บทที่ 1031 ตำนานฟ้าบุพกาล
“หานฮวงแล้วอย่างไรเล่า งานชุมนุมฟ้าบุพกาลที่ผ่านมา หากมิใช่เพราะกฎเกณฑ์สูงสุดถูกโจมตี ตำแหน่งเลิศล้ำหมื่นยุคก็ยังไม่แน่ว่าจะเป็นของเขา!”
หวงจุนเทียนแค่นเสียง เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมา เขารู้สึกหงุดหงิดนัก
หัวหน้ากลุ่มย่อยที่เหลือก็ส่งเสียงขึ้น สนับสนุนหวงจุนเทียน
“ใช่แล้ว กลัวอันใดเล่า!”
“แม้ว่าหานฮวงจะเป็นบุตรอริยะสวรรค์เกรียงไกร ขอเพียงพวกเราไม่เอาชีวิตเขาก็พอแล้ว อริยะสวรรค์เกรียงไกรหลุดพ้นจากกฎเกณฑ์ มีทายาทนับไม่ถ้วน ดูอย่างหานทั่วผู้นั้นเถิด ล้มลุกคลุกคลานผ่านความเป็นความตายมากี่ครั้งแล้วไม่เคยเห็นอริยะสวรรค์ออกหน้าเลย”
“ถึงแม้หานฮวงจะแข็งแกร่ง แต่อิทธิพลยังไม่กล้าแข็งพอ”
“ถูกต้อง ผู้แข็งแกร่งในกลุ่มมิ่งมีมากมายปานใดเล่า ต่อให้หานฮวงแข็งแกร่งพียงใดก็อาศัยกำลังที่มากกว่าสะกดเอาชนะเขาได้!”
“ฮ่าๆๆ ข้าจะส่งศิษย์มุ่งหน้าไปยังเขตฟ้าบุพกาลเหนือก่อน ตรวจสอบรากฐานของเขตฟ้าบุพกาลเหนือ ได้ยินว่าราชันฟ้าบุพกาลอุดรทิศประวัติความเป็นมาลึกลับ แต่พลังวิเศษทรงพลัง เคยต่อสู้กับอริยะมหามรรคหลายสิบคนด้วยตัวคนเดียว เอาชนะได้ง่ายดายยิ่ง”
พอได้ยินคำพูดเหล่าผู้ใต้บัญชา หวงจุนเทียนยิ้มออกมา
มีผู้ทรงพลังอยู่มากมายปานนี้ ไม่ช้าก็เร็วฟ้าบุพกาลจะตกอยู่ในกำมือเขา!
หวงจุนเทียนกล่าวว่า “ถึงแม้อริยะสวรรค์เกรียงไกรจะปราฏตัวน้อยยิ่ง แต่ก็ควรไว้หน้าบ้าง ลงมือกับหานฮวงได้แต่ต้องไว้ไมตรีบ้าง ถึงแม้พวกเราจะแข็งแกร่ง แต่ก็สำหรับฟ้าบุพกาลเท่านั้น ส่วนอริยะสวรรค์เกรียงไกรอยู่เหนือฟ้าบุพกาลไปแล้ว”
หัวหน้าทุกคนพยักหน้ารับ อันที่จริงไม่จำเป็นต้องให้หวงจุนเทียนบอก พวกเขาก็รู้ว่าหานฮวงเป็นตัวแทนของสิ่งใด
นี่คือเหตุผลที่ราชันฟ้าบุพกาลอุดรทิศชักจูงหานฮวงไปเข้าพวก
ปรมาจารย์ลัญจกรสรวงกล่าวว่า “ระยะนี้วังสวรรค์เรืองอำนาจไม่น้อยเลย หานเหยาคนนั้นแข็งแกร่งนัก หาทางดึงมาเป็นพวกเถอะ”
สือตู๋เต้าหัวเราะฮี่ๆ เอ่ยไปว่า “เรื่องนี้ให้ข้าจัดการเถอะ! ข้าอยากเห็นอยู่พอดีว่าแม่ทัพเทพรุ่นปัจจุบันของวังสวรรค์แข็งแกร่งมากแค่ไหน!”
หัวหน้าคนอื่นๆ ก็พากันยิ้มออกมา ไม่ได้มีผู้ใดยื้อแย่งกับเขา ถึงแม้หานเหยาจะแข็งแกร่งแต่ตอนนี้ยังไม่เข้าตาพวกเขา
….
