิ้วไหวไปตามสายลมเบา ๆ หญิงสาวก็ดูราวกับนางฟ้าไม่หยอก
เมื่อเซี่ยจื่ออี้เห็นเซี่ยชิงหยวนที่หันกลับมาอย่างมั่นใจ รอยยิ้มที่มุมปากของเธอก็แข็งค้าง
เธอดึงสติกลับมาอย่างรวดเร็ว และดึงฉินซูอวี้เข้ามาใกล้
เซี่ยจื่ออี้ยิ้มและพูดว่า “ฉันเคยเจอเธอมาหลายครั้งแล้ว แต่วันนี้เธอสวยมากจริง ๆ นะ”
ฉินซูอวี้พ่นลมหายใจเบา ๆ และไม่พูดอะไร
เซี่ยชิงหยวนยิ้มตอบกลับ “ขอบคุณสำหรับคำชมนะคะ ฉันสวยมากเสมออยู่แล้วน่ะค่ะ”
เซี่ยจื่ออี้ “…”
ฉินซูอวี้ “…”
เซี่ยชิงหยวนทำเป็นเหมือนไม่เห็นสีหน้าของอีกฝ่ายและพูดต่อ “พวกเธอก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ? มามองหาฉันหรือกำลังมองหาอี้โจวล่ะ? บังเอิญจริง ๆ นะ อี้โจวเพิ่งออกจากบ้านไปเมื่อกี้เอง”
พอได้ยินแบบนั้น เซี่ยจื่ออี้ก็ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะเดินหน้าต่อดีหรือไม่
จากนั้นเธอพูดอย่างห้วน ๆ “แน่นอนว่าฉันต้องมาหาเธอสิ”
เซี่ยชิงหยวนยิ้มและพูดว่า “งั้นก็ดีเลย ฉันเพิ่งมาถึงที่นี่และยังไม่มีคนรู้จัก เข้ามานั่งในบ้านก่อนสิ”
คิดว่าทำตัวน่ารังเกียจเป็นคนเดียวเท่านั้นเหรอ?
ฉันก็จะทำเหมือนกัน!
ตอนนี้มาวัดกันดูว่าใครกันแน่ที่น่ารังเกียจมากกว่ากัน!
เมื่อป้าอู๋เห็นคนมา เธอก็เทชาทันทีและทักทาย “คุณเซี่ย คุณฉิน เชิญดื่มชานะคะ”
ดวงตาของเซี่ยจื่ออี้จ้องไปที่ใบหน้าของป้าอู๋สักครู่แล้วพูดว่า “ชิงหยวน แม่บ้านของเธอคนนี้นี่ดีจริง ๆ เลยนะ เธอรู้จักพวกเราด้วย”
ฉินซูอวี้อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “เป็นไปได้ไหมที่รู้ว่าเราจะมา ก็เลยทำการบ้านหาข้อมูลมาล่วงหน้า?”
น้ำเสียงของเธอแฝงไปด้วยความพึงพอใจ
เซี่ยชิงหยวนโต้กลับทันที “ความสามารถของป้าอู๋ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในคนที่ดีที่สุดน่ะ แม้แต่สุนัขในละแวกนี้เธอก็สามารถบอกได้ว่าใครเป็นเจ้าของ และสุนัขตัวนั้นชื่ออะไรในทันที”
“เธอ…” สีหน้าของฉินซูอวี้เปลี่ยนไปเป็นแย่อย่างมาก
นี่มันหมายความว่ายังไง? ไม่ใช่หาว่าพวกเธอเป็นสุนัขหรอกเหรอ?
ในความเป็นจริง ความคิดของเซี่ยชิงหยวนคือ ‘พวกหล่อนยังไม่ได้ดีเท่ากับสุนัขด้วยซ้ำ สุนัขน่ารักและจริงใจกว่าเยอะ’
เซี่ยจื่ออี้ตบมือของฉินซูอวี้เพื่อส่งสัญญาณให้ไม่แสดงอาการโกรธออกไป
เธอพูดว่า “วันนี้เรามาหาเธอน่ะ เพราะเดิมทีเราอยากชวนเธอไปทำผมและซื้อเสื้อผ้า เพื่อที่เธอจะได้เข้าร่วมงานเลี้ยงคืนนี้ด้วย แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าคงเธอคงไม่ต้องทำอะไรอย่างนั้นแล้วมั้ง”
ไม่เพียงแต่ไม่จำเป็นต้องทำเพิ่มเท่านั้น แต่ยังสวยเกินไปอีกด้วย
เซี่ยชิงหยวนรู้สึกประหลาดใจ “งานเลี้ยง?”
ฉินซูอวี้อดไม่ได้ที่จะอวด “เอ๊ะ หรือว่าเป็นไปได้ไหมที่อี้โจวไม่ได้บอกเธอ? คืนนี้แขกทุกคนจะได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานเลี้ยงเพื่อเฉลิมฉลองการกลับมาของลูกชายคนเล็กท่านฉีน่ะ”
เธอหยุดชั่วคราว พลางมองไปยังเซี่ยจื่ออี้ที่กำลังก้มศีรษะลงอย่างเขินอาย
เธอกล่าวต่อ “และคืนนี้จะมีการประกาศการแต่งงานของจื่ออี้ และลูกชายคนเล็กของท่านฉีอีกด้วย!”
———————