Akuma Koujo ~Yurui Akuma no Monogatari~ – ตอนที่ 5.1 ฉันอายุได้สามขวบแล้วค่ะ

Akuma Koujo ~Yurui Akuma no Monogatari~

“……จำฉันได้ไหม?”

 

ท่านพ่อถามขึ้นด้วยสีหน้ากังวล

 

ต้องจำได้แน่นอนอยู่แล้ว

 

ฉันไม่มีทางลืมท่านพ่อสุดหล่อของฉันได้หรอก

 

สีหน้าของท่านพ่อบ่งบอกความกังวลในใจออกมาอย่างชัดเจน…เนื่องจากการที่เขาสามารถกลับมาเยี่ยมลูกสาวได้เพียงแค่ปีล่ะสองครั้งจึงไม่แปลกเลยหากลูกสาวของเขาจะจำหน้าพ่อของตัวเองไม่ได้

 

นับตั้งแต่เหตุการณ์การทดสอบเวทย์ศักดิ์สิทธิ์ในครั้งนั้น ตัวฉันที่ตระหนักถึง[ความเป็นปีศาจ]ในตัวเองที่มีอย่างแรงกล้าจึงได้มุ่งมั่นที่จะทำตัวให้สมกับเป็นมนุษย์มากขึ้นกว่าเดิมและแน่นอนว่าในฐานะลูกสาวเองก็เช่นกัน

 

“…ท่านพ่อคะ?”

 

เมื่อฉันส่งเสียงเรียกและเดินเตาะแตะๆเข้าไปหา ท่านพ่อก็แสดงอาการตกใจออกมา

 

“โอ…ยูรุเชียเรียกฉันว่าพ่อซินะ….”

 

เอ๊ะ? จะว่าไปนี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเรียกเขาว่า[ท่านพ่อ]ต่อหน้ารึเปล่านะ?

 

แต่ว่านะ…..ท่านพ่อจะไม่ออกอาการกลัวชัดเจนไปหน่อยหรอคะ? ฉันก็รู้อยู่หรอกค่ะว่ารูปลักษณ์ของฉันไม่เหมือนมนุษย์แต่ถ้าท่านพ่อทำท่าหวาดกลัวขนาดนั้นล่ะก็ เอาตรงๆฉันเองก็รู้สึกเจ็บเหมือนกันนะคะ…..

 

แต่ว่าฉันจะมาใจเสียเอาตอนนี้ไม่ได้ค่ะ

 

สำหรับปีศาจน้อยแสนบอบบางแบบฉันการถูกปกป้องโดยผู้ชายที่สุดยอดแบบท่านพ่อนั้นถือว่าเป็นหนทางที่ดีที่สุดแล้วล่ะ ไม่ใช่เพราะว่าฉันมีรสนิยมชอบผู้ชายมีอายุรูปงามหรืออะไรแบบนั้นหรอกนะคะ

 

ก่อนอื่นเลยก็ต้องทำให้ท่านพ่อชินกับรูปลักษณ์ของฉันให้ได้ก่อน

 

 

 

 

วันนี้คือวันเกิดครบรอบสามขวบของฉัน

 

สำหรับของขวัญที่ได้รับนั้น จากคุณแม่ฉันได้หวีที่ทำด้วยแร่เงิน ตอนแรกก็รู้สึกกลัวพวกของที่ทำจากเงินกับเวทย์มนต์ศักดิ์สิทธิ์อยู่เล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้มีเรื่องหรือปัญหาอะไรเกิดขึ้นแล้วพอมาคิดดูดีๆปกติฉันก็ใช้ช้อนเงินกินข้าวอยู่ทุกวันไม่ใช่รึไง

 

ส่วนของขวัญจากคุณเมดสาวทั้งสามคนนั้นเป็นหนังสือชื่อ [ตำราเวทย์ที่แม้แต่เด็กสามขวบก็ใช้ได้]… ที่โลกนี้หนังสือมันแพงไม่ใช่รึไงคะ….จะฝืนซื้อกันทำไมล่ะนั่น

 

จากคุณทรูฟี่ที่กลับบ้านเกิดหลังจากทำงานเป็นพี่เลี้ยงเด็กให้กับฉันเสร็จเรียบร้อย ฉันได้ภาพวาดของภูติตัวจิ๋วและน้ำตกขนาดเล็กเล็ก เป็นภาพที่วิเศษสุดๆเลยล่ะค่ะ

 

จากคุณพ่อฉันได้ตุ๊กตาคุณหมีตัวใหญ่ยักษ์ ตุ๊กตาคุณกระต่ายขนาดไม่ใหญ่นัก ช่อดอกกุหลาบ แล้วก็ลูกอมมากมายจากร้านขนมชื่อดังในเมืองหลวง

 

พอฉันลองชิมลูกอมดู…อย่างที่คิดไว้มันไม่ค่อยจะมีรสชาติซักเท่าไหร่ ในด้านของคุณภาพมันก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าพวกของหวานในโลกปีศาจที่ฉันเคยกินหรอกนะแต่เหมือนกับมันขาดอะไรบางอย่างไป

 

แต่ถ้าฉันไม่กินล่ะก็……..ทุกคนจะต้องเสียใจแน่ๆ

 

 

 

 

หลังจากจบงาน เหมือนอย่างทุกทีท่านพ่อจะออกไปเมื่อถึงช่วงค่ำแต่ว่าครั้งนี้ฉันจะลองอ้อนท่านไม่ให้ไปไหนดู

 

ฉันค่อยๆคลานไปหาท่านพ่อผู้ที่ปกตินั้นจะลังเลแม้กระทั่งการสัมผัสตัวฉัน จากนั้นก็ใช้มือแตะที่ตักของท่าน

 

“……มีอะไรงั้นหรอยูรุเชีย?”

 

เมื่อตาของพวกเราสบกับท่านพ่อก็น้ำตาซึมออกมาเล็กน้อย……ดูเหมือนถ้าไม่รุกเพิ่มซักหน่อยคงจะไม่ไหวซินะ

 

“ท่านพ่อ กอดด~”

 

“โอะ โอ้”

 

ตาของท่านพ่อเบิกกว้างพร้อมกับเสียงที่แทบจะแยกไม่ออกว่าเป็นการตอบกลับหรือเป็นแค่เสียงครวญคราง  

 

จากนั้นท่านพ่อก็ยกฉันขึ้นมานั่งบนตักของตัวเองด้วยแขนสุดทรงพลัง.

 

จะว่ายังไงดีล่ะ…..พอโดนท่านพ่อจับแบบนี้แล้วรู้สึกตื่นเต้นแบบบอกไม่ถูก ไม่ใช่ในฐานะ’ลูกสาว’แต่ในฐานะของ’หญิงสาว’อะนะ

 

“”………””

 

ด้วยเหตุใดไม่อาจทราบได้บทสนทนาระหว่างสองพ่อลูกก็ได้เงียบลง

 

ทางฉันก็แค่กำลังรู้สึกประทับใจในกล้ามขาและกล้ามอกสุดแข็งแรงของผู้ชายแต่ฝั่งท่านพ่อนั้น……ดูเหมือนกำลังกลุ้มใจว่าตัวเองจะรับมือกับลูกสาวสามขวบสุดแปลกมนุษย์มนาอย่างฉันยังไงดี

 

และในจังหวะนั้นฉันก็ได้เริ่มดำเนินสุดยอดแผนการของตัวฉันเอง

 

ใช่แล้วล่ะ ฉันน่ะคือแมวยังไงล่ะ ฉันจะกลายเป็นน้องเหมียวสุดน่ารักค่ะ ม-ไม่ใช่ว่าฉันแพ้สัญชาติญานความเป็นแมวของตัวเองหรืออะไรแบบนั้นหรอกนะคะ!

