กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี – บทที่ 359 ชายจูบชาย

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

บทที่ 359 ชายจูบชาย?

บทที่ 359 ชายจูบชาย?

เซี่ยชิงหยวนเป็นคนแรกที่เห็นเสิ่นอี้โจวเข้ามา

เธอยืนขึ้นและพูดด้วยรอยยิ้ม “กลับมาแล้วเหรอ? มาล้างมือและกินข้าวกันเถอะ”

เสิ่นอี้โจวคลายคอเสื้อ พลางพูดว่า “อืม” เบา ๆ แล้วเดินไป

ฉีจิ่นจือลืมตาขึ้นอย่างเกียจคร้าน ขณะเหลือบมองอีกฝ่าย เขายืนขึ้นและพูดด้วยสายตาที่ภาคภูมิใจ “เลขาธิการเสิ่นงานยุ่งมากจริง ๆ กว่าจะกลับบ้านก็ดึกดื่นป่านนี้เหรอเนี่ย”

เขาหยุดชั่วคราว “ที่บ้านของผมไม่มีใครอยู่เลย เลขาธิการเสิ่นคงไม่รังเกียจใช่ไหมครับถ้าผมขอร่วมโต๊ะอาหารด้วย?”

ไม่มีใครอยู่บ้าน?

เสิ่นอี้โจวจำได้ว่าตอนที่รถของเขาขับผ่านประตูบ้านฉี ที่นั่นมีแสงสว่างจ้าเลยนะ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้เปิดโปงอีกฝ่าย

เขายกมุมริมฝีปากขึ้นแล้วพูดว่า “ขอบคุณคุณชายฉีที่เป็นห่วงนะครับ แต่ทำยังไงได้ งานของผมรัดตัวมาก ไม่เหมือนคุณชายฉีที่ว่างและสบายอยู่ตลอดเลย”

ทันทีที่ทั้งสองเปิดปาก พวกเขาก็เหมือนจะขัดแย้งกันซะแล้ว พวกเขาไม่สามัคคีกันเหมือนในโรงพยาบาลแบบวันนั้นอีกต่อไป

ภายใต้การจ้องมองที่เป็นกังวลของเซี่ยชิงหยวน ในที่สุดเสิ่นอี้โจวก็ยิ้มออกมา “ถือเป็นเกียรติด้วยซ้ำครับที่คุณชายฉีมากินอาหารที่บ้านผม”

หลินตงซิ่วเองก็กล่าวต่อ “คุณชายฉีทำตัวตามสบายเลยนะคะ คิดเสียว่าที่นี่เป็นเหมือนบ้านของคุณก็ได้ เรายินดีต้อนรับค่ะ”

จากนั้นเธอยิ้มอีกครั้งและพูดกับเสิ่นอี้โจว “แม่บอกคุณชายฉีไปว่าสามารถมากินมื้อเย็นที่บ้านเราได้ทุกวันเมื่อเขาว่างน่ะ แต่เขายังไม่ได้ตกลงหรอก บ้านของเขาไม่มีใครอยู่เลย น่าสงสารมากนะที่ต้องอยู่คนเดียว ลูกช่วยแม่ชักชวนเขาทีสิ”

เสิ่นอี้หลินก็มองเขาอย่างคาดหวังและตะโกน “พี่ชาย…”

เสิ่นอี้โจว “…”

เสิ่นอี้โจวเม้มปากแน่น เมื่อมองยังดวงตาที่ดูเหมือนจะไร้เดียงสาของฉีจิ่นจือ และเขาก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิด

คนคนนี้ใช้เวลาไม่นานก็ทำให้แม่และน้องชายของเขาไว้ใจได้แล้วงั้นเหรอ?

ชายหนุ่มมองเซี่ยชิงหยวน ที่นำข้าวอีกชามออกมาจากห้องครัวพอดี และรอให้เธอออกความคิดเห็น

เซี่ยชิงหยวนไม่รู้ว่าพวกเขาพูดคุยอะไรกัน เธอจึงยิ้มให้เสิ่นอี้โจว “คุณยังทำอะไรอยู่น่ะ? ไปล้างมือและมากินเร็ว ๆ เถอะ”

คิ้วที่ขมวดของเสิ่นอี้โจวคลายลง และตอบว่า “ตกลง”

จากนั้นเขาก็พูดกับฉีจิ่นจือ “ถ้าคุณชายฉีชอบอาหารง่าย ๆ ของครอบครัวผม คุณก็สามารถมาได้ทุกตลอด เมื่อมีเวลานะครับ”

ฉีจิ่นจือยิ้ม “ถ้างั้นผมไม่เกรงใจล่ะนะ”

มื้ออาหารนี้ค่อนข้างน่าพอใจ อย่างน้อยก็โดยส่วนใหญ่

เสิ่นอี้โจวและฉีจิ่นจือมีความขัดแย้งในโต๊ะอาหารเป็นครั้งคราว แต่ท้ายที่สุดพวกเขาก็จะหยุดการสนทนาโดยปริยายเมื่อสถานการณ์ใกล้จะบานปลาย

หลินตงซิ่วและเสิ่นอี้หลินไม่ได้รู้อะไรเลยแม้จะนั่งอยู่ในโต๊ะอาหาร แต่เซี่ยชิงหยวนกลับรู้สึกหวั่น ๆ ไม่น้อยขณะนั่งอยู่ด้านข้าง

เมื่อมื้ออาหารจบลง หลินตงซิ่วต้องการจะให้ฉีจิ่นจือไปที่ห้องนั่งเล่นก่อน เพื่อดื่มชา

เสิ่นอี้โจวยิ้ม พลันพูดว่า “แม่อย่ารบกวนคุณชายฉีอีกเลยครับ เขายังต้องกลับไปทำธุระอีกนะ”

ฉีจิ่นจือเหลือบมองและส่ายหัวเล็กน้อย “ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนอะไรหรอกครับ ผมสามารถอยู่ต่อได้อีกหน่อยน่ะ”

เสิ่นอี้โจวสู้ไม่ถอย “คุณชายฉี ครอบครัวของคุณน่าจะกลับมาแล้วนะครับ และคงจะกำลังรอให้คุณกลับบ้านด้วย”

ฉีจิ่นจือเหลือบมองเซี่ยชิงหยวน ซึ่งดูกังวลอยู่ด้านข้างแล้วยิ้มออกมา “นั่นก็จริง ก็ได้ วันนี้เริ่มดึกแล้ว งั้นผมจะไม่รบกวนพวกคุณแล้วดีกว่า”

หลังจากนั้นเขาก็พูดกับเซี่ยชิงหยวนและหลินตงซิ่ว “ขอบคุณสำหรับการต้อนรับของพวกคุณในวันนี้นะครับ ผมมีความสุขมาก”

เขามีความสุขจริงจากใจจริง ๆ

เซี่ยชิงหยวนยิ้มตอบ “ด้วยความยินดีค่ะ”

หลินตงซิ่วหัวเราะเบา ๆ “ไม่ลำบากเลยค่ะ วันหลังคุณชายฉีก็มากินข้าวบ้านเราอีกนะ”

ฉีจิ่นจือมองไปที่เสิ่นอี้โจวแล้วตอบกลับ “ได้ครับ”

เสิ่นอี้โจวเพิกเฉยต่อการยั่วยุของอีกฝ่ายและพูดว่า “ให้ผมไปส่งคุณชายฉีแล้วกัน”

พูดจบทั้งสองก็ออกจากประตูไป

หลังจากออกจากประตู สีหน้าของคนทั้งสองก็เย็นชาทันที ไร้ซึ่งร่องรอยของความสามัคคีและมิตรภาพก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง

เมื่อเดินบนทางเดินที่ปูด้วยหิน เสิ่นอี้โจวก็เอ่ยขึ้น “ดูเหมือนว่าคุณชายฉีจะชอบครอบครัวของผมมากนะครับ?”

คำว่า ‘ครอบครัวของผม’ นั้นถูกย้ำค่อนข้างแรง

ฉีจิ่นจือพยักหน้าราวกับว่าเขาไม่เข้าใจสิ่งที่เสิ่นอี้โจวกำลังจะสื่อ “ผมชอบทั้งบรรยากาศและผู้คนเลยล่ะ”

เสิ่นอี้โจว “!”

นี่ชายคนนี้กำลังบอกชอบคนในครอบครัวเขาต่อหน้าเขางั้นเหรอ? นายชอบเสิ่นอี้หลิน หลินตงซิ่ว หรือเซี่ยชิงหยวน คนไหนกันแน่?

คืนนี้มีลมแรง พัดยอดไม้ตรงที่ทั้งสองยืนอยู่พอดี จากนั้นกิ่งก้านที่ตายแล้วหนาเท่ากับนิ้วหัวแม่มือของผู้ใหญ่ก็หักหล่นลงมา

เสิ่นอี้โจวกำลังรู้สึกประหลาดใจกับคำพูดของฉีจิ่นจืออยู่ และปฏิกิริยาของเขาก็ช้าไปครึ่งจังหวะ

เมื่อเห็นว่ากิ่งไม้กำลังจะร่วงลงมาใส่หัวของเสิ่นอี้โจว ฉีจิ่นจือก็รีบก้าวมาข้างหน้า คว้าแขนของเสิ่นอี้โจวและดึงออกมาอย่างแรง

เสิ่นอี้โจวเพิ่งมีปฏิกิริยาและจะพุ่งตัวหนีไปด้านข้างพอดี ภายใต้แรงที่เพิ่มเป็นสองเท่า ทำให้ชายทั้งสองปะทะกันจนมีเสียงดังโครมจากการกระแทกนี้

ถึงอย่างนั้นตาม ฉีจิ่นจือเตรียมตัวที่จะช่วยเสิ่นอี้โจวอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงคว้าเอวของเสิ่นอี้โจวโดยไม่รู้ตัว ซึ่งมันทำให้ท่าทางของทั้งสองเหมือนกับคนโอบเอวกัน และใบหน้าชิดกันในระยะหายใจรด

เสิ่นอี้โจว “…”

ฉีจิ่นจือ “…”

ลมพัดผ่านใบหน้าของพวกเขา ทำให้เกิดอาการจั๊กจี้

พวกเขาทั้งสองอยู่ใกล้กันมาก ใกล้กันมากจนสามารถมองเห็นขนตาของกันและกันได้อย่างชัดเจนภายใต้แสงไฟสลัว ๆ

ความตกตะลึงและความงุนงงสามารถเห็นได้ในดวงตาฟีนิกซ์ที่เย็นชา และดวงตาที่แวววาวเหมือนสีดอกท้อ

วินาทีต่อมา ทั้งสองก็ผลักกันออกไปอย่างรวดเร็ว

เสิ่นอี้โจวพูดขึ้น “คุณชายฉีเดินกลับบ้านดี ๆ ก็แล้วกัน”

หลังจากพูดส่งจบ เขาก็เดินกลับเข้าบ้านไปโดยไม่หันกลับมามองแม้แต่น้อย

ฉีจิ่นจือเช็ดมือตัวเองก่อนจะเอามือไพล่หลัง เดาะลิ้นแล้วเดินจากไป

ในขณะเดียวกัน ชายคนหนึ่งผู้ซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้ที่อยู่ไม่ไกลก็เบิกตากว้าง

จากมุมมองของเขา ทั้งสองดูเหมือน…จูบกันเหรอ?

เลขาธิการเสิ่นและคุณชายฉีเมื่อกี้เพิ่งจูบกันเหรอ?

เขารู้สึกว่าถ้าเขารายงานข่าวนี้ให้ฉีหยวนซานรู้ หัวของเขาน่าจะตกอยู่ในอันตรายแน่นอน

เขาอยากจะร้องไห้ ตอนนี้มันยังทันสำหรับเขาไหมเนี่ยที่จะหนีไปจากมณฑลอวิ๋น?

“นายพูดอะไรนะ!?” ฉีหยวนซานแทบจะโยนโทรศัพท์ทิ้งไปในขณะที่ฟังรายงานทางโทรศัพท์ แต่เขายังคงอยากจะปฏิเสธ “นายพูดจริงเหรอ? นายเห็นพวกเขาสองคน…จูบกันจริง ๆ แน่นะ?”

เมื่อนึกถึงชายที่โตแล้วสองคนทำสิ่งนั้น เขาไม่สามารถพูดคำอะไรได้อีกจริง ๆ

ผู้ใต้บังคับบัญชาตอบอย่างสั่นเทา “ใช่…ใช่ครับ”

เขาหยุดชั่วคราว “พวกเขากอดกันและจูบกัน แต่พวกเขาก็รีบผละออกจากกันทันทีที่ปากสัมผัสกันครับ”

คำพูดของผู้ใต้บังคับบัญชาไม่ได้ทำให้ฉีหยวนซานรู้สึกดีขึ้นเลย แต่กลับทำให้เขารู้สึกแย่ลง ลมหายใจสุดท้ายในหัวใจ ความหวังทั้งหมดดับลง และรู้สึกว่าหัวใจของเขาเริ่มเจ็บปวด

เขากุมหน้าอกแน่น ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง

เขาพูดอย่างเคร่งขรึม “ฉันเข้าใจแล้ว นายติดตามเขาต่อไปซะ”

หลังจากที่ฉีหยวนซานวางสาย เขาก็จมอยู่กับความคิดอันลึกซึ้ง

ฉีจิ่นจือคนนี้ชอบใครไม่ชอบ กลับไปชอบผู้ชายด้วยกัน! แถมยังไปชอบคนที่เป็นไปไม่ได้ที่จะคว้ามาอีกต่างหาก!

หากฉีจิ่นจือสนใจภรรยาของเสิ่นอี้โจว เขายังสามารถวางแผนให้สามีภรรยาหย่าร้างกัน และให้ผู้หญิงคนนั้นมาแต่งงานกับฉีจิ่นจือได้ แต่มันกลับกลายเป็นว่าดันไปตกหลุมรักผู้ชายของฝ่ายหญิง!

นี่มัน…บัดซบจริง ๆ!

นี่มันคงเป็นเพราะฉีจิ่นจือไม่ได้โตมาภายใต้การสั่งสอนของเขา และเมื่อกลับมาจากโลกภายนอกก็เลยมีแต่ความคิดความอ่านที่เลวทรามมากมาย!

ในขณะเดียวกันนี้ ฉีจิ่นจือก็เพิ่งกลับมาจากการเดินเล่นข้างนอกและเปิดประตูเข้ามา

“หยุด!” ฉีหยวนซานเรียกเขา

หลังจากครุ่นคิดคำพูดของตนอย่างถี่ถ้วนแล้ว ฉีหยวนซานก็ถามขึ้น “คืนนี้แกไปอยู่ที่ไหนมา?”

ฉีจิ่นจือเลิกคิ้วขึ้น “บ้านของเลขาธิการเสิ่น”

ในที่สุดฉีหยวนซานก็รู้สึกสบายใจในคำตอบของฉีจิ่นจือ อย่างน้อยเด็กคนนี้ก็ไม่ได้โกหกเขา

เขาถามอีกครั้ง “แกไปทำอะไรที่บ้านของเลขาธิการเสิ่น?”

ความผิดปกติของฉีหยวนซานทำให้ฉีจิ่นจือเหลือบมอง “กินข้าว”

ไม่แปลกที่จะเก็บสิ่งประเจิดประเจ้อที่เพิ่งเกิดขึ้นเป็นความลับจากเขา

ดังนั้นฉีหยวนซานจึงพยายามเกลี้ยกล่อมลูกชาย “ถ้าแกชอบอาหารบ้านของเขา พ่อจะไปคุยกับเลขาธิการเสิ่นให้ และขอให้เขาแลกแม่บ้านของเขากับเราดีไหม?”

ฉีจิ่นจือตอบกลับ “อาหารของเขาปรุงโดยคุณนายเสิ่นนะ”

นี่หมายความว่าต่อให้มีความสามารถมากแค่ไหน ก็ไม่สามารถแย่งตัวคุณนายเสิ่นมาได้ใช่ไหม?

ฉีหยวนซาน “…”

ฉีหยวนซานตบมือใหญ่ลงบนโต๊ะ “ฉีจิ่นจือ แกรู้ไหมว่ากำลังทำอะไรอยู่! ตราบใดที่แกเป็นลูกชายของฉัน ฉันจะไม่มีวันปล่อยให้แกหยิ่งผยองเด็ดขาด!”

เมื่อเผชิญหน้ากับความโกรธของฉีหยวนซาน ฉีจิ่นจือก็แสดงสีหน้าขี้เกียจแล้วเยาะเย้ยว่า “คุณคิดว่าผมอยากเป็นลูกของคุณรึไง?”

พูดจบเขาก็ถอยไปหนึ่งก้าวแล้วพูดว่า “ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมจะกลับขึ้นห้อง”

หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็เดินขึ้นห้องไป

ฉีหยวนซานกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ และรอยย่นระหว่างคิ้วของเขาอาจทำให้แมลงวันตายได้เลย

ดูเหมือนว่าต้องใช้วิธีนั้นซะแล้วสินะ

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

Status: Ongoing
หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ประสบอุบัติตุจนเสียชีวิต และเธอก็ได้ย้อนไปตอนที่เธออายุ 21 ปี …ลับมาครั้งนี้เธอจะไม่ยอมหย่ากับเสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธออีกเด็ดขาด!หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ช่วยเด็กชายคนหนึ่งเอาไว้จนประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิตปีแล้วปีเล่าผ่านไป เสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธอก็มักจะมายี่ยมหลุมศพของเธอประจำ เธอในร่างวิญญาณออกปากไล่เขาทุกครั้งต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้ยิน เขาจำไม่ได้เลยหรืออย่างไร ว่าเธอทำอะไรกับเขาไว้บ้าง แต่แล้วเธอก็ได้ย้อนกลับมาใน ในวันที่เธออายุ 21 ปี แลยังไม่ได้หย่าขาดกับเสิ่นอี้โจว ในเมื่อเธอได้โอกาสอีกครั้งนี้ เธอจะไม่ยอมหย่าเด็ดขาด ครั้งนี้เธอจะสร้างครอบครัวที่อบอุ่นกับเสิ่นอื้โจวได้จงได้

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท