ตอนที่ 323 คนที่สลับตัวเด็กอยู่ตรงหน้าคุณ
ตอนที่ 323 คนที่สลับตัวเด็กอยู่ตรงหน้าคุณ
หมอแผนจีนเย่มองไปที่เสิ่นอวี้อิ๋งแล้วถอนหายใจ “เฮ้อ หลายปีผ่านไปรวดเร็วขนาดนี้เชียว เป็นเวลากว่าสามปีแล้วที่ต้าฝูจากโลกนี้ไป”
เมื่อพูดถึงหลินต้าฝู เสิ่นอวี้อิ๋งก็ปาดน้ำตาแล้วพูดว่า “หมอเย่คะ ทั้งคุณและพ่อต่างก็เป็นผู้มีพระคุณของหนู”
“เด็กน้อย ฉันเป็นหมอ เธอไม่จำเป็นต้องจดจำการกระทำของฉันเป็นบุญคุณหรอก เธอควรจดจำความรักความเมตตาของต้าฝูให้มาก ถ้าไม่มีเขา เธอคงไม่มีชีวิตรอดมาจนถึงป่านนี้”
เสิ่นอวี้อิ๋งพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “หนูจะทำค่ะ”
หมอแผนจีนเย่มองไปที่เซี่ยหลานและเสิ่นเถี่ยจวินแล้วพูดว่า “พวกคุณก็เหมือนกัน หลินต้าฝูช่วยชีวิตเด็กคนนี้ไว้ โชคดีเหลือเกินที่พวกคุณได้เจอกับคนดี ๆ ถ้าเด็กคนนั้นไปอยู่ครอบครัวอื่นเธอคงตายไปตั้งแต่ยี่สิบปีก่อนแล้ว อาจตายตั้งแต่ยังเป็นทารกด้วยซ้ำ”
เซี่ยหลานตอบกลับ “หมอเย่ ฉันจะจดจำบุญคุณอันยิ่งใหญ่นั้นไว้ให้ดีค่ะ”
เซี่ยหลานรู้สึกขอบคุณสหายหลินต้าฝูผู้ล่วงลับคนนี้อย่างสุดใจ
แต่ในเวลานี้เธอไม่อยากสนทนาในหัวข้อนี้ต่อ เพราะเธอไม่อยากให้หมอเย่รู้ว่าต้นเหตุของการสลับตัวเด็กอยู่ตรงหน้าเขา
เธอไม่อยากให้ใครรู้ว่าเสิ่นเถี่ยจวินเป็นคนสลับตัวลูกสาว เพราะเขาสงสัยว่าเธอกำลังตั้งท้องลูกของเซี่ยเหลย
เซี่ยหลานสามารถบอกได้ว่าหมอแผ่นจีนเย่และคนอื่น ๆ เคารพเซี่ยเหลยมากแค่ไหน
เธอกลัวว่าหมอเย่จะปฏิเสธไม่ยอมรักษาลูกชายของเธอเพราะความทุจริตของเสิ่นเถี่ยจวินหลังจากได้รับรู้เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในอดีต
เซี่ยหลานเปลี่ยนหัวข้ออย่างรวดเร็วกลับมาที่เสิ่นอวี้หลง “ถ้าอย่างนั้นเรามาเริ่มการรักษากันวันนี้เลยดีไหมคะ?”
หมอแผนจีนเย่พยักหน้า “ได้สิ คุณคงงานรัดตัวมาก ไม่มีเวลาพาเขามาหาหมอถึงที่นี่ตลอดเวลาแน่นอน ไว้คราวหน้าคุณให้เด็กอยู่ที่บ้านก็ได้ ผมจะเดินทางไปที่นั่นเองเพื่อทำการฝังเข็มทุก ๆ สองวัน เสี่ยวเซี่ย คุณเป็นหมอ คงรู้วิธีดูแลเขาอยู่ใช่ไหม?”
“ค่ะ”
หมอแผนจีนเย่เริ่มรักษาเสิ่นอวี้หลงในห้อง
เฉินเจียวั่งและคนอื่น ๆ ยังคงรอคิวอยู่ในสนาม
เสิ่นอวี้อิ๋งเองก็กำลังรออยู่ในสนามด้วยความเบื่อหน่าย
วันนี้เฉินเจียวั่งมาถึงเร็วเกินไป อีกทั้งการรอคิวก็นานมาก เนื่องจากเขาไม่มีอะไรทำ จึงนั่งลงที่ริมสวนแล้วเพลิดเพลินกับการเล่นกลีบดอกไม้
“สวัสดี เฉินเจียวั่ง ฉันได้ยินมาว่านายกำลังเรียนอยู่ที่วิทยาลัยอุตสาหกรรมไห่เฉิงใช่ไหม?”
