บทที่ 797 ข้าคอยเฝ้ามองอยู่ตรงนี้เอง หวังว่าเจ้าจะไม่กลัวจนปัสสาวะราด!
“พวกเจ้าแน่ใจหรือว่าจะเอาจำนวนเข้าข่ม”
บรรพจารย์ตงชิวหันมองบรรพจารย์พิศวงลางร้ายทั้งหกพลางถาม
“กลัวหรือไร กลัวไปก็เปล่าประโยชน์!”
“คิดจะให้เราสู้ตัวต่อตัวกับเจ้าหรือ อย่าหวังเลย!”
บรรพจารย์พิศวงลางร้ายทั้งหกยิ้มเย็น ไม่มีทางต่อสู้ตัวต่อตัวแน่นอน พวกมันตั้งใจจะรุมฆ่าบรรพจารย์ตงชิวและบรรพจารย์แห่งดินแดนอื่น
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ได้ พวกเราจัดให้ตามคำขอ!”
บรรพจารย์ตงชิวคลี่ยิ้มกว้าง ตะโกนบอกบรรพจารย์แห่งแดนอื่น “สหายเอ๋ย มัวรอกระไรอยู่ ลงมือ!”
“ได้เลย!”
“เอาจำนวนเข้าข่มหรือ เช่นนั้นพวกเราจะเอาจำนวนเข้าข่มบ้าง!”
บรรพจารย์แห่งดินแดนต่าง ๆ ระเบิดพลังปราณออกมา ทั้งหมดล้วนอยู่ในขอบเขตลอยชาย รวมแล้วกว่ายี่สิบตน
“อะไรกัน?!”
“นี่มัน…เป็นไปได้อย่างไร?!”
หลังบรรพจารย์พิศวงลางร้ายทั้งหกรับรู้ถึงพลังปราณขอบเขตลอยชายของบรรพจารย์ดินแดนต่าง ๆ ก็ตกตะลึงจนขาสั่น
เหตุใดถึงบรรลุขอบเขตลอยชายกันหมด?!
ยี่สิบกว่าตนเชียว สู้อย่างไรไหว?
สู้ไม่ได้เลย!
“ตัวต่อตัวได้หรือไม่”
บรรพจารย์พิศวงลางร้ายตนหนึ่งเอ่ยด้วยตัวอันสั่นเทา
“เจ้าบอกเองมิใช่หรือ เอาจำนวนเข้าข่ม!”
บรรพจารย์ตงชิวบุกเข้าไปทันที บรรพจารย์แห่งดินแดนอื่น ๆ ตามหลังไปติด ๆ กำลังรบระดับลอยชายกว่ายี่สิบตนระเบิดพลังเต็มพิกัด บรรพจารย์พิศวงลางร้ายทั้งหกไม่อาจสู้ พริบตาเดียวก็ถูกสังหารเกลี้ยง!
“วิ่งเร็ว!”
“เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้ไปได้!”
สิ่งมีชีวิตฝ่ายพิศวงลางร้ายแตกตื่น ทั้งหมดพากันวิ่งหนีอุตลุด
ผลลัพธ์เช่นนี้เหนือความคาดหมายไปมาก!
เดิมพวกมันคิดว่าจะได้กำจัดสิ่งมีชีวิตในแดนบรรพโกลาหลที่นี่จนสิ้นซาก สุดท้ายพวกมันกลับรนหาที่เสียเอง!
“ไป!”
“ห้ามปล่อยไปแม้แต่ตนเดียว!”
พวกบรรพจารย์ตงชิวไม่ได้เคลื่อนไหว ปล่อยให้สิ่งมีชีวิตแดนบรรพโกลาหลตนอื่นออกโรงเอง
สิ่งมีชีวิตแดนบรรพโกลาหลเหล่านี้ก็ยกระดับพลังแล้วเช่นกัน ต่างเก่งขึ้นกว่าเก่า ปลิดชีพสิ่งมีชีวิตพิศวงลางร้ายที่เหลือได้ไม่มีปัญหา
…..
ในจักรวาลโกลาหลอีกแห่งอันห่างไกล
“บรรลุกันถ้วนหน้าเชียวหรือ”
“ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าเป็นฝีมือของคนผู้นั้น!”
ต้นบรรพจารย์พิศวงลางร้ายทั้งหลายยิ้มเย็น คอยจับตาดูสถานการณ์ในสมรภูมิอยู่ตลอด
พวกมันรู้ดีว่าแดนบรรพโกลาหลเป็นอย่างไร หากมิใช่หลี่จิ่วเต้าที่ลงมือ พวกบรรพจารย์ตงชิวไม่มีทางบรรลุได้แน่
“บรรลุไปก็เปล่าประโยชน์!”
“พวกเจ้าไปเถิด จงสังหารพวกมันให้หมด ไล่ต้อนจนกว่าคนผู้นั้นจะปรากฏตัว!”
พวกมันไม่ได้กังวลใจ บัดนี้ พวกมันแข็งแกร่งมากพอ ต่อให้หลี่จิ่วเต้าจะแกร่งกล้าปานใดก็ไม่มีทางทำสิ่งใดได้
ด้านหลังพวกมันมีสิ่งมีชีวิตพิศวงลางร้ายอันมีพลังปราณสยดสยองอยู่เหลือคณานับ พวกมันออกคำสั่งต่อสิ่งมีชีวิตพิศวงลางร้ายบางตนในนั้น
พวกบรรพจารย์ตงชิวอยู่ราว ๆ ขอบเขตลอยชายขั้นหนึ่ง ส่วนสิ่งมีชีวิตพิศวงลางร้ายทั้งหลายที่พวกมันส่งออกไปอยู่ในขอบเขตลอยชายขั้นห้า
เมื่อกำลังรบระดับนี้รุดหน้าไปที่นั่น ย่อมสังหารพวกบรรพจารย์ตงชิวได้ง่ายดาย
หลังจากนั้น พวกมันชี้นิ้วออกไปเป็นเส้นทางเส้นหนึ่งซึ่งเชื่อมตรงไปยังสนามรบ
สิ่งมีชีวิตพิศวงลางร้ายทั้งหลายก้าวลงไปบนเส้นทางนั้นทันที มุ่งหน้าไปยังสมรภูมิ
…..
นอกเมืองชิงซาน
สุนัขดำนอนหมอบตากแดดอยู่ริมลำธาร
เวลานั้นเอง จู่ ๆ มันก็เงยศีรษะขึ้นมองนภา
“พลังน่าพรั่นพรึงเบื้องหลังความพิศวงลางร้ายปรากฏแล้ว!”
มันพึมพำเสียงเบา
มันผู้มาจากแดนบรรพโกลาหลรู้ดีว่าแดนบรรพโกลาหลกำลังเผชิญอยู่กับสิ่งใด มันคอยจับตาดูสถานการณ์ที่แดนบรรพโกลาหลอยู่ตลอด
และบัดนี้ มันสัมผัสได้ว่าพลังสายหนึ่งกำลังตรงไปยังแดนบรรพโกลาหล พลังนั้นไม่ใช่ระดับที่พวกบรรพจารย์ตงชิวจะต่อกรได้
“พี่หลิว พี่หิน ข้าขอไปช่วยพวกเขาก่อน!”
มันบอกกับต้นหลิวและก้อนหิน
ช่วงที่ผ่านมา มันคลุกคลีกับต้นหลิวและก้อนหินจนสนิทสนมกันแล้ว ยามว่างจะมานอนตากแดดที่นี่
“ได้ ไปเถิด แต่ระวังตัวด้วย อย่าได้ประมาท”
ต้นหลิวกำชับสุนัขดำ
มันเองก็สังเกตเห็นพลังมวลนี้เช่นกัน ทั้งยังจับสัมผัสพลังมืดมิดได้ราง ๆ เบื้องหลังความพิศวงลางร้ายย่อมไม่ธรรมดา อาจมีความเกี่ยวข้องกับพลังมืดมิด…
“เข้าใจแล้ว!”
สุนัขดำพยักหน้า จากนั้น ร่างของมันหายไป มุ่งหน้าไปยังสนามรบ
มันว่องไวกว่าสิ่งมีชีวิตพิศวงลางร้ายเหล่านั้น มันไปถึงสนามรบก่อนสิ่งมีชีวิตพิศวงลางร้ายเสียอีก
สมรภูมิที่นี่วุ่นวายอย่างยิ่ง สิ่งมีชีวิตจากแดนบรรพโกลาหลกำลังไล่ล่าสิ่งมีชีวิตพิศวงลางร้ายที่หนีหัวซุกหัวซุน การต่อสู้ดำเนินไปด้วยชัยชนะจากฝ่ายเดียว ภายใต้การหล่อเลี้ยงจากสสารฝึกฝนระดับสูง สิ่งมีชีวิตแดนบรรพโกลาหลยกระดับกันถ้วนหน้า พลังเหนือชั้นกว่าฝ่ายสิ่งมีชีวิตพิศวงลางร้ายหลายส่วน
“พวกเจ้าถอยกลับไปได้ การต่อสู้ต่อจากนี้มิใช่ระดับที่พวกเจ้าจะเข้าร่วมได้”
สุนัขดำมาถึงจุดที่พวกบรรพจารย์ตงชิวอยู่ และเอ่ยเสียงเครียด
“เจ้าเองหรือ!?”
บรรพจารย์เฝยอี๋หมายหัวสุนัขดำทันที จิตสังหารพลุ่งพล่าน ทายาทหนึ่งเดียวของมันถูกสุนัขดำสังหาร มันแค้นสุนัขดำเข้ากระดูก!
จากนั้น มันลงมือหมายจะปลิดชีพสุนัขดำ แต่ถูกบรรพจารย์แห่งดินแดนอื่น ๆ ห้ามไว้
บรรพจารย์แห่งดินแดนอื่น ๆ รู้เรื่องหนี้แค้นระหว่างบรรพจารย์เฝยอี๋และสุนัขดำดี อันที่จริง พวกเขาต่างชื่นชมสุนัขดำและชอบสุนัขดำมากกว่า มิฉะนั้น เมื่อคราวสุนัขดำถูกบรรพจารย์เฝยอี๋ลอบทำร้ายและส่งไปหาบรรพจารย์พิศวงลางร้าย พวกเขาคงไม่เปลืองแรงช่วยสุนัขดำกลับมา
“ไยต้องห้ามข้าด้วย?!”
บรรพจารย์เฝยอี๋คำรามกราดเกรี้ยว “ทายาทเพียงหนึ่งเดียวของข้าถูกมันฆ่า ข้าไม่มีทางปล่อยมันไป ข้าจักฆ่ามันเพื่อแก้แค้น!”
“ศัตรูฉกาจอยู่ตรงหน้า ไม่ว่าเรื่องใดรอให้ศึกนี้จบก่อนแล้วค่อยว่ากัน!”
“ไม่เห็นเส้นทางนั้นหรือ ประเดี๋ยวศัตรูตัวฉกาจก็จะมาถึงแล้ว!”
บรรพจารย์แห่งดินแดนอื่น ๆ พากันกล่าวขึ้น
เส้นทางหนึ่งเชื่อมตรงเข้ามา พวกมันรู้ดีว่าคงมีสิ่งมีชีวิตจากฝ่ายพิศวงลางร้ายเดินทางมาที่นี่อีกแล้ว
“ต่อให้ศัตรูตัวฉกาจมาแล้วอย่างไร เกี่ยวอันใดกับตัวละครต่ำต้อยเยี่ยงมัน!”
บรรพจารย์เฝยอี๋แค่นเสียงเย็น “ฆ่ามันไปก็มิได้ส่งผลกระทบกับเราแต่อย่างใด! ในการต่อสู้ระดับนั้น มันไม่มีทางเป็นประโยชน์ได้เลย!”
“เช่นนี้หมายความว่าเจ้ามีประโยชน์หรือ”
สุนัขดำทอดมองบรรพจารย์เฝยอี๋ด้วยความขบขัน
วันนี้ไม่เหมือนวันวานแล้ว!
ในอดีต มันนั้นสู้ไม่ไหว เพราะยังไม่ได้ก้าวสู่ขอบเขตโกลาหลขั้นเก้าด้วยซ้ำ ทว่าบัดนี้มันไม่เหมือนเดิมแล้ว!
ลานเล็กของคุณชายมหัศจรรย์ยิ่ง หลังมันตามคุณชายกลับมาอยู่ในลานเล็ก ก็บรรลุติดต่อกันจนบัดนี้ มันอยู่ในขอบเขตลอยชายขั้นเก้า!
มิฉะนั้น มันคงไม่รุดหน้ามาเป็นกองหนุนที่นี่
“แน่นอน!”
บรรพจารย์เฝยอี๋เอ่ยเสียงเย็น “เจ้าไหนเลยจะเทียบกับข้าได้?!”
“ดี เช่นนั้นอีกเดี๋ยวพอศัตรูมาถึง ให้เจ้านำดีหรือไม่!”
สุนัขดำหัวเราะ นี่ก็เพราะมันไม่อยากถือสาบรรพจารย์เฝยอี๋เท่านั้น มิฉะนั้น มันคงตบบรรพจารย์เฝยอี๋ตายไปแล้ว
ลูกหลานบรรพจารย์เฝยอี๋ก่อกรรมทำเข็ญอยู่ในแดนบรรพโกลาหลโดยอวดอ้างฐานะ ทำชั่วไว้สารพัด หลังถูกมันสังหาร บรรพจารย์เฝยอี๋ไล่ฆ่ามันโดยไม่ถามต้นสายปลายเหตุ ซ้ำยังลอบทำร้ายมันขณะต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตพิศวงลางร้าย ส่งตัวมันไปหาบรรพจารย์พิศวงลางร้ายจนมันเกือบตาย
“ข้าไม่นำแล้วเจ้าจะนำหรืออย่างไร ข้าต้องนำอยู่แล้ว!”
บรรพจารย์เฝยอี๋เอ่ยด้วยจิตสังหารอันพลุ่งพล่าน “หลังจัดการศัตรูเสร็จ ข้าจักฆ่าเจ้าลงที่นี่ ถึงครานั้น ผู้ใดขวางข้า อย่าหาว่าข้าไร้เยื่อใยแล้วกัน!”
“ได้ ข้าคอยเฝ้ามองอยู่ตรงนี้เอง หวังว่าถึงเวลา เจ้าจะไม่กลัวจนปัสสาวะราด!”
สุนัขดำหัวเราะ
ลำพังพลังแค่นั้นของบรรพจารย์เฝยอี๋น่ะหรือจะนำ
มีหวังได้กลัวจนปัสสาวะราดจริง ๆ!