หลี่โม่และกู้หยุนหลันกลับมาถึงบ้าน มีเสียงพูดคุยอย่างมีชีวิตชีวาดังออกมาจากห้องรับแขก ชัดเจนว่ามีแขกมาเยือนที่บ้าน
ทั้งสองคนเดินเข้ามาในห้องรับแขก พบว่าหวังฟางคุยกับหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งอย่างมีความสุข
“หยุนหลันมานี่เร็ว นี่คือคุณน้าเหอของเธอ เคยอุ้มเธอตอนเธอคุณยังเด็ก ๆ”
หวังฟางแนะนำหญิงวัยกลางคนให้กู้หยุนหลันรู้จักอย่างอบอุ่น โดยไม่ได้สนใจหลี่โม่ที่อยู่ข้าง ๆ เลยแม้แต่น้อย
เหอซูฟางเป็นชื่อของคุณน้าเหอ ตั้งแต่หัวจรดเท้าสวมเสื้อผ้าเรียบง่าย แต่เป็นแบรนด์แนมต่างประเทศที่มีราคาแพง บนนิ้วสวมแหวนทับทิมเม็ดโต ข้อมือยังมีนาฬิกาสุดหรูแบรนด์วาเชอรอง คองสตองแตง
เหอซูฟางที่สวมใส่เครื่องประดับมูลค่าสูงทั้งตัว เคยเป็นเพื่อนร่วมงานของหวังฟาง หลายปีก่อนทางครอบครัวของเหอซูฟางออกจากเมืองฮ่านไปอยู่อาศัยในต่างประเทศ สืบทอดกิจการส่วนหนึ่งของตระกูลในต่างประเทศ
ในตอนนี้เหอซูฟางดูแลขยายกิจการธุรกิจของตระกูลยิ่งใหญ่ขึ้น มีธุรกิจมากมายที่มอบให้ลูกชายอย่างซีเหมินจื้อเผิง
แต่แม้ว่าซีเหมินจื้อเผิงจะดูแลบริษัทได้อย่างดี แต่การแต่งงานกลับไม่ราบรื่นมาหลายครั้ง ทำให้ภายในใจของเหอซูฟางเป็นกังวลอย่างมาก ครั้งหนึ่งเหอซูฟางมีโอกาสพบรูปถ่ายของกู้หยุนหลันโดยบังเอิญ ในใจจึงเกิดความคิดที่จะจับคู่ลูกของตนกับกู้หยุนหลัน
หลังจากได้สอบถามถึงสถานการณ์ของกู้หยุนหลันแล้ว ในที่สุดเหอซูฟางก็ได้ตัดสินใจ พาลูกชายนั่งเครื่องบินเช่าเหมาลำเดินทางกลับมาที่เมืองฮ่าน เพื่อให้ซีเหมินจื้อเผิงและกู้หยุนหลันได้พบเจอและพูดคุยกัน
วันนี้เหอซูฟางเข้ามาเยี่ยมเป็นครั้งแรก แต่ไม่ได้พาลูกชายมาด้วยกัน หลักสำคัญมาเพื่อพบกับหวังฟาง ดูท่าทีของหวังฟางว่าเป็นอย่างไร
หลังจากหวังฟางได้ฟังแล้วดีใจมาก แสดงท่าทีเห็นด้วยซ้ำแล้วซ้ำเล่า สามารถให้กู้หยุนหลันและซีเหมินจื้อเผิงอยู่ด้วยกันได้ หวังฟางคิดว่าสำหรับเรื่องนี้แล้วกู้หยุนหลันน่าจะมีชีวิตที่มีความสุขไปตลอด
ใบหน้าของเหอซูฟางเต็มไปด้วยความดีใจ มองดูกู้หยุนหลัน: “ดีมาก ๆ ลูกสาวของคุณยิ่งโตยิ่งสวย อีกทั้งมองดูใบหน้ามีลักษณะโหงวเฮ้งที่มั่งคั่ง ช่างเหมาะสมกับลูกชายของฉัน”
หวังฟางยิ้มกริ่มขึ้นมา: “หยุนหลันรีบมาเป็นเพื่อนคุยกับคุณน้าเหอสิ”
จากนั้นหวังฟางมองไปทางหลี่โม่ จู่ ๆ สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา พูดด้วยน้ำเสียงโกรธเคืองว่า: “ไอ้สวะ ยังไม่รีบไสหัวออกไปจากห้องอีก นี่จะรอให้แขกมองว่าบ้านของพวกเราเป็นตัวตลกใช่ไหม!”
เหอซูฟางจึงมองไปทางหลี่โม่ ใบหน้ามีรอยยิ้มที่แสดงถึงการดูถูก: “น้องหวังฟาง นี่ก็คือลูกเขยสวะที่เกาะผู้หญิงกินคนนั้นของคุณใช่มั้ย? ไม่เหมาะสมกับหยุนหลันของตระกูลคุณแม้แต่น้อย แบบนี้ไอ้สวะนี่ควรออกไปจากตระกูลนี้ตั้งนานแล้ว ให้เขาหย่ากับหยุนหลันให้เร็วที่สุด ฉันจะจ่ายเงินชดเชยให้กับเขาเป็นจำนวนสองล้านเหรียญ ซึ่งเพียงพอที่จะให้เขากลับไปใช้ชีวิตที่เหลือ อย่างสุขสบายในบ้านเกิดแล้ว”
“สองล้านเหรียญ?”
หวังฟางชูสองนิ้วขึ้นมา คิดอยากจะพูดกับเธอเอาสองล้านเหรียญให้กับฉัน ฉันจะรีบไล่เขาออกไปในทันที
แต่เมื่อนึกถึงหน้าตาของตัวเองแล้ว หวังฟางใช้ความอดทน เก็บคำพูดเหล่านั้นไว้ในใจ หากหลังจากนี้ กู้หยุนหลันได้อยู่กับซีเหมินจื้อเผิงแล้วจริง ๆ จะเอาเงินสักเท่าไหร่ก็ย่อมได้
“ไอ้สวะได้ยินหรือยัง เพียงแค่แกกับหยุนหลันหย่าขาดกัน ก็จะได้เงินสองล้านเหรียญทันที พรุ่งนี้รีบไปจัดการเรื่องการหย่ากับหยุนหลันให้เร็วที่สุด”
หวังฟางตะคอกใส่ด้วยสีหน้าขึงขัง
“คุณแม่ อย่าพูดมั่ว ๆ”
กู้หยุนหลันพูดตำหนิไปประโยคหนึ่ง ผลักตัวหลี่โม่เบา ๆ กระซิบที่ข้างหูหลี่โม่ว่า: “คุณกลับไปพักผ่อนที่ห้องก่อน ฉันรับมือคุณ
น้าเหอได้สบาย”
หลี่โม่พยักหน้า ไม่พูดอะไรสักคำ เดินกลับไปที่ห้องเงียบ ๆ
หวังฟางรีบเดินไปหากู้หยุนหลันแล้วพูดว่า: “เธอมันเด็กโง่ คราวนี้อย่าทำเรื่องโง่ ๆอีก ตระกูลคุณน้าเหอของเธอมีกิจการใหญ่โตอยู่ในต่างประเทศ รายรับทั้งหมด เป็นเงินดอลลาร์สหรัฐ ลูกชายของเค้าซีเหมินจื้อเผิงก็ยิ่งเก่งมาก ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นอัจฉริยะทางธุรกิจ”
“คุณแม่……” กู้หยุนหลันบ่นพึมพำ
“เก็บคำพูดที่เธออยากพูดออกมาเหล่านั้นเสียเถอะ! เธอกล้าพูดเรื่องที่จะไม่ยอมหย่าขาดกับหลี่โม่แล้วละก็ วันนี้แม่ของเธอก็จะโขกหัวตายต่อหน้าเธอตอนนี้แหละ ทำให้ทุกคนรู้ว่าเธอนั้นได้ชื่อว่าเป็นลูกอกตัญญู”
ครั้งนี้หวังฟางได้ตัดสินใจอย่างแน่วแน่ จะต้องจับคู่กู้หยุนหลันกับซีเหมินจื้อเผิงให้สำเร็จ
ความจริงแล้วตระกูลของซีเหมินจื้อเผิงนั้นเหนือกว่ามาก เหนือกว่าจนหวังฟางไม่สามารถแสดงท่าทีปฏิเสธได้ หากเปรียบกับฮั่วเจี้ยนเฟิงแล้ว ก็ยังไม่คู่ควรแม้แต่จะใส่รองเท้าให้ซีเหมินจื้อเผิงด้วยซ้ำ
“ครอบครัวเขามีทั้งคฤหาสน์หลังใหญ่ บนเขามีสระว่ายน้ำ ยังมีพ่อบ้านเป็นชาวอังกฤษ ซึ่งคำพูดก็เป็นสำเนียงลอนดอนแท้ ทั้งหมดนี้จะพบเห็นได้ในละคร แน่นอนว่านี่เป็นชีวิตของชนชั้นสูง พวกคนร่ำรวยในประเทศเมื่อเทียบกับคุณน้าเหอของเธอแล้ว พวกนั้นก็แค่พื้น ๆธรรมดา ๆ”
“อีกอย่างบริษัทคุณน้าเหอของเธอ ได้ดำเนินกิจการเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ยาเพื่อสุขภาพและยังมีพวกอุปกรณ์เทคโนโลยีขั้นสูง ทั้งหมดนี้ล้วนมีประโยชน์ต่อตระกูลกู้ เพียงแค่เธอแต่งงานกับเขา จะดีต่อเธอและดีต่อฉันกับพ่อของเธอด้วย บ้านคุณปู่และบ้านคุณตาของเธอก็จะดีขึ้นตามไปด้วย เท่ากับว่าเธอคนเดียวทำให้พวกเราทั้งหมดมีความสุขได้เลยนะ”
หวังฟางพูดข้อดีของตระกูลเหอซูฟางมากมาย หวังว่าครั้งนี้จะส่งผลต่อความคิดของกู้หยุนหลันบ้าง เพื่อทำให้กู้หยุนหลันรีบหย่าขาดกับหลี่โม่
“หนูเข้าใจแล้ว แม่ก็ไม่ต้องพูดแบบนี้อีก”
กู้หยุนหลันพูดปัดไปอย่างไม่เต็มใจ
หวังฟางดึงตัวกู้หยุนหลันมาทางเหอซูฟาง ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม: “พี่ซูฟางดูสิ หยุนหลันของฉันตรงไหนก็ดี เสียอยู่อย่างเดียวคือเห็นคุณค่าของความรู้สึกมากไป ฉันขอให้เธอหย่าขาดกับหลี่โม่มาหลายครั้งแล้ว แต่ลูกสาวคนนี้ก็ไม่ยอม”
“เห็นคุณค่าของความรู้สึกถือเป็นข้อดี แต่ก็ต้องดูว่าให้คุณค่าความรู้สึกกับใคร ใช้อารมณ์ต่อความรู้สึกมากเกินไปมันก็ไม่ค่อยดีนัก”
เหอซูฟางยิ่งดูกู้หยุนหลันก็ยิ่งถูกใจ แย้มยิ้มแล้วจับมือกู้หยุนหลันพูดว่า: “สาวน้อย ตอนที่ฉันอุ้มเธอสมัยที่เป็นเด็กออกไปเล่นนั้น ฉันก็รู้สึกถูกชะตากับเธอ มาเป็นลูกสะใภ้ฉันเป็นอย่างไร?”
“คุณน้าเหอ นี่เป็นไปไม่ได้ ฉันกับหลี่โม่ต่างมีความรู้สึกที่ดีต่อกัน ไม่เคยคิดที่จะหย่าขาดกัน”
กู้หยุนหลันแสดงความในใจของตนไปตรง ๆ ไม่อยากให้เหอซูฟางเข้ามายุ่มย่ามกับเรื่องนี้อีก
สีหน้าของเหอซูฟางเปลี่ยนไป ไม่พอใจในคำตอบของกู้หยุนหลันอย่างมาก
“ฉันได้ยินมาว่าหลี่โม่เป็นแค่คนที่เกาะผู้หญิงกินไปวัน ๆ ทั้งวันอยู่ว่าง ๆ ก็อาศัยเธอหาเลี้ยง เธอลองพูดดูสิ ไอ้สวะคนนั้นมีอะไรที่ควรค่าในการคิดถึงบ้าง”
“พวกเรามีความรู้สึกที่ดีต่อกัน เพื่อความรู้สึกซึ่งกันและกัน”
กู้หยุนหลันก้มหน้าพูด
“ฮ่าฮ่า ความรู้สึกสามารถใช้กินแทนข้าวได้มั้ย? ความรู้สึกให้ชีวิตที่ดีกับเธอมั้ย? อย่าหลงกับความรู้สึกนักเลย ไม่เช่นนั้นเธอจะต้องเสียใจภายหลัง”
เหอซูฟางหัวเราะพูดด้วยน้ำเสียงดูถูก
หวังฟางตีไปที่แขนของกู้หยุนหลัน หลังจากนั้นยิ้มแล้วพูดว่า: “พี่ซูฟาง ลูกสาวของฉันมันดื้อรั้น คุณอย่าโหไปเลย พรุ่งนี้เธอพาจื้อเผิงมาด้วย ให้คนทั้งสองคนได้พบหน้ากัน คนหนุ่มสาวพูดคุยกันอาจเกิดเป็นความรู้สึกที่ดีต่อกันเอง”
เหอซูฟางพยักหน้าเล็กน้อย ลุกขึ้นยืนแล้วพูดว่า: “ก็ดี นั้นพรุ่งนี้เช้าฉันจะพาจื้อเผิงมาด้วย หวังว่าพวกเราจะได้เป็นทองแผ่นเดียวกัน”
“แน่นอน ต้องสำเร็จแน่นอน ฉันจะค่อย ๆ เกลี้ยกล่อมหยุนหลัน”
หวังฟางส่งเหอซูฟางจากไป เดินกลับที่ห้องรับแขก มองไปที่กู้หยุนหลันด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม: “หยุนหลัน แม่ไม่เคยขอร้องอะไรเธอเลย ก็ขอให้เธอทำตัวดี ๆ ออกมาพบหน้ากับจื้อเผิง รีบหย่ากับหลี่โม่ให้เร็วที่สุด ไอ้สวะคนนั้นอยู่ในบ้านเราถือเป็นตัวซวย”
“แม่ แม่ไม่ควรพูดด่าว่าเขาอย่างนั้น”
กู้หยุนหลันพูดด้วยความเหนื่อยใจ
“ฮึ! ถ้าอย่างนั้น เธอดูสภาพไร้ประโยชน์ของมันสิ ยังจะปกป้องเขาเพื่ออะไรอีก เขามันไอ้สวะควรออกไปใช้ชีวิตเลี้ยงตัวเองอยู่ข้างนอก!”
หวังฟางด่าทอไปเสียกระบุงใหญ่