บทที่ 227 การเสนอราคาอย่างบ้าคลั่ง
“สิบล้าน!”
หลังจากพนักงานเสนอราคาของฮั่วเจี้ยนเฟิงว่างมาทั้งงาน ในที่สุดก็ได้คำสั่งจากเจ้านายสักที เขาโบกป้ายทะเบียนแล้วพูดราคาออกมา
พิธีกรประมูลยิ้มและพูดว่า “โอเคครับ ผู้ประมูลหมายเลข 78 เปิดด้วยราคาสิบล้านครับ ยังมีใครจะเสนอราคามากกว่านี้ไหมครับ? เพราะนี่คือจี้หยกแก้วสีเขียวที่หายากที่สุดเลยนะครับ”
ฮั่วเจี้ยนเฟิงยิ้มจางๆ และคิดว่าราคาสิบล้านที่เขาเสนอต้องทำให้ทุกคนตกใจอย่างแน่นอน
หลี่โม่มองพิธีกรประมูลบนหน้าจออย่างเฉยเมยจากนั้นพูดในเครื่องมือสื่อสารว่า “ช่วยเสนอราคา 20 ล้านหน่อยครับ”
“ครับนาย”
หลังจากพนักงานเสนอราคาของหลี่โม่ได้รับคำสั่งเขาก็ชูป้ายขึ้นแล้วเสนอราคาทันที “ยี่สิบล้านครับ”
เหล่าคนรวยคนอื่นๆ ที่กำลังจะเสนอราคาเมื่อได้ยินคำว่ายี่สิบล้านบนหน้าจอทีวีก็ตกใจและสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พวกเขาต่างคิดว่าวันนี้เจอคนอะไรกันแน่ แค่เอ่ยปากก็เป็นเงินสิบล้าน แล้วคนอื่นๆ จะมีได้ส่วนร่วมด้วยไหม
ฮั่วเจี้ยนเฟิงขมวดคิ้วและคิดว่าเขาเจอคู่ต่อสู้ที่ไม่ใช่คนธรรมดาซะแล้ว
แต่เมื่อนึกถึงเงินสดหกสิบล้านที่เตรียมมา ฮั่วเจี้ยนเฟิงก็มีความมั่นใจว่าเขาต้องชนะการประมูลครั้งนี้อย่างแน่นอน
“เสนอราคา 22 ล้านให้ผมที” ฮั่วเจี้ยนเฟิงพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ
ถ้าเพิ่มทีละสิบล้านฮั่วเจี้ยนเฟิงก็คงทนรับไม่ได้ไหว ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนกลยุทธ์เพื่อดูสถานการณ์ของฝ่ายตรงข้ามก่อน
หลังจากผู้เสนอราคาของฮั่วเจี้ยนเฟิงชูป้ายขึ้น พิธีกรก็พูดอย่างเสียงดังว่า “หมายเลข 78 เสนอราคาใหม่แล้วครับ ดูเหมือนว่าท่านจะชอบสินค้าประมูลชิ้นนี้มาก ยังมีท่านใดจะเสนอราคาเพิ่มให้กับหยกที่สวยงามชิ้นนี้อีกไหมครับ?”
“สามสิบล้าน!”
พนักงานเสนอราคาของหลี่โม่ชูป้ายแล้วตะโกนอย่างเสียงดัง
“โอ้ มาแล้วครับ หมายเลข 118 เสนอราคาสามสิบล้านแล้วครับ ผมต้องขอยกย่องความใจถึงของหมายเลข 118 ท่านนี้จริงๆ เลยครับ”
พิธีกรตะโกนอย่างตื่นเต้น
แน่นอนว่าถ้าการประมูลสำเร็จ พิธีการก็จะได้ค่าคอมมิชชั่นตามจำนวนที่ประมูลออกไป ดังนั้นสำหรับเขาแล้วราคาประมูลยิ่งสูงเท่าไรก็ยิ่งดีเท่านั้น
ฮั่วเจี้ยนเฟิงสีหน้าเคร่งขรึมแล้วพูดด้วยความเกลียดชัง “ไอ้หมายเลข 118 คือใครกันแน่! กล้ามาท้าทายเราได้ยังไง!”
หลังจากระบายความโกรธฮั่วเจี้ยนเฟิงก็หยิบอินเตอร์คอมขึ้นมาแล้วพูดด้วยดวงตาที่แดงก่ำ “สี่สิบล้าน เสนอราคาสี่สิบล้านให้ผม ดูว่ามันจะกล้าตามอีกไหม!”
