ภายในใจของเหลิ่งรั่วปิงรู้สึกเจ็บปวด เธอรู้สึกผิดกับซือคงอวี้มาโดยตลอด นึกถึงแววตาเจ็บปวดและอาลัยอาวรณ์ของเขาตอนที่เธอจากมา เธออดไม่ได้ที่จะปวดใจ เขาไม่มีความรักแล้ว ความรักเดียวของเขาคือเธอ แต่ว่า เธอกลับทิ้งเขาไป เขาโดดเดี่ยว โดดเดี่ยวมากๆ เธออยากให้เขามีความสุข แม้แต่ตอนที่เขาฝึกฝนเธออย่างหนัก เธอก็รู้สึกขอบคุณเขามาโดยตลอด
บนโลกใบนี้จะสมหวังทั้งสองเรื่องได้อย่างไร ไม่ทรยศบุญคุณไม่หักหลังหัวใจ?
“ที่รัก คุณพอใจไหมครับ”
หนานกงเยี่ยจับมือเหลิ่งรั่วปิง มองโคมไฟคริสตัลยาวระย้าด้านบนโถงใหญ่ เขายิ้มแล้วเอ่ยถาม แต่กลับไม่ได้รับคำตอบจากเธอ จึงก้มลงมองเหลิ่งรั่วปิง ทว่าเธอกลับใจลอย อีกทั้งสีหน้าของเธอยังมีความเศร้า
หนานกงเยี่ยหุบยิ้ม จับจ้องใบหน้าของเหลิ่งรั่วปิง ”ที่รัก เป็นอะไรไปครับ” สิ่งที่เขาทำลงไป ทำให้เธอไม่พอใจอย่างนั้นเหรอ
เหลิ่งรั่วปิงตื่นจากภวังค์ ฝืนยิ้ม ”ไม่มีอะไรค่ะ ฉันกำลังคิดว่า อลังการเกินไปหรือเปล่าคะ”
รอยยิ้มของหนานกงเยี่ยปรากฏขึ้นอีกครั้ง ”ผมหนานกงเยี่ยชีวิตนี้แต่งงานแค่ครั้งเดียว แน่นอนว่าต้องอลังการสิครับ”
เหลิ่งรั่วปิงเบ้ปาก ”เงินที่คุณใช้ก็เป็นเงินภายใต้ชื่อของฉันนะคะ”
หนานกงเยี่ยบีบแก้มของเหลิ่งรั่วปิง ”ใครบอกครับ ผมใช้เงินที่ผมเก็บสะสมมาหลายปี อีกอย่าง ผมมีเงินเดือนและเงินปันผลด้วย จะใช้เงินของที่รักได้ยังไงครับ”
“ฮ่าๆๆ…” เหลิ่งรั่วปิงหัวเราะราวกับดอกไม้ที่พลิ้วไหวในฤดูใบไม้ผลิ ”ตอนนี้ฉันรวยกว่าคุณ!”
“ฮ่าๆๆ…” หนานกงเยี่ยยิ้มคล้ายหลงเสน่ห์ฤดูใบไม้ผลิ ”แล้วยังไงครับ คุณเป็นของผม ขอแค่ผมกอดภรรยาเอาไว้ ผมก็ได้กอดความมั่งคั่งร่ำรวยที่สุดในโลก ทั้งยังซื้อหนึ่งแถมสอง”
เพียะ!
เหลิ่งรั่วปิงตบหน้าหนานกงเยี่ยเบาๆ ”คุณหนานกงเยี่ย คุณมันหน้าด้าน!” เหลิ่งรั่วปิงโมโหเล็กน้อย เธอรู้สึกว่าตนเองเสียเปรียบอย่างมาก
“ฮ่าๆๆ…” หนานกงเยี่ยหัวเราะ ”รู้สึกว่าตัวเองขาดทุนเหรอครับ แต่มันสายไปแล้ว ชีวิตนี้คุณต้องเป็นภรรยาของผม เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้แล้ว!”
เหลิ่งรั่วปิงเบ้ปากด้วยความขุ่นเคือง ”ไม่อยากเป็นก็ไม่เป็นได้นี่คะ หอบเอาเงินหนี หึ!”
หนานกงเยี่ยหอมแก้มเหลิ่งรั่วปิง ”คุณไม่มีวันหนีหรอกครับ ถ้าคุณหนีคุณก็ไม่เหลืออะไรทั้งนั้น ในสัญญาเขียนเอาไว้แล้วว่าคุณต้องเป็นภรรยาของผมเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์ในทรัพย์สิน อีกอย่าง ถ้าคุณหนีไป คุณจะหาสามีดีๆ แบบผมได้ที่ไหน สิ่งสำคัญที่สุดคือ ตอนนี้มีคนรักผมหมดหัวใจ บอกว่าความสุขของเธอคือการอยู่ในอ้อมกอดของผม ถ้าหนีไปเธอคนนั้นต้องเสียใจมากแน่ๆ ครับ หื้ม?”
เหลิ่งรั่วปิงหัวเราะ ”คุณหนานกงเยี่ย ตอนนี้คุณยิ่งอยู่ก็ยิ่งหลงตัวเองนะคะ ยิ่งอยู่ก็ยิ่งหน้าด้าน!”
หนานกงเยี่ยยิ้ม ”ถ้าหน้าไม่ด้านแล้วจะตามจีบภรรยาได้เหรอครับ คุณลองคิดดูสิตอนนั้นผมไล่ตามคุณแทบตาย โชคดีที่ผมหน้าด้าน ไม่อย่างนั้นไม่รู้ว่าภรรยาที่น่ารักคนนี้จะอยู่ที่ไหนแล้ว”
เหลิ่งรั่วปิงยิ้ม รอยยิ้มของเธอเต็มไปด้วยความตื้นตัน การเดินทางของพวกเขามาถึงทุกวันนี้ได้ เพราะความทุ่มเทของหนานกงเยี่ย ถ้าเขาถอดใจ เรื่องระหว่างเธอกับเขาก็คงไม่จบลงแบบนี้
เธอโชคดีมาก ที่ได้เจอกับผู้ชายที่ดีที่สุดในโลก!
ซบอยู่ในอ้อมกอดของหนานกงเยี่ย เหลิ่งรั่วปิงหลับตาอย่างมีความสุข แต่วินาทีที่เธอหลับตาลง ภาพในความคิดของเธอกลับฉายใบหน้าซือคงอวี้ขึ้นมา วินาทีต่อจากนั้น ความเจ็บปวดและรู้สึกผิดมาแทนที่ความสุข สีหน้าของเธอกลับมาเศร้าอีกครั้ง
ซือคงอวี้ ตอนนี้คุณสบายดีไหมคะ
โอบกอดเหลิ่งรั่วปิงเอาไว้ หนานกงเยี่ยเองก็ค่อยๆ หุบยิ้ม ความรู้สึกที่เปลี่ยนไปของเธอเขาจะไม่รับรู้ได้อย่างไร ทุกอย่างของเขาล้วนอยู่ที่เธอ เหลิ่งรั่วปิงมีอะไรเปลี่ยนไปแม้เพียงเล็กน้อยเขาก็รับรู้ได้ เธอมีเรื่องในใจ มีเรื่องลำบากใจ?
ความรู้สึกอาลัยอาวรณ์นี้ นอกจากซือคงอวี้แล้วจะเป็นใครได้!
ความรู้สึกที่เหลิ่งรั่วปิงมีต่อซือคงอวี้ลึกซึ้งมาก เขาเป็นผู้ชายที่ชีวิตนี้เธอไม่มีวันลืม ถึงแม้จะไม่ใช่ความรัก แต่ซือคงอวี้สำคัญกับเธอมาก
ข้อนี้ หนานกงเยี่ยรู้ดี เขาเคยเผด็จการอยากจะกำจัดผู้ชายทุกคนที่อยู่รอบตัวเธอ แต่ตอนนี้เขากลับพบว่า ไม่ว่าเขาจะทำยังไงก็ลบซือคงอวี้ไปจากความทรงจำของเหลิ่งรั่วปิงไม่ได้ หกปีที่อยู่ด้วยกันและบุญคุณที่ซือคงอวี้มีต่อเหลิ่งรั่วปิง ทำให้เหลิ่งรั่วปิงคิดถึงความดีของซือคงอวี้ชั่วชีวิต
หนานกงเยี่ยถอนหายใจเบาๆ ซือคงอวี้เป็นชื่อต้องห้ามที่เขาไม่มีวันพูดออกมา เขาเสียใจที่ตนไม่ใช่คนที่เติบโตมาพร้อมกับเธอ เสียใจที่ทำไมตนต้องเป็นหนานกงเยี่ย เสียใจที่ทำไมตนต้องมีพ่อที่ทำลายครอบครัวของเหลิ่งรั่วปิง
ในความเงียบ โทรศัพท์ของเหลิ่งรั่วปิงดังขึ้น เวินอี๋เป็นคนโทรมา ”พี่รั่วปิง เตรียมงานแต่งไปถึงไหนแล้วคะ” น้ำเสียงของเวินอี๋ฟังดูมีความสุขกว่าเมื่อก่อนมาก
ถึงแม้สภาพจิตใจของเวินอี๋จะดีขึ้นเรื่อยๆ แต่เหลิ่งรั่วปิงยังคงรู้สึกปวดใจ ปวดใจที่ว่าทำไมเวินอี๋ต้องพบเจอความรักที่เจ็บปวดแบบนั้น ”อื้ม เตรียมไปพอประมาณแล้ว อีกครึ่งเดือนก็จะจัดงานแต่งงาน”
เวินอี๋ยิ้ม ”ดีจังค่ะ พี่รั่วปิง เดี๋ยวฉันจะกลับไปร่วมงานแต่งพี่นะคะ ฉันจะเป็นเพื่อนเจ้าสาวของพี่เอง”
เหลิ่งรั่วปิงลังเล คลายยิ้มบางๆ ”เธอเพิ่งเข้าเรียนได้ไม่นาน อยู่ที่ประเทศเอ้าตูแล้วตั้งใจเรียนต่อไปเถอะ ไม่ต้องกลับมาแล้ว”
เธอแต่งงาน จะไม่อยากให้เวินอี๋มาร่วมงานได้อย่างไร แต่เธอไม่อยากให้เวินอี๋เผชิญหน้ากับมู่เฉิงซี ความรักที่ขมขื่น ลืมไปซะเถอะ ทางที่ดีที่สุดชีวิตนี้อย่าได้เจอกันอีกเลย
เวินอี๋เงียบ แล้วยิ้ม ”พี่รั่วปิงคะ ฉันไม่เป็นไรค่ะ เขาแต่งงานแล้ว เขากลายเป็นสามีของคนอื่นแล้ว ฉันจะพยายามลืมเขาให้ได้ค่ะ” สูดลมหายใจเข้าลึกๆ พยายามยิ้มให้ผ่อนคลาย ”พี่รั่วปิง ขอบคุณที่พี่ส่งฉันไปเรียนต่างประเทศนะคะ มาที่นี่ ฉันได้เจอกับอะไรมากมาย ได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่าง ที่แท้เมื่อก่อนโลกของฉันเล็กมาก ฉันรู้สึกเสียดายชีวิตที่ผ่านมา ฉันมีความสุขกับชีวิตในตอนนี้มากค่ะ ตั้งใจเรียน ให้ตัวเองเติบโต สร้างทักษะ พัฒนาความสามารถของตนเอง คือสิ่งที่ฉันต้องการที่สุดในตอนนี้ ส่วนเรื่องความรัก ฉันไม่รู้สึกอะไรกับมันแล้วค่ะ”
เวินอี๋ไม่ได้โกหก หลังจากที่เธอมาถึงประเทศเอ้าตู่ ฉู่เทียนรุ่ยดูแลเธออย่างดี ไซ่หย่าเซวียนเองก็ดีกับเธอราวกับเป็นพี่น้องคลานตามกันมา ทั้งสองพาเธอไปเจอสิ่งใหม่ๆ มากมาย ทำให้เธอรู้สึกมีความสุขมาก
เพราะเหลิ่งรั่วปิง ไซ่ตี้จวิ้นจึงดูแลเธออย่างดี เขาติดต่อมหาวิทยาลัยด้านศิลปศาสตร์ที่ดีที่สุดในประเทศเอ้าตูให้กับเธอ ตอนที่เธอมีเวลาว่างเขาก็ให้เธอไปเรียนรู้งานบริษัท เรียนรู้ทักษะการทำงานมากมาย เธอไม่เคยทำงานในบริษัทขนาดใหญ่มาก่อน ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าชีวิตของสาวออฟฟิศเป็นอย่างไร ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ เธอได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่าง เธอกำลังก้าวเป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์ ละทิ้งความอ่อนโยนและความใสซื่อ
เทียบกับชีวิตในตอนนี้ ทำให้เวินอี๋รู้สึกเสียดายชีวิตที่ผ่านมา ก่อนที่จะรู้จักกับมู่เฉิงซี เธอไม่มีการศึกษา ต้องคอยหาเงินเลี้ยงชีพ ทำงานพาร์ทไทม์ขายของ ชีวิตของเธอวุ่นวายไปหมด ในตอนหลังเหลิ่งรั่วปิงกลับมา เพื่อที่จะเปลี่ยนชีวิตของเธอ แต่เธอกลับหลงรักมู่เฉิงซี ย้ายเข้าไปอยู่ในวิลล่าของเขา ใช้ชีวิตภายใต้การปกป้องของเขา เหมือนนกในกรงทอง ชีวิต ไม่มีความหมายเท่าไร
แต่ตอนนี้ ทุกอย่างแตกต่างออกไป เธอกำลังค่อยๆ ก้าวไปมีชีวิตอิสระยืนด้วยลำแข้งของตนเองเหมือนเหลิ่งรั่วปิง เป็นผู้หญิงที่มากความสามารถ เธอมีความมั่นใจมากขึ้น หลังจากจบชีวิตสามปีในรั้วมหาวิทยาลัย เธอจะเป็นเวินอี๋คนใหม่
ส่วนเรื่องความรัก ช่างมันเถอะ!
เส้นทางชีวิตหลังจากนี้ เธอจะอยู่เพื่อตัวเอง ใช้ชีวิตอย่างมีสีสันเหมือนเหลิ่งรั่วปิง เด็ดขาดเหมือนเหลิ่งรั่วปิง ไม่ยี่หระกับการตามจีบของพวกผู้ชาย ไม่เหมือนในอดีต ที่แค่ได้รับความรักและอบอุ่นจากมู่เฉิงซีเล็กน้อย ก็หวั่นไหวจนยอมพลีกายให้เขา
ได้ยินการเรียนรู้ชีวิตของเวินอี๋ ทำให้เหลิ่งรั่วปิงดีใจมาก ”เยี่ยม เวินอี๋ เธอทำได้ดีมาก เจอเขาคนนั้นอีกครั้ง ถ้าเธอเฉยชา ไม่เสียใจ ไม่เศร้า ก็กลับมาร่วมงานแต่งงานของพี่”
“ค่ะ” เวินอี๋พยักหน้า ”ฉันจะกลับไปร่วมงานแต่งงานของพี่รั่วปิงแน่นอน พี่เป็นญาติคนเดียวของฉัน ฉันจะไม่ไปร่วมงานแต่งของพี่ได้ยังไงคะ” เงียบอยู่สองวินาที ยิ้มอีกครั้ง ”พี่รั่วปิง ประธานไซ่ดูแลฉันดีมากเลยค่ะ เขาให้ฉันบอกกับพี่ว่า…”
ได้ยินชื่อขงไซ่ตี้จวิ้น เหลิ่งรั่วปิงหัวใจกระตุกแรงสองที หันไปมองหนานกงเยี่ยอย่างประหม่า เม้มริมฝีปากเล็กน้อย ”เขาสบายดีไหม”
น้ำเสียงของเวินอี๋ผ่อนคลายเป็นธรรมชาติ เคล้าไปด้วยความสุข ”เขาสบายดีค่ะ ทำงานทุกวัน ไม่มีเรื่องอะไรพิเศษค่ะ แต่ฉันดูออกนะคะ เขาคิดถึงพี่มาก” ลังเลอยู่พักหนึ่ง ”เขาให้ฉันบอกกับพี่ว่า ถ้ามีความสุขก็อยู่ที่เมืองหลง แต่ถ้าไม่มีความสุข ไปหาเขาได้ตลอด ข้างๆ เขามีที่ว่างให้พี่เสมอค่ะ ถึงแม้จะไม่ใช่สามีภรรยา แต่ก็เป็นญาติมิตรกัน”
น้ำตาเอ่อล้นขึ้นมา เสียงของเธอสะอื้นเล็กน้อย ”เวินอี๋ ฝากบอกเขาทีนะ พี่มีความสุขมาก และพี่ก็ปรารถนาให้เขามีความสุข มีความรัก อย่าจมอยู่กับอดีต แต่งงานกับผู้หญิงดีๆ สักคนหนึ่ง”
“ค่ะ ฉันจะบอกเขาให้นะคะ”
หนานกงเยี่ยไม่ใช่คนโง่ เดิมทีเหลิ่งรั่วปิงคุยโทรศัพท์กับเวินอี๋ เขาไม่ได้รู้สึกอะไร แต่ระหว่างที่ฟังอยู่นั้นเขาก็รู้ว่า ทั้งสองพูดเกี่ยวกับไซ่ตี้จวิ้น เห็นเหลิ่งรั่วปิงอ่อนไหวแบบนั้น เขาก็หึงขึ้นมาทันที ทั้งซือคงอวี้ ทั้งไซ่ตี้จวิ้น ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่ความรู้สึกของเธอ เขาคงทำลายพวกเขาสองคนทิ้งไปแล้ว
ไม่รอให้เหลิ่งรั่วปิงพูดอะไรอีก หนานกงเยี่ยดึงโทรศัพท์ไป ”คนท้องคุยโทรศัพท์นานๆ ไม่ดี” พูดจบ เขาก็ไม่สนใจความคิดเห็นของเธอ ตัดสายทันที
เหลิ่งรั่วปิงกลอกตามองบนด้วยความจนปัญญา มองดูสีหน้าโกรธเคืองของหนานกงเยี่ยอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ ผู้ชายคนนี้นิสัยเสียจริงๆ ดูท่านิสัยนี้คงจะแก้ไม่ดีแล้ว ถึงแม้หนานกงเยี่ยจะรักและตามใจเธอตลอด แต่ถ้ามีเรื่องอะไรทำให้เขาขุ่นเคืองเล็กน้อย เขาก็พร้อมระเบิดอารมณ์ออกมาทันที
แน่นอน เรื่องที่ทำให้เขาขุ่นเคืองได้ก็คือเธอ ความขี้หึงของเขาทำให้คนตื่นตะลึง แค่เธอชำเลืองมองผู้ชายคนอื่นเล็กน้อยเขาก็ทนไม่ได้แล้ว โดยเฉพาะซือคงอวี้และไซ่ตี้จวิ้น เธอพูดถึงไม่ได้แม้แต่น้อย
หลังจากผ่านไปพักใหญ่ เหลิ่งรั่วปิงพูดด้วยความจนปัญญา ”คุณหนานกงเยี่ย นิสัยเผด็จการนี้ของคุณช่วยแก้หน่อยได้ไหมคะ คุณกับอวี้หลานซีคืนดีกันเหมือนเดิมได้ แล้วทำไมฉันถึงเป็นเพื่อนกับไซ่ตี้จวิ้นไม่ได้คะ”