วังสวรรค์ ภายในพระราชวังเทียมเมฆา
พวกเต้าจื้อจุนทั้งห้ายืนอยู่ในห้องโถง ยิ้มแย้มพูดคุยกับจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายที่อยู่ตรงกันข้าม ด้านข้างมีเทพเซียนบุ๋นบู๊หลายคนของวังสวรรค์ยืนอยู่ ในบรรดานั้นรวมหานเหยาไว้ด้วย
หานเย่และหานเหยาจ้องมองกันและกัน ไม่สบอารมณ์อย่างยิ่ง
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ยามนี้ฟ้าบุพกาลมีภัยมากมาย ไม่สู้ทุกท่านพักอยู่ที่วังสวรรค์สักระยะเถอะ งานชุมนุมใหญ่ท้อเซียนก็ใกล้จะจัดขึ้นแล้ว”
เหล่าตานเอ่ยยิ้มๆ “ยอดเยี่ยม! เรื่องดีงามเช่นนี้ไหนเลยจะพลาดได้”
เขาส่งสายตาให้จ้าวเซวียนหยวน จ้าวเซวียนหยวนรู้ความจึงเอ่ยคล้อยตาม
เต้าจื้อจุนขมวดคิ้ว ทว่าไม่สะดวกจะคัดค้าน
เจียงอี้โล่งใจแล้ว
หานเย่เอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “งานชุมนุมใหญ่ท้อเซียนมีอะไรดีกัน ข้าไม่ถูกโฉลกกับหานเหยา พวกเราไปกันดีกว่า”
หานเหยาด่าทันที “เจ้าสุนัขวอนเจ็บตัวอีกแล้วหรือ”
“เฮอะๆ แม่ทัพขี้แพ้”
“จำนวนครั้งที่เจ้าแพ้ข้าน้อยนักหรือ”
“หยุดพูดไร้สาระแล้วออกไปสู้กันอีกยกดีกว่า!”
พอเห็นเด็กทั้งสองทะเลาะถกเถียงกัน จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายยิ้มเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “อย่าสู้กันเลย พวกเจ้าไม่เหนื่อย แต่เรามองแล้วเหนื่อยแทน ทุกครั้งที่เย่เอ๋อร์ผ่านมาแถวนี้ล้วนต้องสู้กับเหยาเอ๋อร์สักยกร่ำไป กระหายการเอาชนะยิ่งกว่าฮวงเอ๋อร์และทั่วเอ๋อร์เมื่อครั้งอดีตเสียอีก เราชักสงสัยขึ้นมาแล้วว่าพวกเจ้าเป็นศัตรูคู่แค้นแต่กำเนิดหรือไม่”
หานเหยาแค่นเสียง “เขาไม่คู่ควร!”
หานเย่มองไปที่จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้าย เอ่ยถามออกไป “ฝ่าบาท บรรพชนหานฮวงของข้าจะกลับมายามใดพ่ะย่ะค่ะ”
หานเหยาเอ่ยกระแหนะกระแหน “เจ้ายังคิดจะท้าสู้กับท่านบรรพชนหานฮวงด้วยหรือ”
เมื่อหานเย่ผงาดขึ้นมา ชาติกำเนิดของเขาย่อมปิดบังไว้ไม่อยู่ บุตรแห่งสวรรค์สุดเลิศล้ำสองคนในรุ่นเดียวกันล้วนมาจากตระกูลเดียวกัน นี่คือหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้พวกเขาไม่ถูกชะตากัน เพราะมักจะถูกเปรียบเทียบเสมอ
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายก็มองเห็นพื้นฐานของหานเย่เช่นกัน ดังนั้นเขาจึงชอบนิสัยเอาแต่ใจของหานเย่เป็นพิเศษ ถึงขึ้นที่นึกเอ็นดูกว่าหานฮวงด้วยซ้ำ ทุกครั้งที่หานเย่มาเขาล้วนจะชักชวนหานเย่ให้มาเข้าร่วมอย่างกระตือรือร้นเสมอ
เต้าจื้อจุนเปิดปากเอ่ยขึ้นว่า “เอาล่ะ หานเย่ อยู่ในวังสวรรค์ไว้หน้าฝ่าบาทบ้าง ฝ่าบาทก็เป็นผู้มีพระคุณเกื้อหนุนปฐมบรรพชนตระกูลหานของเจ้าเช่นกัน”
เดิมทีหานเย่อยากจะระเบิดโทสะ แต่พอได้ยินวาจานี้ก็จำเป็นต้องอดทนไว้
หานเหยาก็ไม่สะดวกจะพูดอะไรอีกเช่นกัน เขาเสียกริยาเพียงกับหานเย่เท่านั้น กับคนอื่นยังคงมีมารยาทและสุภาพยิ่ง
ในเวลานี้เอง!
“จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้าย ข้าสือตู๋เต้าแห่งกลุ่มมิ่ง วันนี้มาเพื่อท้าสู้โดยเฉพาะ ส่งแม่ทัพเทพที่แข็งแกร่งที่สุดในสังกัดของเจ้าออกมาเถิด! มิเช่นนั้นข้าจะถล่มพระราชวังเทียมเมฆาให้ราบ!”
เสียงหัวเราะดังสนั่นหยิ่งทะนงสายหนึ่งแว่วออกมาจากนอกตำหนัก ราวกับเสียงฟ้าผ่า สะท้านฟ้าสะเทือนดิน
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายขมวดคิ้ว
หานเหยาตวาดด้วยความโกรธ “คนไร้หัวนอนปลายเท้าก็กล้ามาท้าทายวังสวรรค์อย่างนั้นหรือ!”
เขากลายเป็นรุ้งทองสายหนึ่งพุ่งทะยานออกไป
เต้าจื้อจุนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “กลุ่มมิ่งหมายตาวังสวรรค์ ฝ่าบาทจะได้ครื้นเครงอีกแล้ว”
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายส่ายหน้า “เกรงว่าพวกเขาคงไม่ได้หมายตาวังสวรรค์หรอก”
สายตาเขามองออกไปนอกตำหนัก
สือตู๋เต้า…
ช่างเป็นคนคุ้นเคยเก่าหวนพบกันใหม่โดยแท้
….
วันเวลาผ่านไปรวดเร็วนัก
พริบตาเดียวก็ผ่านไปห้าล้านปีแล้ว
งานชุมนุมฟ้าบุพกาลครั้งที่สองใกล้จะเริ่มขึ้นแล้ว ในครั้งนี้หานเจวี๋ยไม่คิดจะเข้าร่วม ยกหน้าที่ให้เทพมหาทัณฑ์ดำเนินการคนเดียว
หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น เขาเข้าใกล้การทะลวงขั้นแล้ว อีกล้านปีให้หลังคงทะลวงสู่ระดับผู้สร้างมรรคาระยะกลางได้
หานเจวี๋ยเรียกกล่องจดหมายออกมาตรวจดู เนื้อหาในจดหมายมีสีสันอย่างยิ่ง
มีการโจมตีไม่ขาดสาย!
หลี่เต้าคง หวงจุนเทียนและพวกปรมาจารย์ลัญจกรสรวงล้วนเวียนกันโดนหานฮวงโจมตีอย่างหนักหน่วง ได้รับบาดเจ็บสาหัส
หานทั่วและอี๋เทียนก็เริ่มโลดแล่นกันแล้ว ทลายรังมารร้ายที่ก้นบึ้งฟ้าบุพกาล
เรื่องที่ควรค่าให้กล่าวถึงคือจ้าวซวงเฉวียนที่เป็นเจ้าอัษฎาฟ้าบุพกาลกลับชาติมาเกิดโลดแล่นขึ้นมาอย่างผิดปกติ แม้แต้จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เฉียนคุนก็พ่ายแพ้เขา ฝึกบำเพ็ญมาห้าสิบล้านปีเขาก็สามารถพิสูจน์ยอดมหามรรคได้แล้ว ตบะพุ่งทะยานสู่ระดับสูงสุดของฟ้าบุพกาล
ดวงจิตนพชาติก็เพิ่งประกอบร่างเทพกลับมาได้เมื่อไม่นานมานี้ กำลังออกเทศนาธรรมไปทั่วสารทิศ รับสมัครกองกำลังเป็นการใหญ่
คึกคักดีจริงๆ
หานเจวี๋ยยิ้มออกมา โดยเฉพาะผลงานของหานฮวงก็ไม่ได้ทำให้เขาผิดหวังเลย
