บทที่ 1038 ปรมาจารย์หยั่งสวรรค์ มหาเทพบรรพกาล
ณ โลกผลาญนภา
บนผืนแผ่นดินกว้างใหญ่รกร้างที่ปกคลุมไปด้วยสีโลหิต พื้นดินแตกทลายท้องนภาปริแยก ห้วงมิติแตกร้าวราวกับมีตะขาบยักษ์นับไม่ถ้วนไต่อยู่ ดูดุร้ายน่าหวาดผวา
เงาร่างใหญ่ยักษ์สูงหลายแสนจั้งยืนอยู่บนพื้น ปราณอนธการที่พัวพันรอบกายดูราวกับมังกรเลื้อยพัน เรือนผมยาวปลิวสะบัด กายแกร่งกำยำ เกราะศึกบนกายถูกโจมตีจนปรากฏรอยปริร้าวแตกเป็นเส้นอย่างเห็นได้ชัด
เป็นหานฮวง
เขาเผยร่างจริงของเทพมารอนธการออกมาแล้ว รัศมีพลังดังสายรุ้ง ทอดสายตามองเงาร่างน่าหวาดหวั่นมากมายที่อยู่ไกลออกไปอย่างหมิ่นแคลน
ยอดมหามรรคสิบรายและอริยะมหามรรคนับร้อยกระจายตัวอยู่ตามทิศทางต่างๆ ปิดล้อมหานฮวงไว้ ณ ที่แห่งนี้ แผ่นดินนี้ถูกติดตั้งค่ายกลเอาไว้ปิดกั้นจากห้วงอวกาศของโลกผลาญนภา
“หานฮวง วันนี้คือวันตายของเจ้าแล้ว!”
“เลิศล้ำหมื่นยุคแห่งฟ้าบุพกาลอย่างนั้นหรือ ยอดเยี่ยมจริงๆ แต่น่าเสียดาย เจ้าต้องสิ้นชื่ออยู่ที่นี่!”
“จะพูดไร้สาระกับเขาไปไย ปรมาจารย์หยั่งสวรรค์ออกโรงแล้ว พวกเราต้องเร่งมือแข่งกับเวลาเช่นกัน!”
“ฮ่าๆๆ พิฆาตหานฮวงไปก็เท่ากับตัดแขนฟ้าบุพกาลทิ้งไปข้างหนึ่ง!”
“ระวังหน่อย กลิ่นอายของเด็กคนนี้แกร่งกล้าขึ้นอีกแล้ว!”
….
หานฮวงฟังเสียงวิจารณ์ที่แว่วเข้ามาจากทั่วสารทิศด้วยสีหน้าท้าทาย ยิ้มร้ายกาจจากนั้นก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
เมื่อหานฮวงสัมผัสถึงพลังลึกลับที่พลุ่งพล่านทะลักอยู่ในร่างอย่างต่อเนื่องเขาก็ตื่นเต้นสุดขีด
‘ที่แท้พลังเช่นนี้ต่างหากถึงจะเป็นพลังของเทพมารอนธการ! มีพลังนี้ระดับนี้อยู่ข้าก็ไร้พ่ายแล้ว!’
หานฮวงกู่ร้องอยู่ในใจ แววตาเปี่ยมเจตนาสังหาร
เขาค่อยๆ ยกมือขวาขึ้นมา ดาบแสงสีม่วงสายหนึ่งปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเขา เป็นปฐมยุคไร้สิ้นสูญของหานเจวี๋ยนั่นเองต่างกันเพียงสีสันเท่านั้น
หานฮวงเอ่ยด้วยรอยยิ้มจองหอง “เจ้าพวกมดปลวกเอ๋ย จากนี้จะสำแดงพลังแห่งเทพมารอนธการให้พวกเจ้าได้ชม!”
เทพมารอนธการ!
เหล่าผู้ทรงพลังโลกผลาญนภาแตกตื่นฮือฮา ที่โลกผลาญนภาก็มีข่าวลือตำนานเทพมารอนธการแพร่หลายอยู่เช่นกัน ผนวกกับการผสานรวมกันของฟ้าบุพกาลและผลาญนภาส่งผลให้ข่าวลือเรื่องเทพมารอนธการกลายเป็นประเด็นวิจารณ์อันร้อนแรงของเหล่าสรรพสิ่ง
หานฮวงครอบครองพลังของเทพมารอนธการอย่างนั้นหรือ
จะเป็นไปได้อย่างไร!