“โอ้พระเจ้า หมายเลข 78 สุดยอดจริงๆ เลยครับ ราคาประมูลตอนนี้อยู่ที่สี่สิบล้านแล้วครับ! ยังมีคนจะเสนอราคาอีกไหมครับ? ถ้าไม่มีใครเสนอเพิ่ม หยกอันล้ำค่าชิ้นนี้ก็จะตกเป็นของหมายเลข 78 แล้วนะครับ”
“ห้าสิบล้าน”
พนักงานเสนอราคาของหลี่โม่ชูป้ายแล้วเสนอราคาอีกครั้ง
“ดูเหมือนว่าหมายเลข 118 และหมายเลข 78 ของเรากำลังสนใจรายการเดียวกันครับ แล้วใครจะได้จี้หยกอันล้ำค่านี้ไปครอบครองต้องรอดูกันอีกทีนะครับ!”
พิธีกรพูดอย่างน่าสนใจ
ฮั่วเจี้ยนเฟิงรู้สึกโกรธมาก ถ้าตอนนี้คู่ต่อสู้ของเขาอยู่ตรงหน้า เขาคงต้องใช้มีดแทงคู่ต่อสู้ของเขาอย่างแน่นอน!
“บ้าจริง ใครกันแน่ ถึงกล้ามาเล่นราคากับเราแบบนี้!”
ฮั่วเจี้ยนเฟิงทุบโต๊ะด้วยความโกรธ จากนั้นหยิบอินเตอร์คอมแล้วตะคอกเสียงดัง “หก หกสิบล้าน! ตะโกนออกไปให้ดังที่สุด!”
ซึ่งเงินหกสิบล้านคือเส้นตายสำหรับฮั่วเจี้ยนเฟิงแล้ว ตามข้อมูลที่เขาสอบถามมา ผู้เชี่ยวชาญหลายคนก็ประเมินราคาไว้ที่ประมาณห้าสิบล้านเท่านั้น
เพื่อความสบายใจ ฮั่วเจี้ยนเฟิงจึงพยายามรวบรวมเงินเพิ่มอีกสิบล้านเพื่อนำมาใช้ในการประมูลครั้งนี้
ฮั่วเจี้ยนเฟิงคิดว่าถ้าหมายเลข 118 เป็นคนที่มีสติสัมปชัญญะและเข้าใจคุณค่าของจี้หยกชิ้นนี้ เขาจะไม่เสนอราคามากกว่าหกสิบล้านหยวนเพราะมันเกินมูลค่าของหยกชิ้นนี้ไปแล้ว
หลังจากเสนอราคาแล้ว ฮั่วเจี้ยนเฟิงรู้สึกอึดอัดและดึงเนกไทที่คอเสื้อเพื่อปรับให้หายใจได้ง่ายขึ้น
บนหน้าจอทีวี พนักงานเสนอราคาของฮั่วเจี้ยนเฟิงตะโกนเสนอราคาด้วยเสียงที่สุดแรงเกิด “หก! หกสิบล้าน!”
น้ำเสียง สำเนียงและความดังในการพูดของพนักงานล้วนเลียนแบบจากฮั่วเจี้ยนเฟิง เพื่อจะทำตามคำสั่งของเขา พนักงานคนนี้ได้ทุ่มเทอย่างเต็มที่
หลี่โม่ที่เห็นท่าทางของพนักงานคนนี้บนหน้าจอทีวีก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา ทำไมไอ้หมอนี่มันถึงตลกขนาดนี้
“ไม่รู้ว่าเป็นพนักงานเสนอราคาของใครนะ แต่ผมว่าน่าเสียดายจริงๆ ที่เขาไม่ได้ไปเป็นดาราตลก”
พิธีกรที่ได้ยินราคาหกสิบล้านหยวนนี้ก็ถึงกับหลั่งอะดรีนาลีนจำนวนมากทันที ความดันโลหิตของเขาพุ่งสูงขึ้นและผิวบนใบหน้าของเขาก็แดงระเรื่อ
ในฐานะผู้เป็นพิธีกรในการประมูล เขาจำเป็นต้องรู้รายละเอียดและมูลค่าของสินค้าทุกชิ้นที่นำมาประมูลอยู่แล้ว
ซึ่งขณะที่พิธีกรได้ยินว่าหยกแก้วสีเขียวชิ้นนี้ถูกเสนอราคาที่สูงกว่าตามมูลค่าของมัน ในใจของเขาก็เต็มไปด้วยความรู้สึกประสบความสำเร็จ
“หกสิบล้าน! ดูเหมือนว่าหมายเลข 78 ของเราจะมุ่งมั่นกับหยกแก้วอันล้ำค่าชิ้นนี้มากเลยนะครับ ถึงได้เสนอราคาสูงถึงหกสิบล้าน ยังมีแขกผู้มีเกียรติท่านใดสนใจจะเสนอราคาที่สูงกว่านี้ไหมครับ?”
“ยังมีไหมครับ? หยกชิ้นนี้เป็นหยกแก้วสีเขียวจากโบราณ ซึ่งหาไม่ได้จากที่ไหนอีกแล้วนะครับ เชื่อว่าราคาของมันจะสูงขึ้นเรื่อย ๆ ตามความต้องการของท้องตลาดอย่างแน่นอนครับ! และถ้าใครเก็บไว้ในการครอบครองก็จะเป็นการบ่งบอกถึงสถานะของตนด้วยนะครับ”
พิธีกรเริ่มเป่าหูให้กับผู้ประมูลเพื่ออยากได้ราคาที่สูงกว่านี้
แต่เมื่อต้องสู้กับเงินหกสิบล้าน คนรวยหลายๆ ต่างก็นั่งเงียบไม่ส่งเสียงใดๆ เพราะราคานี้มันเกินมูลค่าของหยกชิ้นนี้ไปแล้ว ถ้าหากไม่ใช่เหตุจำเป็นจริงๆ คงไม่มีใครยอมจ่ายราคาที่สูงกว่านี้อย่างแน่นอน
ฮั่วเจี้ยนเฟิงมองไปที่หน้าจอทีวีแล้วนั่งไขว้ขาจากนั้นหยิบบุหรี่ออกมาอย่างมั่นใจ
“อยากท้าทายกับกูมากนัก เก่งจริงมึงเสนอราคาที่สูงกว่านี้สิไอ้หมายเลข 118 ของชิ้นนี้ต้องเป็นของกูคนเดียวเท่านั้น!”
ฮั่วเจี้ยนเฟิงพ่นควันบุหรี่ออกจากปากแล้วหลับตาลง จากนั้นเขาจินตนาการว่าเขานำหยกอันล้ำค่าชิ้นนี้ไปให้กับกู้หยุนหลันในงานวันเกิดของเธอ มันเป็นฉากที่โรแมนติกและเขาทำให้กู้หยุนหลันประทับใจอย่างแน่นอน
หลังจากพิธีกรพูดอย่างสุดความสามารถแล้ว เมื่อเห็นว่าไม่มีใครชูป้ายขึ้นอีก เขาจึงหยิบค้อนไม้อันเล็กขึ้นมาด้วยความเสียดาย
“ยังมีท่านใดจะเสนอราคาที่สูงกว่านี้อีกไหมครับ ตอนนี้ราคาอยู่ที่หกสิบล้านหยวนของหมายเลข 78 นะครับ ผมจะนับหนึ่งถึงสาม ถ้าไม่มีคนชูป้าย หยกอันล้ำค่าชิ้นนี้ก็จะตกเป็นของหมายเลข 78 แล้วนะครับ”
พิธีกรหยุดไปสักพัก มือของเขาที่จับค้อนไม้อันเล็กก็บีบแน่นขึ้น
“หนึ่ง!”
“สอง!”
ก่อนที่พิธีกรจะนับถึงสาม พนักงานเสนอราคาของหลี่โม่ก็ชูป้ายแล้วตะโกนพูดอย่างกะทันหัน “เจ็ดสิบล้าน!”
“เจ็ดสิบล้าน! หมายเลข 118 เสนอราคาเจ็ดสิบล้านหยวนครับ!”
พิธีกรตะโกนอย่างตื่นเต้น
ฮั่วเจี้ยนเฟิงโยนก้นบุหรี่ลงพื้น “เชี่ย! หมายเลข 118 คือใครวะ! แกล้งกูชัดๆ!”
หลี่โม่ยิ้มและมองไปที่หน้าจอทีวี หลังจากที่ค้อนไม้ของพิธีกรทุบลงไป หลี่โม่ก็ลุกขึ้นยืนและเตรียมตัวออกจากห้อง
เสียงคมชัดของค้อนไม้ในมือพิธีกรทำให้ฮั่วเจี้ยนเฟิงโกรธจนไม่สามารถทนได้อีก
ดวงตาของฮั่วเจี้ยนเฟิงแดงก่ำ หลังจากนั้นเขาวิ่งออกไปจากห้องอย่างกะทันหัน เขารีบวิ่งไปที่หน้าประตูหมายเลข 118 แล้วเปิดประตูและตะโกนอย่างเสียงดังว่า “กูจะฆ่ามึง!”