เทพมารอนธการประกอบกับดวงชะตาอันยิ่งใหญ่ ไหนเลยจะไม่ไร้พ่ายในฟ้าบุพกาลอีก
หานเจวี๋ยสอดส่องฟ้าบุพกาล พบว่าชื่อเสียงของหานฮวงทรงอิทธิพลอย่างยิ่ง เอาชนะกลุ่มมิ่งทั้งกลุ่มได้ด้วยตัวคนเดียว สั่นสะเทือนไปทั่วฟ้าบุพกาล เริ่มเพ่งเล็งกันแล้วว่าเขาจะเป็นเทพมารอนธการ
หลังจากอ่านจดหมายจบ หานเจวี๋ยเข้าฝันหวงจุนเทียน
ในแดนความฝัน หวงจุนเทียนเป็นเช่นที่ผ่านมา ถามก่อนว่าเขาต้องการโชควาสนาหรือไม่ หลังจากยืนยันตัวตนแล้วถึงลดมาตรการป้องกันลง
“นายท่าน ท่านมาเพราะเรื่องของข้ากับหานฮวงใช่หรือไม่”
หวงจุนเทียนถามอย่างอับอาย จากนั้นก็ถอนหายใจ
การต่อสู้เมื่อล้านปีก่อนเป็นความอัปยศของกลุ่มมิ่ง พวกเขาคิดจะใช้กองกำลังของตนส่งหานฮวงลงโอ่ง สร้างตำนานสะท้านสะเทือนอดีตและปัจจุบัน กลายเป็นตำนานเล่าขานในเส้นทางสายบำเพ็ญ
หานเจวี๋ยกล่าวว่า “ข้ามาเพราะเจ้า เจ้ายังไหวหรือไม่”
หวงจุนเทียนตื้นตันอยู่ในใจ เอ่ยไปว่า “กลุ่มมิ่งหยุดขยายอำนาจแล้วขอรับ ต้องพักฟื้นกำลัง ข้าเองก็ต้องฝึกบำเพ็ญเพราะต้องการก่อตั้งโลกมหามรรคขึ้น”
เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายยังคงเอ่ยออกมา “สื่อหยวนหงเหมิงบอกข้าว่า มีโลกมหามรรคสองแห่งที่ไม่ด้อยไปกว่าฟ้าบุพกาลเลยกำลังเข้ามาใกล้ ต้องการพุ่งชนฟ้าบุพกาล เมื่อชนกันแล้วจะปรากฏยุคสมัยที่ไม่เคยมีมาก่อน เรื่องนี้ไม่ทราบว่าเป็นความจริงหรือไม่ขอรับ”
สื่อหยวนหงเหมิงหรือ
จุ๊ๆ คนผู้นั้นที่แปลงสภาพมาจากเทพมารเบิกฟ้าคู่ต่อสู้คนสุดท้ายจากในหมู่เทพมารสามพันตนของผานกู่สามารถสอดส่องโลกมหามรรคได้ด้วยหรือ
หานเจวี๋ยเกิดความสนใจในสื่อหยวนหงเหมิงขึ้นมา นึกถึงกาลก่อนที่เดิมทีแล้วสื่อหยวนหงเหมิงมีโอกาสเป็นสิ่งมีชีวิตฟ้าบุพกาลรายแรกที่อาจจะกลายเป็นเทพมารอนธการได้สำเร็จ แต่เนื่องจากหานเจวี๋ยกลายเป็นเทพมารอนธการได้เสียก่อน สื่อหยวนหงเหมิงจึงค้างเติ่งอยู่ครึ่งทาง สุดท้ายก็ผสานรวมกับหวงจุนเทียน มีหวงจุนเทียนเป็นนาย
‘โลกมหามรรคสองแห่ง หรือว่ามหาเทวาผลาญนภาไร้สิ้นสูญและผู้สร้างมรรคาสุดลึกลับท่านนั้นจะลงมือกันแล้วหรือ’
‘ไม่ถูกสิ มหาเทวาผลาญนภาไร้สิ้นสูญต้องการทำลายล้างผู้ทรงพลังฟ้าบุพกาลด้วยตัวเองมิใช่หรือ’
หานเจวี๋ยตกอยู่ในห้วงความคิด
………………………………………………………………