 

‘ฟึดฟึด ฟึดฟัด’

 

ฉันใช้จมูกของตัวเองถูไถออดอ้อนอกของท่านพ่อ

 

ท่านพ่อตัวสั่นด้วยความตกใจเล็กน้อยแต่ฉันไม่สนใจและเข้ารุกออดอ้อนยิ่งกว่าเดิม

 

จนในที่สุดท่านพ่อก็ค่อยๆยื่นฝ่ามือที่สั่นอยู่นั้นมาลูบหัวของฉันอย่างระมัดระวัง

 

ฉันเอาหัวถูไถไปกับฝ่ามือใบใหญ่ของท่านพ่อเสมือนเป็นการส่งสัญญาณว่า “ท่านพ่อคะช่วยลูบหัวฉันให้อ่อนโยนยิ่งกว่านี้ทีค่ะ”

 

……โอ๊ะ? เหมือนได้กลิ่นอะไรหอมๆด้วยล่ะ มันเป็นกลิ่นหอมหวานแบบเดียวกับที่ท่านแม่ปล่อยออกมา กลิ่นนั้นกระตุ้นให้ฉันเข้าไปคลอเคลียท่านพ่อยิ่งกว่าเดิม

 

“……เหงาซินะ?”

 

ท่านพ่อถามฉันด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

 

เอ๊ะ? เหงาหรอ? เมื่อฉันหันหน้าขึ้นไปสบตากับท่านพ่อ ฉันก็เห็นท่านพ่อจ้องตรงมาที่ฉันด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย

 

……ค-ควรจะตอบยังไงดี? แล้วทำไมถึงรู้สึกใจเต้นแปลกกันล่ะเนี่ย แถมเพราะกลิ่นหอมนั่นที่หน้าของฉันก็เลยรู้สึกร้อนขึ้นมาอีก

 

ฉันคิดคำตอบกลับไม่ออกอีกทั้งดวงตาของท่านพ่อที่จ้องมาอย่างไม่ละสายตาทำให้ฉันรู้สึกเขินจนต้องหลบหน้าเข้าไปซุกอกของท่านพ่อเพื่อหลบหนีจากกลิ่นหอมหวานที่ราวกับยาพิษ

 

“……มู่”

 

“ยูรุเชียเป็นเด็กขี้อ้อนจังเลยนะ…ถ้างั้นเดี๋ยวพ่อจะช่วยโอ๋ให้จนกว่าลูกจะพอใจเลย”

 

น้ำเสียงของท่านพ่อดูสดใสขึ้นพร้อมกับที่มือใหญ่ๆของท่านพ่อลูบผมของฉันอย่างแผ่วเบาก่อนที่จะใช้มือนั่นเกาที่ใบหูและคอของฉัน

 

เมื่อฉันพยายามจะขยับหนีเพราะความจักจี้ท่านพ่อก็จับฉันไว้ไม่ให้ไปไหนอย่างรวดเร็ว ดูกำลังสนุกสุดๆเลยนะคะท่านพ่อ

 

แต่นี่มันอะไรกันนะ…ไอ้ความรู็สึกนี่ มันให้ความรู้สึกเหมือนตอนที่ฉันซุกเข้าไปคลอเคลียในขนของ [เขา]เลย….อย่าบอกนะว่า นี่ฉันกำลังถูกฝึกให้เชื่องอย่างงั้นหรอคะ…?

 

“เหมียววว”

 

เสียงร้องที่แม้แต่ตัวฉันเองก็ไม่อาจอธิบายได้ถูกปล่อยออกมาจากนั้นฉันจึงดิ้นหนีจากมือที่กำลังจักจี้ฉันเพื่อไปลี้ภัยในอ้อมอกของท่านพ่อ

 

“หะหะหะ ยูรุเชียนี่อย่างกับลูกแมวเลยนะ”

 

เสียงกระซิบอันแผ่วเบาที่ถูกปล่อยออกมาใกล้หูของฉันทำให้หน้าของฉันร้อนผ่าวฉันจึงซุกหน้าเข้าไปในอกของท่านพ่อเพื่อหลบหนีจากกลิ่นหอมหวานราวกับยาพิษที่ถูกปล่อยออกมา

 

 

 

***

 

มีชายคนหนึ่งนามว่าฟอลท์

 

เขาคือชายผู้เป็นเลิศทั้งด้านดาบและปัญญา อนาคตของเขาถูกคาดหวังจากผู้คนมากมายแต่เขาไม่คิดจะใช้พลังนั้นให้เต็มประสิทธิภาพ

 

