ทันทีที่หงส์เพลิงเข้ามาในห้องโถง นางก็เห็นชายหนุ่มนั่งหมุนจอกเหล้าอยู่บนเก้าอี้ของตัวเอง
ชายหนุ่มเห็นนางแล้วเช่นกัน ดวงตาของเขาลึกล้ำราวกับอัญมณีและดำสนิทราวกับรัตติกาล ”กลับมาแล้วหรือ”
”อืม” หงส์เพลิงเดินเข้าไปหาเขาอย่างลังเล จากนั้นจึงหยิบคู่มือขึ้นมาแล้วชี้กฎข้อหนึ่งให้ตี้จวินดู ”ข้าเพิ่งทำกฎข้อนี้มา ข้อที่บอกว่าให้เอาชนะศัตรูหัวใจ”
ชายหนุ่มเคลื่อนสายตาลงมองกระดาษ แล้วเอ่ยขึ้นว่า ”เจ้าคิดว่าคนที่เหนือกว่าก็คือเจ้าหรือ” นางเอาตัวเองไปไว้ในตำแหน่งแปลกๆ เช่นนั้นได้อย่างไร
”แน่นอนอยู่แล้ว” หงส์เพลิงตอบอย่างเอาจริงเอาจัง นางเหนือกว่าทุกคนมาโดยตลอด และนางจะไม่ยอมยกตำแหน่งนี้ให้กับตี้จวิน
ชายหนุ่มมองนาง บนใบหน้าของเขามีรอยยิ้มซุกซนปรากฏอยู่ ”ตราบใดที่เจ้ามีความสุขก็ดี อีกเดี๋ยวจะมีคนนำอาหารมังสวิรัติเข้ามาให้ เจ้าวางซาลาเปาที่ถือมาลงได้แล้ว”
”อืม” หงส์เพลิงส่งเสียงตอบอย่างเกียจคร้าน จากนั้นจึงเดินเข้าไปแล้วหยิบม้วนกระดาษที่พระพุทธศาสนามอบให้ออกมา
แม้ม้วนกระดาษจะมีอยู่ด้วยกันหลายม้วน แต่มันก็มีจำนวนที่แน่นอน
มันคือรายชื่อปีศาจและสัตว์อสูรที่นางต้องล่า
นางต้องทำให้คนที่ลบหลู่พระพุทธศาสนาแม้แต่เพียงเล็กน้อยกลับตัวกลับใจให้ได้
ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะพระพุทธศาสนาไม่ชอบสิ่งที่อยู่เหนือการควบคุมของพวกเขา
หงส์เพลิงขีดฆ่าชื่อแรกออกอย่างไม่แยแส
ชายหนุ่มเอนหลังพิงเก้าอี้แล้วยกขาขึ้นไขว่ห้าง พร้อมกับมองใบหน้าเย็นชาที่หันไปด้านหนึ่งด้วยรอยยิ้มชั่วร้ายที่มุมปาก
หงส์เพลิงไม่ทันสังเกตเห็นสายตาของเขา เพราะนางกำลังง่วนอยู่กับการขีดฆ่ารายชื่อบนม้วนกระดาษ
ชายหนุ่มเดินเข้าไปหานาง แล้วนั่งประกบหลังนางไว้ เขาโอบแขนไว้รอบตัวนางแล้วโน้มร่างสูงของตัวเองลงมาหานาง หากมองจากด้านหลังจะเหมือนหงส์เพลิงจมหายเข้าไปในอ้อมกอดของชายหนุ่ม ภาพนั้นดูยากจะเข้าใจได้อย่างมาก ”เจ้าจะออกไปล่าพวกมันอีกแล้วหรือ”
หงส์เพลิงพยักหน้าโดยไม่ได้ตอบอะไร นางดูมีสมาธิกับภารกิจในมืออย่างมาก
ชายหนุ่มหรี่ตาลงเล็กน้อย จากนั้นจึงเคลื่อนสายตาไปมองเซียนคนอื่นๆ ที่ยืนรออยู่ด้านข้าง
ในไม่ช้าอาหารมังสวิรัติก็ถูกยกมาวางจนเต็มโต๊ะอาหารตรงหน้า
ชายหนุ่มถอดเสื้อคลุมตัวนอกของเขาออกและล้างมือ จากนั้นจึงหันไปทางหงส์เพลิง ”มากินข้าว”
หงส์เพลิงไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นด้วยซ้ำ เมื่อความคิดของนางถูกรบกวน น้ำเสียงที่นางใช้จึงฟังดูติดจะเย็นชาเล็กน้อย ”ท่านกินก่อนเลย ข้ายุ่งอยู่”
น้ำเสียงนี้มันอะไรกัน?! เซียนทุกคนตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น พวกเขาไม่รู้ว่าจะหวาดกลัวหรือจะชื่นชมนางดี คนเดียวที่กล้าพูดกับตี้จวินด้วยน้ำเสียงเย็นชาเช่นนี้คงจะมีแค่หงส์เพลิงคนเดียว
ริมฝีปากของชายหนุ่มกระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้มขณะจ้องมองคนที่ใจแข็งเป็นหิน
เขาโบกมือสั่งให้ทุกคนออกไป แม้กระทั่งบรรดาปีศาจก็ยังไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาในเขตอาคมของเขา
เขาไม่ชอบให้ใครมาขัดจังหวะตอนที่กำลังทำงานเหมือนเช่นเคย
ชายหนุ่มกางตะเกียบไม้ไผ่ออกจากกัน แล้วรีบคีบอาหารแตะเข้าที่ปากของหงส์เพลิง
หงส์เพลิงที่กำลังจมอยู่ในภวังค์ความคิดของตัวเองอ้าปากโดยไม่รู้ตัว ดวงตาของนางจับจ้องอยู่ที่คำว่า ’กำจัดแล้ว’ บนหน้ากระดาษจนไม่ทันได้สนใจสิ่งรอบตัว
ตี้จวินพอใจเมื่อได้เห็นภาพนี้ แต่ตอนที่เขากำลังจะป้อนอาหารคำที่สามให้กับนาง จู่ๆ นางก็เงยหน้าขึ้นอย่างกะทันหันราวกับเพิ่งตระหนักถึงกลิ่นสาบเนื้ออันรุนแรงที่อยู่ในปากได้ นางกะพริบตาราวกับรู้สึกได้ถึงสิ่งผิดปกติ จากนั้นจึงรีบวิ่งออกไปนอกประตูแล้วอาเจียนเอาทุกอย่างออกมา
แม้นางจะอาเจียนออกมาเพียงแค่เล็กน้อย
แต่มันก็ดูดเอาเรี่ยวแรงของนางไปเป็นจำนวนมาก
นางรู้สึกเหมือนกำลังจะหมดแรง
มือและเท้าของนางอ่อนยวบ ร่างของนางร้อนระอุ
ก่อนที่นางจะทันได้หันกลับมา ใครคนหนึ่งก็กอดนางไว้จากทางด้านหลัง ”รสชาติของเนื้อเป็นอย่างไรบ้างหรือ”
เห็นได้ชัดว่าเขาจงใจ
แต่หงส์เพลิงไม่เข้าใจเจตนาที่เขาทำเช่นนี้ นางทาบดาบวงพระจันทร์เข้ากับหน้าท้องของชายหนุ่มโดยไม่ลังเล
ดวงตาของชายหนุ่มจับจ้องอยู่ที่ดาบวงพระจันทร์เล่มนั้น ก่อนที่พวกมันจะเริ่มเย็นชาขึ้นทีละน้อย ”ข้าเคยบอกเจ้าแล้วมิใช่หรือว่าข้าไม่ชอบให้เจ้าหันดาบใส่ข้า”
เคร้ง!
ดาบวงพระจันทร์เล่มนั้นหักเป็นสองท่อนอย่างง่ายดายก่อนจะตกลงพื้น
ภาพนี้เหมือนกับการจำลองเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในงานเลี้ยงของพระพุทธศาสนาเมื่อคราวก่อนมาไว้ที่นี่ ผิดแต่ว่าครั้งนี้ หงส์เพลิงไม่สามารถคืนสภาพให้ดาบวงพระจันทร์ของตัวเองได้
แม้การบริโภคเนื้อสัตว์จะไม่ได้สร้างความเสียหายให้กับร่างกายของนางมากนัก
แต่ในระยะเวลาสองชั่วยามนี้ การป้องกันของนางจะอ่อนแอลง ยิ่งกว่านั้นจากจุดที่นางยืนอยู่ในเวลานี้ พลังจากพระไตรปิฎก็ยังส่งมาไม่ถึงนางอีกด้วย
ผู้ชายคนนี้คิดจะทำอะไรกันแน่ ฆ่านางหรือ
ดวงตาของหงส์เพลิงและตี้จวินสบกัน ทั้งสองรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นอมตะ พวกเขาไม่มีพลังที่จะสามารถกำจัดอีกฝ่ายได้ จะมีก็แต่การกลับไปเกิดใหม่เท่านั้น
จุดประสงค์ที่แท้จริงของเขาคืออะไร
ร่างของนางร้อนผ่าว หงส์เพลิงนึกถึงครั้งแรกที่นางทำผิดศีล นางต้องอยู่ในคุกน้ำแข็งของภูเขาซวีหมีถึงสองชั่วยามเต็มๆ แต่ตอนนั้นมันไม่ได้ทรมานมากเท่ากับตอนนี้
”เป็นอย่างที่ข้าคิดเอาไว้…” ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ ข้างหูของนาง ”ข้าว่าแล้วว่ามันต้องเป็นเช่นนี้”
เขารู้อยู่แล้วหรือ
หงส์เพลิงที่อยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่มเคลื่อนสายตาขึ้นมองเขา สายตาของนางระแวดระวังขึ้นอย่างมาก ”ท่านอยากเห็นหรือว่าข้าจะอับอายเพียงใด”
”เปล่าเลย ทั้งหมดเป็นเพราะคู่มือต่างหาก ข้าควรทำสิ่งที่อยู่ในนั้นให้ครบตอนที่เจ้าลดการป้องกันตัวลง เจ้าว่าไม่ดีหรือ” ชายหนุ่มแกล้งถาม จากนั้นจึงยื่นมือออกไปคลายผ้าที่นางใช้มัดผมออกและปล่อยผมของนางให้ทิ้งตัวลงบนไหล่ ผมยาวสลวยราวเส้นไหมคดเคี้ยวอยู่รอบปลายนิ้วของเขา และกระจายไปทั่วแผ่นหลังขณะที่พันกันยุ่งเหยิง
”ไม่…” หงส์เพลิงต้องการห้ามเขา แต่มือของชายหนุ่มกลับสอดเข้าไปใต้เสื้อคลุมของนางอย่างรวดเร็ว นางตัวสั่นเพราะความเย็นจากสัมผัสนั้น ริมฝีปากของนางเผยอขึ้นพร้อมกับเสียงที่ลอดออกมา แต่แล้วพวกมันก็ถูกปิดลงอีกครั้งด้วยรสจูบ กลิ่นน้ำชาเติมเต็มโพรงปากของนางพร้อมกับปลายลิ้นของชายหนุ่มที่แนบกับลิ้นของนาง จากนั้นชายหนุ่มก็ดูดริมฝีปากของนางจนชา หน้าอกของนางถูกคลึงอย่างรุนแรง แต่นางไม่เคยรู้สึกถึงความวาบหวามอันรุนแรงเช่นนี้มาก่อน ดังนั้นนางจึงยื่นมือออกไปและพยายามผลักเขาออกอย่างแรงเพราะต้องการหนีจากความรู้สึกนั้น
แต่ชายหนุ่มกลับจับมือของนางไปไว้ด้านหลังในขณะที่ผมยาวถึงเอวของนางสะบัดไปตามการเคลื่อนไหวของเขา เสื้อคลุมที่ไม่ได้ถอดอย่างเป็นกิจลักษณะหลุดลงมากองยุ่งเหยิงอยู่รอบเอวของนาง ความรู้สึกต้องห้ามอันคลุมเครือนั้นแปรเปลี่ยนเป็นความเย้ายวนอันไร้ที่สิ้นสุด
ชายหนุ่มเหมือนไม่สามารถยับยั้งตัวเองได้อีกต่อไป เขาอุ้มนางขึ้นจากทางด้านหลังอย่างกะทันหัน แล้วจัดช่วงบนของนางแนบกับโต๊ะไม้ตัวใหญ่ จากนั้นจึงจับขาเพรียวของนางแยกออกจากกัน น้ำเสียงของนางแหบพร่าขณะที่เอ่ยว่า ”ทำตัวดีๆ เจ้าชอบเหมือนกันมิใช่หรือ”
หงส์เพลิงกัดริมฝีปาก สมองของนางพร่ามัวไปหมด นางอยากขัดขืน แต่ก็ไม่สามารถต้านทานความร้อนที่ออกมาจากร่างกายและทำให้นางตกอยู่ในสภาพเหม่อลอยเช่นนี้ได้ นางไม่รู้ว่านางอยู่ที่ไหน สิ่งเดียวที่นางรู้ก็คือทุกตารางนิ้วบนร่างของนางกำลังต้องการให้เขาสัมผัสมันมากขึ้น
”ดูเหมือนเจ้าจะชอบให้ทำเช่นนี้จริงๆ หึ” ชายหนุ่มเล็มใบหูของนาง นางรู้สึกได้ถึงความร้อนจากลมหายใจที่รดลงบนใบหูของตัวเองได้ ชายหนุ่มยิ้ม แล้วกัดเข้าที่ลำคอของนาง
เรี่ยวแรงทั้งหมดราวกับถูกดูดหายไปจากตัว ภาพที่นางตกอยู่ในเงื้อมมือของเขาทำให้ชายหนุ่มรู้สึกต้องการนางมากยิ่งขึ้น เขารู้สึกเหมือนกับว่าสัตว์ร้ายที่ฝังร่างลึกอยู่ภายในตัวของเขากำลังจะกระโจนออกมาได้ทุกเมื่อ
เขาพรมจูบไล่ลงมาตามลำคอของนางพร้อมกับสร้างความเจ็บปวดอันยากจะทานทนไปพร้อมกัน หงส์เพลิงกำมือแน่นเพราะนางอยากหนีไปจากเขา แต่วิสัยทัศน์ของนางกลับดูพร่าเลือนราวกับมีหมอกบางๆ ปกคลุมดวงตา…