หลังจากรถจอดลงที่หน้าประตูทางเข้าของโรงแรมDHก็มีพนักงานมายืนต้อนรับด้วยความเคารพ
หวังฟางที่เห็นพนักงานเดินเข้ามาเปิดประตูรถให้เธอก็พูดอย่างตื่นเต้น “ดูสิ ยังมีพนักงานมาคอยเปิดประตูรถให้ด้วย ที่นี่ต้องเป็นโรงแรมที่ดีแน่เลย”
“น้าสาวครับ โรงแรมDHเป็นโรงแรมที่หรูที่สุดของโรงแรมระดับห้าดาวเลยนะครับ มันดีกว่าโรงแรมฮิลตันหรือโรงแรมแมริออทแล้วก็โรงแรมระดับห้าดาวทั่วไปเยอะเลยครับ อีกอย่างผมได้ข่าวว่าที่นี่จะอัพเกรดเป็นโรงแรมระดับหกดาวในเร็วๆ นี้แล้วครับ”
กู้เจี้ยนหมินพยักหน้าเบาๆ จากประสบการณ์ของกู้เจี้ยนหมินแล้ว โรงแรมระดับห้าดาวก็คือโรงแรมที่ดีที่สุด ส่วนโรงแรมระดับหกดาวขึ้นไปนั้นเขายังไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย
ถ้าหากหลี่โม่เป็นคนบอกว่ามีโรงแรมระดับหกดาวกู้เจี้ยนหมินคงต้องสงสัยและด่าเขาว่าไร้ความรู้อย่างแน่นอน แต่เมื่อเป็นฮั่วเจี้ยนเฟิงเป็นคนพูดเขาจึงเชื่ออย่างเต็มร้อย
“เจี้ยนเฟิงใจกว้างจริงๆ เลยนะครับ หลี่โม่ นายดูเขาเป็นแบบอย่างแล้วหันมามองตัวเองดูสิว่ามันแตกต่างกันมากเท่าไหร่”
“เหอะ คนไร้ค่าแบบนี้จะเทียบกับเจี้ยนเฟิงได้ยังไง แค่เป็นคือถือรองเท้าให้กับเจี้ยนเฟิงยังไม่คู่ควรเลย หยุนหลันเธอเห็นความจริงแล้วยัง”
หวังฟางกับกู้เจี้ยนหมินต่างก็พูดจาเสียดสีใส่หลี่โม่ จากนั้นพวกเขาก็ลงจากรถแล้วเดินเข้าไปในโรงแรม
กู้หยุนหลันจับมือหลี่โม่แล้วเดินตามหลังพวกเขาไป
ส่วนฮั่วเจี้ยนเฟิงยื่นกุญแจรถให้กับพนักงานขับรถของโรงแรมแล้วรีบเดินตามไปอย่างรวดเร็ว
ภายในโรงแรมถูกตกแต่งให้เป็นเหมือนธรรมชาติ ทั้งภูมิทัศน์และพืชสีเขียวถูกรวมเข้าด้วยกันอย่างสดชื่นซึ่งทำให้คนมองแล้วรู้สึกเหมือนเดินอยู่ในอุทยานที่งดงาม
ซึ่งโรงแรมแห่งนี้มันขัดกับความเข้าใจของกู้เจี้ยนหมินกับหวังฟางที่มีต่อโรงแรมอย่างสิ้นเชิง ในความคิดของทั้งสองโรงแรมจะมีล็อบบี้อันกว้างแล้วมีห้องพักที่นับไม่ถ้วน
แต่เมื่อมองดูภายในโรงแรมสุดหรูที่อยู่ตรงหน้าทั้งคู่ก็ต้องมองด้วยความประหลาดใจเหมือนกับคนบ้านนอกเข้ากรุง
“โอ้โห สมกับเป็นโรงแรมที่ดีกว่าโรงแรมระดับห้าดาวจริงๆ เลยนะ ข้างในตกแต่งอย่างหรูหราขนาดนี้ ถ้าเราไม่รู้มาก่อนว่าที่นี่เป็นโรงแรม เราคงต้องคิดว่าที่นี่เป็นอุทยานแห่งชาติแล้ว”
หวังฟางพูดด้วยความตื่นเต้น
“คุณน้าครับ จุดเด่นของที่นี่ก็คือบรรยากาศดีครับ เราออกมาเที่ยวกันทั้งทีก็ต้องเที่ยวให้คุ้มใช่ไหมครับ เพื่อความสุขเราก็ควรเลือกโรงแรมที่ดีที่สุดอยู่แล้ว”
ฮั่วเจี้ยนเฟิงพูดไปด้วยแล้วเหลือบมองไปที่หลี่โม่เพื่อจะดูสีหน้าการแสดงออกที่น่าตกใจของเขา
แต่หลี่โม่กลับแสดงสีหน้าเฉยเมยและดูเหมือนไม่สนใจกับบรรยากาศของโรงแรมแห่งนี้เลยแม้แต่นิด
เสแสร้ง มันจะมากเกินไปแล้ว คอยดูว่ามันจะเสแสร้งได้อีกนานสักเท่าไหร่
ฮั่วเจี้ยนเฟิงแอบนินทาในใจ
“หยุนหลัน คุณชอบที่นี่ไหมครับ คุณอยากได้ห้องสวีทฟลาวเวอร์ไหม ข้างในมีดอกไม้สดเต็มห้องเลยนะ เป็นห้องพักที่โรแมนติกมาก”
ฮั่วเจี้ยนเฟิงตั้งใจโน้มน้าวให้กู้หยุนหลันแยกห้องนอนกับหลี่โม่เพื่อเขาจะได้มีโอกาสใกล้ชิดเธอ เขาจะไม่ยอมปล่อยโอกาสแบบนี้ไปง่ายๆ อย่างแน่นอน
แต่กู้หยุนหลันกลับส่ายหัวตอบ “เรานอนห้องสแตนดาร์ดก็พอแล้ว จะได้ช่วยคุณประหยัดไปด้วย”
“จะประหยัดทำไมครับ ออกมาเที่ยวทั้งทีก็ต้องเที่ยวให้คุ้มสิ ทำไมต้องประหยัดเงินแค่นี้ด้วยล่ะ ผมไม่ได้เกาะใครกินไปวันๆ นะครับ แต่ถ้าเป็นคนเกาะคนอื่นกินก็ควรประหยัดอยู่นะ”
ฮั่วเจี้ยนเฟิงเหลือบมองไปที่หลี่โม่อีกครั้ง
หลี่โม่ยิ้มและมองดูป้ายราคาห้องที่อยู่ตรงหน้าเขา ซึ่งราคาห้องสแตนดาร์ดที่ถูกที่สุดจะเริ่มต้นด้วย 1888 หยวน และห้องสวีทฟลาวเวอร์ที่ฮั่วเจี้ยนเฟิงพูดถึงจะอยู่ที่ 2888 หยวน ส่วนห้องสูทที่เรียกว่าห้องเพรสซิเดนท์สูทซึ่งเป็นห้องพักที่หรูที่สุดในโรงแรมจะอยู่ที่ 99999 หยวน
“ถ้าคุณไม่เสียดายเงินก็ให้หยุนหลันพักห้องเพรสซิเดนท์สูทสิครับ”
หลี่โม่พูดอย่างกะทันหัน
ฮั่วเจี้ยนเฟิงที่ได้ยินคำพูดของหลี่โม่ก็แทบจะหายใจไม่ออก เขาไม่มีเงินเหลือพอที่จะเปิดห้องเพรสซิเดนท์สูทที่มีราคาแตะแสนได้หรอก
แต่ถ้ากู้หยุนหลันยอมเป็นของเขาในคืนนี้ บางทีเขาอาจจะยอมเสียเงินก้อนนั้นก็ได้
แล้วมันจะเป็นไปได้ไหม ตอนนี้กู้หยุนหลันไม่แม้แต่จะให้เขาเข้าใกล้เลย แล้วใครจะยอมเสียเงินก้อนใหญ่ฟรีๆ ล่ะ
กู้เจี้ยนหมินและภรรยาที่กำลังตกตะลึงกับราคาห้องพัก เมื่อได้ยินคำพูดของหลี่โม่ก็รีบหันมาต่อว่าเขาทันที
“ไอ้คนเหลือขอ นายไม่อายคนอื่นเขาเหรอ นายไม่มีสิทธิ์พูดอะไรที่นี่ เงียบไปเลยนะ!”
“เจี้ยนเฟิง อย่าไปถือสาคนไร้สาระพันธ์ุนั้นนะ เปิดห้องสแตนดาร์ดให้เราก็พอแล้ว ส่วนหยุนหลันก็ให้เธอนอนห้องสวีทฟลาวเวอร์ก็ได้”
กู้เจี้ยนหมินตำหนิหลี่โม่ ส่วนหวังฟางก็พูดเข้าข้างฮั่วเจี้ยนเฟิง ซึ่งทั้งสองเข้ากันอย่างเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลย
ฮั่วเจี้ยนเฟิงยิ้มจางๆ และหยิบการ์ดสีทองของโรงแรมออกมาแล้ววางไว้ที่หน้าเคาน์เตอร์พนักงานต้อนรับ
“น้าสาวครับ ผมไม่ได้ขาดสนเรื่องเงินหรอกนะ เดี๋ยวเราพักห้องสวีทฟลาวเวอร์กันคนละห้องเลยละกันนะ น้าสาวกับน้าชายจะได้พักผ่อนเต็มที่ หยุนหลันก็จะได้หลับสบายด้วย ส่วนคนกระจอกคนนั้นก็ให้มันได้มีโอกาสสัมผัสกับคำว่าชีวิตหรูหราสักครั้ง”
พนักงานต้อนรับที่เห็นการ์ดสีทองของฮั่วเจี้ยนเฟิงก็รีบลุกขึ้นแล้วพูดด้วยรอยยิ้มทันที “ยินดีต้อนรับสำหรับสมาชิกระดับโกลด์ค่ะ คุณผู้ชายต้องการห้องสวีทฟลาวเวอร์ทั้งหมดห้าห้องใช่ไหมคะ?”
“ใช่ ห้าห้อง”
ฮั่วเจี้ยนเฟิงพูดอย่างมั่นใจ
“ได้ค่ะ สมาชิกระดับโกลด์จะได้รับส่วนลดค่าห้องพิเศษ 15% และยังมีคูปองบุฟเฟ่ต์อาหารเช้าให้ฟรีนะคะ นอกจากนี้คุณผู้ชายยังสามารถใช้สิทธิพิเศษของสมาชิกระดับโกลด์ในการใช้สระว่ายน้ำ ห้องฟิตเนส ห้องซาวน่าและสปาฟรีด้วยนะคะ”
เมื่อได้ยินบริการพิเศษเหล่านี้ กู้เจี้ยนหมินและหวังฟางถึงกับเบิกตากว้างทันที
“สมาชิกระดับโกลด์ดีจริงๆ เลยนะ คุ้มค่าจริงๆ เลย”
หวังฟางพูดอย่างตื่นเต้น
พนักงานต้อนรับพูดต่อด้วยเสียงที่นุ่มนวล “คุณผู้หญิงลองพิจารณาเปิดเมมเบอร์กับเราได้นะคะ เพียงแค่เติมเงินหนึ่งแสนหยวนก็จะเป็นสมาชิกระดับโกลด์ของเราได้ทันทีค่ะ”
“เต็มหนึ่งแสนเลยเหรอ เยอะไปแล้ว ปกติพวกเราก็ไม่ค่อยไปไหนอยู่แล้วด้วย คงไม่จำเป็นต้องใช้เมมเบอร์สมาชิกระดับโกลด์นี้หรอก”
หวังฟางรู้สึกตกใจกับเงินหนึ่งแสนหยวนนี้มาก เพราะเธอไม่ใช่นักธุรกิจที่ต้องออกไปทำงานข้างนอกบ่อยๆ แต่ต่อให้เธอต้องเดินทางบ่อยแค่ไหนเธอก็คงไม่เลือกพักโรงแรมหรูหราแบบนี้อย่างแน่นอน
แต่เมื่อนึกคิดแล้วฮั่วเจี้ยนเฟิงต้องเติมเงินใส่การ์ดทองใบนี้ในจำนวนไม่น้อยอย่างแน่นอน คนหนุ่มแน่นที่มีการงานที่ดีแบบนี้ดูยังไงก็ดีกว่าคนไร้ค่าอย่างหลี่โม่อยู่ดี
“เจี้ยนเฟิงคงเติมเงินเข้าไปไม่น้อยเลยสินะ นักธุรกิจอย่างคุณออกงานทุกครั้งก็ต้องพักโรงแรมสุดหรูแบบนี้เลยใช่ไหม”
“เติมไม่เยอะหรอกครับ ก็แค่ห้าแสนเองครับ ปกติออกไปประชุมหรือออกงานต่างๆ ผมก็จะเลือกพักโรงแรมที่ค่อนข้างดีหน่อยครับ คนสมัยนี้มักจะให้ความสำคัญกับสิ่งของนอกกาย ถ้าเรื่องกินเรื่องนอนของเราไม่ได้มาตรฐานก็อาจจะถูกคนอื่นดูถูกได้ครับ ตัวอย่างเช่นคนกระจอกเหมือนเขาคนนั้นก็ถูกดูถูกมาตลอดเลยไม่ใช่เหรอครับ”
ฮั่วเจี้ยนเฟิงมองไปที่หลี่โม่ด้วยสายตาอันเย้ยหยัน
หวังฟางก็พูดตามน้ำ “เจี้ยนเฟิงพูดถูกเหมือนกันนะ เพราะคนไร้ประโยชน์คนนี้วันๆ อยู่แต่บ้านไม่ทำงาน มันทำเอาซะน้าก็ถูกเพื่อนฝูงดูถูกไปด้วยเลย ทุกครั้งที่พูดถึงเรื่องลูกเขยต่อหน้าเพื่อนๆ น้าแทบจะมุดหัวลงดิน”
“เหอะๆ คนไม่เอาไหนแบบนี้ก็คงต้องเกาะคนอื่นกินไปตลอดชีวิตสินะ”