เขานั้นมีพี่สาวและพี่ชาย ความสัมพันธ์ของพี่น้องทั้งสามนั้นค่อนข้างที่จะดี

 

พี่สาวของเขานั้นเป็นผู้หญิงที่เต็มเปี่ยมด้วยความทะเยอทะยานแต่ก็อ่อนโยนกับผู้ที่อยู่ต่ำกว่าตนเองและถูกรักด้วยผู้คนรอบๆตัวเธอ เธอคือความภาคภูมิใจของเหล่าพี่น้อง คำสอนของพี่สาวยังคงถูกจารึกไว้ในใจของพวกเขาทั้งสองถึงแม้ว่าพี่สาวของพวกเขานั้นจะแต่งงานเข้าตระกูลอื่นไปแล้วก็ตาม

 

พี่ชายของเขาคือชายที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความอาจหาญและห่างไกลจากคำว่าละเอียดอ่อน ฝีมือดาบของเขานั้นก้าวข้ามตัวน้องชายไปได้อย่างง่ายดายและเขานับถือความกล้าหาญของพี่ชายของเขา

 

ฟอลท์นับถือพี่ทั้งสองของเขาเป็นอย่างมากส่วนทางฝั่งพี่สาวและพี่ชายเองก็รักน้องชายแสนฉลาดและซื่อตรงอย่างฟอลท์เช่นกันรวมถึงยังภูมิใจในตัวของเขามาก

 

แต่มันเป็นเรื่องน่าเศร้าที่ความฉลาดปราดเปรื่องและความสามารถของเขานั้นได้นำความโชคร้ายมาสู่ตัวเขาเสียเอง

 

ตระกูลของสามพี่น้องนั้นเป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่มีอำนาจมากมายและมีเพียงแค่คนเดียวเท่านั้นที่จะได้สืบทอดตำแหน่งผู้นำของตระกูล

 

ฟอลท์เชื่อว่ามีเพียงพี่ชายของเขาที่ได้รับการยอมรับจากผู้คนมากมายเท่านั้นที่เหมาะสมเป็นผู้นำตระกูล เพราะอย่างนั้นเขาจึงมุ่งมั่นพัฒนาสติปัญญาความรู้ของตัวเองอย่างหนักเพื่อที่จะได้เป็นคนที่จะสามารถคอยสนับสนุนและเป็นพลังให้กับพี่ชายของเขาได้

 

แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็เริ่มมีเสียงจากคนรอบข้างดังขึ้นมาว่าฟอลท์นั้นคือผู้ที่เหมาะสมกับการขึ้นเป็นผู้นำตระกูล

 

ฟอลท์พยายามปฏิเสธเสียงเหล่านั้นแต่ไม่ว่าจะทำยังไงเสียงพวกนั้นก็ไม่มีท่าทีว่าจะเงียบลงได้เลย เขาจึงไม่ลังเลที่จะเข้าปรึกษากับท่านพ่อเพื่อที่จะละทิ้งชื่อของตระกูล

 

คนที่หยุดเขาไว้ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นตัวพี่ชายของฟอลท์เอง

 

พี่ชายของฟอลท์รู้ถึงความพยายามของตัวน้องชายเป็นอย่างดีและเหนือสิ่งอื่นใดเขาเป็นคนที่เข้าใจอุปนิสัยของฟอลท์ยิ่งกว่าใครๆ

 

ตัวเขาพร้อมจะยกตำแหน่งผู้นำตระกูลให้ด้วยความเต็มใจหากฟอลท์ต้องการมัน เขารู้ดีว่าฟอลท์มีคุณสมบัติที่คู่ควรกับตำแหน่งนั้นแต่ว่าเขาเองก็รู้เช่นกันว่าฟอลท์ไม่ได้ต้องการมันเลย

 

เขาปราถนาให้ฟอลท์มีชีวิตอิสระแต่ถึงอย่างนั้นเขาก็อยากให้ฟอลท์ได้แสดงศักยภาพที่มีอยู่เคียงข้างตัวเขา

 

เขาจึงใช้เล่ห์กลอุบายที่เขารู้ดีว่าอาจจะทำให้เขาถูกน้องชายเกลียดชัง

 