หานฮวงเชิดหน้าหัวเราะดังลั่น พลันตวัดมือส่งปฐมยุคไร้สิ้นสูญสีม่วงออกไปโจมตี กวาดเข้าใส่เหล่าอริยะมหามรรคนับร้อยที่อยู่ปลายขอบฟ้า
เหล่าอริยะมหามรรคพากันสำแดงพลังต้านรับไว้ เหล่ายอดมหามรรคก็เข้าโจมตีหานฮวง
หานฮวงไร้ซึ่งความเกรงกลัว เขาตื่นตัวสุดขีด ย่อกายกระโจนขึ้น ร่างจำลองร่างแล้วร่างเล่าปรากฏขึ้นจากร่าง ซัดหมัดโจมตีไปทั่วสารทิศ สำแดงฝ่ามือสวรรค์มหาเกรียงไกรอย่างต่อเนื่อง
ตูม! ตูม! ตูม!
ฟ้าดินพังทลาย แม่น้ำดวงชะตาที่ซ่อนเร้นอยู่ในความมืดมิดปรากฏขึ้นบนนภา บิดเบี้ยวสั่นไหวคล้ายจะพังทลายลงได้ทุกเมื่อ
หานฮวงคว้าตัวอริยะมหามรรคคนหนึ่ง ทำลายยันต์อักขระมหามรรครอบกายเขาแล้วบีบขยี้กายเนื้อของเขาจนกลายเป็นเถ้าธุลีปลิดปลิวไป ทรงพลังอย่างยิ่ง
สวบ…
กระบี่ยักษ์สีดำเล่มหนึ่งแทงทะลุแผ่นหลังของหานฮวง แผ่กระแสสายฟ้านับไม่ถ้วนออกมารุมเร้าพัวพันบนร่างเขา โจมตีเขาอย่างบ้าคลั่ง แม้แต่วิญญาณก็ได้รับความเสียหายไปด้วย
หานฮวงขมวดคิ้วพลางเหลียวมอง นักพรตเต๋าหน้าผีคนหนึ่งกำลังสำแดงพลังเวทอยู่ ณ ปลายขอบฟ้า ฉากนรกภูมิเก้าขุมปรากฏขึ้นเบื้องหลัง
ไอสังหารของหานฮวงปะทุขึ้นมา เขาเพ่งสายตาเล็กน้อย ปฐมยุคไร้สิ้นสูญรวมตัวกันอีกครั้งก่อนปรากฏขึ้นเบื้องหน้านักพรตเต๋าหน้าผีรายนั้น นักพรตเต๋าหน้าผีตั้งตัวไม่ทันถูกปฐมยุคไร้สิ้นสูญสังหาร ทั้งร่างกายและวิญญาณล้วนถูกทำลายสิ้น
การต่อสู้ไม่ได้หยุดชะงักลงเพราะเหตุนี้เลย ผู้ทรงพลังคนอื่นๆ ของโลกผลาญนภายังคงโจมตีอย่างต่อเนื่อง
ยอดมหามรรครายหนึ่งถือกระบี่ไว้ ตวัดฟันจนปรากฏรอยปริแยกขึ้นบนท้องฟ้า มหานทีไพศาลไร้สิ้นสุดสายหนึ่งปรากฏออกมาจากรอยปริแยกมีความกว้างหลายพันล้านลี้ ดูราวกับฟ้ากำลังจะถล่มลงมา
หานฮวงเงยหน้ามองขึ้นไป รับรู้ได้ถึงกลิ่นอายของมหามรรคหลายวิถี
“แม่น้ำมหามรรคอย่างนั้นหรือ น่าสนใจอยู่บ้าง!”
หานฮวงนึกถึงพลังวิเศษที่เต้าจื้อจุนสำแดงออกมาในงานชุมนุมฟ้าบุพกาลก่อนหน้านั้น
ในเวลานี้เอง เงาร่างน่าหวาดหวั่นร่างหนึ่งพลันปรากฏขึ้นจากแม่น้ำมหามรรค โผล่ออกมาแค่ครึ่งตัวเท่านั้น สวมชุดเกราะสำริดโบราณที่แตกร้าว มีแขนสี่ข้างใบหน้าดั่งตอไม้ตายซาก มีเพียงสองเนตรว่างเปล่าไร้แวว บนศีรษะมีศาสตราเทพมากมายนับไม่ถ้วนเสียบปักอยู่ ราวกับเทพบรรพกาลที่ฟื้นคืนชีพกลับมาจากสนามรบโบราณกาล
“เทพมารอนธการอย่างนั้นหรือ จะให้เจ้าได้ลิ้มรสพลังแห่งเทพมารฟ้าบุพกาลที่เก่าแก่ที่สุดก่อนแล้วกัน!”
ยอดมหามรรคคนนั้นที่อยู่เหนือแม่น้ำมหามรรคเอ่ยด้วยรอยยิ้มหยิ่งผยอง
“จดจำนามเขาไว้ให้ดี มหาเทพบรรพกาล!”
เมื่อสิ้นเสียงของยอดมหามรรครายนั้น มหาเทพบรรพกาลปีนออกมาจากแม่น้ำมหามรรค พุ่งตัวลงมาหาหานฮวง
ขณะที่หานฮวงกำลังจะตั้งรับ พลังลึกลับประการหนึ่งได้พันธนาการเขาเอาไว้ทำให้ไม่สามารถขยับตัวได้
“แย่แล้ว!”
หานฮวงมีสีหน้าตกตะลึง
ครืน!
ผืนดินพังถล่ม ฝุ่นดินปลิวฟุ้งขึ้นมา เขตอาคม ณ ปลายขอบฟ้าทลายตัวลง ห้วงอวกาศมืดมิดเข้ากลืนกินรอบข้าง
อีกด้านหนึ่ง
ภายในอารามเต๋า หานเจวี๋ยกำลังชมการต่อสู้อย่างได้อรรถรส
ค่ายกลของโลกผลาญนภาแข็งแกร่งมาก ผู้ทรงพลังส่วนใหญ่ที่ประจำการอยู่ในโลกผลาญนภาล้วนแห่มาเพื่อปิดล้อมโจมตีหานฮวงคนเดียว
ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดคงเป็นปรมาจารย์หยั่งสวรรค์คนนั้นกระมัง คอยกักกันหานฮวงไว้ในห้วงอวกาศ ทำให้หานฮวงถูกมหาเทพบรรพกาลข่ม
ปรมาจารย์หยั่งสวรรค์แข็งแกร่งมาก เก่งกาจกว่าเหล่าจื่อเสียอีก หากว่าให้เทพมหาทัณฑ์เป็นผู้ลงมือเกรงว่าถ้าสู้กันตัวต่อตัวก็คงมิใช่คู่ต่อสู้ของปรมาจารย์หยั่งสวรรค์เช่นกัน
ต้องยอมรับเลยว่ากำลังรบของโลกผลาญนภายังคงแข็งแกร่งกว่ามาก
“แต่คิดจะสังหารบุตรชายข้าก็ไม่ง่ายถึงขนาดนั้นหรอก”
หานเจวี๋ยยิ้มมุมปาก เริ่มถ่ายเทพลังปฐมยุคไปให้หานฮวงมากยิ่งขึ้น
เจ้าตัวแสบ!
ผู้เฒ่าก็อยากเห็นนักว่าเจ้าจะรับพลังไว้ได้มากขนาดไหน!
ครืน…
ท่ามกลางสนามรบที่ราวกับหุบเหวลึก พลังปฐมยุคระเบิดออกมาจนทำให้ฝุ่นดินกระจายฟุ้งปกคลุมผืนฟ้า ทำให้มหาเทพบรรพกาลที่ใหญ่โตมโหฬารกระเด็นขึ้นสู่ห้วงอวกาศ
“พวกเจ้าเอาแต่พล่ามไร้สาระ ขนาดร่วมมือกันแล้วยังทำได้แค่นี้!”
เสียงหัวเราะเยาะของหานฮวงแว่วดังขึ้น ฝุ่นฟุ้งเริ่มสลายตัวไป สนามรบกลายเป็นห้วงอวกาศเวิ้งว้างไปอย่างสิ้นเชิง ผืนแผ่นดินกว้างไกลไร้ขอบเขตก่อนหน้านี้หายไปแล้ว ไม่มีหลงเหลืออยู่แม้แต่อุกกาบาตสักก้อน
มองเห็นเพียงปฐมยุคไร้สิ้นสูญสองสายตั้งตระหง่านอยู่รอบกายหานฮวง เขาเดินมุ่งเข้าไปหามหาเทพบรรพกาลด้วยท่าทางน่าเกรงขาม
ยอดมหามรรคที่อัญเชิญแม่น้ำมหามรรคออกมาตวาดกร้าว “อย่าได้จองหองไป!”
