บทที่ 2 ตอนที่ 10
『มาสเตอร์ ไบคอร์น 2 ตัวตรงไปทางนั้นแล้วค่ะ!』
『ทางนี้ยูคิฮะ! จำนวนของออคเกินกว่า 20 ไปแล้ว! กำลังเสริมของออคมีมาไม่หยุดเลย!』
『ทางนี้เร็นกะ! เจอไอ้เจ้าหมูป่าแล้ว! เข้าทำการจัดการ!』
『รับทราบ! ไบคอร์นเดี๋ยวทางนี้จะรับมือเอง! ยูคิกับเอลิซ่าฝากช่วยหยุดออคที! เร็นกะหลังจัดการบอร์ออคเสร็จแล้วให้ไปสนับสนุนพวกยูคิด้วย』
เช้าวันรุ่งขึ้น
พวกเราเริ่มทำการสำรวจต่อในตอนเช้าตรู่ และก็ต้องเจอเข้ากับการต่อสู้ครั้งแล้วครั้งเล่า
ภายในเขาวงกต ด้วยปัจจัยอะไรหลายๆอย่างรวมเข้าด้วยกัน ในบางครั้งก็จะมีมอนสเตอร์จำนวนมากกว่าปกติหลายเท่าโผล่ขึ้นมา
โดยทั่วไปแล้ว ว่ากันว่าอัตราที่มอนสเตอร์ปรากฏภายในเขาวงกตนั้นจะตายตัว แต่ถ้าหากมีนักผจญภัยจำนวนมากบุกเข้าไปในชั้นเดียวกันพร้อมๆกัน หรือเกิดการ์ดลอสจำนวนมาก มันจะเป็นเหมือนการมอบ『สารอาหาร』ให้แก่เขาวงกต แล้วอัตราการปรากฏของมอนสเตอร์จะถูกเร่งขึ้น
พวกมอนสเตอร์ที่ถูกเพิ่มขึ้นมา จะกลับคืนสู่จำนวนปกติด้วยการฆ่ากันเองโดยที่มนุษย์ไม่ต้องทำอะไร แต่ถ้าหากมีใครก้าวเท้าไปสู้ชั้นนั้นก่อนที่จะลดจำนวน คนๆนั้นก็จะถูกจู่โจมโดยศัตรูกลุ่มใหญ่แบบไม่ทันตั้งตัว
นักผจญภัยจะเรียกชั้นที่มีเหล่ามอนสเตอร์ปรากฏเกินกว่าปกตินี้ว่า มอนสเตอร์เฮาส์(Monster House) บางครั้งมันก็ถูกเกลียด แต่บางครั้งก็ถูกนำไปใช้ประโยชน์
ในคราวนี้ ผมก้าวสู่ชั้นนี้โดยที่รู้ว่ามอนสเตอร์เฮาส์ได้ถูกสร้างขึ้นแล้ว
เนื่องจากกำลังรบหลักถูกกับดักได้รับความเสียหายมาก ทำให้ต้องล่าถอยกลับโดยใช้การ์ดแรร์ระดับต่ำสละทิ้งจำนวนมาก นี่คือสิ่งที่นักผจญภัยที่เจอเมื่อคืน—-อาโอกิซังบอกมา
มอนสเตอร์เฮาส์ตามปกติแล้วเป็นอะไรที่ยุ่งยาก แต่มันก็ไม่ได้แย่ไปทั้งหมด
อย่างน้อยมันก็มีข้อดีอยู่ 2 อย่าง
「มาสเตอร์ กลุ่มแขกมาถึงกันแล้วน้า」
「เข้าใจแล้ว จะใช้ซิงโครล่ะนะ」
ซุซูกะที่อยู่เป็นคนคอยคุ้มกันผม บอกการมาถึงของศัตรู
เมื่อได้ยินที่พูด ผมก็เริ่มทำการผสานตัวเองกับเธออย่างเงียบๆ
ตัวผม อัตราที่สามารถดึงศักยภาพของเธอขึ้นผ่านการซิงโครมาได้นั้น มีไม่มาก
ทักษะของลิงค์ซึ่งรวมไปถึงซิงโคร ตัวความชำนาญและความผูกผันของการ์ดจะมีผลกระทบอย่างมาก
ได้ยินมาว่าถ้าเป็นผู้เชี่ยวชาญแล้ว สามารถใช้ฟูลซิงโคร(Full Synchro)(อัตราการซิงโคร 99%) กับการ์ดที่เพิ่งซื้อมาได้เลย แต่สำหรับผมในตอนนี้ แม้แต่กับซุซูกะที่ตั้งชื่อให้ ยังทำได้แค่ประมาณ 60%
ทันทีที่การซิงโครสมบูรณ์ ไบคอร์น 2 ตัวก็แหวกฝ่าต้นไม้ต้นเล็กโผล่ออกมาจากในป่าลึก
ด้วยขนสีดำที่กลมกลืนไปกับความมืดตอนกลางคืน ลำตัวขนาดใหญ่ที่ราวกับหลุดออกมาจากโลกของมังงะกับความสูงเกินไปกว่า 2 เมตร ที่หัวมีเขาคล้ายของแพะงอกอยู่ 1 คู่
ขนาดใหญ่กว่าพวกเรา 2 เท่า จำนวนเองก็มากกว่า 『ผม/ซุซูกะ』ผ่อนคลายพละกำลังแล้วทำการตั้งท่าอย่างสงบ
แม้ว่าจะเป็นสกิลศิลปะการต่อสู้เหมือนกัน แต่ของเอลิซ่าจะเน้นไปทางศิลปะการต่อสู้ประเภทใช้แรงปะทะ ส่วนซุซูกะจะเน้นไปทางศิลปะการต่อสู้แบบยิวยิตสูและไอคิโด
ไม่เกี่ยงว่าสเตตัสจะต่างกันมากขนาดไหนก็ตาม กับศัตรูที่มีร่างใหญ่ใช้แค่กำลังพุ่งเข้ามาโดยไร้ซึ่งทักษะใดๆ ก็ไม่มีอะไรที่ต้องกลัวเลย
ถ้าจะให้กลัวก็คงต้องเป็น…..
「…..!」
ชั่วขณะที่เขาอันดูชั่วร้ายของไบคอร์นส่องแสงสลัว 『ผม/ซุซูกะ』ทำการหลบฉาก
แล้วในจุดที่ผมยืนอยู่ก่อนหน้า ก็ได้มีหอกสายฟ้าพุ่งผ่าน
ในขณะที่ยูนิคอร์นเชี่ยวชาญด้านการรักษาและสนับสนุนแล้ว ไบคอร์นจะเป็นเผ่าที่เชี่ยวชาญด้านการทำลายล้างและคำสาป
กับเวทมนตร์โจมตี แม้แต่ศิลปะการต่อสู้ของซุซูกะก็ไม่สามารถป้องกันได้
ไม่มีทางเลือกนอกจากมองให้ออกแล้วหลบ
ราวกับว่าอาศัยประโยชน์ที่ทางเราหลบการโจมตีสายฟ้าไปได้ ไบคอร์นอีกตัวก็ทำการพุ่งเข้ามาใส่ในช่วงเวลาที่ไม่พึงประสงค์
คาดการณ์แล้วว่าไม่สามารถหลบไปได้ 『ผม/ซุซูกะ』ทำการโจมตีไปซึ่งๆหน้า
ไบคอร์นหักตัวหลบ พยายามใช้กีบเท้าหนาๆเข้าเหยียบ
ในตอนที่ม้าขนาดใหญ่กว่า 2 เมตรหักเลี้ยว มันก็ราวกับว่าจู่ๆก็มีกำแพงมาก่อตัวขึ้นตรงหน้า
ก้าวข้ามความกลัวที่ก่อขึ้นมาเล็กน้อย 『ผม/ซุซูกะ』คว้าไปที่ข้อเท้าของไบคอร์นแล้วกระแทกฝ่ามือไปที่ข้อต่อ
ด้วยพละกำลังของยักษ์กับหลักการของคันโยก ขาขวาที่ใหญ่หนาของไบคอร์นก็หักออกราวกับกิ่งไม้แห้ง
กับไบคอร์นที่ล้มลงพร้อมกับร้อง ใช้ดาบมือเล็งไปที่ลำคอเพื่อจะตัดเส้นเลือดใหญ่—-ในขณะนั้นเอง
มีบางอย่างส่องแสงอยู่ตรงมุมสายตา
แย่แล้ว…..! ก่อนหน้าที่จะคิดอะไรได้ ใยแมงมุมเรืองแสงสีขาวจำนวนนับไม่ถ้วน เข้ามาพัวพันกับ『ผม/ซุซูกะ』ไว้
เวทมนตร์สถานะผิดปกติขั้นกลาง เมจิกเว็บ(Magic Web)
ขณะที่『ผม/ซุซูกะ』ตัวชาขยับไม่ได้ เขาของไบคอร์นที่ล้มลงอยู่ก็ได้เปล่งแสงสลัว
แย่ล่ะ! มาแล้ว!
ใช้แขนไขว้กัน -กึด-แล้วเตรียมรับมือ
ด้วยการถ่ายทอดพลังงานมาจากทางฝั่งมาสเตอร์ พลังต่อสู้ของซุซูกะยิ่งเพิ่มมากขึ้นไปอีก
เป็นการเสริมพลังที่ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย น่าจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้นบ้าง
พอไบคอร์นได้เห็น『ผม/ซุซูกะ』ที่เป็นแบบนั้น ก็ราวกับว่ามันหัวเราะใส่
-กึก- แล้วไบคอร์นก็หันหน้าไปอีกทาง
ที่อยู่ปลายทางนั้นคือ『ผม/มาสเตอร์』ที่ไร้ซึ่งการป้องกัน
แย่, แล้ว…..!
สายฟ้าถูกปล่อยออกจากตัวไบคอร์นทำเอาทัศนวิสัยของผมกลายเป็นแสงสีขาว—-ก่อนหน้านั้นเสี้ยวหนึ่ง
「กรรรรร!」
จู่ๆเงาสีดำก็ร่วงลงมาบังด้านหน้าของผม
เงานั้นสามารถป้องกันสายฟ้าเอาไว้ได้ทั้งหมด จากนั้นจึงลอยพุ่งไปทางไบคอร์นที่ล้มลงอยู่ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
「…..ดราโกเน็ต!」
「กกกรู!」
นั่นคือมังกรขนาดเล็กที่มีความสูงประมาณ 3 เมตร ด้วยลำตัวที่ราวกับว่าเป็นกิ้งก่าขนาดใหญ่ ห่อหุ้มด้วยเกล็ดและมีปีกค้างคาว พร้อมเขี้ยวและกรงเล็บอันแหลมคม เป็นมังกรตามแบบมาตรฐานที่คนญี่ปุ่นรู้จัก—-นั่นก็คือดราโกเน็ตล่ะ
พรรคพวกใหม่ที่ปกป้องผมจากการโจมตีสายฟ้าและเพิ่งจะขย้ำคอของไบคอร์นไป กำลังสยายปีกออกราวกับแสดงความภาคภูมิใจในความสำเร็จ
แบบนี้แล้วไม่ยอมแพ้หรอก…..!
ความคิดของผมกับซุซูกะกลายเป็นหนึ่งเดียวกัน ทำให้การซิงโครยิ่งลึกมากขึ้นไปอีก
60%, 65%, 68% 70%….. อารมณ์ที่พุ่งขึ้นชั่วคราวทำให้อัตราการซิงโครเพิ่มมากขึ้นไปกว่าตอนปกติ
ใช้พละกำลังทั้งหมดฉีกเมจิกเว็บออกแล้ว『ผม/ซุซูกะ』ก็ทำการกระโจนเข้าใส่ไบคอร์นอีกตัว
ราวกับเพื่อจะขัดขวาง เขาของไบคอร์นก็ส่องแสง
ที่ถูกปล่อยออกมาคือ—-พายุน้ำแข็งที่โหมกระหน่ำ เวทมนตร์โจมตีขั้นกลาง, บลิซซาร์ด(Blizzard)
ภายในพายุน้ำแข็งที่ไม่สามารถหลบหนีได้ 『ผม/ซุซูกะ』ทำการฝ่าและเข้าไปใกล้ไบคอร์นขณะที่ร่างกายกำลังถูกฉีกกระชาก
ทางอีกฝ่ายเองก็เช่นกัน ตรงมาหาทางนี้ด้วยการกระโจนเข้าสู่บลิซซาร์ดที่ตัวเองเป็นผู้ปล่อยออกมา
เป็นการโจมตีแบบไม่คิดชีวิต คงจะคิดว่าเป็นหนทางเดียวจึงเตรียมตัวที่จะรับความเสียหายแล้วเล็งไปที่การแลกการโจมตีกัน
มีเงาหนึ่งพุ่งเข้าใส่จากทางด้านข้างร่างกายใหญ่โตของไบคอร์น
ทำได้ดีมาก! ดราโกเน็ต!
ขณะที่กล่าวชมน้องใหม่ที่ทำได้ดีมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้ ก็ได้ใช้พละกำลังจากทั่วร่างแล้วปลดปล่อยมือเข้าใส่อกของไบคอร์น
-ซวบ- 『ผม/ซุซูกะ』สอดต้นแขนเข้าไป แล้วคว้านเอา『สิ่งนั้น』ออกมา
-ตึกตัก ตึกตัก- 『สิ่งนั้น』กำลังเต้นเป็นจังหวะ ทำการขยี้มันให้อีกฝ่ายได้เห็น
ราวกับว่าเป็นการทำให้มันหยุดนิ่ง ไบคอร์นส่งเสียงโหยหวนแล้วค่อยๆหายไป
『ทางนี้เร็นกะ จัดการบอร์ออคและออคเสร็จแล้ว!』
『ทางนี้เมอา! ไม่มีวี่แววกำลังเสริม! การต่อสู้จบแล้ว!』
ในขณะเดียวกัน รายงานจากเหล่าการ์ดอื่นก็ทยอยเข้ามา
「ฟู่~~~~」
เมื่อได้ยินแบบนั้น ผมก็ออกจากการซิงโครกับซุซูกะ ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วนอนแผ่ไปบนพื้น
อา~ เหนื่อยจริงๆ
รู้สึกเหมือนว่าสู้ไปได้ 1 ชั่วโมงตั้งแต่ที่ลงมาในชั้นนี้
จำไม่ได้ว่าจัดการไปเท่าไหร่แล้ว
การใช้งานลิงค์อย่างต่อเนื่องทำเอาหัวมันร้อนไปหมด
ปล่อยความคิดให้หัวเย็นลงท่ามกลางสายลมตอนกลางคืน
「ขอบคุณสำหรับการทำงานหนักค่ะ มาสเตอร์!」
ที่เรียกผมด้วยเสียงแหบเสน่ห์โทนต่ำ ก็คือดราโกเน็ตที่เพิ่งเข้ามาเป็นพวกได้เมื่อวาน
-ชิ้ง- ท่าทีที่นั่งตัวตรงแล้วจ้องมองมาทางนี้ ทำเอานึกถึงสุนัขทหารที่ถูกฝึกมา
「โอ้ ดราโกเน็ต เธอเองก็เหนื่อยหน่อยนะ ขอบใจมาก ช่วยไว้ได้มากเลย」
「คะ! เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับคำชมคะ!」
ดราโกเน็ตสยายปีกออก บางทีคงจะใช้แทนการทำความเคารพ
อันที่จริง น้องใหม่คนนี้ก็พยายามทำได้ดีอย่างเต็มที่
กับดราโกเน็ตตัวนี้ เพราะว่าเพิ่งจะเข้าร่วมก็เลยยังไม่สามารถใช้งานลิงค์ได้
ไม่สิ แทนที่จะบอกว่าไม่สามารถใช้ได้ ควรจะบอกว่าไม่อยากที่จะใช้งานมากกว่า
ลิงค์นั้น คือเทคนิคที่ใช้เชื่อมต่อจิตใจและความรู้สึก เพราะแบบนั้น การลิงค์กับการ์ดที่มีความผูกพันสูง จะมอบความรู้สึกน่าพึงพอใจที่คล้ายกับความอิ่มเอิบหรือสำนึกความเป็นเจ้าของให้แก่การ์ด แต่ถ้าเชื่อมต่อลิงค์กับการ์ดที่มีความผูกพันต่ำแล้ว จะเป็นการมอบความรู้สึกที่ไม่สบายและน่ารังเกียจอย่างรุนแรงแก่การ์ด
ด้วยเหตุนี้ ถ้าหากว่ามีความผูกพันกันในระดับหนึ่งแล้ว จะเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์กับอีกฝ่ายให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น แต่ถ้าหากเชื่อมต่อลิงค์ทั้งๆที่ยังไม่ถึงระดันนั้นแล้ว จะทำให้ความผูกพันค่อยๆลดลง จนท้ายที่สุดก็จะได้รับสกิลประเภทต่อต้านอย่าง『ปิดกั้นจิตใจ』มา
สำหรับกราดิเอเตอร์ที่ใช้งานการ์ดในลักษณะใช้แล้วทิ้งเป็นกิจวัตร ดูเหมือนว่าแม้จะเป็นการ์ดใหม่เอี่ยม ก็ยังจะใช้งานลิงค์ไป แล้วพอจบการแข่งขันก็ทำการขายมันทิ้งในทันที แต่สำหรับผมแล้วทำไม่ได้หรอก มันไม่ใช้นิสัยของผม
ยิ่งดูจากรูปการณ์ ดราโกเน็ตตัวนี้ที่มีสกิลร่วงหล่นก็ยิ่งต้องได้รับความผูกพันมากยิ่งกว่าการ์ดอื่น
เพราะแบบนั้น จึงวางแผนที่จะค่อยๆสร้างความสัมพันธ์ไปอย่างช้าๆโดยที่ไม่ใช้ลิงค์ไปก่อนซักพัก
ถึงแม้จะเป็นใบเดียวที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มพรรคพวก แต่ดราโกเน็ตเองก็พยายามสู้อย่างหนักแม้จะมีพลังต่อสู้ที่ต่ำก็ตาม
อย่างตอนก่อนหน้านี้ ที่ป้องกันการโจมตีโดยตรงให้ผม และช่วยซุซูกะในการปิดฉาก
ผมได้ขอให้ตัวดราโกเน็ตบินไปรอบๆ และคอยสนับสนุนการ์ดอื่นๆในตอนที่คิดว่าจำเป็น
พูดอีกอย่างก็คือ ขอให้ดำเนินการไปตามวิจารณญาณของตัวเอง แต่ดูเหมือนว่าจะได้ผลดีเกินคาด
ลักษณะนิสัยและวิธีการต่อสู้ของการ์ดนั้น เป็นสิ่งที่ไม่สามารถตัดสินได้จากเพียงการมองดูสเตตัสของการ์ดอย่างเดียว
หากเป็นในแง่นั้นแล้ว ดราโกเน็ตใบนี้ก็ถือได้ว่ามีค่าเกินไปกว่าพลังต่อสู้ที่มีเลยทีเดียว
เจ้าพลังต่อสู้ที่ต่ำอันนี้เองก็ค่อยๆเพิ่มขึ้นด้วย
เพียงแค่วันแรกที่มาเข้าร่วม พลังต่อสู้ก็เพิ่มขึ้นมาแล้วถึง 20
นี่ก็คือ 1 ในข้อดีของมอนสเตอร์เฮาส์
มอนสเตอร์เฮาส์นั้น มีสนามพลังพิเศษที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้กำเนิดมอนสเตอร์จำนวนมากมารวมตัวกันอยู่ในที่เดียว ในขณะที่มันมีความสามารถในการเพิ่มพลังต่อสู้ให้กับมอนสเตอร์ในเขาวงกตแล้ว ยังเพิ่มค่าประสบการณ์ที่ได้รับจากมอนสเตอร์แต่ละตัวนั้นด้วย แถมยังช่วยให้ค่าประสบการณ์แก่การ์ดเล็กน้อยโดยเพียงแค่เข้าไปอยู่ภายในมอนสเตอร์เฮาส์อีกด้วย
พูดอีกอย่างคือ มอนสเตอร์เฮาส์ก็เหมือนกับสถานที่ฝึกฝนอย่างหนึ่ง
แล้วก็ยังมีข้อดีของมอนสเตอร์เฮาส์อีก 1 อย่าง
『มาสเตอร์ เจอกล่องน่าผิดหวังแล้ว! ดูเหมือนจะโผล่มาระหว่างการต่อสู้เมื่อกี้นี้!』
มันก็คือสิ่งนี้ เมื่อจัดการศัตรูไปได้จนถึงจำนวนหนึ่งก็จะมีกล่องนาผิดหวังปรากฏออกมา
โดยทั่วไปในการสำรวจเขาวงกต กล่องน่าผิดหวังจะโผล่ออกมาภายในเขาวงกตรูปแบบห้องเล็กในชั้นใต้ดินเท่านั้น แต่ในมอนสเตอร์เฮาส์ กล่องน่าผิดหวังจะปรากฏออกมาเมื่อจัดการศัตรูได้ถึงจำนวนหนึ่ง
เนื่องจากของที่อยู่ภายในนั้นสุ่ม มันจึงไม่ค่อยคุ้มค่าที่จะสร้างมอนสเตอร์เฮาส์ขึ้นมาด้วยตัวเอง แต่ก็ถือว่ารู้สึกดีที่กล่องสมบัติมันการันตีที่จะปรากฏออกมา
ผมกับซุซูกะขึ้นขี่หลังดราโกเน็ตแล้วพยายามบินขึ้นไปบนฟ้า
「อุ!? น-นี่มัน…..」
ในตอนนั้นเอง ก็รู้สึกได้ถึงปัญหาที่คาดไม่ถึง
อย่างแรกเลย การขึ้นขี่ดราโกเน็ตมันรู้สึกไม่ค่อยสบายแบบคาดไม่ถึง
เกล็ดมัน-จึกจึก-จิ้มมาที่ขาหนีบกับต้นขาทำให้รู้สึกเจ็บเล็กน้อย วันนี้คงต้องอดทนไปก่อน แต่ดูท่าคงไม่มีทางเลือกแล้วต้องไปหาซื้ออานง่ายๆมาสวมซะแล้ว
เอาเถอะ เรื่องนั้นมันไม่เป็นอะไรหรอก แต่ปัญหาอีกอย่างก็คือความรู้สึกที่มาจากทางหลังนี่สิ
ใช่แล้ว สิ่งนั้นนั่นแหละ -ดึ๋งดึ๋ง- ไอ้ความรู้สึกที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนกำลังส่งผ่านมาทางหลัง แถมด้วยกลิ่นหอมอีก…..
พอเหลือบตาไปมอง ก็ผสานตาเข้ากับซุซูกะที่กำลังหรี่ตาด้วยความซุกซนอยู่
「หืม? เป็นอะไรเหรอ~? มาสเตอร์?」
「ม-ไม่มีอะไรหรอก ดราโกเน็ต บินไปหากล่องน่าผิดหวังเลย!」
「รับทราบแล้วค่ะ!」
「ฟุฟุฟุ…..」
เห็นได้ชัดว่าเธอรู้ความคิดข้างในของทางนี้จึงมีท่าทางดูสนุก ผมหันกลับมาด้านหน้าอย่างเร่งรีบแล้วออกคำสั่งดราโกเน็ตเป็นการกลบเกลื่อน
ดราโกเน็ตตอบรับคำสั่ง ทำการออกวิ่งเล็กน้อยแล้วกระโดดขึ้น
ในช่วงเวลานั้นเอง ทั้งความเจ็บที่ต้นขาและความรู้สึกที่หลัง ทุกอย่างถูกลืมหายไปจนหมด
「สวดยอดด…..! ผม, กำลังบินอยู่บนฟ้าจริงๆ…..!」
แค่ชั่วพริบตาพิ้นดินก็อยู่ห่างไปไกล ลมแรงเข้ามาปะทะกับใบหน้า
ในตอนที่ลิงค์กับเร็นกะเคยคิดว่าได้มีความรู้สึกในการบินบนท้องฟ้าอะไรแบบนั้นไปแล้ว
แต่ว่าพอได้มาบินบนฟ้าด้วยร่างกายตัวเองจริงๆ มันกลับแตกต่างไปจากลิงค์โดยสิ้นเชิง…..หรือให้พูดคือเป็นเรื่องของความรู้สึก
ความรู้สึกของสายลมที่ตัดผ่านไปทั่วร่างกาย ความรู้สึกที่ข้างในมันบีบอัดเข้าเรื่อยๆเมื่อพื้นดินค่อยๆห่างออกไป ถึงแม้ว่าจะเป็นเขาวงกตที่ได้สำรวจไปแล้วหลายต่อหลายครั้ง การได้มองลงมาดูป่าตอนกลางคืนจากด้านบนกลับทำให้มันแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง พอเงยหน้ามองดูท้องฟ้าก็สามารถเห็นดวงดาวในท้องฟ้ายามราตรีที่แลดูกว้างและใกล้กว่าปกติ มันสร้างภาพลวงราวกับว่าผมได้แหวกว่ายอยู่ในทะเลแห่งดวงดาว
นี่มัน ดูจะเสพติดได้เลยนะเนี่ย…..
แต่ช่วงเวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว
แค่ชั่วพริบตา พวกเราก็ได้มาถึงกล่องน่าผิดหวังแล้ว
เหล่าการ์ดใบอื่นก็มาถึงกันแล้วด้วย
พอพวกเราลงพื้น เอลิซ่าเป็นคนแรกที่เข้ามารับ
「มาสเตอร์ ขอบคุณสำหรับการลงแรง นี่คะ…..」
พอพูดจบเธอก็ยื่นของต่างๆที่ดรอปมาในการต่อสู้ครั้งนี้
การ์ดบอร์ออค 2 ใบ, ไบคอร์น 1 ใบ, เกรมลิน 1 ใบ, หินเวทอีกจำนวนมาก เยอะน่าดู
แต่ว่า…..
「มีเกรมลินด้วยงั้นเหรอ โชคดีไปที่ผมไม่ได้ไปเจอเข้า」
พอได้เห็นภาพของปีศาจน่าเกลียดตัวเล็กบนการ์ดแล้ว -โฮ่-ก็รู้สึกโล่งอก
การ์ดแรงค์ E เกรมลิน, เป็นการ์ดที่ถูกเกลียดอย่างที่สุดในหมู่นักผจญภัย
ความแย่ของมันถูกกระตุ้นมากขึ้นจากการที่มันสามารถปรากฏตัวได้ทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นเขาวงกตประเภทไหนหรือความลึกเท่าใด
กับมอนสเตอร์ทั่วไปที่จะปรากฏตัวในชั้นโดยยึดเอาตามความแข็งแกร่ง….. หยั่งกับว่าเป็นแมลงสาปจริงๆ
ในขณะที่คาบังเคิลเองก็ปรากฏตัวได้ทุกชั้นโดยไม่สนความแข็งแกร่งเช่นกัน แต่ทางนั้นถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี
ผมรู้สึกขอบคุณความโชคดีเล็กๆที่ทำให้ไม่ต้องมาเจอกับแมลงสาป แล้วหันความสนใจไปทางกล่องน่าผิดหวัง
เอาล่ะ ได้เวลาสนุกแล้ว
「เอลิซ่า ฝากด้วย」
「เยส, มาสเตอร์」
เอลิซ่าพยักหน้าพร้อมตอบกลับด้วยประโยคเดียวกันกับตอนที่เป็นกูล แล้วเริ่มทำการปลดกับดักด้วยการเคลื่อนไหวที่ไหลลื่นมากกว่าแต่ก่อน
หลังจากผ่านไปไม่ถึง 1 นาที -กริ๊ก- ก็มีเสียงนั้นดังให้ได้ยิน
แน่นอนว่าในตอนนี้เธอไม่มีทางที่จะทำพลาดแล้ว
เอาล่ะ มีอะไรอยู่ข้างในกัน? ทำการมองไปในกล่องน่าผิดหวังโดนที่ไม่คาดหวังอะไรนัก
『เอ๋…..!』
ช่วยไม่ได้ที่พวกเราจะอุทานด้วยความตกใจกัน
ภายในกล่องนั้น คือลูกแก้วสกิลที่กำลังส่องแสงสีเหลืองอยู่
สีเหลืองบ่งบอกถึงสกิลทางด้านเทคนิค เมื่อเทียบกับอุปกรณ์เวทราคาแพงระดับกลางๆแล้ว นับได้ว่าถูกรางวัลอย่างน่าดีใจ
「ทำได้แล้วนะคะ! ของดีล่ะ นายท่าน!」
「อ-โอ้」
แม้จะสับสนกับโชคดีที่คาดไม่ถึง แต่ก็เรียกคืนสติแล้วมาคิดเรื่องที่จะนำไปใช้กับใครดี
ด้านเทคนิค โดยทั่วไปแล้วไม่ว่าใครก็ถือว่าเป็นประโยชน์ กับไพ่ตายอย่างเร็นกะ, เอสอย่างเอลิซ่า, หรือไม่ก็นำไปใช้เพิ่มความสามารถให้กับเหล่าแรงค์ D ก็ได้
หลังจากคิดดูแล้ว ผมก็ตัดสินใจใช้กับเอลิซ่า
เธอมีสกิล『เอนกประสงค์』ที่สามารถพัฒนาด้านเทคนิคได้ ไม่มีทางที่จะเสียเปล่า
「โย้ช เอลิซ่า ให้เธอเอาไปใช้」
「แน่ใจแล้วเหรอค่ะ?」
เอลิซ่าตอบกลับมาด้วยความลังเล
เธอที่เคยได้รับเคลื่อนไหวแม่นยำไปแล้ว ถ้าหากว่าคิดในแง่ความเท่าเทียม ก็คงจะคิดว่าตัวเธอต้องถูกยกเว้นออกไป
「อา ต้องขอโทษทีแต่ว่าอันนี้คิดกันตามเหตุผลมากกว่าความเท่าเทียมล่ะนะ」
พอพูดไปแบบนั้นก็ทำการมองทุกคนที่อยู่รอบๆ แต่ก็ไม่มีใครแสดงท่าทีไม่พอใจอะไรออกมาเป็นพิเศษ
ให้เดาว่า เพราะรู้ว่าคนที่ทุ่มเทร่างกายให้กับปาร์ตี้นี้มากที่สุดก็คือเธอ
…..จะมีก็แค่ซุซูกะที่ดูเหมือนจะอิจฉาอยู่
หลังจากยืนยันแล้ว ในที่สุดเอลิซ่าก็ยิ้มอย่างมีความสุขออกมา
「ขอบพระคุณมากค่ะ…..จะขอตอบแทนความเมตตาในครั้งนี้คืนอย่างแน่นอนค่ะ」
「อ-โอ้…..」
ขณะที่พูด เอลิซ่าก็ลงไปคุกเข่าแล้วจูบลงไปที่ด้านหลังมือของผม
…..ตั้งแต่ที่กลายมาเป็นแวมไพร์ ตัวเธอก็มักจะทำอะไรที่ดูเป็นพิธีการแบบนี้เสมอ
ตัวเธอแต่เดิมมีความสนใจแบบนี้อยู่แล้วงั้นเหรอ หรือว่าเป็นอิทธิพลที่มาจากการแรงค์อัพเป็นแวมไพร์กัน…..
มันเป็นเรื่องยากที่จะบอกเธอให้หยุดเพราะรู้ว่าเธอมีความเคารพให้อย่างจริงใจ แต่มันก็ทำเอาผมรู้สึกจักจี้อยู่ทุกรอบ
การที่ผู้หญิงแสนสวยอย่างเธอมอบความเคารพให้ก็รู้สึกดีใจจริงๆอยู่…..ก็ดีใจ แต่บางครั้งก็รู้สึกหวั่นๆ
กับความรักของเอลิซ่า…..
「ถ้าเช่นนั้นแล้วขอใช้เลยนะคะ」
「อา….ไหนไหน? โอ้!」
นำการ์ดของเอลิซ่าออกมาแล้วตรวจสอบสกิลที่ถูกเพิ่มขึ้นมา พอได้เห็นสกิลที่ถูกสลักลงไปใหม่ก็ช่วยไม่ได้ที่ต้องอุทานด้วยความดีใจ
นั่นก็เพราะสกิลที่ได้รับมานับว่าเป็นสกิลที่ดีมากๆ
สัญชาตญาณ : มีประสาทสัมผัสที่แตกต่างไปจากประสาทสัมผัสทั้ง 5
คำอธิบายจากแอปมีความคลุมเคลือมาก แต่ว่าประโยชน์ของเจ้าสกิลนี้ได้ถูกรับรองมาแล้วจากนักผจญภัยหลายต่อหลายคน
สาเหตุก็เพราะ เจ้าสกิลสัญชาตญาณถูกเรียกว่าเป็นสกิลระดับที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับสกิลตรวจจับหลายๆ อย่าง เช่น ตรวจจับตัวตน, ตรวจจับแรงอาฆาต, ตรวจจับกับดัก, หรือแรงดลใจ
ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้แข็งแกร่งไปว่าการตรวจจับตัวตนแต่ก็สามารถตรวจจับตัวตนของศัตรูได้, แม้จะไม่แข็งแกร่งไปว่าการตรวจจับแรงอาฆาตแต่ก็สามารถรับรู้การโจมตีถัดไปหรือการโจมตีทีเผลอได้, ทั้งกับดักและวิญญาณเองก็ตรวจจับได้ ยิ่งถ้ามีสกิลเหล่านี้อยู่แล้ว มันก็จะเป็นการเพิ่มความสามารถของสกิลเหล่านี้ให้มากยิ่งขึ้นไปอีก
สกิลสัญชาตญาณมีความครอบคลุมเช่นนี้แหละ
ดีล่ะ ดีล่ะ! ตอนนี้มันอาจจะเป็นช่วงขาขึ้นก็เป็นได้
ระหว่างทางบังเอิญได้เจอกับนักผจญภัยแล้วได้พรรคพวกใหม่, มีมอนสเตอร์เฮาส์เกิดขึ้นอยู่ในทิศทางที่ต้องการ, กล่องน่าผิดหวังก็มีลูกแก้วสกิลโผล่มา
รู้สึกเหมือนว่าโชคมันกำลังไหลเข้ามาในทางที่ดีขึ้น
ตั้งแต่ที่ได้เจอกับเร็นกะ วันที่โชคดีแบบนี้มักจะมีโผล่มาประมาณเดือนละ 1 ครั้ง
ไม่แน่ว่าวันนี้ บางทีนะบางที…..
ผมรู้สึกตื่นเต้นกับความคาดหวัง
หลายชั่วโมงต่อมา
อีกเพียงแค่ไม่กี่ก้าว พวกเราก็จะมาถึงชั้นล่างสุด
เว้นเสียแต่จะเจอมอนสเตอร์เฮาส์ ถ้าเป็นในตอนนี้ มอนเตอร์แรงค์ D ไม่ใช่ปัญหาอะไรแล้ว
สิ่งเดียวที่ต้องระวังก็คือกับดักซึ่งมีระดับที่แย่มากกว่าเขาวงกตแรงค์ E 1 ขั้น แต่ด้วยเอลิซ่าที่พัฒนาขึ้นมากกว่า ก็สามารถจัดการผ่านไปได้
พวกกับดักที่ไม่สามารถจัดการด้วยสกิลสัญชาตญาณและปลดกับดัก คงจะไม่ได้เจอของแบบนั้นไปซักพัก
และแล้ว…..
「ในที่สุดก็ถึงแล้ว~~~」
เมื่อในที่สุดได้มาถึงบันไดที่จะนำไปสู่ชั้นสุดท้าย ผมเอามือกดลงไปที่เข่าแล้วสูดหายใจลึกๆ
ถึงจะสำรวจเขาวงกตนี้มาแล้วหลายรอบ แต่ก็ต้องรู้สึกหมดแรงเสมอเมื่อมาถึงชั้นสุดท้าย
ไม่ว่าคุณจะมีความคุ้นเคยกับเขาวงกตมากขนาดไหนก็ตาม แต่ระยะทางของมันก็ไม่ได้ลดลงไปแต่อย่างใด ซึ่งนั่นก็เป็นปัญหาคอขวดที่ใหญ่ที่สุดในการพิชิตเขาวงกต
「มาสเตอร์ นี่ค่ะ」
ขณะที่เหงื่อไหลหยดจากคางผม ผ้าขนหนูกับน้ำเกลือแร่ก็ถูกยื่นมาให้
สมแล้วที่เป็นเอลิซ่า เป็นผู้หญิงที่คอยเอาใจใส่อยู่เสมอเลย
「ขอบใจนะ」
ทำการเช็ดเหงื่อแล้วก็ -อึก-ดื่มน้ำเกลือแร่ลงไป
รสเค็มเล็กน้อยและความหวานที่กำลังพอดีแผ่ซ่านไปทั่งร่างกาย
「โอ่ย ถ้าจะหยุดพักล่ะก็ ทำหลังจากก้าวลงบันไดสิ นี่ยังไม่ถือว่าอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยนะ」
พอเห็นผมเป็นแบบนั้น เร็นกะก็พูดบ่นมา
มันคงจะดูเหมือนว่าผมผ่อนคลายขณะที่อยู่ต่อหน้าพื้นที่ปลอดภัย
อันที่จริงก็ต้องบอกว่า แม้จะไม่ทันรู้สึกตัวแต่ก็เผลอลดความระวังตัวไป
ถ้าเป็นผมอย่างทุกทีล่ะก็ ต่อให้รับขวดน้ำมาก็จะยังไม่เปิดมันจนกว่าจะก้าวลงบันไดแล้วเข้าสู่พื้นที่ปลอดภัย
ก่อนหน้าที่จะถึงเส้นชัยมันอันตรายยิ่งกว่าระหว่างทางเสียอีก
「อา นั่นสินะ ‘โทษที…..」
「! มาสเตอร์!」
「ศัตรูค่ะ!」
「!?」
ขณะที่ผมกำลังพูดขอโทษเล็กน้อยกับเร็นกะ จู่ๆเอลิซ่ากับยูคิก็ส่งเสียงดังขึ้นมา
-ห๊ะ-หันมองรอบๆอย่างรวดเร็ว แล้วก่อนที่จะรู้สึกตัว มอนสเตอร์ก็โผล่ออกมาห่างแค่ไม่กี่เมตร
มันมีรูปลักษณ์ที่น่าขนลุก ราวกับแมวที่ถูกถอนขนจนหมดและมีปีกค้างคาวน่าเกลียดงอกขึ้นมา ทันทีที่รู้ว่ามันคืออะไร ก็รู้สึกได้ถึงรูขุมขนทั่วร่างมันขยายออก
แย่แล้ว, แย่แล้ว, แย่แล้ว! ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!? ใกล้ขนาดนี้แล้ว! ได้ไง! ปกปิดตัวตน!? หรือว่า—-เพิ่งจะ『ปรากฏขึ้น』เมื่อกี้นี่เองเรอะ!?
ขณะที่ความคิดหมุนวนด้วยความเร็วสูง ปากมันก็สั่งการคำสั่งที่เหมาะสมที่สุดออกไปแบบไม่รู้ตัว
「—-ฆ่าไอ้เจ้านั่นซ้าาาา!!!」
การโจมตีของเหล่าการ์ดถูกปลดปล่อยแทบจะทันทีที่ได้ยินคำสั่งของผม มอนสเตอร์นั่น…..เกรมลินเผยรอยยิ้มแล้วร่างกายก็เริ่มเปล่งแสง
-เปรี๊ยะ- เป็นเวลาเดียวกันกับที่เสียงแปลกๆส่งมาถึงหู รู้สึกได้ถึงคลื่นที่มองไม่เห็นถูกส่งผ่านไปทั่วร่างกาย เส้นขนทุกเส้นลุกตั้งชัน ไม่มีความเจ็บปวด ไม่มีความเจ็บปวดแต่ว่า…..
「คิย๊าาาาาาาา!? ไม่น้าาาา!?」
โดยไม่ทันได้คิด ผมก็ร้องเสียงหลงราวกับผู้หญิงออกมา
「ห-หรือว่า…..อ๊าาาาาาา!?」
เร็นกะที่ได้ยินผมร้องก็ทำการร้องตาม
ขณะที่จ้องมองเกรมลินกำลังถูกเหล่าการ์ดฉีกเป็นชิ้นๆอยู่ ผมก็รีบนำสมาร์ทโฟนออกมาจากกระเป๋า
กดปุ่มเพื่อใช้งาน แต่สมาร์ทโฟนก็ไม่เปิดหรือปิดอะไรเลย
กล้องที่ถูกสวมใส่อยู่บนหมวกนิรภัยก็ด้วย…..เครื่องเกมที่เร็นกะใช้เล่นฆ่าเวลาก็ด้วย ทั้งหมดตายสนิท
「อาาาาา…..เซฟเกมของชั้น อีกแค่นิดเดียวก็จะผ่านได้แล้วเชียว…..」
เร็นกะลงไปคลาน 4 ขาอยู่กับพื้นพร้อมคอตก เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นเศร้ามากขนาดนั้น
ไม่น่าแปลกใจ เพราะความพยายามที่อุตส่าห์ทำมาตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ได้อันตรธานหายไปในพริบตา
คงเป็นอะไรที่เจ็บปวดมาก ที่ต้องสูญเสียข้อมูลเกมที่อุตส่าห์ลงแรงไปมากในช่วงเวลาพักจากการสำรวจเขาวงกต
เกมเมอร์ทุกคนย่อมรู้ซึ้งถึงความเจ็บปวดของ【ช่างเป็นเรื่องโชคร้าย แต่เรื่องราวการผจญภัย ได้สูญหายไปแล้ว 】
แต่ว่าผมเองก็เจ็บปวดด้วยเช่นกัน…..
นั่นเพราะ ข้อมูลเขาวงกตที่ผมซื้อมาตั้งแต่เริ่มเป็นนักผจญภัยมูลค่าหลายหมื่นหลายแสนเยน ได้ถูกทำลายไปจนหมดสิ้น
「อุกกกกกกกี๊! โกหกใช่ไหมเนี่ย!?」
ใช้มือเกาหัวและบิดตัวไปมาด้วยความปวดร้าว
นี่คือสาเหตุใหญ่ที่สุดที่ว่าทำไมเกรมลินถึงได้เป็นมอนสเตอร์ ที่ถูกทั้งเหล่ามืออาชีพและมือสมัครเล่นเกลียดมากที่สุด
เกรมลินนั้น มีสกิลเฉพาะตัวในการทำลายอุปกรณ์จักรกล
ถ้าหากคิดว่าทำตัวโอเว่อร์กับแค่การที่มาร์ทโฟนกับกล้องถูกทำลายล่ะก็ แต่สำหรับนักผจญภัยแล้วการที่สมาร์โฟนถูกทำลายถือว่าเป็นเรื่องที่จริงจังมาก
อย่างแรกเลย นักผจญภัยแทบทั้งหมดต่างพึ่งพาสมาร์ทโฟนในการทำแผนที่ ดังนั้นขึ้นอยู่กับว่าถูกทำลายไป ณ ตรงไหน มันก็มีโอกาศที่จะหลงทางได้เลย
ใบอนุญาตนักผจญภัยเองก็เช่นกัน เพราะว่ามันมีส่วนของเครื่องจักรประกอบเข้าไว้ด้วย มันจึงอยู่ในขอบเขตสกิลของเกรมลิน ทำให้ไม่สามารถขอความช่วยเหลือได้
ถ้าหากเกิดเหตุขึ้นล่ะก็ เว้นเสียแต่จะได้คัดลอกแผนที่ลงบนกระดาษล่วงหน้า หรือมีอุปกรณ์เวทในการเคลื่อนย้าย ก็จะไม่มีทางเลือกนอกเหนือไปจากรีบมุ่งกลับไปทางเข้าหรือทางออกก่อนที่เสบียงจะหมดลง
…..ก็สำหรับเรื่องนี้ เอลิซ่าซังสามารถจดจำเส้นทางเอาไว้ได้ทั้งหมด ถ้าหากสามารถถอยกลับไปจนถึงพื้นที่ปลอดภัยก็สามารถใช้ขลุ่ยของฮาเมลินจัดการที่เหลือได้
ปัญหาก็คือ ความเสียหายด้านการเงิน
ทางกิลล์ก็มีจำหน่ายแอปสารานุกรมที่มาพร้อมข้อมูลแผนที่, ไอเทม, สกิล, และอื่นๆอยู่…..มันมีราคาที่แพงมากและจำกัดการซื้อขายแบบครั้งต่อครั้ง ก็คือไม่สามารถไปดาวน์โหลดซ้ำอีกครั้งได้ ถ้าหากเปลี่ยนอุปกรณ์ใช้งานก็ไม่สามารถโอนถ่ายข้อมูลได้ด้วย
ด้วยเหตุนี้ เมื่อสมาร์ทโฟนถูกทำลาย ข้อมูลแผนที่เขาวงกตทั้งหมดที่ซื้อและพากเพียรสะสมมาจนถึงตอนนี้ก็ถูกลบหายไปหมด
จำนวนทั้งหมดขึ้นอยู่กับแรงค์ของนักผจญภัยแต่….. สำหรับผมแล้วก็หลายแสน สมาร์ทโฟนเองก็ราคาแพงเครื่องล่ะ 3 แสนเยน คิดโดยรวมแบบง่ายๆก็เกิน 1 ล้านเยนแล้ว
สาเหตุว่าทำไมสมาร์ทโฟนถึงมีราคาแพงนั่นก็เพราะ บาเรียที่สร้างขึ้นจากการ์ดไม่ได้ครอบคลุมไปถึงเครื่องแต่งกายที่สวมด้วย เพราะแบบนั้นมันจึงถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้มีความทนทานและไม่แตกหักต่อให้ถูกมอนสเตอร์โจมตี
สมาร์ทโฟนที่ผมมี ต่อให้ถูกโยนลงมาจากชั้นบนสุดของโตเกียวสกายทรี หน้าจอก็ไม่มีรอยร้าว, ต่อให้ทิ้งไว้ในอ่างน้ำทั้งคืนก็ไม่เป็นอะไร, หรือต่อให้เอาไปวางไว้บนเตาไฟตรงๆก็ไม่เสียหาย ถือได้ว่าเป็นผลงานชิ้นเอก จุดด้อยของมันมีแค่น้ำหนักที่มากและราคาที่แพง
แม้แต่กับสมาร์ทโฟนของทางทหารที่ขึ้นชื่อว่าแม้ช้างมาเหยียบก็ไม่แตก ก็ยังไม่สามารถสู้เกรมลินได้
ผลลัพธ์ ผมต้องมาเสียเงินไปกว่า 1 ล้านเยนในคราวเดียว
ทำอะไรไม่ได้นอกจากถอนหายใจ
ใครมันนะที่บอกว่าวันนี้เป็นวันโชคดี วันดวงซวยสิไม่ว่า…..
โชคช่วยอย่างเดียวคือ พอมาถึงจุดนี้ก็ไม่ต้องพึ่งสมาร์ทโฟนอีกแล้ว
รีบๆจัดการจ้าวแล้วไปหาซื้อสมาร์ทโฟนระหว่างทางกลับบ้านดีกว่า
ทำการสูดหายใจลึกๆอีกครั้ง แล้วในขณะที่กำลังจะไปต่อตอนนั้นเอง ก็รู้สึกได้ว่าซุซูกะมีท่าทางแปลกๆไป
ด้วยเหตุผลบางอย่าง กำลังจ้องมองตรงจุดที่เกรมลินสลายไป
「เป็นอะไรไปซุซูกะ มีอะไรเกิดขึ้นงั้นเหรอ?」
ทำการมองไปรอบๆขณะเรียก แต่ก็ไม่เจออะไรผิดปกตินอกเสียจากหินเวทที่ตกมาตรงเกรมลิน
「อืม~? รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างแปลกๆ หรือว่าไม่มีกันน้า…..」
「…..อย่างไหนกันแน่ล่ะนั่น? รู้สึกแปลกยังไงเหรอ?」
「อืม มันติดปัญหาตรงไม่รู้จะให้พูดว่าเป็นยังไงนี่สิ…..」
ดูเหมือนว่าซุซูกะเองก็ไม่มั่นใจในคำพูดของตัวเองเหมือนกัน
เพื่อความมั่นใจจึงลองใช้สายตาถามเหล่าพรรคพวกดู แต่ทั้งหมดก็ได้แต่เอียงคอ
…..หรือว่าจะเป็นซุซูกะคิดไปเอง
พอสรุปได้แบบนั้นแล้วกำลังจะไปต่อ
「…..เน่ มาสเตอร์ กลับกันแค่นี้เถอะ รู้สึกเหนื่อยยังไงไม่รู้…..」
「เอ๋…..?」
กลับ? ตรงนี้เนี่ยนะ?
ผมรู้สึกงุนงงกับข้อเสนอกะทันหันของซุซูกะ
「…..เร็นกะ รู้สึกไม่ดีอะไรตรงไหนรึเปล่า?」
「ชั้นเหรอ? ก็ไม่…..ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ พอดีว่าไม่ได้เห็นตอนที่เกรมลินถูกจัดการไปด้วยล่ะนะ…..」
เร็นกะตอบพลางเกาแก้มด้วยท่าทางอึดอัดเล็กน้อย
「อืม…..ไม่ล่ะ อย่างที่คิดว่ายังไม่กลับดีกว่า」
หลังจากคิดอยู่หลายวินาที ผมก็ปฏิเสธข้อเสนอของซุซูกะ
จริงอยู่ว่าได้รับความเสียหายที่คาดไม่ถึงจากเกรมลิน แต่ชั้นล่างสุดมันอยู่ตรงหน้าแล้วจึงไม่จำเป็นต้องใช้สมาร์ทโฟน สามารถฟื้นกำลังกายได้ด้วยเรส ไม่มีความจำเป็นต้องถอนกลับตรงนี้
ถ้าหากว่ากลับไปจากตรงนี้ครั้งหนึ่ง แล้วจ้าวถูกจัดการขณะที่กำลังพักผ่อนข้ามคืนอยู่ ความพยายามทั้งหมดก็จะสูญเปล่า ข้อมูลที่ถูกบันทึกไว้ในขลุ่ยของฮาเมลินจะหายไป แล้วก็ต้องเริ่มทำการสำรวจเขาวงกตใหม่ตั้งแต่ชั้นแรกอีกครั้ง
แบบนั้นจะเป็นความเสียหายที่ใหญ่มาก
…..ด้วยความจริงที่ว่าได้เจอกับนักผจญภัยอื่นภายในเขาวงกตแห่งนี้ซึ่งอาจพูดได้ว่าเหมือนผมจองเอาไว้ ไปกระตุ้นให้เกิดความกระวนกระวายขึ้นมาเล็กน้อย
สิ่งที่ต้องกังวลอย่างเดียวคือ ความเป็นไปได้ที่อิเรกูลาร์เอ็นเคาเตอร์จะรออยู่ที่ชั้นล่างสุด….. แต่มันก็เป็นอะไรที่ได้เตรียมพร้อมเอาไว้แล้วในตอนที่ตัดสินใจพิชิตเขาวงกตแรงค์ D
「ถ้าหากว่าไม่ได้มั่นใจอะไรเป็นพิเศษงั้นก็ไปต่อกันเถอะ ได้ใช่ไหม?」
「…..ค่า~」
ซุซูกะมีท่าทีไม่พอใจเล็กน้อย แต่ก็พยักหน้าเชื่อฟัง
ขณะที่มองเธอที่เป็นแบบนั้น ก็เกิดความคิด『ถ้าหากว่าเป็นเร็นกะที่พูดแบบนั้นออกมา จะทำยังไงกันนะ』
ถ้าหากว่าเป็นงั้นล่ะก็ คงได้ตันสินใจกลับบ้านไปง่ายๆเลย
ที่แว่บเข้ามาในหัวคือ ความรู้สึกแปลกๆเมื่อวานที่『ผมไม่ใช่ตัวผมอีกต่อไป』
…..ไม่ ไม่เกี่ยวกันหรอก จริงอยู่ว่าเชื่อในสัญชาตญาณและลางสังหรณ์ของเร็นกะ แต่การมาถึงตรงนี้แล้วจะกลับบ้านไป มันไม่ใช่การตัดสินใจที่ปกติจะทำกัน
ไม่ใช่ว่า…..มีความไม่เชื่อใจที่อธิบายไม่ถูกต่อซุซูกะอยู่ซักหน่อย…..น่าจะเป็นแบบนั้น
ขณะที่เดินลงไปยังชั้นสุดท้าย ผมก็ย้ำบอกกับตัวเองไปเช่นนั้น
【Tips】มอนสเตอร์เฮาส์(Monster House)
อัตราการปรากฏและจำนวนสูงสุดของมอนสเตอร์ในแต่ล่ะชั้นนั้น โดยปกติแล้วจะมีค่าตายตัว ทว่าหากมีนักผจญภัยบุกไปในชั้นเดียวกันในเวลาเดียวกันจำนวนมาก, หรือเกิดการลอสของการ์ดจำนวนมาก 『สารอาหาร』จะถูกส่งให้แก่เขาวงกต อัตราการปรากฏของมอนสเตอร์จะถูกเร่ง และจำนวนมอนสเตอร์ทะลุขีดจำกัดสูงสุดแล้วล้นทะลักได้
สิ่งนี้ นักผจญภัยเรียกมันว่า『การกลายเป็นมอนสเตอร์เฮาส์』
ในชั้นที่เกิดการกลายเป็นมอนสเตอร์เฮาส์ เพียงแค่อยู่ภายในชั้นนั้นก็สามารถได้รับค่าประสบการณ์เล็กน้อย แถมด้วยเมื่อจัดการมันได้ค่าประสบการณ์ที่ได้รับก็เพิ่มขึ้นด้วย
อีกทั้ง กล่องน่าผิดหวังจะปรากฏเรื่อยๆเมื่อจัดการมอนสเตอร์ไปได้ถึงจำนวนหนึ่ง
ข้อมูลเพิ่มเติม
ชื่อตอนนี้มาจากข้อความเตือนจากเกม Dragon Quest จากกรณีที่ save ของเกมมีปัญหา/เสียหาย/โหลดไม่ได้