ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง – บทที่ 504 ตกใจกลัว

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

บทที่ 504 ตกใจกลัว

บรรลุเซียนผ่านมาแปดร้อยสารท มิเคยใช้กระบี่เข่นฆ่าผู้ใด…นักพรตเฒ่าชิงกู่เอ่ยพึมพำกับตนเอง แสงจากคบเพลิงส่องสะท้อนใบหน้าเหี่ยวย่นของเขา ความตื่นเต้นส่องสว่างในดวงตาฝ้าฟาง

“บรรลุเซียนแปดร้อยสารท ท่านนักบวชท่านนี้เป็นบุคคลเมื่อแปดร้อยปีก่อน สวรรค์ทรงโปรด อายุยืนยาวกว่าต้าฟ่งเสียอีกไม่ใช่หรือไร”

“ทะ เทพเซียนแห่งยุคต้าโจว?”

“เทพเซียน เทพเซียนล่ะ…”

ทหารตัวสั่นเทาด้วยความตื่นเต้น พวกเขารู้อยู่แล้วว่าข้างใต้พระราชวังมีศพโบราณน่าสะพรึงกลัวถูกฝังไว้อยู่ รู้ว่าการล่มสลายของที่นั่นเกิดจากสงคราม และยังรู้ด้วยว่าเรื่องราวประหลาดที่เกิดขึ้น ณ ทะเลสาบหยางไป๋เมื่อยามอู่

ทั้งหมดนี้ พวกกงซุนซิ่วบอกกับพวกเขาตั้งแต่ตอนที่มาถึงแล้ว

ดังนั้นเมื่อได้ยินบทกวีดังกล่าว จึงไม่มีใครสงสัยในถ้อยคำโอ้อวดของชายในชุดสีดำ ทั้งยังปักใจเชื่อว่าเขาเป็นนักบวชพเนจรผู้ละทางโลก

กงซุนซิ่วรู้สึกไหวหวั่นเล็กน้อย ดวงไฟสีส้มย้อมใบหน้าของนางให้นวลผ่องอ่อนโยน เปลวเพลิงร่ายรำในดวงตาสีเข้ม นางจ้องมองแผ่นหลังของชายในชุดสีดำที่หายวับไป ไม่อาจถอนสายตา

หลังจากที่สวี่ชีอันลงมาจากภูเขาแล้ว เขาก็เดินวนรอบหุบเขา ลึกเข้าไปทางฝั่งตะวันตกของเทือกเขา เที่ยวเสาะหาหญ้าพิษอย่างไร้เป้าหมาย

การแสวงหาดอกไม้หรือหญ้าพิษเป็นพรสวรรค์ของตู๋กู่

แม้ว่าสวี่ชีอันจะไม่มีความรู้เรื่องยาพิษแม้แต่น้อย ทำได้เพียงอาศัยตู๋กู่ ปรับตัวเป็นส่วนหนึ่งของมันให้ได้ เขาก็จะได้รับความสามารถในด้านนี้จากตู๋กู่เอง

เขาใช้เวลาทั้งคืน เสาะหาหญ้าพิษได้สิบกว่าชนิด ระดับความร้ายแรงของพิษหนักเบาต่างกันไป หากพิษเบาหน่อย อย่างมากก็ทำให้คนอาเจียนหรือถ่ายท้อง หากพิษรุนแรงหน่อย ก็ทำให้ขาดใจตายได้

นอกจากนี้เขายังขุดพบงูพิษจำศีลและสกัดพิษของพวกมันได้เป็นจำนวนมาก

ยาพิษร้ายแรงที่หาซื้อได้ตามร้านขายยานั้นมีอยู่จำกัด ประเภทของสินค้าก็ซ้ำซากจำเจ ไม่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาตู๋กู่ เขาจึงถือโอกาสจากการเดินทางครั้งนี้ เก็บรวบรวมสารพิษบางส่วนจากสถานที่แห่งนี้ด้วย

หลังจากกลับไปแล้ว ก็ผสมเข้ากับกับพิษของศพโบราณ จนกลายเป็นสารพิษที่มีฤทธิ์ทำให้ขาดใจตายได้ เพื่อเป็นอาหารเลี้ยงตู๋กู่

นี่ทำให้ความสามารถของเขาเพิ่มขึ้นมาหลายส่วน ทำให้ต่อกรกับภยันตรายได้อย่างแข็งแกร่งยิ่งขึ้น

“ข้าว่าหากเป็นเช่นนี้ต่อไป ยุทธภพคงปรากฏนามสวีเชียน ยอดบุรุษสารพิษขึ้นมาก็ได้ ไม่แน่อาจจะติดหนึ่งในร้อยอันดับแรกของยุทธภพด้วย…”

บางทีอาจจะเป็นสวีเชียนจอมโจรกลีบผกา สวีเชียนสหายร่วมสาบาน สวีเชียนราชาสัตว์ร้ายก็ได้ สิ่งที่สวีเชียนทำ เกี่ยวข้องอะไรกับสวี่ชีอันคนนี้ด้วยหรือ

อย่างไรข้าก็ยังเป็นเทพผู้สถิตในดวงใจของชาวต้าฟ่งอยู่ดี

อืม เห็นทีคราวนี้คงจะทิ้งหุ่นเชิดที่ชื่อสวีเชียนตัวนี้ไปไม่ได้เสียแล้วสิ…เมื่อเก็บหญ้าพิษและพิษงูเสร็จแล้ว ก็มาถึงสระน้ำแห่งหนึ่ง ลงชำระล้างดินโคลนที่เปรอะเปื้อนร่างกายและเท้าของเขา

เขากลับมาที่โรงสุราก่อนรุ่งสาง ในโถงกว้างใหญ่ เสี่ยวเอ้อร์ประจำร้านงีบหลับอยู่ที่หน้าโต๊ะคิดเงิน น้ำร้อนที่ตั้งไว้บนเตาหลายเตาเดือดปุดๆ ถ่านใกล้มอดเต็มที

สำหรับโรงเตี๊ยมขนาดใหญ่เช่นนี้ การบริการน้ำอุ่นตลอดคืน เป็นบริการขั้นพื้นฐานในช่วงฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาว

เสี่ยวเอ้อร์ประจำร้านไม่รู้สึกตัวเลยสักนิดว่ามีเงาร่างหนึ่งเข้ามาโรงเตี๊ยมอย่างไร้สุ้มเสียง และตรงเข้าไปยังพื้นที่ครัว

สวี่ชีอันเดินไปตามทางเดินที่ทอดยาว ใบหูกระดิกครั้งหนึ่ง ได้ยินเสียงอันสุขสมของชายหญิงแว่วมา

เตียงส่งเสียงเป็นจังหวะเอี๊ยดอ๊าด เสียงลมหายใจกระเส่าของฝ่ายชาย และเสียงครวญครางของสาวเจ้าสอดประสานคละเคล้า

แหม ออกกำลังกายตั้งแต่ไก่โห่เชียว ยังเหลืออีกครั้งสองชั่วยามกว่าจะถึงรุ่งสาง…สวี่ชีอันบ่นพึมพำในใจ ขณะที่เดินมุ่งหน้าไปเรื่อยๆ ผ่านห้องที่มีเสียงฟังไม่ได้ศัพท์ลอยแว่วออกมา

จะว่าไป กู่กำบังกายและกู่เสน่ห์ดูจะเป็นเครื่องมือในฝันของจอมโจรกลีบผกาทีเดียว

สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกยินดีที่สละทิ้งตำแหน่งทหารชั้นต่ำ มาใช้ชีวิตเป็นจอมยุทธ์กำมะลอที่เจนโลก ฉาบฉวยในยุทธภพแทน

เมื่อเขาเดินมาถึงห้องริมสุด แสงไฟจากเปลวเทียนสว่างไสวก็ลอดผ่านรอยแยกของประตูออกมา

เอ๊ะ นางยังไม่นอนอีกหรือ

สวี่ชีอันเคาะประตู ในห้องไม่มีเสียงตอบรับ แต่สวี่ชีอันได้ยินเสียงดึงผ้าห่มขึ้นคลุมตัวเบาๆ พร้อมกับเสียงหัวใจที่เต้นโครมครามไม่เป็นจังหวะ

เขาเคาะประตูอีกครั้ง ภายในห้องก็ยังไม่มีเสียงตอบรับเช่นเดิม

ร่างของเขาสลายกลายเป็นเงาดำ ก่อนจะโผล่ออกมาจากเงามืดใต้โต๊ะ

ภายในห้องนอนที่อบอุ่นราวกับฤดูใบไม้ผลิ ถูกประดับตกแต่งอย่างหรูหรา บนเตียงขนาดใหญ่มีผ้าห่มคลุมอยู่ มู่หนานจือนอนขดตัว ดึงผ้าห่มขึ้นคลุมมิดศีรษะ ตัวสั่นงันงก

ไม่จริงน่า กลัวจนไม่ได้นอนทั้งคืนเลยหรือ ก็พอรู้ว่าเจ้าเป็นพวกขี้ขลาดกลัวผี แต่แบบนี้ก็ขี้กลัวเกินไปแล้ว…เดิมทีเขาเป็นคนที่ชอบแกล้งหญิงสาวอยู่แล้ว เมื่อเห็นท่าทางพระมเหสีไร้ทางสู้เช่นนั้น ก็ค่อยๆ เขยิบเข้าไปใกล้

ก่อนจะค่อยๆ ยื่นมือเข้าไปในผ้าห่ม

พระชายาเฝ้ามองร่องประตูอยู่ในผ้าห่ม ไม่ทันรู้สึกถึงฝ่ามือที่ยื่นเข้ามาในผ้าห่ม

จากนั้นนางก็กรีดร้อง เมื่อฝ่ามือเย็นเฉียบสัมผัสกับเอวบางของนาง ข้างหูได้ยินเสียงตะโกนดังขึ้น “แฮ่!”

“กรี๊ดดดดดด”

พระชายาสะดุ้งโหยงทั้งตัว ส่งเสียงกรีดร้องแหลมสูง

นางเหมือนศิษย์ไร้ฝีมือที่เพิ่งได้เรียนวรยุทธ์แมวสามขามา สองมือสองเท้าเตะต่อยเป็นพัลวัน ออกกระบวนท่าหมัดเมาใต้ผ้าห่ม ริมฝีปากบางแดงระเรื่อส่งเสียงโวยวายไม่หยุด

ทั้งๆ ที่เขาแตะเอวนางแล้วปล่อยไปแท้ๆ แต่นางทั้งถีบทั้งต่อยทั้งร้องโวยวายพักใหญ่ กว่าจะสงบลง

หลังจากนั้นเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะอันคุ้นเคยดังมาจากข้างเตียง นางก็โผล่หน้าไปมองทั้งน้ำตา สวี่ชีอันนั่งอยู่ข้างเตียง หัวเราะจนน้ำตาไหล

“ข้าจะฆ่าเจ้า!”

มู่หนานจือพุ่งตัวออกไปพร้อมกับน้ำตานองหน้า หมายจะฉีกฆ้องเงินสวี่เป็นชิ้นๆ

หลังจากเอะอะอยู่ครู่หนึ่ง ก็พบว่าพลังยุทธ์ของตนเทียบไม่ติดกับเป้าหมายตรงหน้า จึงห่อตัวเองในผ้าห่ม และหันหลังให้กับเขา นึกโกรธแค้นอยู่คนเดียว ในใจแช่งชักหักกระดูกไปด้วย

“นี่ เมื่อครู่ตกใจกลัวละสิท่า ข้าบอกแล้วอย่างไรเล่าว่าจะกลับมาก่อนรุ่งสาง มื้อเที่ยงพวกเรากินอะไรกันดี ฤดูนี้ของที่อร่อยที่สุดของยงโจว ก็ต้องเป็นปูทะเลสาบ” สวี่ชีอันพยายามผ่อนคลายบรรยากาศตึงเครียดด้วยการชวนคุย

นางโกรธจนไม่หันกลับมามอง

ผู้หญิงสายซึนเอาใจยากเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ไม่ต้องพูดถึงตอนที่นางรู้สึกขุ่นเคืองใจเลย แต่ทั้งสองคนไม่รู้เลยว่า ที่จริงแล้วการแกล้งหยิกเอวคอดกิ่วเมื่อครู่ ไม่ได้ทำให้เจ้าตัวรู้สึกตกใจกลัวแต่อย่างใด

สวี่ชีอันนั่งลงหลังโต๊ะหนังสือใหญ่ พลางครุ่นคิดถึงเรื่องการตามหาชีพจรมังกร ภายใต้แสงเทียนสว่างไสว

วัสดุของระฆังคุมวิญญาณนั้นรวบรวมไม่ได้ง่ายๆ ภายในระยะเวลาอันน้อยนิดไม่อาจรวบรวมส่วนประกอบอย่างอื่นได้เลย แค่เก็บรวบรวมเล็บมือและพิษจากศพโบราณได้ ก็ถือว่าปฏิบัติภารกิจสำเร็จลุล่วงไปแล้ว

ลำดับถัดมา เขาต้องมาพิจารณาว่าจะเก็บรวบรวมชีพจรมังกรได้อย่างไร

“ยงโจวเป็นหนึ่งในสิบสามมณฑลของต้าฟ่ง ต้องมีร่างพักพิงของชีพจรมังกรอย่างแน่นอน ทว่าเมืองยงโจวรวมถึงเมืองบริวารรอบข้างมีประชากรนับล้าน แม้ว่าตัวข้าจะเป็นเหมือนเรดาร์ขนาดเล็ก ก็ไม่อาจเดินสำรวจทุกตารางนิ้วของยงโจวได้

“อีกอย่าง ต่อให้จำเป็นต้องทำเช่นนั้นจริงๆ ก็เป็นอะไรที่โง่เง่าอย่างยิ่ง อีกทั้งประสิทธิภาพยังต่ำอีกด้วย เราต้องคิดหาวิธีที่ทุ่นแรงทุ่นเวลา…”

เขาคิดถึงศพโบราณในพระราชวังใต้ดินและตระกูลกงซุน หัวใจของเขาก็กระตุกเบาๆ ความคิดที่แสนคลุมเครือลอยวนอยู่ในหัว ทว่ายังไม่อาจก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างได้ในขณะนี้

ในตอนนี้เอง เขาก็ได้ยินเองลมหายใจราบเรียบลอยมา มู่หนานจือผล็อยหลับไปตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่ทราบ ลมหายใจสม่ำเสมอ หลับสนิทอย่างสบายใจ

ภายใต้แสงเทียน เขายิ้มด้วยใบหน้าอ่อนโยน

วันถัดมา

กงซุนซิ่วควบม้าเร็วห้อตะบึงกลับไปยังคฤหาสน์กงซุน ตรงไปยังเรือนที่กงซุนเซี่ยงหยางผู้เป็นบิดาอาศัยอยู่

กงซุนเซี่ยงหยางได้รับการยกย่องว่าเป็นทหารชั้นยอด เขาห่างไกลจากขั้นสี่เพียงแค่ก้าวเดียว ในแผ่นดินยงโจวแห่งนี้ เขาเป็นยอดฝีมือระดับต้นๆ

ว่ากันตามปกติ พื้นที่มลฑลหนึ่ง จะมีทหารขั้นสี่อยู่ประมาณสามถึงสี่คน อย่างไรเสียจากจำนวนประชากรนับล้านคน ณ ที่แห่งนี้ ที่ยงโจวเองก็มียอดฝีมือขั้นสี่อยู่บ้าง เพียงแต่เข้าไปรับใช้ราชสำนักเป็นขุนนางกันหมด

ทุกวันนี้ การเที่ยวรวบรวมพรรคพวกในยุทธภพ จะไปสู้อะไรกับการเป็นขุนนางได้

หากเป็นสถานที่ที่วิทยายุทธ์เฟื่องฟูอย่างเจี้ยนโจวก็ว่าไปอย่าง มิฉะนั้นจะเรียกเจี้ยนโจวว่าเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งยุทธภพได้อย่างไร

กงซุนเซี่ยงหยางผละออกจากหน้าท้องนิ่มนวลของอนุผู้งดงาม รับการปรนนิบัติอาบน้ำผลัดผ้าจากสาวใช้ ปีนี้เขาอายุสี่สิบสาม เป็นช่วงทองของชีวิตเลยก็ว่าได้

ปีนี้อนุสามคนให้กำเนิดบุตรชายได้สำเร็จ อนุที่อยู่บนเตียงก็เป็นอนุที่รับเข้ามาใหม่ อายุเพียงสิบแปดปี อ่อนกว่าลูกสาวสุดที่รักของเขาถึงสองปี

กงซุนเซี่ยงหยางตั้งใจจะทำให้นางตั้งครรภ์ให้ได้ภายในปีนี้ สำหรับตระกูลจอมยุทธ์นั้น หากเจ้าโลกยังใช้การได้ ก็จงอย่าลืมภารกิจสืบทอดเชื้อสายตระกูลต่อไป

เส้นทางวรยุทธ์นั้นต้องการคนมีความสามารถ ยิ่งมีจำนวนคนมาก อัตราที่อัจฉริยะจะปรากฏตัวก็เพิ่มมากขึ้นด้วย

ตระกูลที่ให้กำเนิดลูกแค่จำนวนหลักหน่วย สุดท้ายก็ต้องอ่อนแอลงในที่สุด

ยังไม่ทันจะอาบน้ำเสร็จ ก็เห็นลูกสาวสุดที่รักของตนวิ่งหน้าตั้งเข้ามาในเรือน

มาหยุดยืนเบื้องหน้าเรือน เอ่ยเสียงแผ่วเบาว่า “ท่านพ่อ เกิดเรื่องแล้วเจ้าค่ะ”

เขารู้ว่าเมื่อคืนลูกสาวของตนจัดแจงนำคนในตระกูลไปสำรวจสุสานใต้ดิน กงซุนเซี่ยงหยางคว้าผ้าเช็ดหน้าจากสาวใช้ ซับหน้าซับตา ก่อนจะก้าวออกจากห้องไป

กงซุนเซี่ยงหยางมองเห็นลูกสาวตัวเปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่น ก็ตกใจอย่างแรง “ซุนเอ๋อร์ เจ้า เจ้า…”

ผ่านไปเพียงคืนเดียว ลูกสาววัยยี่สิบปีดูซูบเซียวลงไปมาก ใบหน้าซีดขาว ดวงตาอิดโรย ไม่เหลือความสดใสร่าเริงที่เคยเป็นมา

“ลูกสูญเสียปราณโลหิตไปเป็นจำนวนมาก พักฟื้นสักช่วงหนึ่งก็ดีขึ้นแล้วเจ้าค่ะ” กงซุนซิ่วกล่าว

ใบหน้าของกงซุนเซี่ยงหยางมืดครึ้มลงชั่วขณะ พลางมองสำรวจลูกสาวตั้งแต่หัวจรดเท้า เมื่อเห็นว่านางไม่ได้รับบาดเจ็บ ก็ถอนหายใจเบาๆ อย่างโล่งอก กดเสียงต่ำกล่าวว่า

“สถานการณ์ในสุสานเป็นอย่างไรบ้าง มีคนของตระกูลเราบาดเจ็บล้มตายหรือไม่”

“นี่ล่ะเหตุผลที่ลูกต้องกลับมา พูดคุยกันที่นี่ไม่ค่อยเหมาะสมนัก ท่านพ่อ ไปที่ห้องหนังสือเถิดเจ้าค่ะ” กงซุนซิ่วกล่าว

…………………………………………………..

………………………………………………………

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

Status: Ongoing
ตั้งแต่ข้ามเวลามาเขาตั้งใจว่าจะใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในสังคมที่ไร้ซึ่งคำว่า ‘สิทธิมนุษยชน’ นี้ แต่ทำไมเขาถึงต้องเข้ามาพัวพันกับเรื่องการเมือง และอำนาจลึกลับที่อยู่เบื้องหลังราชวงศ์ต้าฟ่งแห่งนี้ด้วย!Top 5 นิยายยอดนิยมในเว็บจีนต่อเนื่อง 10 เดือน! นิยายแปลจีน สืบสวน ไขคดี ใช้ความรู้ยุคปัจจุบันผสมกับแอ็คชั่นกำลังภายในสวี่ชีอัน อดีตนายตำรวจรุ่นใหม่ตัดสินใจลาออกจากอาชีพข้าราชการเพื่อออกไปทำธุรกิจของตัวเอง แต่ดันต้องมาจบชีวิตลงด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง เขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งแล้วพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในห้องขัง ในร่างของใครอีกคน…หลังจากทบทวนความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม เขาตระหนักได้ว่าตัวเองกลับมาเกิดใหม่ในร่างของทหารหนุ่มที่กำลังต้องโทษ และถูกคุมขังเพื่อรอการลงทัณฑ์!แม้ว่าเขาจะยังมึนงงกับเรื่องอัศจรรย์ที่เกิดขึ้น แต่ความจริงที่ว่าเขาเหลือเวลาอีกไม่มากในการใช้ชีวิตที่สองซึ่งพระเจ้าเมตตาประทานให้ ผลักดันให้เขาต้องทำอะไรสักอย่าง…ภายในคุกหลวง สวี่ชีอันต้องงัดเอาทุกกลยุทธ์ในการสืบสวนและไขคดี เพื่อเอาตัวรอดจากวิกฤติครั้งใหญ่นี้ให้ได้!และนับตั้งแต่ที่ข้ามเวลามา สวี่ชีอันต้องเผชิญกับวิกฤติต่างๆ ต้องอาศัยความสามารถในการไขคดีและการปรับตัวที่ยอดเยี่ยม รวมถึงโชคดีที่มักจะเข้ามาได้ถูกจังหวะเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายครั้งแล้วครั้งเล่า…แต่เดิมจุดประสงค์ในการมีชีวิตอยู่ในยุคโบราณแห่งนี้ของเขาคือการปกป้องตัวเอง และใช้ชีวิตสบายๆ แบบเศรษฐีในยุคสังคมศักดินาที่ไร้ซึ่งคำว่าสิทธิมนุษยชนเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าโชคชะตาจะนำพาให้เขาต้องเข้าไปพัวพันกับอำนาจขององค์กรลับ และความลับของราชวงศ์ต้าฟ่งที่อาจมีเพียงคนผู้เดียวที่กุมความลับนี้เอาไว้!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท