ตอนที่ 821 อู๋เสี่ยวเจี๋ยนหลอกเก๋อเก๋อด้วยวาจาไพเราะ
แม้จะให้แพทย์แผนจีนผู้เฒ่าผู้หนึ่งจับชีพจรหลินม่ายแล้ว แต่หลังจากกลับมาจากเจียงเฉิง ฟางจั๋วหรานก็ยังคงพาหลินม่ายไปทดสอบการตั้งครรภ์ที่โรงพยาบาลอีกครั้ง
ไม่ใช่ว่าเขาไม่เชื่อถือการแพทย์แผนจีน แต่หลังจากตั้งครรภ์แล้ว ต้องทำการทดสอบการตั้งครรภ์เพื่อรับรองเรื่องสุพันธุศาสตร์
แพทย์ผู้ทำอัลตราซาวนด์บอกทั้งคู่ว่าหลินม่ายอาจตั้งครรภ์ลูกแฝด
ข่าวนี้ทำให้หลินม่ายมีความสุขมาก
นโยบายระดับชาติในปัจจุบันคือมีลูกได้เพียงหนึ่งคน หากตั้งครรภ์แฝดได้ก็จะมีลูกสองคน
หลินม่ายต้องการมีลูกของตัวเองในชาติที่แล้ว แต่การแต่งงานของเธอก็เป็นเพียงในนามเท่านั้น แล้วเธอจะมีลูกของตัวเองได้อย่างไร?
เพื่อเติมเต็มความฝันในชาติที่แล้ว ในชีวิตนี้ เธอจึงรับเลี้ยงโต้วโต้วในตอนที่เกิดใหม่
ตอนนี้เธอแต่งงานแล้ว เธอก็อยากมีลูกให้ได้มากที่สุด
นับประสาอะไรกับแฝดสองคน เธอยินดีต้อนรับแม้กระทั่งแฝดสามและสี่ด้วยซ้ำ
แน่นอนว่ามีบทความหนึ่งที่เธออ่านในชีวิตที่แล้ว กล่าวว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งคลอดบุตรพร้อมกันเจ็ดคนโดยการตั้งครรภ์เพียงครั้งเดียว
ขณะหลินม่ายและสามีของเธอยิ้มแย้มแจ่มใสเพราะมีลูก ฝั่งอู๋เสี่ยวเจี๋ยนกลับช่างน่าสังเวช
หลังจากได้รับการประเมินโดยผู้ประเมินค่าของที่ระลึกทางวัฒนธรรม กำแพงบ้านที่อู๋เสี่ยวเจี๋ยนทำลายมีมูลค่าหนึ่งหมื่นหยวน
ตามบทบัญญัติมาตรา 275 ของ ‘กฎหมายอาญา’
ผู้ใดทำให้ทรัพย์สินเสียหายโดยเจตนาต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือทั้งจำทั้งปรับ หากมีพฤติการณ์ร้ายแรงอย่างอื่นต้องระวางโทษจำคุกไม่น้อยกว่าสามปี แต่ไม่เกินเจ็ดปี
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนทำลายโบราณวัตถุทางวัฒนธรรม ซึ่งถือเป็นมูลค่ามหาศาลและนับว่าเป็นสถานการณ์ร้ายแรง ศาลจึงตัดสินจำคุกเขาเป็นเวลาสี่ปี
เมื่ออู๋เสี่ยวเจี๋ยนได้ยินว่าตนกำลังจะถูกจำคุกเป็นเวลาสี่ปี เขาก็ถึงกับเข่าทรุดและร่ำไห้
แม้ว่าป้าฝูเก๋อเก๋อแห่งราชวงศ์ชิงจะโกรธที่โดนอู๋เสี่ยวเจี๋ยนหลอกลวง แต่นางก็ไม่ต้องการให้อู๋เสี่ยวเจี๋ยนถูกขังคุกเป็นเวลาสี่ปี
ในช่วงวันที่อู๋เสี่ยวเจี๋ยนถูกควบคุมตัวในศูนย์กักกันและรอคำตัดสิน นางทนได้ในช่วงสองวันแรก แต่เมื่อเวลาผ่านไป นางก็รู้สึกอ้างว้างและเป็นทุกข์
นางเหมือนคนไม่เคยกินเนื้อ พอเริ่มกินเนื้อก็อยากกินเนื้อทุกวัน
นางได้ยินจากเพื่อนในศาลว่าตราบเท่าที่มีการจ่ายเงิน ความผิดของจำเลยจะได้รับการยกเว้นโทษ
ป้าฝูต่อสู้ดิ้นรนอยู่หลายวัน และในที่สุดก็ตัดสินใจได้ นางช่วยอู๋เสี่ยวเจี๋ยนจ่ายเงินหนึ่งหมื่นหยวนที่ทำให้ทรัพย์สินของคนอื่นเสียหาย
จากนั้นจึงขอการอภัยโทษจากโจทก์เพื่อให้อู๋เสี่ยวเจี๋ยนรอดพ้นจากคุก
หากวัวแก่ยังไม่ได้ลิ้มรสความอร่อยของหญ้าอ่อนในตอนแรก หากหญิงชรายังไม่ได้ลิ้มรสหวานล้ำของความรักในวัยชรา ป้าฝูจะไม่เสียสติและต้องการช่วยอู๋เสี่ยวเจี๋ยนจ่ายเงินหนึ่งหมื่นหยวนเพื่อช่วยเขาให้พ้นจากการลงโทษถึงขนาดนี้
เมื่ผู้หญิงตกอยู่ในห้วงแห่งความอ่อนโยน โดยเฉพาะหญิงชรา เพื่อรักษาความอ่อนโยนนั้นไว้ พวกเธอมักจะทำสิ่งโง่เขลาเสมอ
ไม่เช่นนั้นเหตุใดการฆ่าหมูในชาติที่แล้วก็เริ่มต้นด้วยหญิงวัยกลางคนสูงอายุที่หย่าร้างและเป็นหม้ายแทนที่จะเป็นเด็กสาว
เพราะเด็กสาวมีผู้ชายมากมายตามรุมจีบ และชีวิตรักของพวกเธอก็ไม่เหงา
ผู้หญิงวัยกลางคนและผู้สูงอายุที่หย่าร้างหรือเป็นหม้ายล้วนมีความเหงาในชีวิต หากมีผู้ชายที่ห่วงใย พวกเธอจะหลงเชื่ออย่างง่ายดาย
เพื่อรักษาความรักนี้ไว้ นางจึงยอมทำทุกอย่างเพื่อผู้ชายคนนี้
แต่ป้าฝูมีเงินเพียงแปดพันหยวนเท่านั้น หากนางต้องจ่ายให้หลินม่ายหนึ่งหมื่นหยวนก็ยังขาดอยู่นับหลายพัน
นางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหาข้ออ้างขอยืมเงินจากลูกสาวคนเดียวของนาง จากนั้นก็รวบรวมเงินหนึ่งหมื่นหยวนและไปยังมหาวิทยาลัยชิงหวาเพื่อตามหาหลินม่าย
นางอยากจะขอให้หลินม่ายยกโทษอู่เสี่ยวเจี๋ยน เพื่อที่อู๋เสี่ยวเจี๋ยนจะได้รอดจากการติดคุก
ดวงตาของหลินม่ายมีความซับซ้อนเมื่อเห็นเงินหนึ่งหมื่นหยวนในมือของป้าฝู
เหมาฉงบอกเธอก่อนหน้านี้ว่าอู๋เสี่ยวเจี๋ยนและป้าฝูอยู่ด้วยกัน
สิ่งที่เธอเข้าใจคือพวกเขาอยู่ร่วมกันอย่างแท้จริง
เป็นเรื่องค่อนข้างยากสำหรับเธอที่จะเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างชายและหญิง กับป้าคนนี้และชายหนุ่มคนนั้น
ในเวลานั้น เธอสงสัยว่าความสัมพันธ์ระหว่างป้าฝูกับอู๋เสี่ยวเจี๋ยนนั้นไม่ปกติ
ครั้งนี้หลินม่ายไม่สงสัยอีกต่อไป แต่เชื่อมั่นได้แล้วว่าเป็นเรื่องจริง
ไม่อย่างนั้นก็คงมีเพียงแม่ที่พยายามหาเงินหนึ่งหมื่นหยวนมาให้หลินม่ายและน้องขอให้ปล่อยอู๋เสี่ยวเจี๋ยนไป
ระหว่างป้าฝูและอู๋เสี่ยวเจี๋ยนต้องไม่ใช่ความสัมพันธ์แบบแม่ลูกแน่
หลินม่ายชื่นชมอู๋เสี่ยวเจี๋ยนจากใจจริงที่เกลี้ยกล่อมป้าฝูให้ลุ่มหลงเขาได้ถึงขนาดนี้
หลินม่ายไม่รับเงินที่ป้าฝูพยายามอย่างหนักเพื่อให้ได้มา และปฏิเสธอย่างเย็นชา
หากเธอรับเงินและต้องให้อภัย เธอก็จะไม่ได้เห็นอู๋เสี่ยวเจี๋ยนขายน้องชายและน้องสาวของตัวเองเพื่อหาเงินมาให้หลินเพ่ยน่ะสิ?
เธอต้องทำให้ป้าฝูและอู๋เสี่ยวเจี๋ยนต้องทนทุกข์ทรมานเสียก่อน
แม้พวกเขาจะรีบร้อน แต่เธอไม่ได้รีบร้อน
ป้าฝูขอร้องอยู่นาน แต่หลินม่ายไม่แยแส แม้นางจะร้องไห้จนน้ำตาเป็นสายเลือดก็ตาม
หลินม่ายใช้เวลาไปยังสถาบันศิลปะตามที่วางแผนไว้และขอให้อาจารย์ของสถาบันศิลปะแนะนำนักเรียนยากจนให้เป็นครูของโต้วโต้ว
นักเรียนรุ่นพี่คนนี้ชื่อหงอ้ายเหลียน และหล่อนเป็นคนติดดินคนหนึ่ง
ผู้ที่จะสอนโต้วโต้วให้เรียนรู้การวาดภาพนั้นต้องมีความอดทนและมีบุคลิกภาพที่ดี โต้วโต้วชอบมากหล่อน อาจารย์และนักเรียนก็เข้ากันได้ดี
เกือบสิบวันผ่านไปในพริบตา
ในช่วงสิบวันที่ผ่านมา ป้าฝูไม่เพียงแต่ไปเยี่ยมอู๋เสี่ยวเจี๋ยนทุกวันเท่านั้น แต่ยังมาที่มหาวิทยาลัยชิงหวาเกือบทุกวัน ร้องไห้อ้อนวอนหลินม่ายให้ปล่อยอู๋เสี่ยวเจี๋ยนไป
เมื่อเห็นว่านางทรมานมากพอแล้ว หลินม่ายจึงแสร้งทำเป็นรับเงินหนึ่งหมื่นหยวนด้วยความไม่เต็มใจและออกหนังสือยินยอมให้นาง
หลังจากได้รับหนังสือยินยอม ป้าฝูก็น้ำตาไหลและรีบไปที่ศาลด้วยความตื่นเต้น
หลินม่ายยังไม่ได้กินข้าวเที่ยง เธอรีบเร่งขับรถไปที่บ้านของเหมาฉงและขอให้เขาทำสิ่งสำคัญแก่เธอ
เหมาฉงฟังสิ่งที่หลินม่ายขอให้เขาทำ แม้ว่ามันจะค่อนข้างยากและน่าขยะแขยง
แต่เขาก็ยังแสดงท่าทางยอมรับ พร้อมบอกว่าจะทำงานนี้ให้สำเร็จลุล่วง
ป้าฝูนำจดหมายยินยอมที่หลินม่ายออกให้ไปยังศาล หลังจากนั้นไม่กี่วัน ในที่สุดอู๋เสี่ยวเจี๋ยนก็ได้รับการปล่อยตัวจากศูนย์กักกัน
ป้าฝูเดินทางมารับตัวเขาที่ศูนย์กักกันเป็นการส่วนตัว
ทันทีที่ทั้งสองเข้ามาในพื้นที่ชุมชน เพื่อนบ้านในละแวกนั้นก็เห็นพวกเขา
เพื่อนบ้านหลายคนจึงล้อมรอบพวกเขาไว้
ทุกคนถามป้าฝูด้วยความไม่พอใจว่าทำไมถึงพาโจรคนนี้กลับเข้ามาในชุมชน? ไม่เห็นด้วยที่จะขับไล่เขาออกไปหรือ?
ใบหน้าของป้าฝูบิดเบี้ยวและพูดอย่างหยิ่งยโส “ไม่มีกฎหมายใดที่กำหนดว่าหากขโมยลักเอาของบางอย่างไป เขาจะไม่มีสิทธิ์อยู่อาศัยที่นี่สักหน่อยนี่ ฉันจะให้เสี่ยวอู๋อาศัยอยู่ในบ้านของฉัน แล้วพวกคุณจะทำไม?
เพื่อนบ้านในละแวกนั้นโกรธมาก แต่พวกเขาเห็นใจป้าฝูและยอมรับอู๋เสี่ยวเจี๋ยนไม่ได้จริง ๆ
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนติดตามป้าฝูกลับไปที่บ้านของนาง
ทันทีที่อู๋เสี่ยวเจี๋ยนเข้าประตู เขาอยากจะพูดขอบคุณ แต่ก่อนที่เขาจะอ้าปาก ป้าฝูก็ตบเขาหลายครั้ง
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนตกตะลึง
เขากุมใบหน้าครึ่งหนึ่งที่ถูกตบ และถามอย่างโกรธเคืองแกมงุนงง “เก๋อ… เก๋อเก๋อ คุณตบผมทำไม?”
ป้าฝูถามด้วยความโกรธและใบหน้าเศร้าหมอง “โกหกฉันทำไม?”
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนกลัวมากจนตัวสั่น เขาคิดว่าป้าฝูรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเขากับหลินเพ่ยและมาสะสางบัญชีกับเขา
แต่เขายังคงแสร้งถามอย่างงุนงง “ผม… ผมโกหกอะไรคุณ?”
ป้าฝูพูดด้วยความโกรธ “เธอโกหกอะไรฉันงั้นเหรอ? เห็นชัดว่าเธอต่างหากที่ก่อกวนหลินม่าย เธอทั้งซื้อดอกกุหลาบและเขียนจดหมายถึงหล่อนโดยไม่ระบุตัวตน พยายามทุกอย่างเพื่อให้หล่อนตอบกลับ แต่กลับโกหกฉันว่าหล่อนเป็นคนที่ทอดทิ้งและคอยตามก่อกวนเธอ เธอหลอกลวงฉันเพื่อจะได้มีที่อยู่อาศัยและมีข้าวกินสินะ!”
ป้าฝูเล่าทุกอย่างที่ได้ฟังจากหลินม่ายในอึดใจเดียว และนางก็เหนื่อยจนแทบหมดลมหายใจ
นางต้องการถามอู๋เสี่ยวเจี๋ยนมานานแล้วว่าเขาหลอกใช้ตนหรือไม่ แต่ก็น่าเสียดายที่อู๋เสี่ยวเจี๋ยนถูกจับหลังนางกลับมาจากมหาวิทยาลัยชิงหวาพอดี
นางไม่สามารถไปเยี่ยมเยียนเขาได้ในช่วงที่ถูกคุมขัง จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะซักถามอู๋เสี่ยวเจี๋ยน
ตอนนี้อู๋เสี่ยวเจี๋ยนได้รับการปล่อยตัวแล้ว แน่นอนว่านางต้องถามว่าเกิดอะไรขึ้น
หากอู๋เสี่ยวเจี๋ยนหลอกใช้นางจริง นางจะบังคับให้เขาคืนเงินหนึ่งหมื่นหยวนที่จ่ายไป
หากเขาปฏิเสธ นางจะไปสถานีตำรวจและแจ้งความในข้อหาฉ้อโกงและต่อสู้กับเขาทุกวิถีทาง!
แม้ว่านางจะมีความรักอย่างลึกซึ้ง แต่เมื่อคิดว่าอู๋เสี่ยวเจี๋ยนหลอกลวงนาง ความโกรธก็พลันเข้าครอบครองจิตใจจนทำให้ความรักหายไป
ตัวแทนแห่งความรักและความโกรธกำลังต่อสู้กันอยู่ในจิตใจของนาง
ตัวแทนแห่งความโกรธต้องการความรักจากอู๋เสี่ยวเจี๋ยน แต่ไม่ต้องการถูกหลอก
นั่นเป็นสาเหตุที่พฤติกรรมของป้าฝูที่มีต่ออู๋เสี่ยวเจี๋ยนดูย้อนแย้งอย่างยิ่ง
นางพยายามหาเงินประกันตัวเขา แต่ก็ยังตบหน้าเขาและต้องการส่งเขาไปยังสถานีตำรวจ
สะท้อนให้เห็นถึงความขัดแย้งภายในของนางอย่างชัดเจน
เมื่ออู๋เสี่ยวเจี๋ยนได้ยินเรื่องนี้ เขาก็รู้สึกโล่งใจทันที
ตราบใดที่เพ่ยเพ่ยยอดดวงใจของเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เขาก็ไม่มีอะไรต้องกลัว
หากหญิงชราผู้นี้รู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเขากับหลินเพ่ย เขากลัวว่านางจะสร้างปัญหาให้กับหลินเพ่ย
เขาเย้ยหยันอย่างเย็นชาในใจ ‘ไม่ใช่เพราะฉันหวังผลประโยชน์จากแกเหรอนังแก่แร้งทึ้ง ไม่อย่างนั้นใครจะกล้าปรนนิบัติรับใช้ใกล้ชิดแกขนาดนี้กันล่ะ?’
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนคิดเช่นนั้นในใจ แต่ใบหน้าของเขายังคงเต็มไปด้วยความจริงใจ “เก๋อเก๋อ ผมโกหกคุณก็จริง แต่ก็แค่บางส่วนนะ”
ป้าฝูถามอย่างเย็นชา “ส่วนไหน?”
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนพูดตะกุกตะกัก “ก็… ก็จริงอยู่ที่ผมรบกวนหลินม่าย”
ป้าฝูฉุนขึ้นทันที “ไม่ว่ายังไงเธอก็ยังหลอกใช้ฉันอยู่ดี!”
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนแสร้งทำเป็นทำตัวไม่ถูก “เก๋อเก๋อ ฟังคำอธิบายของผมก่อนได้ไหมครับ?”
เมื่อเห็นท่าทางอ่อนน้อมถ่อมตนของเขา ใจของป้าฝูก็อ่อนลงเล็กน้อย “งั้นบอกฉันมาสิ ฉันจะดูว่าเธอจะหลอกฉันด้วยคำพูดหวาน ๆ ยังไงอีก”
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนพูดอย่างเสียใจ “ผมรบกวนหลินม่ายด้วยเหตุผลบางอย่าง”
ป้าฝูหรี่ตามองเขา “เหตุผลอะไร?”
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนแสร้งทำเป็นกระดากอาย “ผม… ผมเคยแต่งงานกับนังแพศยาหลินม่ายนั่นจริง หล่อนเกลียดคนจนและรักคนรวย หล่อนจึงหย่ากับผม ผมไม่สามารถลืมความเจ็บปวดนี้ได้ ดังนั้น… ผมจึงอยากแก้แค้นหล่อน การแสร้งทำเป็นไล่ตามหล่อนนั้นแท้จริงแล้วเป็นการทำให้หล่อนขายหน้า ไม่เช่นนั้น ผมคงไม่ให้ดอกกุหลาบจากถังขยะให้หล่อน”
สีหน้าของป้าฝูผ่อนคลายลงมาก แต่ใบหน้าของนางยังคงเศร้าหมอง “แสดงว่าเธอแกล้งทำเป็นคนแปลกหน้าและเขียนจดหมายถึงหล่อนเพื่อเริ่มการสนทนาอย่างงั้นเหรอ? แสดงว่าชื่อปลอมทุกชื่อที่หลินม่ายบอกมาคือคุณทั้งหมดสินะ”
“ใช่ครับ!” อู๋เสี่ยวเจี๋ยนแสดงความรังเกียจ “คนโง่อย่างหล่อนมักอ่อนไหวกับเรื่องเล็กน้อยแบบนี้ แต่ทุกชื่อที่หล่อนบอกกล่าวต่อคุณมันไม่ได้หมายถึงผมทั้งหมด มันคือจดหมายรักที่เขียนถึงหล่อนโดยใช้นามแฝงของคนที่หล่อนรัก แต่หล่อนกลับหลงตัวเองและคิดว่ามาจากหัวใจของผม”
ป้าฝูตะคอกอย่างเย็นชา “จริงเหรอ?”
“จริงสิครับ!” อู๋เสี่ยวเจี๋ยนตอบอย่างเด็ดขาด
“ผมใช้จดหมายพวกนั้นหลอกล่อหล่อนว่าผมลืมหล่อนไม่ได้ ผมไม่เพียงแกล้งเป็นคนอื่นเขียนจดหมายรักให้หล่อน แต่ยังใส่ที่อยู่ของผู้ที่ผมแอบอ้างลงไปในจดหมายด้วย หากหล่อนติดตามไปยังที่อยู่นั้น หล่อนก็จะเห็นว่าคนเหล่านั้นมีตัวตนจริงและไม่ใช่ผม”
ป้าฝูมองเขาอย่างสงสัย “เธอพูดจริงเหรอ?”
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนพยักหน้า “ทุกประโยคเป็นความจริง คุณสามารถตรวจสอบได้”
ป้าฝูจ้องมองเขาเป็นเวลานาน และเห็นว่าเขาไม่ได้ลุกลี้ลุกลน แม้เธอจะยังสงสัย แต่ก็ไม่ต้องการเจาะลึกในรายละเอียด
นางกลัวว่าจะพบความจริงที่ตนยอมรับไม่ได้
ความรักเหมือนดังมนตรา ทำให้ผู้คนหูหนวกและตาบอดจนยากจะหยุดได้
เมื่อเห็นว่าป้าฝูเชื่อในคำพูดของเขา อู๋เสี่ยวเจี๋ยนก็อดไม่ได้ที่จะแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก และทำงานหนักเป็นพิเศษในตอนกลางคืนเพื่อเอาใจป้าฝู
ป้าฝูมีความสุขที่ได้อยู่กับอู๋เสี่ยวเจี๋ยนอีกครั้ง และไม่ต้องการค้นหาว่าแฟนหนุ่มนอกใจตนหรือไม่อีกต่อไป
……………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
วาจาแกมันก็หลอกได้แค่คนแก่ที่ไม่เคยสัมผัสความรักเท่านั้นแหละสวะเสี่ยวเจี๋ยน
ไหหม่า(海馬)