เสิ่นอวี้อิ๋งเดินเข้าไปใกล้ มองเขาด้วยแววตาเป็นประกายขณะชวนคุยเจื้อยแจ้ว
“ฉันกำลังจะสอบเข้ามหาลัยอยู่พอดีน่ะ แล้วก็อยากเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยที่ว่านี้ด้วย เลยอยากรู้ข้อมูลเกี่ยวกับการเรียน ช่วยบอกหน่อยได้ไหมว่าผู้หญิงควรสมัครเรียนต่อเอกอะไรดี?”
“ไม่รู้สิ”
เฉินเจียวั่งโยนกลีบดอกไม้ในมือทิ้ง ลุกออกมาจากขอบสวน ปัดฝ่ามือตัวเอง จากนั้นก็หลีกเลี่ยงเธอราวกับเห็นเธอเป็นเทพเจ้าแห่งโรคระบาด
เสิ่นอวี้อิ๋งพยายามคุยกับเขาแต่ถูกปฏิเสธหลายครั้ง ถึงอย่างนั้นก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากกัดริมฝีปากด้วยความโกรธ
เย่ไป๋กำลังช่วยเหลือหมอแผนจีนเย่เก็บและตากยาสมุนไพรแบบแห้ง เสิ่นอวี้อิ๋งไม่มีอะไรทำ จึงเดินไปยืนดูและถามเย่ไป๋ถึงชื่อยาต่าง ๆ
เย่ไป๋มีความเป็นสุภาพบุรุษและใจเย็นมาก เขาอดทนตอบเธอทุกคำถาม
เสิ่นอวี้อิ๋งได้กลิ่นหืนของยาสมุนไพรจีน จู่ ๆ เธอก็รู้สึกไม่สบายท้องขึ้นมา จนอดไม่ได้ที่จะเดินเลี่ยงไปขย้อนความพะอืดพะอม
เธอปิดปากแล้ววิ่งไปที่ห้องน้ำ
เย่ไป๋เงยหน้าขึ้น มองไปทางเสิ่นอวี้อิ๋งที่กำลังวิ่งห่างออกไป
ผู้หญิงคนนี้แต่งกายด้วยชุดกระโปรงสีสวยสดใส แต่ทำไมตอนที่เธอวิ่ง ท่าทางของเธอถึงได้ดูผิดปกติไปจากช่วงวัยที่ควรจะเป็นกันล่ะ?
…
เซี่ยไห่ไปส่งแม่ พี่ใหญ่ และคนอื่น ๆ ในครอบครัวกลับบ้าน
ทันทีที่เดินเข้าไปในบ้าน นางเซี่ยก็รีบถามทันทีว่า “เสี่ยวเหลย หลังรับการรักษากับหมอแผ่นจีนเย่แล้วลูกรู้สึกยังไงบ้าง?”
เซี่ยเหลยตอบว่า “แม่ครับ ต้องรักษาเป็นประจำถึงจะได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน เรามารักษาด้วยวิธีนี้กันต่อไปเถอะ”
เหตุผลสำคัญ เป็นเพราะเซี่ยเหลยรู้สึกว่ากระบวนการรักษาในปัจจุบันค่อนข้างสะดวกสบายกว่าเมื่อก่อน
ทั้งหมอเย่และคนอื่น ๆ ที่เขาได้เจอต่างก็ใจดีกับเขามาก
โดยเฉพาะผู้เฒ่าเฉินที่อายุมากพอสมควรแล้ว แต่เขายังคงทำความเคารพอีกฝ่ายแบบทหาร ท่าทางนั้นสร้างความประทับใจต่อเซี่ยเหลยอย่างสุดซึ้ง
เขาภูมิใจที่ชาตินี้ได้เป็นทหารรับใช้ชาติ
นางเซี่ยดีใจมากที่เห็นว่าลูกชายของเธอยินดีให้ความร่วมมือ “ได้ เรามารับการรักษากันต่อไปเถอะ”
หลินเซี่ยและเฉินเจียเหอลงจากรถประจำทางเมื่อถึงครึ่งทาง เฉินเจียเหอปลีกตัวไปรับหู่จื่อจากถังจวิ้นเฟิง ขณะที่หลินเซี่ยกลับมาที่ร้านตัดผม
ทันทีที่เธอไปถึงถนน ก็เห็นแม่สามีของถังหลิงกำลังขนข้าวของออกจากร้าน
ชุนฟางและหลินเยี่ยนยืนอยู่หน้าร้านตัดผม กำลังรับชมความสนุกอยู่เช่นกัน
เมื่อเห็นว่าหลินเซี่ยกลับมาแล้ว ชุนฟางก็รีบอธิบายว่า “เซี่ยเซี่ย พวกเราเพิ่งส่งลูกค้ากลับไป ตอนนี้ไม่มีอะไรทำพอดีเลยออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์ข้างนอกน่ะ”
หลินเซี่ยเหลือบมองคุณป้าในร้านฝั่งตรงข้ามที่กำลังขนของออกมา ถามพวกเธอด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ป้าคนนั้นกำลังทำอะไรอยู่?”
ชุนฟางบอกว่า “ถังหลิงยกเลิกสัญญาเช่าร้านแล้ว แม่สามีหล่อนเลยมาขนของออกจากร้าน และบอกว่าเธอต้องการเอาผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพวกนี้ไปขายเพื่อหารายได้”
“ถังหลิงไปไหน?” หลินเซี่ยถามอย่างสงสัย
ชุนฟางตอบกลับ “หล่อนมาที่นี่ในตอนเช้า ทะเลาะกับเจ้าของร้านเสียงดัง แล้วก็จากไป ฉันได้ยินมาว่าคุณป้าโทรแจ้งตำรวจ จากนั้นตำรวจก็ขอให้ถังหลิงคืนเงินให้ครอบครัวสามีเก่าโดยเร็ว ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะจับกุมเธอ”
ขณะที่พวกเธอทั้งสามกำลังยืนอยู่ที่นั่นพลางพูดคุยด้วยเสียงต่ำ แม่ของเว่ยหย่งกังก็เดินข้ามฝั่งมา มองดูพวกเธอแล้วถามว่า “สาว ๆ ทั้งหลาย มีใครอยากได้เครื่องสำอางพวกนี้ไหม? ถ้าอยากได้เดี๋ยวป้าจะขายให้”
“คุณป้า เกิดอะไรขึ้นคะ? ถังหลิงอยู่ที่ไหน? ถ้าคุณเอาข้าวของในร้านเธอออกมาขายแบบนี้ เธอจะกลับมาก่อปัญหาให้คุณภายหลังหรือเปล่า?” หลินเซี่ยเดินเข้ามาถาม
เมื่อก่อนแม่ของเว่ยหย่งกังเคยเป็นคุณนายทหารเกษียณอายุราชการที่ภูมิฐานและสง่างาม แต่ตอนนี้เธอโทรมอย่างมาก ถังหลิงทำให้เธอสูญเสียศักดิ์ศรีทั้งหมดที่เคยมีไป
“ถ้าหล่อนยังกล้าสร้างปัญหาให้ฉันอีกก็ลองดู หล่อนติดหนี้เราตั้งไม่รู้เท่าไหร่ ฉันโทรแจ้งตำรวจแล้ว ตำรวจก็ขอให้หล่อนคืนเงิน แต่หล่อนไม่มีเงินจ่าย ฉันทำได้แค่เอาของพวกนี้มาขายนี่แหละ ถึงยังไงมันก็ซื้อมาด้วยเงินที่พวกเราหามาอย่างยากลำบาก”
แม่ของเว่ยหย่งกังพูดต่อไป “มีโทรศัพท์มือถือของหล่อนอีกเครื่องด้วยนะ ตำรวจสั่งให้หล่อนส่งมอบให้ฉัน ฉันว่าจะลองขายดูเผื่อขายได้เงินเพิ่มอีกหน่อย”
“พวกเธออยากได้โทรศัพท์สักเครื่องไหม?” คุณป้ามองดูพวกเธอแล้วถามขายต่อ
ชุนฟางและหลินเยี่ยนไม่มีเงินแม้แต่จะซื้อผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพวกนี้ นับประสาอะไรกับโทรศัพท์สักเครื่อง
เมื่อเพื่อนบ้านเห็นหลินเซี่ยและคนอื่น ๆ ถูกคุณป้าเดินเข้ามาขายตรง พวกเขาก็มารุมดูสินค้ากันบ้าง
มีคนสนใจซื้อเพียงไม่กี่คน ส่วนใหญ่กรูเข้ามาดูความตื่นเต้น
หลินเซี่ยพูดอย่างเคอะเขิน “คุณป้าคะ เราอยากได้อยู่หรอกค่ะ แต่ตอนนี้ไม่มีเงินติดตัวมากขนาดนั้นน่ะสิ”
“เซี่ยเซี่ย เดี๋ยวฉันซื้อให้” เซี่ยไห่บังเอิญเดินผ่านมาพอดี เมื่อได้ยินคำพูดของหลินเซี่ย เขาจึงทำตัวเป็นป๋าอย่างกระตือรือร้น “ถ้าเธออยากได้ เอาเงินฉันจ่ายไปก่อนก็ได้นะ”
หลินเซี่ยกระตุกมุมปากเล็กน้อย แต่แล้วก็โบกมือปฏิเสธ “ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณมาก”
ของที่เคยผ่านมือถังหลิงมาแล้ว เธอถือว่ามันคือของอัปมงคล
หลินเซี่ยชะโงกหน้าไปดูผลิตภัณฑ์ดูแลผิวของถังหลิง
พวกมันไม่ถือว่าเป็นสินค้าด้อยคุณภาพ แต่เป็นแค่ผลิตภัณฑ์ธรรมดา ๆ ที่ไม่ได้มีราคาแพง มองปราดเดียวก็รู้ว่าไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวระดับไฮเอนด์อย่างที่เธอเคยอวดอ้าง
หลินเซี่ยเสนอความคิดให้อีกฝ่าย “คุณป้าคะ คุณลองเอาของพวกนี้ไปตั้งแผงขายหน้าประตูโรงงานทอผ้าสิ ที่นั่นมีพนักงานหญิงจำนวนมาก ไม่แน่ว่าอาจจะขายหมดในคราวเดียวก็ได้นะคะ”
“ได้ ขอบคุณจ้ะ”
แม่ของเว่ยหย่งกังมองไปที่เซี่ยไห่และคนอื่น ๆ แล้วขอร้องว่า “พวกคุณทุกคนต่างก็เป็นเถ้าแก่ โปรดช่วยฉันด้วยนะ ฉันไม่ค่อยคุ้นเคยกับสถานที่แถวนี้มากนัก ฉันมีโทรศัพท์มือถืออยู่ในมือแท้ ๆ แต่กลับขายไม่ออกเลย ลูกชายฉันยังต้องการเงินจำนวนหนึ่งเพื่อไปรักษาตัว ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่รีบร้อนหอบของมาขายพวกคุณที่นี่แน่”
แม้ว่าเซี่ยไห่จะเป็นนักธุรกิจ แต่เขาก็มีจิตใจเอื้อเฟื้ออ่อนโยน เขาเคยยากจนถึงขั้นไม่มีจะกินมาก่อน จึงทนไม่ได้ที่จะเห็นคนตกทุกข์ได้ยากบนโลกนี้
เมื่อมองดูแม่ของเว่ยหย่งกังอีกครั้ง เขาก็หวนนึกถึงแม่ของตัวเองที่เคยดั้นด้นพาพี่ใหญ่ของเขาไปหาหมอ ซึ่งยากลำบากกว่านี้หลายเท่า
เขาบอกว่า “คุณป้า ไม่ต้องห่วงนะครับ ขายให้ผมก็ได้ ถึงยังไงมันก็กลายเป็นของมือสองไปแล้ว ต่อให้ขายที่อื่นก็ไม่ได้ราคาดีสู้ของมือหนึ่งหรอก”
หลังจากได้ยินคำพูดของเซี่ยไห่ แม่ของเว่ยหย่งกังก็พูดด้วยความซาบซึ้งว่า “ไม่มีปัญหาจ้ะ ได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น”
“คุณมีโทรศัพท์อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ? จะซื้อไว้ทำไมอีกคะ?” หลินเซี่ยขยับไปกระซิบกับเซี่ยไห่ “อย่าคิดจะซื้อให้ฉันเชียวนะ ฉันไม่อยากใช้อะไรก็ตามที่ถังหลิงเคยใช้”
——————————————-