บทที่ 338 เธอต้องการให้ฉันตาย
บทที่ 338 เธอต้องการให้ฉันตาย
นี่เป็นครั้งแรกที่เซี่ยชิงหยวนแสดงความเกลียดชังต่อใครบางคนอย่างตรงไปตรงมา
เธออยากจะให้เซี่ยจื่ออี้ตาย
เสิ่นอี้โจวตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะเข้าใจว่า ‘เธอ’ ที่เซี่ยชิงหยวนกำลังพูดถึงคือใคร
เขาปล่อยเซี่ยชิงหยวนและมองดูเธอโดยตรง
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนั้น เขาไม่รู้ว่าเกิดขึ้นได้ยังไง
พวกผู้ชายกำลังตกปลาริมทะเลสาบ ผู้หญิงกำลังคุยกัน และเด็ก ๆ กำลังเล่นอยู่บนเนินเขา
ตำแหน่งที่ทุกคนอยู่นั้นมองเห็นได้กว้างไกลและมองเห็นได้ทั้งหมดโดยไม่มีใครคิดว่าสิ่งรอบตัวจะก่อให้เกิดอันตรายใด ๆ
แม้ว่าเด็ก ๆ จะเล่นอยู่รอบวัว แต่เจ้าของวัวก็อยู่ที่นั่นและพวกผู้ใหญ่ก็คิดว่าแค่ให้คำแนะนำเพียงไม่กี่คำก็เพียงพอแล้ว
แต่ใครจะคิดว่าจู่ ๆ วัวที่เชื่องอยู่กลับกลายเป็นบ้าไปได้?
เกือบทุกคนเชื่อโดยไม่รู้ตัวว่าเด็ก ๆ ตั้งใจทำให้วัวโกรธ
แต่ตามคำพูดของเซี่ยชิงหยวน เรื่องนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับเซี่ยจื่ออี้
แต่แล้วพยานล่ะ? หลักฐานอยู่ที่ไหน?
ไม่มีเลย
นั่นคือสิ่งที่ยุ่งยาก
ต่อให้พวกเขารู้ว่าเป็นเซี่ยจื่ออี้ แต่หากตระกูลฉีไม่ได้ติดตามเอาความเรื่องนี้ พวกเขาก็ไม่มีทางทำอะไรเธอได้
และเซี่ยจื่ออี้ก็สามารถแก้ตัวให้ตัวเองได้โดยสิ้นเชิงโดยบอกว่าไม่ได้ตั้งใจ
นั่นเป็นสาเหตุที่เซี่ยชิงหยวนรู้สึกอัดอั้นใจมาก
เซี่ยชิงหยวนกล่าวว่า “ฉันเห็นเธอพูดอะไรบางอย่างกับเด็กคนหนึ่ง และวัวก็บ้าแทบจะในทันทีที่เด็กคนนั้นวิ่งกลับไปที่วัว”
เธอพยายามอย่างหนักที่จะนึกถึงเหตุการณ์นั้น “มือของเธอสัมผัสหญ้าในมือของเด็กอยู่สองสามครั้ง”
เธอเงยหน้าขึ้นมองเสิ่นอี้โจว และพูดด้วยน้ำเสียงสิ้นหวัง “แต่ฉันไม่มีหลักฐาน”
มันเป็นความรู้สึกไร้พลังอย่างแท้จริง ทั้ง ๆ ที่คุณรู้อย่างชัดเจนว่าใครเป็นตัวต้นเหตุ แต่กลับไม่มีทางพิสูจน์ได้
คิ้วของเสิ่นอี้โจวขมวดเข้าหากันแน่นทันทีที่ได้ยิน
เขากอดเซี่ยชิงหยวนไว้ในอ้อมแขนอีกครั้ง “ผมประมาทในเรื่องนี้เอง ผมขอโทษนะ”
พระเจ้ารู้ดีว่าเขารู้สึกอย่างไรเมื่อเห็นวัวตัวนั้นกำลังจะวิ่งชนเซี่ยชิงหยวน
มือของเขาสั่นมาก แม้จะเป็นตอนหลังจากที่ส่งฉีจิ่นจือเข้าโรงพยาบาลก็ตาม
เขาคิดว่าจะสูญเสียเธอไปอีกครั้งแล้ว
ภายใต้ใบหน้าอันสงบนิ่งของเขามีคลื่นอันปั่นป่วน เขาหลอกลวงทุกคน ยกเว้นตัวเขาเอง
ในเวลาเพียงสิบวินาทีของการวิ่ง เขาเกือบจะคาดการณ์ถึงผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุดได้แล้ว
เขาคิดว่าคงต้องพยายามเกิดใหม่กับเธอให้ได้อีกครั้ง
ขณะเดียวกัน เซี่ยชิงหยวนก็น้ำตาไหลและสะอื้นออกมา “ผู้หญิงคนนั้นต้องการให้ฉันตาย”
ถ้าเธอไม่รีบวิ่งไปและเป็นเสิ่นอี้หลินที่เคราะห์ร้าย ครอบครัวของพวกเธอคงจะไม่สงบสุขแน่
ตามนิสัยของเซี่ยชิงหยวน เธอจะรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต โดยโทษตัวเองที่ไม่ดูแลเสิ่นอี้หลินให้ดี
ฝ่ามือใหญ่ของเสิ่นอี้โจวลูบแผ่นหลังบางของเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพื่อพยายามทำให้อารมณ์ของภรรยาสงบลง
“เธอจะทำไม่สำเร็จแน่นอน” เขาปลอบใจเซี่ยชิงหยวน “ครั้งหน้าหรือในอนาคตที่คุณเจอเธอให้ระวังไว้ด้วยนะ ส่วนที่เหลือให้ผมจัดการเอง”
ภายใต้เปลือกนอกที่สวยงามของเซี่ยจื่ออี้ มีจิตวิญญาณที่บิดเบี้ยวซ่อนอยู่
เธอบ้ากว่าที่เขาคิดมาก
เขาต้องใช้มาตรการบางอย่างเพื่อจัดการเธอ เขาหยุดชั่วคราวและปลอบใจต่อไป “ถ้าเธอทำอะไรผิดก็จะมีกฎหมายตัดสินเธอ มันไม่คุ้มค่าถ้าคุณจะทำอะไรให้ตัวเองต้องเสี่ยงนะ”
ตราบใดที่เซี่ยจื่ออี้เป็นลูกสาวของเซี่ยเจิ้ง กฎหมายจะทำอะไรได้บ้าง?
เช่นเดียวกับที่ฉีหยวนซานวางเพลิงทั้งโรงแรมใช้ชีวิตคนนับร้อยมาเสี่ยง เพื่อที่จะเปลี่ยนประวัติของฉีจิ่นจือและทุกวันนี้ก็ยังสามารถเดินอยู่ได้สบาย ๆ
ตราบใดที่มีอำนาจอย่างท่วมท้น กฎหมายจะทำอะไรได้?
เสิ่นอี้โจวถอนหายใจ กอดเธอแล้วพูดว่า “แม้เธอจะเป็นลูกสาวของเซี่ยเจิ้ง ผมก็จะไม่ปล่อยให้เธอทำร้ายคุณอีก เรายังมีอีกหลายอย่างที่ต้องทำและเราต้องมีชีวิตอยู่ด้วยกันอีกยาว ดังนั้นสัญญากับผมนะ ว่าจะไม่หุนหันพลันแล่น?”
หัวใจของเซี่ยชิงหยวนรู้สึกขมขื่น ซุกไหล่ของเขาแล้วตอบว่า “ตกลง ฉันสัญญา”
ในที่สุดหัวใจของเสิ่นอี้โจวก็ผ่่อนคลายลงได้บ้าง เขาจูบผมของภรรยาและกอดเธอไว้อย่างเงียบ ๆ
เขารู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ทำให้เซี่ยชิงหยวนถูกกระตุ้นอย่างมาก ซึ่งทำให้เธอมีความคิดเช่นนั้น
เขาต้องการดึงเธอกลับมา
หากมีใครคนใดที่ต้องเดินในเส้นทางที่มืดมิด คนนั้นต้องเป็นเขา ไม่ใช่เธอ
…
ถึงช่วงเย็น ญาติของป้าอู๋ก็มาถึง
ญาติของป้าอู๋มีความสูงปานกลางประมาณ 1.65 เมตร รูปร่างค่อนข้างแข็งแรง ผิวสีแทน ผมสั้นถึงหู มีกิ๊บสีดำติดไว้ด้านหลังใบหูอย่างพิถีพิถัน แม้เสื้อผ้าจะขาวซีดนิดหน่อยจากการซัก แต่ก็สะอาดเป็นระเบียบ และทั้งคนให้ความรู้สึกที่สะอาดและเรียบร้อย
เธอเดินตามป้าอู๋เข้ามาและยืนอยู่ข้างโซฟา ก้มศีรษะลงและไม่ได้มองไปรอบ ๆ
เสิ่นอี้โจวกล่าวว่า “รอสักครู่นะ ผมจะเรียกให้ภรรยาของผมลงมา”
ด้วยการปลอบของเสิ่นอี้โจว เซี่ยชิงหยวนจึงผล็อยหลับไป
ในระหว่างนอนหลับ เธอขมวดคิ้วและไม่สงบเลย ทั้งยังตื่นขึ้นมาเป็นระยะ ๆ เห็นได้ชัดว่าตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนกลางวันมากแค่ไหน
เมื่อเธอลงมาชั้นล่าง ใบหน้าก็ซีดผิดปกติ
ป้าอู๋ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในเขตชานเมือง และคิดว่าเป็นเพราะเซี่ยชิงหยวนเหนื่อยเกินไปจากการออกไปเที่ยวเล่นในวันนี้เท่านั้น
ป้าอู๋พูดขึ้น “คุณนายคะ นี่คือญาติที่ฉันพูดถึง เธอชื่อเฉิงซวงจือค่ะ”
เฉิงซวงจือพยักหน้าให้เซี่ยชิงหยวนกับเสิ่นอี้โจว และเรียกว่า “คุณผู้ชาย คุณนาย”
เซี่ยชิงหยวนประทับใจเฉิงซวงจือตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น
เธอถามคำถามง่าย ๆ สองสามข้อกับเฉิงซวงจือ และอีกฝ่ายก็ตอบอย่างจริงจัง เห็นได้ชัดว่าเฉิงซวงจือเป็นคนที่มีทัศนคติที่ดีเลย
เฉิงซวงจือกล่าวว่า “ขอบคุณน้ำใจของคุณผู้ชายและคุณนายมากนะคะ ฉันอาศัยอยู่ที่มณฑลอวิ๋นกับลูกสาวมาหลายปีแล้ว และปกติแล้วฉันได้รับการดูแลโดยครอบครัวของพี่สาวอู๋น่ะค่ะ ตอนนี้เธอแนะนำฉันให้รู้จักงานนี้ ฉันจะทำงานอย่างหนักเพื่อตอบแทนบุญคุณต่อครอบครัวของพี่สาวอู๋อย่างแน่นอนค่ะ”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้าและยกริมฝีปากขึ้น “เงินเดือนต่อเดือนอยู่ที่หกสิบหยวนไปก่อนชั่วคราวนะคะ เมื่อธุรกิจของร้านค้าเริ่มเข้าที่เข้าทางแล้วจะมีเงินเพิ่มให้แน่นอนค่ะ ตอนนี้เป็นช่วงแรกของการเปิดร้าน ฉันต้องขอรบกวนคุณและแม่สามีของฉันด้วยนะคะ และในอนาคต หากคุณมีความต้องการใด ๆ เพียงแค่เอ่ยมาได้เลยนะคะ”
หลังจากได้ยินคำพูดของเซี่ยชิงหยวน เฉิงซวงจือก็มีความสุขมาก
ดูเหมือนว่าเซี่ยชิงหยวนจะน่ารักและเข้ากับคนง่ายจริง ๆ อย่างที่ป้าอู๋พูดเลย
ตราบใดที่คุณทำงานหนัก คุณจะได้รับการปฏิบัติอย่างดี
สุดท้ายเซี่ยชิงหยวนได้นัดหมายกับเฉิงซวงจือเพื่อเริ่มทำงานอย่างเป็นทางการในวันมะรืนนี้ และแจ้งให้อีกฝ่ายรู้ที่ตั้งของร้าน
เมื่อเสร็จเรื่องของเฉิงซวงจือ เซี่ยชิงหยวนก็ลูบคิ้วด้วยความเหนื่อยล้า
เสิ่นอี้โจวเดินเข้ามานวดขมับของเธอทั้งสองข้างทันที
จู่ ๆ เซี่ยชิงหยวนก็นึกถึงอะไรบางอย่างได้ จึงหันไปมองแล้วพูดว่า “อี้โจว พรุ่งนี้ไปโรงพยาบาลกับฉันเพื่อเยี่ยมฉีจิ่นจือทีนะ”