แม่น้ำมหามรรคไหลหลากรวดเร็วพุ่งเข้าโอบล้อมหานฮวงไว้ มหาเทพบรรพกาลร่างแล้วร่างเล่าปีนออกมาจากแม่น้ำมหามรรค ดูราวกับมารร้ายที่หลุดพ้นจากคุกจองจำ
“พอแล้ว!”
เสียงทรงอำนาจสายหนึ่งดังขึ้นมา มองเห็นนักพรตเต๋าชุดขาวคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนแท่นบงกชเขียวค่อยๆ ร่อนลงมา แสงเทพเจิดจ้าสาดส่องอยู่ด้านหลังเขา ส่องสว่างไปทั่วห้วงอวกาศ!
หานฮวงขมวดคิ้ว คนผู้นี้อีกแล้ว!
หากมิใช่เพราะปรมาจารย์หยั่งสวรรค์ ไอ้ลูกหมาพวกนี้ก็มิใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลย!
เขาสัมผัสได้ว่าปรมาจารย์หยั่งสวรรค์ครอบครองอำนาจศักดิ์สิทธิ์ชะตามหามรรคเอาไว้ สำหรับอำนาจศักดิ์สิทธิ์ชะตามหามรรคเขายังคงมีภาพจำที่สดใหม่ชัดเจนไม่สร่างซา
ผู้ครองอำนาจศักดิ์สิทธิ์ชะตามหามรรคที่อยู่เบื้องหน้านี้เป็นตัวตนแข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เขาเคยเผชิญหน้ามา
ปรมาจารย์หยั่งสวรรค์มีสีหน้าอ่อนโยนเมตตา สองตาปิดพริ้ม ผิวขาวกระจ่างดั่งหยก ตัวคนดูราวกับพระพุทธรูปก็มิปาน
“ระงับพลังของเจ้าเสียแล้วข้าจะปล่อยให้เจ้ามีชีวิตรอดกลับไป”
เสียงของปรมาจารย์หยั่งสวรรค์ทรงอำนาจอย่างยิ่ง ไม่ยอมรับความเห็นต่างเลย
หานฮวงคร้านจะคุยไร้สาระกับเขาจึงควบคุมปฐมยุคไร้สิ้นสูญให้พุ่งออกไปโจมตี
ระดับความเร็วของปฐมยุคไร้สิ้นสูญรวดเร็วถึงเพียงใดกันเล่า ภาพติดตายังไม่ทันเลือนหายก็ไปปรากฏตัวขึ้นที่สองฝั่งของปรมาจารย์หยั่งสวรรค์แล้ว ฟันไขว้ใส่ร่างเขา
ทว่าปฐมยุคไร้สิ้นสูญกลับทะลุผ่านร่างปรมาจารย์หยั่งสวรรค์ไป ฟันไขว้สลับผ่านไปแต่ปรมาจารย์หยั่งสวรรค์ยังคงนั่งอยู่บนแท่นดอกบัวเช่นเดิม ไม่ได้รับบาดเจ็บเลยสักนิด
หานฮวงขมวดคิ้ว หรือว่านี่จะมิใช่ร่างจริงของอีกฝ่าย
ปรมาจารย์หยั่งสวรรค์เอ่ยขึ้นว่า “ไม่มีพลังใดบนโลกนี้ที่สามารถทำอันตรายข้าได้ ต่อให้เป็นกฎเกณฑ์สูงสุด…”
พูดยังไม่ทันจบประโยค จู่ๆ ร่างกายของปรมาจารย์หยั่งสวรรค์ก็ปรากฏรอยแตกร้าว ทำให้เขาต้องลืมตาขึ้นมา
“เป็นไปได้อย่างไร”
“นี่คือพลังใดกัน”
ปรมาจารย์หยั่งสวรรค์หน้าเปลี่ยนสี รีบสะกดพลังปฐมยุคที่แทรกซึมอยู่ในร่างไว้ทันที
………………………………………………………………