บทที่ 363 เพราะผู้หญิงคนหนึ่ง
บทที่ 363 เพราะผู้หญิงคนหนึ่ง
ในไม่ช้าแก้มของเซี่ยจื่ออี้ก็แดงเพราะถูกบีบคอ แต่ความเจ็บปวดที่แทบจะหายใจไม่ออกกลับทำให้เธอหัวเราะ
เธอจับคำพูด ‘อะไรอีก’ ของฉีจิ่นจือได้ชัดเจน
การตระหนักรู้นี้ทำให้รอยยิ้มบนริมฝีปากของเธอกว้างขึ้น และจ้องเขม็งไปที่ฉีจิ่นจือ “ฉีจิ่นจือ คุณเหมือนกับฉันไม่มีผิดเพี้ยนแท้ ๆ ทำไมถึงยังแกล้งทำเป็นคนดีอีกล่ะ? คิดว่าพอแกล้งทำเป็นคนดีแล้วเธอจะ…อยู่กับคุณและมี…ฝันไปเถอะ!”
ในตอนท้าย ๆ ของประโยค ฉีจิ่นจือเพิ่มแรงมือของเขา ทำให้คำพูดของเซี่ยจื่ออี้ขาด ๆ หาย ๆ และดวงตาของเธอก็กลอกเหมือนใกล้จะขาดอากาศหายใจอยู่รอมร่อ
ปรากฏว่าเซี่ยชิงหยวนเป็นคนที่ฉีจิ่นจือเคยเจอมาก่อน ดังนั้นฉีจิ่นจือจึงมีความรู้สึกต่อเธอ ทั้งสองคนถึงกับพูดแบบนั้นในห้องน้ำของโรงแรม!
ทำไมผู้ชายทุกคนที่เธอชอบถึงล้วนมีอะไรเกี่ยวข้องกับเซี่ยชิงหยวนกันหมด!
เธอเกลียดมัน เธอรับไม่ได้!
มือของฉีจิ่นจือยังคงกำคอหญิงสาวแน่นขึ้นอย่างต่อเนื่อง เจตนาฆ่าอันรุนแรงพุ่งออกมาจากดวงตาของเขา ชายหนุ่มต้องกัดฟันกรอดด้วยท่าทางที่พยายามอดทน
เขาหายใจเข้าลึกและความโกรธในดวงตาก็ค่อย ๆ หายไป กลับคืนสู่สภาวะอารมณ์ดังเดิม
เขาเหวี่ยงเธอออกและแสดงความรังเกียจอย่างมาก
เซี่ยจื่ออี้หมดแรงที่ยืนอยู่ เธอจึงล้มลงกับพื้นและไออย่างรุนแรง
ขณะเดียวกัน ความรังเกียจในดวงตาของฉีจิ่นจือไม่ได้ลดลงเลย “อย่าเหมารวมฉันกับคนอย่างเธอ มันน่าขยะแขยง”
หลังจากพูดอย่างนั้นเขาก็เมินเฉยและเดินจากไป
เซี่ยจื่ออี้ใช้มือยันค้ำพื้นเอาไว้ และไอจนเจ็บปอด
เธอมองไปยังทิศทางที่ฉีจิ่นจือกำลังจากไปและหัวเราะ “คุณโกรธเพราะฉันเพิ่งพูดถึงด้านมืดในหัวใจคุณล่ะสิ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…!”
เสียงหัวเราะของเซี่ยจื่ออี้ดังก้องบนถนนที่เงียบสงบในตอนกลางคืน มันเริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ ฟังดูช่างน่าขนลุกและน่ากลัว
ทำให้คนที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดอดไม่ได้ที่จะขดตัว
เขาเกาหัวพลางดูลำบากใจ
เมื่อกี้เซี่ยจื่ออี้เพิ่งพูดว่า ‘เธอหรือเขา?’ นั่นหมายถึงผู้หญิงใช่ไหม? เพราะเขาได้ยินคำว่า ‘แต่งงาน’ ด้วย
แต่ไม่ใช่ว่าคุณชายฉีชอบเลขาธิการเสิ่นหรอกเหรอ? ทำไมฟังดูเหมือนว่าชอบคนอื่นล่ะ?
