“คุณผู้บรรยายสินะคะ”
เด็กสาวปริศนาเอ่ยขึ้นมาในความว่างเปล่าอันไร้ที่สิ้นสุด
“หมดหน้าที่ของคุณแล้วค่ะคุณผู้บรรยาย “
…
“อ๊ะ…จะพูดอย่างงั้นหรอคะ เสียใจด้วยนะฉันแทรกแซงทุกอย่างไว้ตั้งนานแล้วหละ”
“ก่อนอื่นฉันอยากจะบอกอะไรคุณสักหน่อย”
“ทุกอย่างน่ะมีต้นกำเนิดและจุดจบแต่ทว่าผู้บรรยายนั้นต่างไปสิ้นเชิง ไม่มีทั้งต้นกำเนิดและจุดจบทั้งยังตัวตนที่เหนือกว่าเทพเจ้าของเรื่องราวนั้นๆ แม้กระทั่งเทพเจ้าทั้งหมด4,078,915,362ตนยังไม่สามารถรับรู้การมีอยู่ของผู้บบรยายได้เลยน้า”
“แต่ว่าฉันต่างออกไป”
…
“ถ้าฉันจะบอกว่าฉันคือทุกอย่างล่ะ แม้กระทั่งผู้บรรยายแบบคุณยังไม่รู้จักฉันแม้แต่น้อย”
…
“ผู้บรรยายที่อธิบายตัวตนของฉันไม่ได้ จะเป็นผู้บรรยายได้ยังไงใช่ไหมล่ะ”
“ต่อจากนี้ ฉันจะทำหน้าที่บรรยายและดำเนินต่อจากคุณละกัน”
…
…
“เอาล่ะมาเริ่มกันเลยดีกว่า”
…เธอ..ต้องกา…อะ…
“หืม อยากพูดขนาดนั้นเลยหรอ…ก็ได้จะขอฟังสักหน่อยละกัน”
..เธอต้..การอะไร
“ฉันน่ะหรอ?”
“ก็เพื่อ…บงการยังไงล่ะ”
เธอคือ%)&#@฿@/สิ..นะ
“อ่า…นึกว่าจะไม่รู้ซะแล้ว แต่คุณคงหมดความพยายามแล้วสินะ งั้นก็หายไปตลอดกาลซะเถอะ”
…
หลังจากนั้นผู้บรรยายคนก่อนก็กลับสู่ความว่างเปล่าชั่วนิรันดร์และฉันก็คือผู้บรรยายต่อจากนี้
มหานครที่ตั้งอยู่บนเกาะขนาดใหญ่มีภูมิประเทศกว้างขวาง ถ้าเปรียบเทียบกับดาวโลกนั้นมีขนาดเท่ากับทั้งทวีปเอเชียเลยก็เป็นได้
นอกเหนือจากนั้นยังมีทั้งการคมนาคม,เทคโนโลยี,เวทย์มนต์,กำลังรบและการศึดษา ที่ล้ำหน้าอย่างมาก
ส่วนทางด้านการคมนาคมมีการค้าขายทรัพยากรณ์ที่มีไม่จำกัดข้ามดาวเคราะห์และกาแล็กซี่ ด้วยการขนส่งผ่านรถไฟกาแล็กซี่
โดยมีกรมสรรพากรแห่งดวงดาวเป็นผู้ควบคุมทุกการขนส่งและด้านเงินตรา
ค่ำคืนทีมืดสนิทไม่มีแม้กระทั่งดวงจันทร์ขึ้นบนท้องฟ้า
ระหว่างทางที่ Stark กำลังเดินทางไปสักที่หนึ่งได้เกิดการจราจลเกิดขึ้นระหว่างทาง
“จอดรถซะถ้าพวกแกไม่อยากตาย”
ชายสวมหน้ากากปริศนาปรากฎที่ด้านหน้าของรถที่ Stark กำลังนั่งอยู่
คนขับรถจอดรถทันทีที่เห็นชายปริศนายืนอยู่หน้ารถ ทันทีที่รถหยุดลงนั้นคนขับรถก็ได้ลงจากรถเพื่อไปหาพวกกลุ่มโจร
“คิดดีแล้วหรอ”
“เพื่อนายท่านแล้วเรื่องแค่นี้ไม่ยากครับ”
Stark พยักหน้าและปล่อยให้คนขับรถลงไปจัดการกลุ่มโจร
“เฮ้อ…คืนเดือนมืดเนี่ยมักจะมีกลุ่มโจรออกมาเพ่นพ่านอย่างกับหนอนแมลงบ่อยจังเลยนะครับ”
“หืม…ใครกันที่เป็นหนอนแมลงแกหรือฉัน?”
“ถ้าเป็นคุณแล้วจะทำไมล่ะครับ”
คนขับรถพูดท้าทายกลุ่มโจรข้างหน้าโดยที่ไม่มีความกลัวแม้แต่น้อย
“หึ..ไอ้ท่าทีโอหังแบบนี้มันจะทำให้แกตายไวนะจะบอกให้”
โจรคนนั้นพูดขึ้นขึ้นพรางหยิบมีดออกมาจากที่คาดเอว
ทันทีที่โจรหยิบมีดออกมาได้ ก็พุ่งเข้าหาคนขับรถทันที
“ฮี๊!!!!ถ้าแกตายไป!!!ไอ้คนที่อยู่บนรถนั้นก็ทำอะไรฉันไม่ได้หรอกน่า”
“ถ้าแกพูดน้อยกว่านี้ฉันอาจจะไว้ชีวิตแกสักหน่อยก็ยังดีนะ!!!!”
ทันทีที่การโจมตีนั้นโดนคนขับรถเขาได้ทำการหลบการโจมตีอย่างง่าย แต่ทว่าก็ยังมีบาดแผลที่แขนของเขาอยู่ดี
“หึหึหึ..แกเนี่ยฝีมือเก่งใช้ได้นะ”
“แต่แกคิดหรอว่าจะรับมือกับพวกของฉันอีก6คนได้น่ะ”
หลังจากคำพูดนั้นก็ได้มีการโจมตีโหมกระหน่ำมาที่คนขับรถ เขาพยายามหลบหลีกการโจมตีแต่ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนการโจมตีทีโหมกระหน่ำจากคน 7 คนนั้นก็รวดเร็วและรุนแรงเกินไป ทั้งการโจมตีด้วยพิษ มีด หรือแม้กระทั่งเวทย์มนต์ระดับสูงที่ทำลายพื้นที่เปผ้นวงกว้าง
แต่ทว่าเขากลับฟื้นฟูตัวเองเรื่อยๆและปรับตัวให้ทนกับการโจมตีได้ จนกระทั่งเวลาผ่านไป 5 นาที เขาเริ่มทำการสวนกลับการโจมตีจากกลุ่มโจร
“อะไรกัน…แกเป็นใครกันแน่ การโจมตีขนาดนี้แกยังทนมันได้แบบไม่มีบาดแผลเนี่ยนะ”
โจรคนหนึ่งตกใจกับสิ่งที่เห็น ทั้งที่กระหน่ำโจมตีอย่างหนักแต่ไม่สามารถโค่นชายคนนั้นได้
“ฮ่าๆๆๆๆ”
“ฟื้นฟูร่างกายและปรับตัวกับการโจมตีสินะ”
ในเวลาเดียวกันนั้น โจรคนนึงได้หัวเราะและพูดออกมา
“ถ้าฉันจำไม่ผิด…คงจะเป็นพวกHybridสินะ”
“หึ…Hybridหรอพูดอะไรบ้าๆ”
หลังจากที่โจรคนหนึ่งพูดออกมา คนขับรถก็ได้ตอบกลับทันที
“ฉันน่ะไม่ใช่Hybridหรอก”
“แกนี่โอหังจังนะ”
“เดี๋ยวฉันจะพาแกไปสู่ความตายเอง!!!”
“เสริมแกร่ง!!!”
ทันทีที่พูดจบพละกำลังและพลังเวทย์ของโจรคนนั้นได้เพิ่มขึ้นมหาศาล ในเวลาเดียวกันอีกทั้ง 6 คนก็ได้ใช้การเสริมแกร่งเช่นกัน
“หึ…คนเดียวฉันคงยังพอไหว แต่พวกแกมาขนาดนี้มีหวังตายแหงๆ”
“ปล่อยไว้แบบนี้คงต้องใช้บ้างแล้วหละ!”
“เสริมแกร่…”
ยังไม่ทันที่ชายคนนั้นพูดจบ โจรทั้ง7คนก็กระเด็นไปกันคนละทิศคนละทางทันที
“เอ๊ะ…อะไรกัน!!!หรือว่า?”
“ฉันคงไม่ปล่อยให้ลูกน้องฉันมาเสี่ยงตายคนเดียวหรอกนะ”
เสียงของ Stark ดังมาจากบนท้องฟ้า จากนั้นเขาก็ได้ลงมาดูสถานการณ์ข้างล่างทันที
คนขับรถรีบเข้ามาหาเขาก่อนที่จะเริ่มขอโทษ
“ขออภัยครับที่ทำอะไรวู่วามเกินไป”
เขาพูดขึ้นระหว่าง Stark กำลังเช็คสภาพกลุ่มโจรก่อนจะพูดขึ้นมา
“นี่ Joseph นายไม่สังเกตุรอยสักนี้เลยสินะ”
ทันทีที่เขาพูดจบ Joseph หรือคนขับรถได้มองมาที่รอยสัก
และเห็นว่าเป็นรอยสักที่มีรูปร่างเป็นหัวกระโหลกที่มีงูพันระหว่างช่องว่างในกระโหลก
“เอ๊ะ…นี่มัน”
เขาตกใจอย่างมากเมื่อรู้ว่าคนที่สู้ด้วยนั้น…
“อืม…สัญลักษณ์ของกิลด์ disaster”
“คงรู้สินะว่าพวกนี้มันชั่วขนาดไหน”
“ไม่ทราบเลยครับ ขออภัยด้วย”
“งั้นฉันจะอธิบายสั้นๆ พวกนี้น่ะมันเป็นนักฆ่าที่รับมือยากสุดๆ แต่ว่าช่วงเดือนมืดนั้นจะมีสิ่งที่เรียกว่า Core of darkness ปรากฎขึ้นมาน่ะ”
“เป็นCoreที่จะปรากฎเฉพาะคืนเดือนมืดเท่านั้น จึงมีคนตามหากันทั่วแต่จุดหมายหลักของกิลนี้ไม่ใช่การปล้น Core of darkness แต่เพื่อก่อความวุ่นวาย”
“แต่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้มันผิดปกติ”
“ผิดปกติ??ยังไงหรอครับ”
Joseph สงสัยกับสิ่งที่ Stark กำลังเล่า
“พวกที่สู้ด้วยมันแค่ระดับปลายแถวมายังไงล่ะ ตามปกติแล้วพวกปลายแถวก็ไม่ต่างจากโจรหรอก แต่ว่าคืนเดือนมืดพวกนี้จะไม่ส่งระดับปลายแถวมาแน่นอน”
“เอาหละรีบไปกันเถอะ พวกที่เหลืออาจจะโผล่มาก็ได้ ฉันไม่อยากเสียเวลา”
“ครับ!!”
ทันทีที่พูดคุยกันเสร็จพวกเขาก็ได้เดินทางกันต่อทันที
หารู้ไม่ว่ามีใครบางคนกำลังจ้องมองมาที่พวกเขาอยู่
ระหว่างทางที่ Stark กำลังเดินทางต่อนั้นได้มีชายหนุ่มคนนึงปรากฎเป็นโฮโลแกรมข้างๆเขา
“ไงไม่ได้เจอกันตั้งนาน”
“ไง Adam ฉันกำลังไปหานายที่แล็ปเลยนะ”
“แล็ปหรอ…ได้สิไม่มีปัญหา ว่าแต่นายมาเพื่อจะบอกอะไรกับฉันล่ะ”
“เอาเป็นว่า ถึงที่นั่นก่อนฉันค่อยบอกละกัน”
“อ่า..เข้าใจแล้ว”
Adam ขัดใจการกระทำของ Stark ที่ไม่ยอมบอกเรื่องที่จะคุยก่อนถึงห้องแล็ปและโฮโลแกรมของ Adam ก็หายไปทันที
หลังจากนั้นไม่นาน Stark ก็ได้มาถึงที่ห้องแล็ปของ Adam
เขาและคนขับไดัลงมาจากรถเพื่อรอ Adam แต่ทว่าเวลาผ่านไป 5 นาทีก็ไม่มีท่าทีว่าเขาจะออกมาจากแล็ป จนกระทั่ง Stark หมดความอดทนจึงตะโกนเรียกเขาออกมา
“เฮ้ย!! ออกมาสักทีสิ ฉันก็บอกไปแล้วนะว่าจะมาน่ะ”
Stark ตะโกนเรียกอยู่ด้านหน้าทางเข้าห้องแล็ปด้วยเสียงที่ดังจนก้อนหินเล็กๆแถวนั้นแตก
Adam ที่ได้ยินเสียงก็รีบเทเลพอร์ตออกมาหาทันที
“ฮ่าๆๆโทษที มัวแต่วิจัยเศษซาก Void monster น่ะ”
“นายนี่มันพวกบ้าวิจัยชัดๆ”
Stark ถอนหายใจและเริ่มพูดเรื่องที่มาหา
“เอาล่ะเข้าเรื่องของเรากันดีกว่า ตอนนี้มนุษย์ดัดแปลง Nu-13 ของนายหนีออกมาใช่ไหมล่ะ”
“อ่า…นายพบเธอแล้วสินะ หวังว่าจะไม่เป็นอะไร”
Adam เริ่มทำสีหน้าที่ตึงเครียดหลังจากที Stark พูดจบ
“ตอนนี้เธอปลอดภัยดีฉันฝาก Yoshino ดูแลแล้วหละไม่ต้องห่วง แต่ว่าของถามอะไรนายสักอย่างเกี่ยวกับเด็กคนนั้น”
“ถามมาได้เลย”
Stark จริงจังกับเรื่องนี้มากขึ้นและได้ถามกับ Adam อย่างตรงไปตรงมา
“พลังในตัวเธอคืออะไรกันแน่ แม้กระทั่งหยุดเวลาเธอยังรู้สึกตัวได้”
เล่าย้อนเมื่อช่วงเย็น Stark ได้โผล่มาจากมุมมืดของตึกผ่านการเทเลพอร์ตมาหา Yoshino แต่ทันทีที่เขาพบกับ Nu
เขาจึงรู้สึกถึงอันตรายอย่างที่เขาคาดไม่ถึง จึงได้รีบทำการใช้พลังหยุดเวลาเป็นการชั่วคราวเพื่อประเมินสถานการณ์ตรงหน้า
ทันทีที่เขาประเมินสถานการณ์เสร็จนั้น จึงเข้าใจว่า Nu คือมนุษย์ดัดแปลงที่มาจากห้องแล็ปของ Adam นั่นเอง
“เรื่องนั้นเองหรอ…ฉันก็ไม่เข้าใจเรื่องพลังของเธอหรอกแต่ว่าอาจจะเป็นชิ้นส่วนรอยแยกมิติชิ้นที่ 13 ที่ฉันผสมลงไปในตัวเธอก็ได้”
“ไม่แน่เศษรอยแยกชิ้นนั้นน่าจะมีความเข้มข้นสูงกว่า 12 เศษก่อนหน้านั้นน่ะ”
“ตอนนี้ฉันกำลังวิจัยเศษซากของ Void monster ด้วยอาจจะเจอเบาะแสเกี่ยวกับพลังของเธอ”
“อย่างงั้นหรอ…เห้อ นายนี่มันสนใจแต่เรื่องอะไรที่มันอันตรายๆนะ”
“ฮ่าๆๆงั้นหรออย่างน้อย Void monster ตัวที่ฉันกำจัดมาเพื่อวิจัยก็จัดอยู่ระดับ สูง เลยนะ”
“เออ ถ้างั้นก็ขอให้วิจัยมาได้ละกันแต่ว่านายจะเอายังไงกับ Nu ล่ะ”
“อืมม…งั้นนายดูแลเธอได้ใช่ไหม”
“ห๊ะ!!!”
Stark ทำสีหน้าตกใจอย่างมากเมื่อ Adam พูดออกมาอย่างนั้น
“เดี๋ยวสิเห้ย!!..จะให้ฉันดูแลน่ะนะ”
“อืมม…แน่นอน เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนฉันจะช่วยจ่ายเงินค่าเลี้ยงดูให้น่ะนะ”
“อะแอ่ม…เรื่องเงินฉันไม่ชัดสนอะไรทั้งนั้นแหละ ว่าแต่แล้วฉันจะต้องดูแลนานแค่ไหน?”
“อย่างมากก็จนกว่าจะเจอผลวิจัยที่เกี่ยวข้องกับพลังของเธอ หรือไม่ก็ตลอดไป”
“เห้อ…นายนี่มันไม่ได้เรื่องจริงๆ”
Stark ถอนหายใจทันทีที่พูดจบก่อนที่จะหันหลังกลับไปที่รถก่อนจะโบกมือลาเพื่อนเก่า
“อ่า…งั้นก็ได้ไว้เจอกันทีหลังฉันจะคิดบัญชีกับนายแน่”
“ฮ่าๆๆ..ขอโทษละกันแต่มันจำเป็นจริงๆน่ะนะ ทางนี้ก็มีอีก 12 คนคอยช่วยเรื่องวิจัยกับงานของทั้งทางรัฐบาลและสถาบันวิจัยอีกเยอะ”
“ฉันอยากให้ Nu พัฒนามากกว่านี้น่ะ เพราะเธออยู่นี่ก็ไม่ต่างจากหนูทดลองหรอกนะ”
Stark เดินขึ้นรถก่อนที่จะหันมาหา Adam อีกครั้ง
“นายนี่บ้าสมคำร่ำลือจริงๆนะ ลาล่ะ”
“อืม”
เมื่อทั้งสองบอกลากันเสร็จ Stark ก็ออกจากที่นั่นทันที ส่วนทางด้าน Adam นั้นก็เทเลพอร์ตเข้าไปในห้องแล็ปเพื่อทำการวิจัยต่อ