นัยน์ตาของซือคงอวี้ฉายความเยือกเย็น จับจ้องไปยังหน้าต่างในวิหาร ถ้าแววตาของมนุษย์จับต้องได้ กระจกเหล่านั้นคงไม่อาจทนทานต่อดวงตาที่เฉียบคมของเขา
หนานกงเยี่ย ผู้หญิงที่อยู่ในใจของฉัน นายแย่งเธอไป แต่กลับทำให้เธอต้องเสียใจแบบนี้เนี่ยนะ แกสมควรตาย!
ข่าวพวกนี้ ทำให้เขามั่นใจที่จะแย่งผู้หญิงที่ตนรักกลับมา ซือคงอวี้มองไปทางรูปปั้นเทพหยกสีนิล คลายยิ้มบางๆ นี่เป็นประสงค์ของเทพ ท่านเทพต้องการให้เขาไปรับเธอกลับมา!
“หมาป่าสีเทา เรื่องไปเยือนเมืองหลงจัดการไปถึงไหนแล้ว” เสียงของซือคงอวี้ที่ดังก้องในวิหารที่เงียบสงัดทำให้ดูน่าเกรงขามอย่างมาก เขาเหมือนราชสีห์คำรามท่ามกลางความมืด
หมาป่าสีเทาที่ยืนเงียบอยู่ตรงข้างบันได เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ”เจ้าแห่งผู้สอนหลักความเชื่อครับ อีกห้าวัน ก็ออกเดินทางได้แล้วครับ” เขาดูออก ครั้งนี้ ไม่มีใครหยุดเจ้าแห่งผู้สอนหลักความเชื่อในการรับเหลิ่งรั่วปิงกลับมา คนที่เป็นเหมือนแก้วตาดวงใจของเขา มีหรือที่จะทนเห็นเธอไม่มีความสุขได้
ห้าวัน? ซือคงอวี้หลับตาลงด้วยความอดกลั้น ห้าวันมันนานเกินไปแล้ว เขาอยากจะรีบไปหาเธอ แล้วดึงตัวเธอเข้ามากอด
ตอนเย็น หนานกงเยี่ยกินมื้อเที่ยงกับเหลิ่งรั่วปิง จากนั้นทั้งสองก็ทำงานในห้องหนังสือด้วยกัน เห็นก่วนอวี้วิ่งเข้ามาด้วยความรีบร้อน มองหน้าหนานกงเยี่ยเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่ได้พูดออกมา
“ให้ฉันออกไปข้างนอกไหม” เหลิ่งรั่วปิงเงยหน้าขึ้นมองด้วยแววตาเย้ยหยัน ก่วนอวี้อ้ำอึ้งแบบนี้ แม้แต่คนโง่ก็ดูออกว่าต้องเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเฉินลู่เหยา
ตั้งแต่พวกเขาทะเลาะกันเมื่อตอนเช้าที่ผ่านมา ชื่อของเฉินลู่เหยากลายเป็นคำต้องห้าม
ก่วนอวี้กระอักกระอ่วน ยังคงอ้ำอึ้ง เขากลัวว่าถ้ารายงานเรื่องพวกนี้ให้ฟัง จะทำให้เหลิ่งรั่วปิงไม่พอใจ ผู้หญิงที่กำลังท้องอารมณ์แปรปรวนที่สุด
เหลิ่งรั่วปิงหัวเราะด้วยความเย้ยหยันอีกครั้ง ลุกขึ้นและกำลังจะเดินออกไป หนานกงเยี่ยรีบคว้ามือเธอเอาไว้ ”ไม่ต้องออกไป ผมอยากให้คุณรู้ว่า ผมไม่เคยปิดบังคุณ” หันไปมองก่วนอวี้ ”พูดมา”
ก่วนอวี้ลังเลพักหนึ่ง ก้มหน้าลงแล้วพูด ”คุณชายเยี่ยครับ ข่าวเมื่อเช้ายังคงถูกพูดถึงไม่หยุด ตอนเย็นก็มีคนโพสรูปคุณชายเยี่ยขับรถพาเฉินลู่เหยากลับบ้าน บอกว่า…”
ก่วนอวี้ลำบากใจมาก แต่เหลิ่งรั่วปิงยังคงยิ้มอย่างสง่างาม แววตาของเธอมีความเยือกเย็น ”บอกว่าอะไร”
ก่วนอวี้ ”บอกว่า…วันนี้ตระกูลหนานกงมีสงครามระหว่างเมียหลวงกับเมียน้อยครับ”
เสียงของก่วนอวี้เบาลงไปเรื่อยๆ เขาอยากจะให้เรื่องนี้จบไปโดยเร็วที่สุด เขาไม่อยากเห็นหนานกงเยี่ยและเหลิ่งรั่วปิง ต้องทะเลาะกันเพราะเฉินลู่เหยา
หนานกงเยี่ยกัดฟันแน่น หันไปเปิดคอมพิวเตอร์อย่างรวดเร็ว เปิดดูข่าว เหลิ่งรั่วปิงเดินมายืนข้างๆ เขา เอียงคออ่านข่าวไปพร้อมกับเขา
ทุกข่าวที่อ่าน ทำให้สีหน้าของหนานกงเยี่ยเคร่งขรึมมากยิ่งขึ้น หลังจากอ่านข่าวสุดท้ายจบ สีหน้าของเขาราวกับคลื่นลมแรงก่อนที่จะเกิดพายุฝน คล้ายกับน้ำป่าไหลหลาก รอบตัวเต็มไปด้วยรังสีสังหาร เหมือนว่าต้องการทำลายเมืองนี้ทิ้ง
แต่ว่าเขายังคงไม่สงสัยในตัวเฉินลู่เหยา หนานกงเยี่ยยังคงคิดว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือของหนานกงจวิ้น เขายังคิดว่าเฉินลู่เหยาเป็นคนเดิมกับเมื่อห้าปีก่อน เป็นเด็กผู้หญิงที่ใสซื่อ จิตใจดี ถึงแม้เธอจะทำเรื่องไม่ดีในตอนนั้นแต่ก็เพราะถูกหนานกงจวิ้นบีบบังคับ ทำเพื่อช่วยแม่ของเธอ นี่เป็นเรื่องที่อภัยให้ได้ เฉินลู่เหยาในตอนนี้ ยังคงเป็นเหมือนเมื่อห้าปีก่อน ใสสะอาด บริสุทธิ์ อีกทั้งนิสัยของเธอยังคงเหมือนเดิม เป็นคนอ่อนโยนที่น่าสงสาร จิตใจดี เขาจึงไม่สงสัยเฉินลู่เหยาแม้แต่น้อย
แตกต่างกับความโมโหของหนานกงเยี่ย เหลิ่งรั่วปิงยิ้มอ่อน เพียงแต่รอยยิ้มของเธอเปี่ยมไปด้วยความเย้ยหยัน เธอมองดูรูปถ่ายของหนานกงเยี่ยและเฉินลู่เหยาบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ รู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าวันหนึ่งตนเองจะเป็นคนที่ถูกพูดถึงในเรื่องแบบนี้
“ก่วนอวี้” เสียงของหนานกงเยี่ยราวกับหนามที่แหลมคม เคล้าไปด้วยความเยือกเย็น ทำลายความเงียบในห้องหนังสือ ”ไปเช็คดูว่าสำนักข่าวไหนบ้างที่รายงานเรื่องนี้ ทำให้สำนักข่าวถูกปิดภายในวันนี้”
ไม่รอให้ก่วนอวี้ขานตอบ เสียงของเหลิ่งรั่วปิงดังขึ้น ”เพื่ออะไรคะ” รอยยิ้มเย้ยหยันของเธอราวกับกรรไกร ”สำนักข่าวไม่รายงาน ใช่ว่าจะปิดปากคนในสังคมได้ไม่ใช่เหรอคะ”
ความเย้ยหยันของเหลิ่งรั่วปิงทำให้หนานกงเยี่ยหงุดหงิดมาก ท่าทีของเธอทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกแผดเผา ”แล้วคุณอยากให้ผมทำยังไง” ขอแค่เธอพูด เขายินดีที่จะทำตามทุกอย่าง ขอแค่เหลิ่งรั่วปิงไม่ต้องมีท่าทีแบบนี้
“หึๆๆ…” เสียงหัวเราะของเหลิ่งรั่วปิงไพเราะราวกับน้ำพุบนยอดเขา ”ก่วนอวี้ นายบอกสำนักข่าวไปนะว่า สงครามในครั้งนี้เมียหลวงชนะ เมียน้อยถูกเมียหลวงไล่ออกจากบ้าน ส่วนหลังจากนี้จะเป็นยังไงต่อไป ยังต้องรอติดตาม ไม่แน่ว่าตอนหน้าเมียหลวงอาจจะรักษาตำแหน่งเอาไว้ไม่ได้ เมียน้อยขึ้นมาครองตำแหน่งก็ได้”
ราวกับเหลิ่งรั่วปิงตบหน้าหนานกงเยี่ยหนึ่งฉาก ทำให้เขาโมโหอย่างมาก มือทั้งสองข้างกำหมัดแน่น เหยียดตัวลุกขึ้น ”เหลิ่งรั่วปิง คุณจำเป็นต้องทำแบบนี้จริงๆ เหรอ”
ตอนเช้า ทั้งที่พวกเขาคืนดีกันแล้ว เธอบอกว่าจะเชื่อใจเขา แต่ทำไมตอนนี้เธอกลับเป็นแบบนี้ แน่นอนว่าพอข่าวมันออกมาแบบนี้ เขาทำให้เธอเสียใจ แต่เขาจะรีบจัดการมันให้เร็วที่สุด แต่ทำไมเธอกลับไม่ให้เวลาเขาเลย
เหลิ่งรั่วปิงเชิดหน้าขึ้น เธอยิ้มได้สวยมาก แต่กลับเย็นชาอย่างที่สุด ”คุณหนานกงเยี่ย เฉินลู่เหยาเข้าไปอยู่ในใจของคุณแล้ว” มือเรียวยาวของเธอชี้ไปที่แผงอกกว้างของหนานกงเยี่ย ”ทั้งที่มีข่าวแบบนี้ออกมา แต่คุณยังไม่สงสัยว่าเป็นฝีมือของผู้หญิงคนนั้น ในทางกลับกันคุณตำหนิที่ฉันไม่เชื่อใจคุณมากพอ ฉันเห็นอนาคตของตัวเองแล้ว เทียบกับรอให้คุณไล่ฉันออกไป ฉันไปตอนนี้ยังดีเสียกว่า”
พูดจบ เหลิ่งรั่วปิงหมุนตัวหันหลังเดินจากไป ก่วนอวี้รีบยืนขวางประตู ”คุณผู้หญิงครับ ความรู้สึกที่คุณชายเยี่ยมีต่อคุณผู้หญิงเป็นยังไงคุณผู้หญิงรู้ดีที่สุด เพื่อที่จะพาคุณผู้หญิงกลับมา คุณชายเยี่ยทุ่มสุดชีวิต คุณผู้หญิงต้องเชื่อใจคุณชายเยี่ยนะครับ เรื่องนี้จะจบลงอย่างเร็วที่สุด”
เหลิ่งรั่วปิงเอียงคอ ยิ้มด้วยความสง่างาม ”ก่วนอวี้ นายยังไม่เข้าใจอีกเหรอ ฉันเชื่อใจหรือไม่เชื่อใจคุณหนานกงเยี่ย ไม่ใช่เรื่องสำคัญ สิ่งสำคัญตอนนี้คือสามีของฉันสงสารผู้หญิงที่คิดจะทำร้ายฉัน เขาไม่คู่ควรที่จะเป็นสามีของฉัน”
หนานกงเยี่ยกวาดคอมพิวเตอร์ลงบนพื้น ”เหลิ่งรั่วปิง ผมไม่คู่ควรจะเป็นสามีของคุณ แล้วใครกันที่คู่ควร ซือคงอวี้หรือว่าไซ่ตี้จวิ้น”
เหลิ่งรั่วปิงยิ้มแล้วหันหน้ากลับมา ทว่านัยน์ตาของเธอกลับไม่มีรอยยิ้มแม้แต่น้อย ”ใครคู่ควรหรือไม่คู่ควร ล้วนไม่เกี่ยวกับคุณ คุณหนานกงเยี่ย!”
พูดจบ เหลิ่งรั่วปิงกำลังจะเดินออกไป หนานกงเยี่ยรีบคว้ามือเธอเอาไว้ ”คุณต้องการให้ผมทำอะไรกันแน่” เขาพยายามควบคุมอารมณ์ของตนเอง ”ผมจะจัดการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด และรับปากว่าจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก สำหรับเรื่องที่คุณหวาดระแวงสงสัยในตัวลู่เหยา ผมคิดว่าเป็นไปไม่ได้ ผมไม่เชื่อว่าลู่เหยาจะคิดแผนการต่ำๆ แบบนี้ได้”
เขามีเหตุผลในการเชื่อเฉินลู่เหยา เพราะเขาเคยบอกกับเธอชัดเจนแล้ว เขาไม่ได้ชอบเธอ ทั้งยังบอกกับเธออย่างชัดเจนว่าเหลิ่งรั่วปิงคือชีวิตของเขา ดังนั้นเฉินลู่เหยาไม่มีความกล้าที่จะทำเรื่องแบบนี้แน่นอน เขามั่นใจว่าเธอกลัวเขา นึกถึงเรื่องในอดีต แค่เขามองไปที่เธอด้วยสายตาเย็นชา ก็ทำให้เธอถอยหลังหนีด้วยความหวาดกลัว
เหลิ่งรั่วปิงจ้องมองไปที่หนานกงเยี่ย คล้ายว่ากำลังครุ่นคิด ”คุณหนานกงเยี่ย คุณทำให้ฉันผิดหวังหรือว่าเฉินลู่เหยาทำสำเร็จแล้วกันแน่ ที่ทำให้คุณเชื่อว่าเธอไม่มีวันหักหลังคุณ ในเมื่อคุณเข้าข้างเฉินลู่เหยามากขนาดนี้ แล้วทำไมถึงต้องมาเรียกร้องให้ฉันเชื่อใจคุณอีก”
หนานกงเยี่ยรู้สึกว่าทำไมเหลิ่งรั่วปิงถึงไม่เข้าใจความลำบากใจของเขา ”แล้วคุณต้องการให้ผมทำยังไง ตระกูลหนานกงติดค้างชีวิตเธอหนึ่งชีวิต การดูแลเธอเป็นหน้าที่ของผม”
เหลิ่งรั่วปิงเชิดคางขึ้น ดวงตาของเธอมีความเย็นยะเยือกแผ่ออกมา ”ตระกูลหนานกงก็ติดค้างชีวิตหนึ่งชีวิตกับฉันเหมือนกัน”
คำพูดนี้ราวกับน้ำหมึกหยดลงไปในถ้วยน้ำสะอาด เปรอะเปื้อนไปทั้งหัวใจของหนานกงเยี่ย เขาจ้องมองไปที่ดวงตาของเหลิ่งรั่วปิง พูดด้วยน้ำเสียงผิดหวัง ”คุณไม่เคยลืมเรื่องนั้นเลยใช่ไหม”
“หึ!” เหลิ่งรั่วปิงหัวเราะเยือกเย็น ”ความแค้นที่ฝังลึกถึงขั้วหัวใจแบบนั้น ฉันจะลืมได้ยังไงคะ”
แม้จะไม่ลืมความแค้นนั้น แต่เธอยังตัดสินใจที่จะกลับมาหาเขา กลับมารักเขา แล้วสร้างครอบครัวด้วยกัน แต่เขาล่ะ เขากลับทำให้เธอต้องอับอาย
หัวใจของหนานกงเยี่ยจมดิ่งลงไปในทะเลสาบน้ำแข็ง เหลิ่งรั่วปิงบอกว่าไม่เคยลืมความแค้นที่ฝังลึกถึงขั้วหัวใจ แล้วเธอรักเขาแค่ไหนกัน การที่สุดท้ายเธอกลับมาหาเขา มาเป็นภรรยาของเขา เธอทำแบบนี้เพราะลูกใช่ไหม
ดังนั้น เหลิ่งรั่วปิงที่รู้สึกเสียใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ไม่อาจทนรับเรื่องที่ทำให้เธอต้องระคายเคืองแม้แต่น้อย ไม่อาจยอมรับความผิดของเขาได้แม้แต่น้อย ถึงแม้เขาจะบอกเรื่องทุกอย่างระหว่างตนกับเฉินลู่เหยาให้เธอฟัง แต่เธอก็ไม่อาจยอมรับได้
แล้วจะให้ทำอย่างไร หรือว่าต้องฆ่าเฉินลู่เหยาก่อนจึงจะทำให้เธอสบายใจ
หึ!
เขาจะฆ่าเฉินลู่เหยาได้อย่างไร เธอไม่เคยทำร้ายเขามาก่อน ในทางกลับกันเขาต่างหากที่ติดค้างเธอมากมาย เขาจะเห็นแก่ตัวจนถึงขั้นฆ่าผู้หญิงน่าสงสารที่มีบุญคุณกับตน เพื่อความสบายใจของภรรยาได้อย่างไร
เวลาหยุดนิ่ง ภายในห้องเงียบสงัด ทุกอย่างหยุดลง
สุดท้าย เสียงโทรศัพท์ของเหลิ่งรั่วปิงทำลายความเงียบ คนที่โทรมาคือเวินอี๋ พูดด้วยน้ำเสียงสดใส ”พี่รั่วปิง ฉันกลับมาแล้วค่ะ ตอนนี้ฉันอยู่ที่สนามบินเมืองหลงแล้ว”
หัวใจที่เย็นยะเยือกของเหลิ่งรั่วปิง ราวกับมีหยดน้ำในฤดูใบไม้ผลิหยดลงมา ความเย็นยะเยือกภายในใจของเธอละลายหายไปหมด ”อืม เดี๋ยวพี่ไปรับเธอนะ”
เหลิ่งรั่วปิงหมุนตัวหันหลังเดินออกไป เธอกำลังคิดว่าจะรับเวินอี๋ไปอยู่ที่ไหน แต่ตอนที่เธอเดินลงมาชั้นล่าง หนานกงเยี่ยรีบวิ่งตามมา ”ที่รัก ผมไปกับคุณ เรารับเวินอี๋มาอยู่ที่บ้านกัน”
ไม่รอเหลิ่งรั่วปิงตอบ เขาก็คว้าข้อมือของเธอ แล้วเดินออกไปจากวิลล่า เข้าไปนั่งในรถยนต์ พร้อมกับรัดเข็มขัดนิรภัยให้เธอด้วยความใส่ใจ เห็นเหลิ่งรั่วปิงยังคงอารมณ์ไม่ดี เขาจึงพูดเสียงอ่อน ”ที่รัก อย่าโกรธผมเลยนะ หืม?” จับมือของเธอด้วยความทะนุถนอม ”ผมสัญญาว่าจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก พรุ่งนี้ผมจะแถลงข่าว คืนความเงียบสงบให้คุณนะครับ”
“สิ่งที่ผมต้องการไม่มีอะไรมาก ผมแค่อยากให้คุณเชื่อใจผมมากขึ้น เข้าใจผมหน่อย ผมทิ้งคนที่มีบุญคุณกับผมไม่ได้ เหมือนกับหลานซี ผมเองก็มีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ ถ้าเธอไม่ทำความผิด ผมไม่มีเหตุผลในการทอดทิ้งเธอถูกไหมครับ”
“เราอย่าทะเลาะกันเลยนะ หืม”
หลังจากได้ยินเสียงของเวินอี๋ ทำให้ความโมโหภายในใจของเหลิ่งรั่วปิงลดน้อยลง ”แล้วจะให้ฉันเอาอะไรมาเชื่อใจคุณคะ”
หนานกงเยี่ยลูบผมของเธอ ”คุณสงสัยว่าเรื่องทั้งหมดนี้เฉินลู่เหยาเป็นคนทำ ถ้าผมสืบแล้วเป็นความจริง ผมจะไม่มีวันใจอ่อนกับเธอ”
เหลิ่งรั่วปิงไม่ได้พูดอะไรอีก ตอนนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องของเวินอี๋ เธอไม่อยากให้ตนเองทำให้เวินอี๋ต้องเศร้า หลังจากที่ผ่านเรื่องเลวร้าย ดังนั้นเธอจึงยอมทำตามที่หนานกงเยี่ยต้องการ