แต่จะเรียกมันว่ากลอุบายก็ไม่ถูกนักเพราะมันก็แค่การให้น้องชายของตนทำหน้าของคนในตระกูลเพียงเท่านั้น

 

แผนที่เขาใช้ก็คือการให้ฟอลท์แต่งงานเข้าไปในตระกูลของญาติที่มีทายาทเพียงแค่ลูกสาว ฟังดูแล้วอาจจะเป็นแผนที่ไม่มีปัญหาอะไรแต่หากตระกูลนั้นเติบโตขึ้นในอนาคตปัญหาที่ตามมาจะพันกันยุ่งเหยิงจนยากจะแก้ไขได้

 

ลูกสาวของตระกูลนั้นไม่ใช่คนที่มีนิสัยน่าคบหามากนักทำให้เขาเกิดความลำบากในการจับทั้งสองคนมาแต่งงานกัน

 

อีกทั้งตัวเขารู้ดีว่าฟอลท์นั้นมีผู้หญิงในใจอยู่แล้ว เธอคือลูกสาวของแม่นมและยังเป็นพี่น้องบุญธรรมของฟอลท์ เด็กสาวคนนั้นงดงามทั้งรูปร่างหน้าตาและจิตใจ

 

แต่ยังไงก็ตามด้วยสถานะลูกบุญธรรมทำให้เธอมีฐานะทางสังคมสูงไม่พอส่งผลให้การส่งฟอลท์ไปแต่งงานในตระกูลของญาตินั้นได้รับการยอมรับมากกว่าการแต่งงานกับคนที่เขารัก

 

ด้วยเหตุนั้นพี่ชายจึงใช้วิธีบังคับคลุมถุงชนน้องชายของเขา

 

ถึงแม้เขาจะรู้ดีว่าน้องชายและน้องสาวบุญธรรมของเขาจะต้องเสียใจเป็นอย่างมากก็ตาม

 

หลายปีผ่านไป ฟอลท์ได้มีลูกสาวสองคน

 

ทั้งสองนั้นมีนิสัยเสียคล้ายกับฝ่ายแม่จนทำให้แม้แต่พี่ชายเองยังเกิดความสงสัยว่าเด็กทั้งสองนั้นคือลูกของฟอลท์ผู้แสนอ่อนโยนจริงๆหรือ แต่ว่าอย่างน้อยๆก็ยังน่าโล่งใจที่ทั้งสองไม่ใช่ลูกชาย

 

ฟอลท์ไม่สามารถโต้เถียงหรือสู้กับภรรยานิสัยเอาแต่ใจที่มีอายุเยอะกว่าเขาสองปีได้และทางฝั่งลูกสาวทั้งสองเองก็ดูจะมีความเคารพต่อแม่มากกว่าพ่ออย่างเขา

 

ตัวเขารักพวกเธอจริงๆรึเปล่านะ ความคิดเหล่านั้นแวบเข้ามาในหัวของฟอลท์

 

เช่นเดียวกันกับผู้เป็นแม่ ลูกสาวทั้งสองเองก็มีรูปร่างหน้าตาที่สวยงามน่าดึงดูด ผู้คนมากมายจึงรู้สึกอิจฉาตัวฟอลท์แต่เขาไม่เข้าใจว่าชีวิตของเขานั้นมันน่าอิจฉาตรงไหน ตัวเขานั้นไม่รู้สึกว่าภรรยากับลูกสาวทั้งสองรักเขาเลยด้วยซ้ำ

 

แต่ฟอลท์ก็เข้าใจดีว่าพี่ชายทำแบบนี้ก็เพื่อตัวเขา

 

เขารู้สึกยินดีที่ได้ทำงานกับพี่ชายจากใจจริง

 

ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นฟอลท์ก็ไม่สามารถสลัดความเจ็บปวดที่กำลังค่อยๆกัดกินหัวใจเขาลงไปทุกวันๆได้

 

เมื่อทนเห็นสภาพของน้องชายที่กำลังเจ็บปวดไม่ได้ พี่ชายของฟอลท์จึงได้บอกให้เขาไปที่สถานที่แห่งหนึ่งที่ซึ่งจะสามารถช่วยสงบจิตใจอันแสนทรมาณของฟอลท์ได้

 

สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจไปที่นั่นตามคำพูดของพี่ชายถึงแม้จะเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งว่ามันจะช่วยเขาได้จริงก็ตาม และ ณ ที่นั่นเขาได้เจอกับคนที่กำลังรอคอยเขาอยู่  ‘เธอ’ พี่สาวบุญธรรมของฟอลท์ที่ไม่เคยถอดใจและกำลังรอคอยคนที่เธอรักสุดหัวใจเสมอมา

 

การมีภรรยาสองคนในอาณาจักรศักดิ์สิทธฺิ์แห่งนี้ไม่ถูกมองเป็นเรื่องดีนักแต่ด้วยตำแหน่งของฟอลท์เขามีอำนาจพอที่จะทำแบบนั้นได้

 

ถึงแม้ว่าเขาจะไม่อยากขัดใจภรรยาของเขา ฟอลท์ก็ไม่สามารถหลอกหัวใจตัวเองได้อีกต่อไปและสุดท้ายทั้งสองคนก็ได้พบรักกัน

 

และในเวลาไม่นานสรวงสวรรค์ก็ได้ประทานนางฟ้าตัวน้อยให้กับพวกเขาทั้งสอง

 

ลูกสาวสุดที่รักที่กลับมามีชีวิตหลังจากการตายตอนคลอดเติบโตขึ้นมาเป็นเด็กที่มีสุขภาพแข็งแรงอย่างน่าอัศจรรย์

 

เธอช่างใสซื่อบริสุทธิ์เสียจนทำให้ฟอลท์ไม่กล้าแม้แต่จะแตะต้อง

 

ฉันมีสิทธิที่จะเข้าใกล้ตัวเธอรึเปล่า? ฉันมีภรรยาอีกคน มีลูกสาวคนล่ะแม่อยู่อีกสอง ฉันที่เป็นแบบนั้นคู่ควรที่จะเป็นพ่อของเด็กคนนี้จริงๆน่ะหรอ?

 

 

 

 

ในงานวันเกิดสองขวบของยูรุ เมื่อเห็นรูปลักษณ์ของลูกสาวของตัวเองเขาก็รู้สึกกังวลขึ้นมา

 

เมื่อหนึ่งปีที่แล้วเธอยังเป็นเพียงแค่เด็กทารกน่ารักไร้เดียงสาอยู่เลย แต่ตอนนี้ที่เธออายุได้สองขวบนั้นรูปลักษณ์ของยูรุเชียกลับสวยงามเหนือมนุษย์จนน่าสะพรึงกลัว

 

เธอเป็นมนุษย์จริงๆน่ะหรอ…? ไม่ใช่นางฟ้าจริงๆใช่ไหม?

 

เขาเกิดกลัวในความคิดของตัวเองขึ้นมาทำให้ฟอลท์ยิ่งลังเลที่จะสัมผัสตัวของลูกสาวของตนเข้าไปอีก

 

 

 

 

แต่ถึงอย่างงั้น ทุกครั้งที่เขาหลับตาฟอลท์ก็จะเห็นภาพของหญิงสาวและลูกสาวที่เขารักโผล่มาอยู่ตลอดมา

 

หากความกลัวและความลังเลของฉันเกิดทำให้ยูรุเชียมองฉันด้วยสายตาเย็นชาเหมือนดั่งภรรยาและลูกคนอื่นๆล่ะก็……เมื่อมีความคิดแบบนั้นเข้ามาในหัว หัวใจของเขาก็ถูกกดทับด้วยความกังวลจนแทบจะระเบิดออกมา

 

และในวันนี้ วันเกิดสามขวบของยูรุเชีย เหมือนดั่งเช่นเคยเขายังคงมีความหวาดกลัว ความกังวล และความหวาดระแวงอยู่ในอก เขาเตรียมใจไว้แล้วว่าถ้าลูกสาวลืมเขาขึ้นมา…….มันก็คงจะเลี่ยงไม่ได้ แต่ แต่ว่าลูกสาวของเขาส่งเสียงเรียกของฟอลท์ เธอเรียกตัวเขาว่าพ่อ……

 

แม้กระนั้นตัวเขาก็ไม่รู้ว่าจะทำตัวกับลูกสาวที่ห่างเหินกันไปเป็นเวลานานยังไง

 

แต่จู่ๆลูกสาวของเขากลับเริ่มรุกโดยการขอสวมกอดกับเขาเสียเอง และภาพที่เขาได้เห็นนั้นทำให้ฟอลท์รู้สึกตัวว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาตัวเองโง่เง่าถึงขนาดไหน

 

ตลอดเวลาที่ผ่านมาลูกสาวของเขารู้สึกโดดเดี่ยวมาโดยตลอด ในวินาทีนั้นเองที่เขารู้สึกตัวว่าลูกสาวของเขากำลังเศร้าที่ไม่ได้เห็นหน้าพ่อ ความรักต่อลูกสาวที่ถูกเก็บไว้ในห้วงลึกของหัวใจก็ล้นทะลักออกมา

 

เพียงเพราะความสวยที่หลุดขอบเขตของมนุษย์นั่นงั้นหรอที่ทำให้ฉันเว้นระยะห่างจากเธอ?

 

เพียงเพราะคิดว่าตนไม่คู่ควรที่จะเป็นพ่อ ฉันจึงทำให้ลูกสาวแสนไร้เดียงสาและแสนสำคัญรู้สึกโดดเดี่ยวอย่างงั้นหรอ?

 

……ฉันจะรักทั้งสองคนด้วยชีวิตต่อให้ทั้งโลกจะกลายเป็นศัตรูก็ตาม……

 

ฉันจะไม่ยอมให้ยูรุเชียแต่งงานเข้าบ้านใครหน้าไหนเด็ดขาด…….

 

Akuma Koujo ~Yurui Akuma no Monogatari~

Akuma Koujo ~Yurui Akuma no Monogatari~

Status: Ongoing
เธอเคยฝันถึงโลกที่เต็มไปด้วยแสงสว่าง เธอมีครอบครัว ได้ไปโรงเรียน มีเพื่อน เคยขึ้นทั้งรถไฟ รถประจำทาง ได้ดูภาพยนต์มากมาย อ่านหนังสือหลายต่อหลายเล่ม และในโลกแห่งแสงแห่งนี้ เธอได้เติบโตจน เป็นผู้ใหญ่ ทว่าในท้ายที่สุด ณ ห้องสีขาวแห่งหนึ่ง เธอก็ได้ตกลงสู่ความมืดมิด ก่อนจะถูกปลุกขึ้นจากฝันและได้พบว่าตัวเองนั้นได้กลายเป็นปีศาจไปเสียแล้ว ในโลกปีศาจนั้น เธอได้ใช้ชีวิตอย่างเรื่อยเปื่อย จน กระทั่งได้เผชิญหน้าเข้ากับการมีอยู่ของบางสิ่งบางอย่างที่ทรงพลัง หลังจากใช้ชีวิตในโลกปีศาจอย่างยาวนาน เธอไม่รู้ตัวเลยว่า ความปรารถนาถึงโลกแห่งแสงที่เคยฝันถึงซึ่งเก็บไว้อยู่ในห้วใจนั้นค่อยๆทวีความรุนแรงขึ้น ทำให้เธอถลาเข้ไปในวงเวทย์อัญเชิญที่จู่ๆก็ปรากฏขึ้นมา จากนั้น เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เธอก็ได้มาอยู่ในร่างมนุษย์ที่เป็นเด็กทารก เธอได้อาศัยอยู่ในอาณาจักรศักสิทธิ์ด้วยความหวาดกลัว เพราะแท้จริงแล้วในตอนที่เธอเป็นปิศาจ เธอมีพละกำลังอยู่แค่ในระดับทารกเท่านั้นและหากการที่เธอเป็นปีศาจถูกล่วงรู้ขึ้นมาคงเป็นเรื่องเลวร้ายมาก สุดท้ายแล้ว เธอเป็นศาจหรือมนุษย์กันแน่? ต่อจากนี้ไปเธอจะมีชีวิตรอดได้หรือไม่?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท