ตอนที่ 824 วางแผนหลอกลวงเก๋อเก๋อ
ลูกสาวของป้าฝูโกรธมากจนเดินจ้ำอาดๆ และทำท่าจะลงไม้ลงมือกับอู๋เสี่ยวเจี๋ยน
แต่ป้าฝูกอดหล่อนไว้แน่นและบอกให้อู๋เสี่ยวเจี๋ยนหนีไป
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนวิ่งหนีด้วยความเร็วยิ่งกว่ากระต่ายราวกับนกตื่นลูกธนู
เมื่อป้าฝูเห็นว่าอู๋เสี่ยวเจี๋ยนออกจากชุมชนไปแล้ว นางจึงปล่อยมือจากลูกสาว
ลูกสาวโกรธจนน้ำตาไหลพราก พลางเอ่ยถาม “แม่ แม่ไม่รู้เหรอว่าหนูท้อง ทำไมถึงกอดหนูแน่นขนาดนี้ ไม่กลัวว่าลูกในท้องของหนูจะเป็นอะไรไปเหรอ?”
ใบหน้าของป้าฝูเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด และไม่กล้าพูดอะไรสักคำ
ลูกสาวเช็ดน้ำตา พลางดึงป้าฝูนั่งลงบนโซฟา จากนั้นก็เกลี้ยกล่อมนางอย่างจริงจัง “แม่ ถ้าแม่รู้สึกว่าแก่แล้วเหงาเกินไปจนต้องการหาเพื่อน หนูก็ไม่ขัด แต่ทำไมแม่ไม่หาผู้ชายที่อายุเท่ากัน ทำไมต้องหาชายหนุ่มคราวลูกมาดูแลแบบนี้? อันที่จริงหนูก็ไม่ขัดหากแม่จะเก็บเขาไว้ แต่ถ้าเขาทำให้แม่เดือดร้อนก็แค่ปล่อยเขาไป แม่! แม่ต้องตั้งสติก่อน อย่าเพิ่งหลงระเริงไปนะ!”
ขณะที่ลูกสาวพูด หล่อนก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้
ป้าฝูเองก็ร้องไห้ “ฮุ่ยฮุ่ย แม่รักเสี่ยวอู๋ อย่าบังคับให้แม่เลิกกับเขาได้ไหม? เขาปฏิบัติต่อแม่ด้วยความจริงใจ”
นางหยิบเงินออกมาจากกระเป๋าขณะกล่าว “เสี่ยวอู๋มอบเงินนี้ให้กับแม่ เขาบอกว่าเขาไม่อาจยอมให้แม่จ่ายค่าชดเชยหนึ่งหมื่นหยวนแทนได้ และเขาจะหางานทำเพื่อทยอยนำเงินมาคืนให้แม่”
ฮุ่ยฮุ่ยสูดหายใจเข้าลึกและโน้มน้าวอย่างอดทน “เขาใช้เงินเพียงเล็กน้อยเพื่อทำให้แม่ตายใจต่างหาก ดังนั้นอย่าหลงกลเชื่อเขา!”
แต่ไม่ว่าหล่อนจะเกลี้ยกล่อมเท่าใด ป้าฝูก็ปฏิเสธ
ฮุ่ยฮุ่ยไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้ไพ่ตายของหล่อน พูดกับแม่อย่างสิ้นหวัง “แม่คะ แม่จะเลือกเสี่ยวอู๋หรือเลือกหนู? ถ้าแม่เลือกหนูก็จงบอกเลิกกับเสี่ยวอู๋ แต่ถ้าแม่เลือกเสี่ยวอู๋ เราสองแม่ลูกถือว่าขาดกัน
ป้าฝูน้ำตาไหล “ฮุ่ยฮุ่ย อย่าให้แม่ต้องลำบากใจขนาดนั้นได้ไหม?”
ฮุ่ยฮุ่ยตะเบ็งสุดเสียง “บอกหนูสิว่าแม่จะเลือกหนูหรือเสี่ยวอู๋?”
ป้าฝูเงียบไปนาน จากนั้นก้มหน้าลงแล้วพูดเสียงอ่อย “แม่…แม่เลือกเสี่ยวอู๋”
ฮุ่ยฮุ่ยสิ้นหวังอย่างสมบูรณ์ และรู้สึกท้อแท้หมดแรงทันใด
หล่อนพูดอย่างเย็นชา “ถ้าอย่างนั้นก็ขอให้พวกแม่อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขเถอะค่ะ จากนี้ไปความสัมพันธ์แม่ลูกของเราถือว่าสิ้นสุดลง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต แม่ไม่ต้องกลับมาอ้อนวอนหนูอีก!”
