บทที่ 803 ท่านพ่อบุญธรรมโปรดวางใจ ข้าจะรับหน้าที่นี้เอง!
ตู้ม!
โลงกระดูกสั่นสะเทือน พลังมืดมิดโถมทับ สิ่งมีชีวิตในนั้นเร่งกำลัง ไม่ยอมให้หลี่จิ่วเต้าเข้าใกล้
ตอนนี้สภาวะของมันยังไม่ดีเท่าใด ไม่สามารถออกจากโลงกระดูกได้ ขืนปล่อยให้หลี่จิ่วเต้าเข้าใกล้จนเปิดฝาโลงกระดูกได้ มันย่อมต้องได้รับผลกระทบใหญ่หลวง และเป็นผลกระทบชนิดที่ไม่อาจย้อนกลับไปแก้ไข
อสนีบาตสีดำท่วมท้นนภาผ่าลงมา แต่ละสายล้วนมีขนาดใหญ่เท่าเทือกเขา ดังกังวานไปทั่วหล้า สะท้านกลับไปถึงโบราณกาล!
ร่างกายของหลี่จิ่วเต้าส่องแสง ผมยาวสยายตามลม ขณะที่อสนีบาตสีดำซึ่งปกคลุมอยู่ทั่วอวกาศนอกอาณาจักรผ่าลงมา ตัวเขาช่างดูสูงส่งไร้มลทินยิ่งนัก
อาภรณ์ของเขาสะบัดดังพึบพับขณะก้าวออกไปด้วยฝีเท้าอันเปี่ยมพลัง อสนีบาตสีดำผ่าลงมามากมาย แต่กลับยากจะแตะต้องแม้ปลายเส้นผม ทุกก้าวต่างสยดสยองถึงขีดสุด พลังน่าครั่นคร้ามปะทุ อสนีบาตสีดำบนนภาแตกร้าวฉับพลัน ไม่อาจผ่าลงมาได้เลย
“เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้?!”
สิ่งมีชีวิตในโลงกระดูกส่งเสียงคำราม ไม่อาจเข้าใจได้ว่าเหตุใดนอกจากดินแดนที่พวกมันอยู่ จะยังมีผู้ยิ่งใหญ่อย่างหลี่จิ่วเต้าถือกำเนิดขึ้นได้อีก
“เขาคือตัวแปรผิดแผกนั่นหรือ”
จิตใจมันเริ่มหนักอึ้งเมื่อนึกเรื่องบางอย่างขึ้นได้
ในดินแดนที่มันอยู่ มีตัวตนระดับสูงเคยทำนายว่าจะมีตัวแปรผิดแผกปรากฏ และส่งผลกระทบต่อพวกมัน อนิจจา ตัวมันในดินแดนนั้นมีฐานะไม่สูงนัก จึงไม่รู้เรื่องตัวแปรผิดแผกนี่เท่าใดนัก
“ไป!”
มันไม่กล้ารีรอ หมอกดำม้วนขึ้นจากโลงกระดูก ห้วงมิติถูกแหวกออก มันจะไปจากที่นี่!
มันในยามนี้ยังไม่อาจต่อสู้เต็มกำลัง จึงไม่ต้องการพัวพันกับหลี่จิ่วเต้ามากนัก ด้วยกลัวจะเกิดเรื่อง
ตึง!
ทว่า มันเพิ่งเข้าไปในห้วงมิติก็มีพลังมหาศาลจู่โจมเข้ามา จนโลงกระดูกถูกกระแทกอย่างหนัก ร่วงหล่นลงจากนภา!
“เจ้ากำลังหาเรื่องตายอยู่! การจุติของอาณาจักรมืดมิดไม่อาจหยุดยั้ง ต่อให้เจ้าจะแข็งแกร่งเพียงใดก็เปล่าประโยชน์! หลังยอดฝีมือมืดมิดนับคณาตื่นขึ้น ความมืดมิดจักปกคลุมไปทุกกระเบียดนิ้ว! จุดจบนี้เป็นที่แน่นอนแล้ว!”
มันส่งเสียงคำราม เอ่ยถึงอาณาจักรมืดมิดอีกครั้ง ประกาศกร้าวถึงอนาคต
“เจ้ากำลังขู่ข้าอยู่หรือ ขออภัย เปล่าประโยชน์!”
หลี่จิ่วเต้าเอ่ยเสียงแผ่ว ย่างเท้าออกไปอีกครั้งด้วยความเร็วทะลุขีดจำกัด ปรี่มาถึงตรงหน้าโลงกระดูกในอึดใจเดียว
เขายกโลงกระดูกขึ้นหมายจะเปิดฝาโลง และสังหารสิ่งมีชีวิตในนั้น
เขาไม่ต้องการแทรกแซงอาณาจักรนี้มากนัก แต่ในเมื่อบัดนี้เขาออกโรงแล้ว ก็ช่วยถ่วงเวลาให้อาณาจักรนี้มากขึ้นหน่อยแล้วกัน…
บนโลงกระดูกมีกฎแห่งความมืดมิดโลดแล่นพร้อมบุกออกไปหาหลี่จิ่วเต้า กฎแห่งความมืดมิดนี้คล้ายว่ามีชีวิตจิตใจ ทำท่าจะกลืนกินหลี่จิ่วเต้า
ทว่า ทั้งหมดนี้ก็ยังเปล่าประโยชน์
กฎแห่งความมืดมิดนี้ยังไม่ทันได้เข้าใกล้ ก็ระเบิดแหลกลาญ สลายไปอย่างสมบูรณ์!
“เจ้าแน่ใจหรือว่าไม่ตายไม่ยอมเลิกรา ดี! ต่อให้วันนี้ข้าต้องบาดเจ็บร้ายแรง ก็ขอสังหารเจ้าลงที่นี่!”
สิ่งมีชีวิตในโลงกระดูกคำรามกราดเกรี้ยว ตั้งใจจะเอาชีวิตเข้าแลก
มันไม่เหลือทางถอยแล้ว หากไม่ฆ่าหลี่จิ่วเต้า มันก็ไม่อาจไปจากที่นี่!
เสียงดังตู้ม โลงกระดูกแตกออก สิ่งมีชีวิตภายในพุ่งออกจากโลงกระดูก
ร่างกายของมันยังคงมีโลหิตหลั่งริน เป็นศพเน่าเปื่อยของเผ่ามนุษย์ กลิ่นอายเหม็นเน่ารุนแรง เศษเนื้อเกาะอยู่เต็มไปหมด น่าขยะแขยงเหลือแสน
ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!
หลังมันบุกออกมาแล้ว กระดูกต่าง ๆ บนโลงลอยไปอยู่ติดตัวมันอย่างรวดเร็ว รวมกันเป็นเกราะกระดูกและดาบกระดูก
“ฆ่า!”
มันตวัดดาบกระดูกฟาดฟัน ตัดได้แม้กระทั่งปริภูมิเวลา บดขยี้ได้ทุกสิ่ง!
“น่ากลัวเหลือเกิน!”
สิ่งมีชีวิตในเมืองบรรพกาลต่างสูดปาก ร่างกายเย็นวาบไปหมด สิ่งมีชีวิตตนนี้อยู่ในระดับใดกันแน่ น่ากลัวเกินไปแล้ว! ลำพังดาบนี้ก็เพียงพอให้รู้สึกสิ้นหวัง ไม่เห็นแสงสว่างสักนิด!
…..
นอกเมืองชิงซาน ริมลำธาร
“อย่างที่คิด!”
ต้นหลิวสะท้านใจ ดาบนี้น่ากลัวอย่างแท้จริง แม้แต่มันยังไม่แน่ใจว่าจะปัดป้องได้ นี่หรือความสะพรึงของสิ่งมีชีวิตมืดมิด?
ตามคาด ผู้ที่จุติเข้ามาจริง ๆ ทรงพลังกว่าผู้ที่เป็นเพียงภาพสะท้อนมากนัก!
“เจ้าของกระโปรงสีขาวแห่งความตายตัวนั้นต้องน่าพรั่นพรึงปานใดกัน?!”
มันเอ่ยกับตัวเองเสียงแผ่ว
สิ่งมีชีวิตในโลงกระดูกแข็งแกร่งกว่ากระโปรงสีขาวแห่งความตายและดาบโลหิตเล็กน้อย ทว่า กระโปรงสีขาวแห่งความตายเป็นเพียงพลังอันเกิดจากภาพสะท้อนเท่านั้น มิใช่ร่างสมบูรณ์ เช่นนั้น พลังแท้จริงของร่างต้นย่อมต้องสยดสยองถึงขีดสุด!
…..
อวกาศนอกอาณาจักร
สิ่งมีชีวิตโลงกระดูกตวัดดาบกระดูกบุกเข้ามา หลี่จิ่วเต้าขมวดคิ้วน้อย ๆ เขาเริ่มไม่อยากสู้แล้ว เพราะสิ่งมีชีวิตตนนี้น่าคลื่นเหียนเกินไป เขากลัวว่าของเหลวน่าสะอิดสะเอียนนั่นจะกระเด็นเปื้อนตน
“เจ้ากลับเข้าไปในโลงอีกครั้งเถิด!”
เขาชี้นิ้วออกไป ทันใดนั้น โลงศพปรากฏ รับสิ่งมีชีวิตในโลงกระดูกเข้าไป จากนั้นฝาโลงประทับปิดสนิท
สิ่งมีชีวิตจากโลงกระดูกคำรามกราดเกรี้ยว หมายจะบุกออกจากโลงนั้นอีกครั้ง แต่ไม่ว่ามันจะระเบิดพลังอย่างไรก็ไร้ผล ไม่อาจแผ้วพานโลงศพนั้นได้เลย!
“ไม่!”
มันสิ้นหวังระคนคาดไม่ถึง โลงศพที่หลี่จิ่วเต้าสร้างขึ้นด้วยการชี้นิ้วเพียงหนึ่งครั้งก็สะกดมันไว้ได้อย่างสมบูรณ์ จะไม่ให้มันสิ้นหวังได้อย่างไร ความห่างชั้นนี้ใหญ่หลวงนัก มันกับหลี่จิ่วเต้าไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันเลย!
“ตัวแปรผิดแผกน่าประหวั่นพรั่นพรึงเพียงนี้เชียวหรือ?!”
มันตกใจเหลือคณา มิน่า แม้แต่ตัวตนระดับสูงสุดในดินแดนที่มันอยู่ยังให้ความสำคัญกับตัวแปรผิดแผกนี้อย่างยิ่งยวด กล่าวว่าตัวแปรผิดแผกนี้จักส่งผลกระทบใหญ่หลวง!
เวลานี้ อย่าให้เอ่ยเลยว่ามันสำนึกเสียใจเพียงใด ช่วงเวลาแห่งความมืดมิดยังมาไม่ถึง ต้องรอต่อไปอีกหน่อย แต่มันกลับไม่อาจสงบใจไว้ได้ บุกออกมา เป็นผลให้มันตกอยู่ในสภาพนี้!
หากมันไม่ร้อนใจ ยอมมาจุติพร้อมกับกองทัพมืดมิด ไหนเลยจะตกที่นั่งลำบากเช่นนี้ ไม่มีทางเลย!
“ดับสิ้นเสียเถิด…”
หลี่จิ่วเต้าโบกมือ เสียงระเบิดดังออกจากโลง สิ่งมีชีวิตจากโลงกระดูกระเบิดแหลกลาญ เนื้อเปื่อยยุ่ยและกระดูกล้วนกลายเป็นผุยผง!
หลังสิ่งมีชีวิตจากโลงกระดูกระเบิด สสารสีดำชวนขนลุกไหลเวียนกระแทกกระทั้นโลงศพ หมายจะฝ่าออกมาให้ได้
ทว่า พริบตาต่อมา พลังบางอย่างปรากฏขึ้นในโลง ขจัดสสารสีดำชวนขนลุกไปทั้งหมด ไม่เหลือแม้แต่ซาก
ต่อมา โลงศพนั้นก็หายไป ทุกอย่างคืนสู่ความสงบ ราวกับไม่เคยมีสิ่งใดเกิดขึ้น
“ไปล่ะ”
หลี่จิ่วเต้าก้าวเท้า ไม่รอช้า เดินทางท่องอวกาศต่อ เพื่อวาดทั้งจักรวาลนี้ออกมา
สิ่งมีชีวิตในเมืองบรรพกาลอึ้งงันกันหมด เนิ่นนานเปล่งเสียงใดไม่ออก สิ่งมีชีวิตจากโลงกระดูกน่ากลัวเพียงนั้น กลับถูกหลี่จิ่วเต้ากำจัดไปได้อย่างง่ายดาย
น่าทึ่งเกินไปแล้ว!
ขณะที่พวกมันรู้สึกทึ่ง ยังรู้สึกโชคดีมหันต์ โชคดีที่มีตัวตนสูงส่งระดับหลี่จิ่วเต้าอยู่ มิฉะนั้น พวกมันคงต้องถูกความมืดมิดกลืนกินกันหมดแน่!
“โฮ่ง นี่แหละคือคุณชาย!”
สุนัขดำตื้นตันใจมากหลังได้ประจักษณ์ถึงความแกร่งกล้าของคุณชายอีกครั้ง เป็นเกียรติของมันอย่างแท้จริงที่ได้ติดตามอยู่ข้างกายคุณชาย นี่คือความโชคดีสูงสุดของมัน!
สุดท้าย มันก็ไปจากที่นี่ กลับไปยังริมลำธารนอกเมืองชิงซาน หมอบอยู่ข้างต้นหลิวและก้อนหินพร้อมสนทนาตามเดิม
…..
ในเวลาสองเดือน ในที่สุดบรรพจารย์เหยียนก็พาเจ้าหลวงมาถึงอาณาจักรนี้
อันที่จริง พวกเขาควรมาถึงนานแล้ว ด้วยพลังระดับบรรพจารย์เหยียน การรุดหน้ามายังอาณาจักรนี้ไม่ควรใช้เวลานานนัก
ทว่า เพื่อความปลอดภัย บรรพจารย์เหยียนไม่ได้ตรงไปยังอาณาจักรนี้ อีกไม่นานแดนบรรพโกลาหลก็จะปรากฏออกสู่ใต้หล้าแล้ว มันกลัวจะถูกสิ่งมีชีวิตในแดนบรรพโกลาหลพบตัวอีกครั้ง
ระหว่างทาง มันพาเจ้าหลวงกวาดล้างนครพิศวงไปอีกคณานับ ดูดกลืนพลังพิศวงในนครพิศวงเหล่านั้น และฟื้นพลังได้อย่างสมบูรณ์!
ก่อนเข้ามาถึงอาณาจักรนี้ มันก็สัมผัสได้ว่าในอาณาจักรนี้มีสสารระดับสูงแสนมหัศจรรย์พวยพุ่ง ตัวมันเองยังอึ้งงัน สสารระดับสูงแสนมหัศจรรย์เช่นนี้มาจากที่ใดกัน!
มันนำศาสตราพิศวงออกมาหนึ่งชิ้นซึ่งได้จากมหานครพิศวงบางแห่ง ด้วยศาสตราพิศวงชิ้นนี้ มันสามารถติดต่อกับหน่วยแยก ณ สถานที่นั้นได้
“พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าเกิดเรื่องใดขึ้นในอาณาจักรนี้”
มันเอ่ยถามออกไป ทว่าไม่ได้รับการตอบกลับ แม้ว่าจะแสดงฐานะแล้วว่ามันคือบรรพจารย์เหยียน ก็ยังไม่ได้รับคำตอบแต่อย่างใด
“เกิดอันใดขึ้น”
มันขมวดคิ้วมุ่น ระส่ำระสายเป็นอย่างมาก คงไม่ใช่ว่าหน่วยแยกประสบปัญหาเข้าหรอกนะ?!
“เป็นไปได้อย่างไรกัน!”
เพียงครู่เดียวมันก็ส่ายหัว ปัดความคิดนี้ตกไป
ไม่มีทางที่หน่วยแยกจะประสบปัญหา เบื้องหลังพวกมันมีแดนกำเนิดพิศวงลางร้ายหนุนอยู่!
ในจักรวาลโกลาหลระดับนี้ ไม่มีทางต่อกรกับแดนกำเนิดของพวกมันได้ไหว!
“ท่านพ่อบุญธรรมเป็นอันใดไป?”
เจ้าหลวงถามขึ้น “หรือว่าจะเกิดเรื่องบางอย่าง”
“ข้าไม่รู้”
บรรพจารย์เหยียนส่ายหน้า “ตอนนี้ยังไม่ทราบสถานการณ์”
“อาณาจักรนี้ผิดปกติเกินไป ท่านพ่อบุญธรรม พวกเรา… รีบไปดีหรือไม่”
เจ้าหลวงเอ่ยอย่างเป็นกังวล กลัวจากใจจริงว่าต้องสูญเสียบิดาบุญธรรมอย่างบรรพจารย์เหยียนไปอีก เขาเพียงต้องการใช้ชีวิตไปอย่างสงบสุขกับบรรพจารย์เหยียนไปเรื่อย ๆ เท่านั้น
“กลัวอันใด! บัดนี้พ่อฟื้นคืนพลังสมบูรณ์แล้ว ขอเพียงตาเฒ่าในแดนบรรพโกลาหลไม่มากันพร้อมหน้า พ่อไม่มีทางเป็นอันใด!”
บรรพจารย์เหยียนกล่าว
“ก็จริง! ท่านพ่อบุญธรรมเป็นถึงบรรพจารย์อาวุโสเชียวนะ!”
เจ้าหลวงคลี่ยิ้ม เขากังวลเกินจำเป็นไปจริง ๆ บัดนี้ ท่านพ่อบุญธรรมคืนพลังสมบูรณ์แล้ว เขาไม่จำเป็นต้องกลัวอันใดอีก!
เวลานี้ ต่อให้พวกเขาต้องเจอะเจอกับเหล่าของวิเศษและต้นหลิว พวกมันก็ไม่จำเป็นต้องกลัว!
ท่านพ่อบุญธรรมบรรพจารย์เหยียนผู้ฟื้นพลังกลับมาสมบูรณ์เรียกได้ว่าเป็นยอดฝีมือที่ทรงพลังที่สุดในจักรวาลโกลาหลผืนนี้ มีกำลังรบระดับโกลาหลขั้นเก้า มีหรือจะเกิดเรื่องง่าย ๆ!
เป็นไปไม่ได้เลย!
“ไปเถิด พวกเราไปดูข้างในกันหน่อย…”
บรรพจารย์เหยียนกล่าว พาเจ้าหลวงเข้าไปยังอาณาจักรนั้น
พวกมันรอบคอบมาก ต่างเปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอกและสงวนพลังพิศวงลางร้ายไว้ แม้ว่าบรรพจารย์เหยียนนั้นมั่นใจว่าจะไม่เป็นอันใด แต่ถึงอย่างไรแดนบรรพโกลาหลก็เชื่อมต่อกับอาณาจักรนี้แล้ว มิหนำซ้ำ อาณาจักรนี้ยังเปลี่ยนไปอย่างอัศจรรย์ มันไม่อาจชะล่าใจแม้แต่น้อย
“พวกเราไปสืบกันก่อนว่าเกิดอันใดขึ้นกับอาณาจักรนี้!”
บรรพจารย์เหยียนเอ่ย ไม่กล้าคลี่แผ่ญาณสัมผัสเพื่อตรวจสอบ จึงตัดสินใจจับสิ่งมีชีวิตจำนวนหนึ่งมาไต่สวน
“เรื่องเล็กแค่นี้ไยต้องให้ท่านพ่อบุญธรรมออกโรง ข้าจัดการเอง!”
เจ้าหลวงตบหน้าอกรับประกัน “ข้าติดตามอยู่ข้างกายท่านพ่อบุญธรรมมา ยกระดับพลังขึ้นไม่น้อย ข้าจัดการเรื่องพวกนี้ได้ไม่มีปัญหา!”
บรรพจารย์เหยียนใคร่ครวญแล้วเห็นว่าเป็นเช่นนั้นจริง บัดนี้ เจ้าหลวงนั้นกล้าแกร่งมาก ครั้นจะจับตัวสิ่งมีชีวิตย่อมไม่เป็นปัญหา
“อืม เจ้าไปเถิด แต่จงจำไว้ว่าต้องระวังตัวด้วย อย่าได้โอหังและประมาทเด็ดขาด! ยามนี้ สถานการณ์ในอาณาจักรนี้ยังไม่แน่ชัด ทั้งยังเชื่อมต่อกับแดนบรรพโกลาหลแล้ว พวกเราจักต้องไม่ทำตัวโดดเด่น”
มันกำชับเจ้าหลวง
“ข้าทราบแล้วท่านพ่อบุญธรรม ข้าจักระมัดระวังเป็นทวีคูณ ไม่สร้างความเอิกเกริกแน่นอน!”
เจ้าหลวงรับประกันอีกครั้ง ก่อนจะไปจากที่นี่
ส่วนบรรพจารย์เหยียนนั้นรอคอยการกลับมาของเจ้าหลวงอยู่ที่นี่