”เอ่อ อรหันต์หงส์เพลิง” เซียนอีกคนเคาะศีรษะตัวเองครั้งหนึ่งก่อนจะตอบอย่างเคารพว่า ”อรหันต์หงส์เพลิงกลับไปที่พระพุทธศาสนาแล้วขอรับ นางบอกว่านางต้องไปรดน้ำต้นไม้ และจะกลับมาคืนนี้ขอรับ”
ชายหนุ่มหรี่ตา ”รดน้ำต้นไม้หรือ รดน้ำให้ต้นโพธิ์หรือ”
”ขอรับ” เซียนอีกคนหนึ่งพยักหน้า
ทันใดนั้น บรรดาปีศาจที่ติดตามชายหนุ่มอยู่ก็รู้สึกได้ถึงบรรยากาศเย็นยะเยือกที่แผ่ออกมาจากด้านหลังของชายหนุ่มได้อย่างชัดเจน
ไม่มีใครกล้าขยับตัวหรือแม้กระทั่งส่งเสียง
จนกระทั่งชายหนุ่มเอ่ยขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า ”เข้าใจล่ะ พวกเจ้าออกไปได้แล้ว”
”ขอรับ” เซียนทั้งสองรู้สึกโล่งใจ พวกเขามองหน้ากัน และจับมือกันกลับไปทำหน้าที่คนเปิดประตูของตัวเองต่อ
แต่ตอนนั้นเอง ทันทีที่ชายหนุ่มกำมือเข้าหากัน ท้องฟ้าเหนือภพสวรรค์ก็พลันถูกกลุ่มหมอกบางๆ สีเทาปกคลุมไปทั่ว
ชายหนุ่มก้าวเท้าออกเดิน คำพูดของผู้เฒ่าจันทรายังคงก้องอยู่ในหู
”หงส์เพลิงไม่ได้ชอบท่านขอรับตี้จวิน ต่อให้ตี้จวินผูกด้ายแดงไว้ที่มือนาง มันก็ไร้ประโยชน์ขอรับ”
”ตี้จวินเองก็คงรู้เรื่องต้นโพธิ์บนภูเขาซวีหมีอยู่แล้ว ต้นโพธิ์ต้นนั้นมีปฏิกิริยาเพราะหงส์เพลิง”
”ห้าร้อยปีหลังจากนี้ ต้นโพธิ์ที่อยู่หน้าประตูสู่อรหันต์นั้นจะกลายร่างเป็นมนุษย์และได้เป็นอรหันต์ เขาคือคนคนเดียวที่จริงใจต่อหงส์เพลิง…”
บรรดาปีศาจที่อยู่ข้างหลังชายหนุ่มไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ ตี้จวินถึงหยุดเดินอย่างกะทันหัน แต่ทันใดนั้นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ข้างๆ เขาก็ล้มครืนลงมาราวกับเพิ่งถูกใครบางคนระบายอารมณ์ใส่ไปหมาดๆ เสียงนั้นดังสนั่นจนทำให้ตำหนักกวนซิงที่อยู่ห่างออกไปหลายสิบฉื่อสั่นสะเทือน
แต่ชายหนุ่มกลับยืนอย่างสงบอยู่ท่ามกลางฝุ่นที่ลอยตลบอบอวลนั้น แขนเสื้อยาวของเขาปลิวอยู่ในสายลมระหว่างที่เขาหัวเราะออกมา เวลานี้สีหน้าอ่อนโยนและสง่างามที่เขาแสดงให้ทุกคนเห็นเป็นปกติกลับกลายไปเป็นสีหน้าชั่วร้ายและน่าสะพรึงกลัว ”ดูเหมือนที่ข้าทำไปมันคงยังไม่พอ ไม่อย่างนั้นนางจะมีเวลาไปรดน้ำต้นโพธิ์อีกได้อย่างไร”
แม้จะไม่ต้องบอก แต่เหล่าปีศาจก็รู้ว่า ’นาง’ ที่ตี้จวินพูดถึงนั้นคือใคร พวกมันมีสีหน้าเคร่งเครียด และหวาดกลัวเกินกว่าจะพูดอะไรออกมา
ชายหนุ่มยืนอยู่ตรงนั้นด้วยช่วงขาเรียวยาว ดวงตาของเขาเย็นชา เส้นผมที่ตกลงมาปกคลุมหน้าผากของเขาทำให้เขาดูโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างคาดไม่ถึง
แต่ความรู้สึกโดดเดี่ยวอ้างว้างนั้นก็หายวับไปในเวลาเพียงไม่กี่วินาที ชายหนุ่มกระตุกริมฝีปากบางขึ้นอย่างรวดเร็ว ”ในเมื่อนางกลับไปโดยไม่ลาสักคำ ข้าก็คงไม่มีทางเลือกนอกจากพยายามทำลายพลังธรรมะของนาง พวกเจ้าเห็นว่าอย่างไร”
ปีศาจเหล่านั้นถึงกับตกตะลึง พวกมันคิดอย่างไรน่ะหรือ พวกมันไม่กล้าพอที่จะตอบคำถามนั้นด้วยซ้ำ!
ยิ่งกว่านั้น หงส์เพลิงก็ยังเป็นพระอรหันต์อันดับต้นๆ แม้กระทั่งสมเด็จที่ดินแดนพระพุทธศาสนาก็ยังไม่สามารถทำอะไรนางได้ ดังนั้นการทำลายพลังธรรมะของนางจึงเป็นเรื่องที่จัดว่าพูดง่ายแต่ทำยาก
นอกเสียจากว่าในมือของตี้จวินจะมีสิ่งที่สามารถส่งผลกระทบต่อหงส์เพลิงได้
ชายหนุ่มหัวเราะขึ้นอีกครั้ง ”นำคำสั่งของข้าออกไป! วันนี้เราจะใช้น้ำมันหมูทำผัดผัก และเตรียมแกงเห็ดด้วยน้ำต้มกระดูกหมู จำไว้ให้ดีล่ะว่าต้องกำจัดกลิ่นคาวและดับกลิ่นเนื้อให้ดีด้วย”
ใช้น้ำต้มกระดูกหมูทำแกงเห็ดหรือ ปีศาจเหล่านั้นมองหน้ากัน พวกมันเข้าใจเจตนาของตี้จวินได้ทันที แต่พวกมันก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว พวกมันทำได้เพียงแค่รอให้หงส์เพลิงกลับมาจากดินแดนพระพุทธศาสนาเท่านั้น
”พระอรหันต์ขอรับ ท่านจะไปอยู่ที่ภพสวรรค์ถาวรจริงๆ หรือขอรับ” สามเณรน้อยเดินตามหงส์เพลิง ในมือของเขามีม้วนกระดาษที่หงส์เพลิงคัดออกมาให้ เขาเอ่ยถามอย่างร้อนใจด้วยหวังว่าอรหันต์หงส์เพลิงจะเปลี่ยนใจ
หงส์เพลิงเลิกคิ้ว ”ทำไมหรือ มีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นในพระพุทธศาสนาหรือ”
”ไม่มีขอรับ ช่วงนี้ทุกอย่างปกติสุขดี อรหรันต์ไม่ต้องออกไปล่าใคร แต่ถ้าอรหันต์อยู่ที่ภพสวรรค์ต่อ มันจะไม่ยิ่งทำให้ข่าวลือแพร่ออกไปหรือขอรับ” สามเณรน้อยห่วงว่าหงส์เพลิงจะได้รับความเดือดร้อน
หงส์เพลิงยิ้ม ”ข้าแค่จะไปอยู่ที่นั่นอีกสักสองสามวันแล้วก็กลับมา ยิ่งมีข่าวลือมากเท่าใดก็ยิ่งดี เมื่อเป็นเช่นนั้นจะได้ไม่มีใครขึ้นเขามาขอความเมตตาจากข้าอีก นอกจากนั้นข้าก็จะได้เป็นอิสระจากบรรดาคนที่เข้ามายุ่งกับข้าเพราะต้องการพลังการต่อสู้ของข้าด้วย”
”พระอรหันต์ขอรับ ถ้าท่านอยากแต่งงานจริงๆ สมเด็จกล่าวว่าเขาจะหาคู่ครองที่เหมาะสมให้กับท่าน ตราบใดที่ท่านไม่ทำผิดศีลหรือตกหลุมรัก พระอรหันต์ ท่านไม่จำเป็นต้องรีบมีปฏิสัมพันธ์กับตี้จวินในเวลานี้ขอรับ” สามเณรน้อยพยายามเดินตามหงส์เพลิงให้ทันด้วยขาสั้นๆ ของเขา
หลังจากนางได้ยินคำพูดของสามเณรน้อย รอยยิ้มของหงส์เพลิงก็พลันจางหายไป จากนั้นความเหยียดหยามก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของนาง ”ข้าจะมีการแต่งงานที่ดีได้ก็ต่อเมื่อไม่ทำผิดศีลและไม่ตกหลุมรักหรือ สมเด็จคงจะวางแผนทุกอย่างไว้ให้ข้าหมดแล้วจริงๆ”
”พระอรหันต์…” สามเณรน้อยหน้าขึ้นสีเมื่อตระหนักได้ว่าตัวเองพูดบางอย่างผิดไป
แต่หงส์เพลิงกลับดูเหมือนจะไม่สนใจ นางยื่นมือออกไปดีดศีรษะโล้นๆ ของเขา ”ไม่เป็นไร คราวหน้าถ้าสมเด็จพูดเรื่องพวกนี้กับเจ้าอีก เจ้าบอกเขาตามที่ข้าพูดได้เลยว่า ข้า หงส์เพลิง รักการมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นเหมือนอย่างที่ข้ารักการฆ่า”
สามเณรน้อยยื่นมือไปจับชุดของนางไว้ราวกับพยายามจะขอโทษ
หงส์เพลิงจะเสียอารมณ์เพราะคำพูดของเด็กได้อย่างไร นางยิ้มให้เขาแล้วจึงหยิบม้วนกระดาษจากมือเขาขึ้นมา
ตอนนั้นเองที่นางได้ยินใครคนหนึ่งถอนหายใจออกมาเบาๆ ”ที่สามเณรน้อยกล่าวเช่นนั้นก็เพื่อประโยชน์ของพระอรหันต์เอง”
เป็นดอกบัวทองคำนั่นเอง ดูเหมือนนางจะสวดมนต์อยู่เพราะนางถือม้วนกระดาษม้วนหนึ่งเอาไว้ในมือ ดวงตาคู่งามของนางเต็มไปด้วยความกังวลที่มีต่อหงส์เพลิง ”พระอรหันต์ ข้ารู้ว่าท่านโตในพระพุทธศาสนา แม้อายุของท่านจะมากขึ้น แต่ท่านก็แทบไม่สนใจในสิ่งที่ผู้หญิงควรสนใจ เพื่อขจัดบาปทางโลกและเพื่อถวายตัวให้กับการเป็นพระอรหันต์ ท่านคงลืมไปแล้วกระมังว่าพวกเราไม่ควรเป็นฝ่ายเริ่มก่อนเวลาสนทนากับผู้ชาย ไม่อย่างนั้นมันจะทำให้ชื่อเสียงของท่านด่างพร้อยได้ พระอรหันต์ ยิ่งกว่านั้นผู้ชายก็ไม่ชอบผู้หญิงเช่นนั้น สิ่งที่พวกเขาต้องการคือความแปลกใหม่ บางทีสิ่งที่ข้าพูดอาจทำให้ท่านรู้สึกไม่สบายใจ แต่ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของพระพุทธศาสนา ข้าจึงหวังจากใจจริงว่าท่านจะไม่ทำในสิ่งที่ตัวเองต้องเสียใจในภายหลัง”
หงส์เพลิงเหลือบมองนางโดยไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว ท่าทางหยิ่งผยองที่นางแสดงออกมานั้นแทบจะครองโลกได้เลยทีเดียว
เมื่อตกอยู่ภายใต้สายตานั้น ดอกบัวทองคำก็เริ่มกัดริมฝีปากของตัวเอง ”พระอรหันต์อย่าคิดมากไปเลย ข้าไม่ได้ตั้งใจทำตัวไม่เคารพท่าน”
”ไม่สำคัญหรอกว่าเจ้าจะเคารพข้าหรือไม่” หงส์เพลิงเดินต่อ แล้วหัวเราะออกมาตอนที่เดินสวนกับดอกบัวทองคำ ”ตั้งใจเรียนพระไตรปิฎกให้ดี ในพระไตรปิฎกมีเขียนไว้ว่าความอิจฉาริษยาเป็นข้อห้ามอันน่ารังเกียจที่สุดสำหรับสตรี”
ทันใดนั้น ใบหน้าของดอกบัวทองคำก็แข็งทื่อราวกับถูกแช่แข็ง
ก่อนที่ดอกบัวทองคำจะทันได้มีปฏิกิริยา คนที่ถือลูกประคำอยู่ก็เดินหายเข้ากลีบเมฆไปเสียแล้ว
…
หลังจากเดินออกมา หงส์เพลิงก็รีบเปิดคู่มือที่ชายคนนั้นมอบให้นางทันที คู่มือระบุไว้อย่างชัดเจนว่า ”ฝ่ายที่มีอำนาจเหนือกว่าต้องสามารถรับมือกับคู่แข่งได้เป็นอย่างดี”
ไม่เลว นางบรรลุเงื่อนไขได้อีกข้อแล้ว
หงส์เพลิงยกมือขึ้น แล้วใช้อาคมวาดสัญลักษณ์ลงบนคู่มือ นางกอดพระไตรปิฎกแล้วเดินไปทางภพสวรรค์ด้วยความรู้สึกประสบความสำเร็จ
ครั้งนี้เซียนชั้นผู้น้อยไม่ได้เห็นว่าการมาเยือนของนางเป็นเพียงแค่การต่อสู้อีกต่อไป แต่ดาบวงพระจันทร์ในมือของนางก็ยังน่ากลัวอย่างมากจนทำให้เหล่าเซียนรู้สึกอกสั่นขวัญแขวน
หงส์เพลิงสังเกตเห็นว่าเด็กๆ ดูเหมือนจะกลัวดาบวงพระจันทร์ที่อยู่ในมือของนาง ดังนั้นนางจึงแปลงดาบวงพระจันทร์กลับเป็นลูกประคำแล้วสวมไว้ที่ข้อมืออีกครั้ง
หลังจากเซียนชั้นผู้น้อยเห็นการกระทำของนาง พวกเขาก็มองหน้ากันแล้วคิดว่า ความจริงแล้วอรหันต์หงส์เพลิงก็อาจจะไม่ได้ป่าเถื่อนอย่างที่ใครๆ ว่ากันก็ได้…