ท้ายที่สุดหล่อนก็จากไปอย่างเด็ดเดี่ยว
ป้าฝูร้องไห้อย่างขมขื่นเป็นเวลานาน
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนกลับไปที่บ้านของป้าฝูในเวลาอาหารเย็น และเห็นว่าตาของป้าฝูแดงและบวมจากการร้องไห้ อีกทั้งใบหน้าของนางก็บวมด้วย ทำให้หน้าตาของนางน่าเกลียดยิ่งขึ้น
เขาพยายามข่มอาการพะอืดพะอม และวางหลูไช่ที่ซื้อมาไว้บนโต๊ะอาหารขนาดเล็ก
เขาเดินไปหาป้าฝูและนั่งลง มองนางด้วยความรักใคร่
เขากล่าวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด “เก๋อเก๋อ… เก๋อเก๋อ ผมเป็นคนทำให้คุณและลูกสาวของคุณไม่มีความสุขสินะ ถ้างั้นผมก็ควรไปจากที่นี่ ผมจะจ่ายคืนเงินทั้งหมดที่คุณจ่ายให้ผม ผมอยากให้คุณและลูกสาวรักษาสัมพันธ์ที่ดีต่อกันไว้”
หลังจากนั้นเขาก็ยืนขึ้นกล่าว “ผมจะไปเก็บข้าวของแล้วเป็นฝ่ายจากไปเอง”
ป้าฝูตื่นตระหนกเมื่อได้ยินดังนี้ และจับแขนของเขาไว้แน่น “อย่าไปนะ ฉันไม่ต้องการให้เธอจ่ายคืนเงินที่ฉันจ่ายให้ ฉันแค่ต้องการให้เธออยู่กับฉัน”
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนคือคนที่ทำให้นางได้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
การเสพติดความมีชีวิตชีวาแบบนี้ก็เหมือนการเสพติดอินเตอร์เน็ต และเป็นแบบเดียวกับการเสพติดฝิ่น ซึ่งทำให้ไม่อาจหยุดยั้งได้
หากอู๋เสี่ยวเจี๋ยนจากนางไปจริง ๆ ชีวิตของนางจะยังหลงเหลือความมีชีวิตชีวาอยู่อีกหรือไม่?
แววตาพึงพอใจฉายชัดในดวงตาของอู๋เสี่ยวเจี๋ยน
นับว่าความสามารถในการหว่านเสน่ห์ใส่ผู้หญิงของเขายังไม่เลว
เขาเคยทำให้หลินม่ายหลงรักจนกลายเป็นคนโง่เง่า
เขารู้สึกตกตะลึงในตัวเองที่ทำให้หญิงชราตรงหน้าหลงรักจนโง่เง่าไปอีกคน และไม่สามารถอยู่ได้โดยไม่มีเขา
เขาแสร้งทำเป็นละอายใจ “ หากผมยังอยู่ในบ้านของคุณต่อไป คุณและลูกสาวจะไม่สามารถคืนดีกันได้ และแน่นอนว่าทั้งหมดเป็นความผิดของผม”
ป้าฝูบอกเขาทั้งน้ำตาว่านางได้ตัดขาดความสัมพันธ์กับลูกสาวของตัวเองไปแล้ว
หากเขาทิ้งนางไปอีกคน นางจะไม่เหลืออะไรเลย
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนมีความสุขมากเมื่อได้ยินสิ่งนี้
หากไม่มีลูกสาวของป้าฝูเป็นอุปสรรค ไม่ว่าเขาจะพยายามโกหกนางอย่างไร หญิงชราก็ไม่มีทางจับได้
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนแสร้งทำเป็นรู้สึกสะเทือนใจ “ เป็นเพราะคุณจ่ายเงินประกันตัวผมหรือเปล่าครับ?”
เขานั่งลงอีกครั้งและกอดกระชับป้าฝูไว้ในอ้อมแขน และพูดน้ำคำอ่อนโยน “ผมจะไม่ทิ้งคุณ ผมจะทิ้งเก๋อเก๋อที่รักของผมได้อย่างไร”
หลังจากนั้น เขาก็ประทับจูบอันเร่าร้อนลงบนหน้าผากของป้าฝู…
เป็นเวลาเนิ่นนานก่อนที่ทั้งสองจะแยกจากกัน
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนจัดการเสื้อผ้าที่ยุ่งเหยิงของป้าฝูอย่างระมัดระวังและพูดอย่างอ่อนโยน “เก๋อเก๋อ ยังไงผมก็ต้องคืนเงินที่คุณใช้ประกันตัวผม ผมคงยังไม่ได้บอกคุณว่าตอนนี้ผมได้งานด้านธุรกิจขนส่ง ตราบใดที่ผมทำงานได้ตามกำหนด พวกเขาก็จะจ่ายเงินปันผลให้กับผม”
เขาถอนหายใจ “ หากไม่ใช่เพราะผมไม่มีเงินจนไม่พอซื้อหุ้น ผมก็คงไม่ต้องลำบากถึงขนาดนี้ แต่ถ้าได้ลงทุนซื้อหุ้น เราก็จะได้เงินอย่างน้อยหนึ่งร้อยหยวนสำหรับการปันผลในแต่ละครั้ง!”
หลังจากพูดจบ เขาก็ปิดปากและแอบมองปฏิกิริยาของป้าฝู
แต่ป้าฝูก็ไม่แยแส
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนกัดฟันและบอกตัวเองในใจว่า ต้องใช้เวลาและอย่าไม่รีบร้อน
จากนั้นเป็นต้นมา อู๋เสี่ยวเจี๋ยนก็ใช้เวลาอยู่ที่บ้านของป้าฝูเพียงไม่กี่วัน
เพราะเขาจะไปทำการขนส่ง มีเพียงการการขนส่งเท่านั้นที่เขามีเงินมาจ่ายคืนค่าชดเชยที่ป้าฝูจ่ายให้เขาได้
ในทุกการเดินทางเขามักจะใช้เวลาสามถึงสี่วัน แล้วเค้าจะมอบเงินให้ป้าฝูเป็นหลายหยวนในทุกครั้งที่กลับมา
ทุกครั้งที่เขายื่นเงินให้ เขาจะถอนหายใจและรู้สึกเกลียดตัวเองที่ไม่มีทุนพอที่จะลงทุนในหุ้น ดังนั้นจึงจ่ายเงินให้ป้าฝูได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ป้าฝูไม่ได้พูดอะไร
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนกัดฟันพร้อมบอกว่าเกลียดตัวเองที่เอาแต่ทำงานจนไม่มีเวลาให้และละเลยป้าฝู
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนขับรถไม่เป็นด้วยซ้ำ แต่เขาต้องทำงานขนส่ง
ทุกครั้งที่เขาอ้างว่าจะไปส่งสินค้า เขาก็มักจะไปที่บ้านของหลินเพ่ย และวันนี้ก็ไม่มีข้อยกเว้น
ป้าฝูไม่อยากให้เขาออกไปข้างนอก แต่อยากให้เขาอยู่บ้านกับนาง “เสี่ยวอู๋ คุณไม่ต้องทำงานหนักมากยนาดนั้นก็ได้ ฉันบอกเธอหลายครั้งแล้วว่าฉันไม่ต้องการให้เธอจ่ายเงินชดเชยหนึ่งหมื่นหยวนให้ฉัน”
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนตอบกลับอย่างชัดเจน “ไม่! ผมต้องคืนค่าสินไหมทดแทนให้คุณ เพื่อให้คุณมีชีวิตที่ดีกับผม”
จากนั้นเขาก็ออกจากบ้านโดยไม่ลังเลและไปที่บ้านของหลินเพ่ย
เมื่อเห็นเขากลับมาอีกครั้ง หลินเพ่ยก็ข่มแรงกระตุ้นที่จะตะคอกใส่เขา
ช่างน่าขยะแขยงที่ชายคนนี้ไม่สามารถหาเงินมาให้หล่อนทำศัลยกรรมได้ แต่กลับเสนอหน้ามาให้หล่อนได้เจอทุกวัน!
แม้ในใจจะไม่สบอารมณ์ แต่หลินเพ่ยก็ไม่ได้แสดงบนใบหน้า
นางปรุงบะหมี่หนึ่งชามที่มีรสชาติสุนัขไม่รับประทานมาให้อู๋เสี่ยวเจี๋ยน แล้วกล่าวอย่างอ่อนโยน “คุณคงหิว รีบกินซะในขณะที่ยังร้อนอยู่”
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนหยิบตะเกียบขึ้นมาด้วยรอยยิ้มกว้างและเริ่มกิน
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าหลินเพ่ยปรุงบะหมี่ที่แม้แต่สุนัขก็ไม่กินให้กับเขา ต่อให้สิ่งที่หล่อนนำมาให้จะเป็นอุจจาระหรือสิ่งปฏิกูล เขาก็ยังกินมันอย่างเอร็ดอร่อย
เขารักหลินเพ่ย ดังนั้นเขาจึงรู้จักหล่อนดี
หลินเพ่ยเป็นผู้หญิงดื้อรั้น หากหล่อนเต็มใจจะทำอะไรสักอย่างเพื่อใครแล้ว แสดงว่าบุคคลผู้นั้นต้องเป็นคนที่หล่อนรักจากก้นบึ้งของหัวใจ
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนและหลินเพ่ยรู้จักกันมาหลายปี และเขาเห็นหล่อนมอบทุกอย่างให้กับหวงเจ๋อเยี่ยนโดยไม่เรียกร้องสิ่งใดตอบแทน
หากเป็นคนอื่น หล่อนจะส่งของขวัญเล็กน้อยให้พวกเขาเป็นครั้งคราว
เช่นเดียวกับการตกปลา ของขวัญเล็กน้อยเหล่านั้นเป็นเพียงเหยื่อล่อที่จะหลอกล่อให้ผู้อื่นติดกับดักและตอบแทนหล่อน
หลังจากปรุงบะหมี่ที่ไม่มีส่วนประกอบอะไรเลยเสร็จสิ้น หลินเพ่ยก็ล้างมือให้สะอาด การกระทำเช่นนี้ทำให้อู๋เสี่ยวเจี๋ยนเชื่อมั่นว่าเขาคือคนที่หลินเพ่ยรัก
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนรู้สึกว่าบะหมี่ในชามมีกลิ่นหอมมาก แล้วหล่อนจะเอาของเน่าเสียมาให้เขากินได้อย่างไร?
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนคิดขณะรับประทานอาหาร
หล่อนตั้งใจทำอาหารดีๆ ให้แก่เขา เพียงแต่ฝีมือการปรุงอาหารของหล่อนยังไม่เชี่ยวชาญก็เท่านั้น
เป็นเรื่องปกติอย่างยิ่งที่หญิงงามจะมีทักษะการทำอาหารที่แย่
แต่ผู้หญิงเลวอย่างหลินม่ายต้องใช้ทักษะการทำอาหารเพื่อมัดใจผู้ชาย
หลินเพ่ยไม่ใช่อย่างที่อู๋เสี่ยวเจี๋ยนจินตนาการไว้แน่ เขาเป็นคนสำคัญของหล่อน นั่นคือเหตุผลที่หล่อนปรุงบะหมี่ให้เขา
หล่อนเพียงต้องการเอาชนะใจอู๋เสี่ยวเจี๋ยนเพื่อให้เขาหาเงินสำหรับไปทำศัลยกรรมให้หล่อนโดยเร็วที่สุด
หล่อนทำบะหมี่ให้เขากินมาเป็นเวลานานนับเดือน แต่หลายสิ่งก็ยังไม่คืบหน้า ดังนั้นหล่อนจึงรู้สึกรำคาญใจอย่างมาก
หล่อนไม่ใช่คนประเภทที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อผู้อื่น
หล่อนจะแบ่งปันให้สำหรับคนที่หาผลประโยชน์มาให้เธอได้เท่านั้น และจะยอมแลกเปลี่ยนกับผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่กว่าเสมอ
แน่นอนว่าเมื่อลงทุนแล้ว หล่อนก็ไม่ต้องการขาดทุน
แต่ตอนนี้เมื่อเห็นว่าการลงทุนไปกับอู๋เสี่ยวเจี๋ยนกำลังจะทำให้ตนขาดทุน หล่อนจึงรู้สึกเกลียดชังเขา
เมื่อเห็นอู๋เสี่ยวเจี๋ยนกลืนบะหมี่ที่หล่อนปรุงให้เขาลงท้องไป หลินเพ่ยก็รู้สึกมวนท้อง
แต่ยังคงแสร้งทำเป็นอ่อนโยนและเอ่ยถามนุ่มนวล “ยัยแก่แร้งทึ้งคนนั้นยังไม่ติดกับดักอีกเหรอ ต้องใช้เวลานานแค่ไหนถึงจะหลอกล่อหล่อนได้?”
ยัยแก่ที่หล่อนเอ่ยถึงคือป้าฝู
เงินปันผลการขนส่งที่ว่าเป็นเพียงกลอุบายที่หล่อนและอู๋เสี่ยวเจี๋ยนกล่าวอ้างเพื่อหลอกโกยเงินจากป้าฝูให้ได้มากที่สุด
ป้าฝูยอมสละทุกอย่างเพื่ออู๋เสี่ยวเจี๋ยนและเป็นหนี้มากกว่าหนึ่งพันหยวน ซึ่งเงินของนางก็หมดไปตั้งนานแล้ว
แต่ญาติและเพื่อนของป้าฝูส่วนใหญ่มีฐานะร่ำรวย
ทั้งสองคนต้องการใช้ป้าฝูเป็นเหยื่อล่อเพื่อฉ้อโกงเงินจำนวนหนึ่งจากญาติและเพื่อนผ่านทางนาง จากนั้นก็จะหนีไปฮ่องกงเพื่อทำศัลยกรรมพลาสติก
ส่วนปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ปล่อยให้ป้าฝูเป็นคนจัดการ
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนไม่มีเงิน ดังนั้นเขาจึงจงใจขายเลือดหลายต่อหลายครั้งเพื่อให้มีเงินทุนเริ่มต้นสำหรับการหลอกลวงนี้
แต่ก็ยังได้เงินมาไม่พอ
ทางเลือกสุดท้าย เขาต้องไปที่ชุมชนอื่นเพื่อตรวจสอบสถานที่ต่าง ๆ และขโมยทรัพย์สินจากบ้านหลายหลังเพื่อหาทุนในการตั้งตัว
ตลอดเวลาสองปีที่เขาติดคุก เขาได้เรียนรู้ทักษะการสะเดาะกุญแจมามากมาย
การลักขโมยจึงไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา
แต่เขากลัวว่าจะถูกจับได้และถูกส่งไปยังสถานีตำรวจ
ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าใช้ทักษะนี้หากไม่จำเป็น
กระนั้นเขาก็เต็มใจที่จะเสี่ยงเพื่อไม่ให้หลินเพ่ยผิดหวัง
โชคดีที่ไม่ว่าจะลักขโมยกี่ครั้ง เขาก็ไม่เคยถูกจับได้เลย
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนดูดบะหมี่และพูดอย่างมั่นใจ “เพ่ยเพ่ย ไม่ต้องกังวล อีกไม่นานยัยแก่แร้งทึ้งคนนั้นก็จะตกหลุมพรางของเรา”
หลินเพ่ยเผยรอยยิ้ม “ คุณคงเหนื่อยน่าดูเลยสินะ”
ทว่าในในกลับนึกรังเกียจ ทุกครั้งที่เอ่ยถาม เขาก็มักจะบอกว่าหญิงชรากำลังจะตกหลุมพราง แสดงว่าแผนการยังไม่ประสบความสำเร็จดี ดังนั้นหล่อนจึงรู้สึกเอือมระอาเมื่อได้ยินประโยคนี้
เวลาสองทุ่มดำเนินมาถึงอย่างรวดเร็ว อู๋เสี่ยวเจี๋ยนรู้ว่าถึงเวลาต้องจากไปแล้ว
เพราะเขาและหลินเพ่ยเป็นเพียงคนรัก พวกเขายังไม่ใช่สามีภรรยา
หากเขาค้างคืนกับหล่อน มันจะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของหล่อน
เพื่อชื่อเสียงของเทพธิดาที่รัก อู๋เสี่ยวเจี๋ยนจึงจากไปในเวลาสองทุ่ม
ทันทีที่เขาจากไป หลินเพ่ยก็นั่งลง ‘ทำตัวเป็นนางงามตู้กระจก และวางดอกไม้สีเหลืองไว้บนกระจกนั้น’
หล่อนประทินโฉมตัวเองให้ดูดีก่อนออกไปทำงานค้าประเวณี
เพื่อไม่ให้อู๋เสี่ยวเจี๋ยนจับได้ ทุกครั้งหล่อนจึงต้องถามว่าอู๋เสี่ยวเจี๋ยนจะใช้ถนนหรือสะพานไหนในการเดินทาง
จากนั้นหล่อนก็จะจงใจหลีกเลี่ยงพื้นที่นั้นและไปยังพื้นที่อื่นเพื่อค้าประเวณี และวันนี้ก็ไม่มีข้อยกเว้น
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
โดนสวะเสี่ยวเจี๋ยนสูบจนแห้งแล้วมั้งป้าฝู เสียทั้งลูกสาว เสียทั้งทรัพย์สิน
ไหหม่า(海馬)