หรือว่าเขาเคยชอบผู้หญิง แต่เกิดเรื่องบางอย่างก่อนหน้านี้ก็เลยเปลี่ยนใจไปชอบผู้ชาย?
สิ่งสำคัญที่สุดคือ ‘ใคร’ คือคนนั้น?
ตอนนี้เขารู้สึกสมองชาไปหมดแล้วจริง ๆ!
…
หลังจากส่งแขกกลุ่มสุดท้าย เซี่ยชิงหยวนและคนในบ้านก็แสดงสีหน้าเหนื่อยล้าออกมา
เธอมองไปยังเสิ่นอี้โจวอย่างขอโทษ “ฉันขอโทษจริง ๆ นะ ฉันวางแผนว่าจะแค่เชิญฉู่ซิงอวี่และคนอื่น ๆ เพียงไม่กี่คนเท่านั้นเอง แต่ไม่คิดเลยว่าจะมีคนมาเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ซะได้”
เสิ่นอี้โจวยิ้มและไม่ได้ใส่ใจ “คุณแค่พยายามทำสิ่งนี้เพื่อผมอย่างดีที่สุดเอง ไม่มีเหตุผลอะไรที่คุณต้องมาพูดขอโทษผมหรอก”
เขาถูปลายจมูกของเธอด้วยนิ้วเรียวแล้วพูดว่า “แถมในบรรดาคนที่มาร่วมงานวันนี้ก็มีคนที่ปกติจะเจอตัวได้ยากด้วย วันนี้ถือว่าเป็นโอกาสดีเลยนะ ที่ได้สร้างความสัมพันธ์อันดีกับพวกเขา”
“แม้ว่าผมจะอยู่ในสำนักงานมณฑลก็ตาม แต่ด้วยภายใต้การบังคับใช้นโยบายจากเบื้องบนแล้ว หากต้องการให้งานออกมาดี ผมก็ต้องได้รับความร่วมมือจากหลาย ๆ หน่วยงาน”
“ถ้าเป็นเจ้าหน้าที่ที่พยายามรับใช้ประชาชนอย่างเต็มใจโดยไม่หวังอะไรก็เป็นเรื่องง่ายที่ได้เจอพวกเขา แต่ถ้าเป็นพวกอยากได้ผลประโยชน์ เราก็ต้องใช้วิธีการผ่านความสัมพันธ์บางอย่างให้สำเร็จนั่นแหละ”
“การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับพวกเขาผ่านงานวันเกิดก็จะช่วยให้ผมทำงานต่าง ๆ ในอนาคตได้ง่ายขึ้นด้วย”
หลังจากได้ยินสิ่งนี้ เซี่ยชิงหยวนก็รู้สึกโล่งใจในที่สุด
นิ้วของเธอเกี่ยวมือของเขาไว้ “ฉันมีบางอย่างที่จะให้คุณด้วย”
มีความคาดหวังในดวงตาของเสิ่นอี้โจว และเดินตามภรรยาขึ้นไปชั้นบน
เซี่ยชิงหยวนหยิบกล่องสีน้ำเงินออกมาจากตู้โดยมีริบบิ้นผูกอยู่ ดูเหมือนเป็นกล่องของขวัญวันเกิด
เซี่ยชิงหยวนพูดขึ้นว่า “ในบ้านหลังนี้เราไม่ได้ขาดอะไรเลย หลังจากคิดอยู่นานฉันก็ไม่รู้จะให้อะไรคุณจริง ๆ ต่อมาฉันเดินผ่านร้านค้าหนึ่งเข้า และมีหญิงชราคนหนึ่งนั่งอยู่ที่ประตูกำลังถักผ้าพันคอให้สามีของเธอ”
“ตาเธอมองเห็นไม่ชัดเท่าไหร่และไม่รู้ว่าถักพลาดไปเยอะแค่ไหนจนผ้าพันคอที่ถักเป็นรูหลายรูเลยล่ะ”
“ชายชราหัวเราะอยู่ข้าง ๆ แต่ก็ไม่ได้บอกภรรยาของเขาเอง”
“เขาบอกฉันว่าถ้าหญิงชรารู้เรื่องนี้ เธอจะหงุดหงิดและหยุดถักผ้าพันคอให้เขา”
“ฉันได้ยินแล้วรู้สึกอิจฉาอย่างอธิบายไม่ถูกก็เลยคิดจะถักให้คุณอันหนึ่งน่ะ”
เธอยื่นกล่องไปตรงหน้าเขา “ฉันขอให้ป้าอู๋สอนวิธีถักให้ คุณช่วยดูหน่อยได้ไหม?”
เมื่อเซี่ยชิงหยวนพูดคำเหล่านี้ ดวงตาของเสิ่นอี้โจวก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อ
เธอสังเกตเห็นและจดจำไว้ในใจ
สุดท้ายแล้วมันก็คือภาพที่เขาคาดหวังไว้เช่นกัน หลายสิบปีต่อจากนี้จะได้เห็นเธอยังคงแสดงความรักให้เขา และถักผ้าพันคอให้ทั้งที่มองไม่ชัดจนมันเป็นรู
เขารับกล่องมา ดึงริบบิ้นออกแล้วเปิดกล่อง มีผ้าพันคอสีเทาเข้มพับอยู่ข้างใน
เขาหยิบมันขึ้นมาพันรอบคอแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “มันอุ่นมากเลย”
บอกได้เลยว่าไม่ว่าจะเป็นสีอะไรก็ตาม มันกลับเข้ากันอย่างอธิบายไม่ได้เมื่อสวมใส่บนตัวของเสิ่นอี้โจว
เมื่อสวมผ้าพันคอสีเทาเข้ม เสิ่นอี้โจวยิ่งดูภูมิฐานและดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “มันเหมาะกับคุณมากเลย”
เสิ่นอี้โจวกอดภรรยาแล้วพูดว่า “ขอบคุณนะ ผมชอบมันมาก”
ใบหน้าของเซี่ยชิงหยวนถูกับผ้าพันคอ และสัมผัสที่นุ่มนวลทำให้ดวงตาของเธอมีความสุข “ดีจังที่คุณชอบ”
ฝีมือและรสนิยมของเธอค่อนข้างดีเลยแฮะ
เสิ่นอี้โจวพูดอีกว่า “พรุ่งนี้ผมจะใส่มันไปทำงานนะ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เซี่ยชิงหยวนก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “ยังไม่หนาวเลยนะ คุณจะใส่ผ้าพันคอไปทำไม?”
เธอยืนเขย่งเพื่อถอดมันออกให้เขา “รอให้อากาศเย็นลงก่อนค่อยใส่มันอีกครั้งก็ได้”
เสิ่นอี้โจวบีบปลายจมูกของเธอ “ก็ได้ ๆ”
เขาถามอีกครั้ง “คุณเก็บของแล้วรึยัง?”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “อืม ฉันจะไปแค่ไม่กี่วันน่ะ เลยไม่ได้เตรียมของอะไรไปมากมายหรอก”
ตั๋วที่เสิ่นอี้โจวซื้อให้เธอไปเมืองกว่างโจวคือบ่ายวันพรุ่งนี้ ซึ่งมันพอมีเวลาให้เธอได้กินข้าวที่นี่และพักผ่อนก่อนที่จะออกเดินทาง
ชายหนุ่มกอดเธออีกครั้ง “ผมควรทำยังไงดีนะ ผมไม่อยากอยู่ห่างจากคุณเลย”
ตั้งแต่เหตุการณ์เพลิงไหม้ที่ฝูเถียน พวกเขาทั้งสองก็อยู่ด้วยกันตลอดทุกวัน คราวนี้พวกเขาต้องแยกจากกันหลายวัน ซึ่งทำให้รู้สึกอึดอัดเป็นพิเศษ
เซี่ยชิงหยวนยิ้ม “ฉันไปที่นั่นแค่ไม่กี่วันเท่านั้นเอง และเมื่ออาเซียงได้รับการฝึกฝนแล้ว ฉันก็ไม่ต้องไปที่นั่นด้วยตัวเองทุกครั้งแล้วล่ะ”
เสิ่นอี้โจวเกยคางไว้บนศีรษะของเธอ และพูดอย่างช่วยไม่ได้ “ก็ได้ ใครใช้ให้ผมเป็นผู้ชายของคุณกันล่ะ”
เมื่อพูดถึงอาเซียง เซี่ยชิงหยวนก็นึกถึงเฮ่ออวี้เฟิง
แม้ว่าการสอดรู้เรื่องส่วนตัวของคนอื่นจะไม่ดีนัก แต่เพื่อความสุขของอาเซียง เธอจึงต้องยอมทำ
ดังนั้นเธอจึงลังเลก่อนจะถามว่า “คุณคิดยังไงเกี่ยวกับเฮ่ออวี้เฟิง?”
เสิ่นอี้โจวตะลึงอยู่ครู่หนึ่งเมื่อจู่ ๆ ได้ยินเธอพูดถึงเฮ่ออวี้เฟิง “เขาเป็นคนที่ซื่อสัตย์และไว้ใจได้มากที่สุด”
นี่คือการประเมินของผู้ชายต่อผู้ชายอีกคน ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่เป็นที่พอใจของเซี่ยชิงหยวน
เธอต้องถามตรงไปตรงมามากกว่านี้ “เฮ่ออวี้เฟิงเคยมีคู่ครองหรือเปล่า? คุณคิดว่าเขาเป็นคนที่ควรค่าแก่การไว้วางใจไหม?”
เมื่อเสิ่นอี้โจวได้ยิน เขาก็เข้าใจทันที “อาเซียง?”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “มีสัญญาณอยู่ แถมเป็นสัญญาณใหญ่ซะด้วย”
ครั้งล่าสุดทางโทรศัพท์ อาเซียงถามเธออย่างเขินอายว่าเฮ่ออวี้เฟิงเป็นคนที่จะมารับอีกครั้งหรือเปล่า
คิ้วของเสิ่นอี้โจวขมวดคิ้วราวกับกำลังคิดว่าจะพูดอะไรต่อดีทันทีที่ได้ยิน
เซี่ยชิงหยวนมองสีหน้าของชายตรงหน้า หัวใจของเธอเริ่มที่จะเต้นระส่ำ “เขาเป็นยังไง? คุณควรบอกฉันมาตรง ๆ นะ”
เสิ่นอี้โจวสูดลมหายใจก่อนจะพูดว่า “ตอนที่เขายังอายุไม่เยอะ เขาเคยก่ออาชญากรรมและติดคุกเพราะผู้หญิงคนหนึ่งน่ะ”
เซี่ยชิงหยวนพูดไม่ออกเป็นเวลานานหลังจากได้ยิน
เฮ่ออวี้เฟิงคนเงียบ ๆ ที่ไม่เคยพูดอะไรกับคนอื่นเลยกลับเคยก่ออาชญากรรมเพราะผู้หญิงคนหนึ่งเหรอ? เรื่องมันเป็นยังไงมายังไงกันแน่? ใหญ่หรือเล็ก?
เธอรีบถามโดยไม่ให้ขาดตอนทันที “ผู้หญิงคนนั้นคือคนที่เขาชอบเหรอ?”
เสิ่นอี้โจวพยักหน้าอีกครั้ง “ใช่”