บทที่ 376 มันคงจะดีถ้าได้เป็นครอบครัวของเธอ
บทที่ 376 มันคงจะดีถ้าได้เป็นครอบครัวของเธอ
อาเซียงยังไม่รู้ว่าโจวจิ่นจือกลายเป็นฉีจิ่นจือไปแล้ว เมื่อเธอเห็นเขาที่ประตูบ้าน หญิงสาวก็ตกใจมากจนแทบจะกรีดร้อง
แต่เธอก็รีบปิดปากเพื่อกล้ำกลืนเสียงของตัวเองทันที
อาเซียงคิดโดยไม่รู้ตัวว่าเขามาที่นี่เพื่อชำระบัญชีกับเซี่ยชิงหยวน ดังนั้นเธอจึงหันหลังกลับและต้องการวิ่งไปหาเซี่ยชิงหยวนและบอกให้ซ่อนตัวโดยเร็ว
แต่คำว่า ‘คุณชายฉี’ ทำให้อาเซียงหยุดเคลื่อนไหว และเธอก็ได้สติอย่างช้า ๆ
เธอหันกลับมาด้วยความประหลาดใจและมองดูฉีจิ่นจือพยักหน้าให้แขกคนอื่น ๆ ที่มาที่บ้าน จากนั้นเสิ่นอี้โจวก็ต้อนรับฉีจิ่นจือเข้าไปในห้องนั่งเล่นและนั่งบนโซฟา
ดูจากวิธีที่เขาโต้ตอบกับคนอื่น ๆ ดูเหมือนเขาจะรู้จักทุกคนทั้งหมดนะ?
เกิดอะไรขึ้น?
โจวจิ่นจือไม่ใช่ลูกพี่ใหญ่ในเมืองกว่างโจวหรอกเหรอ? เขามาที่นี่ทำไม? แถมยังรู้จักเสิ่นอี้โจวด้วยเนี่ยนะ?
อาเซียงตกตะลึง
เซี่ยชิงหยวนก็บังเอิญออกมาและเห็นอาเซียงกำลังทำหน้าตาดูฟุ้งซ่านอยู่พอดี “มีอะไรผิดปกติเหรอ?”
อาเซียงชี้ไปข้างนอกและลดเสียงของเธอ “ลูกพี่ใหญ่คนนั้นไล่ตามเรามา”
เซี่ยชิงหยวนมองไปตามทิศทางที่อาเซียงชี้ ซึ่งมองไปก็เห็นฉีจิ่นจือกำลังนั่งบนโซฟาคุยกับเสิ่นอี้โจวกับคนอื่น ๆ อยู่ ดูไร้อารมณ์และขี้เกียจ
เซี่ยชิงหยวนเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเธอยังไม่ได้บอกอาเซียงเกี่ยวกับฉีจิ่นจือเลย
เธอคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และตัดสินใจที่จะไม่บอกความจริงแก่อาเซียง เพื่อที่เด็กสาวจะได้ปลอดภัยยิ่งขึ้น
เซี่ยชิงหยวนพูดว่า “ชื่อของเขาคือฉีจิ่นจือน่ะ เขาเป็นลูกชายคนเล็กของผู้อำนวยการสำนักงานความมั่นคงสาธารณะมณฑลอวิ๋น เขาไม่ใช่ลูกพี่ใหญ่ที่เราพบในเมืองกว่างโจวหรอก”
“แต่…เห็นได้ชัดว่าพวกเขาดูคล้ายกันมากเลยนะพี่สาว” อาเซียงอดไม่ได้ที่จะตั้งข้อสังเกตและมองดูอีกครั้งอย่างเงียบ ๆ
เซี่ยชิงหยวนทำได้เพียงโกหกต่อไป “พวกเขาแค่หน้าตาเหมือนกันก็เท่านั้นน่ะ เธอต้องจำไว้ว่าต้องไม่พูดถึงว่าเขาหน้าตาเหมือนใครต่อหน้าคนอื่นนะ คนแบบพวกเขาไม่ชอบให้ตัวเองถูกเปรียบเทียบ”
อาเซียงเชื่อว่าเป็นอย่างนั้นจริง และพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “ไม่ต้องห่วงค่ะ ฉันเข้าใจแล้วพี่สาว”
นี่เป็นครั้งแรกที่เซี่ยชิงหยวนโกหกอาเซียง และเธอก็รู้สึกผิดหน่อย ๆ
แต่เมื่อนึกถึงเรื่องยุ่งเหยิงที่เธอได้ยินจากเสิ่นอี้โจวเกี่ยวกับตระกูลฉี หญิงสาวก็ตัดสินใจซ่อนมันไว้ดีกว่า
ฉีจิ่นจือดูไม่ใช่คนเลว แต่ฉีหยวนซานและเผ่ยอิ่งนั้นพูดยาก
เธอตบมืออาเซียงเบา ๆ “ถ้ากลัวก็กลับห้องไปพักผ่อนก่อนก็ได้”
อาเซียงลังเลอยู่พักหนึ่งแล้วพยักหน้า “ถ้าอย่างนั้นฉันจะกลับเข้าห้องก่อนนะคะ พี่สาวก็ระวังด้วยนะ”
เมื่อเห็นอาเซียงกลับเข้าไปในห้อง ในที่สุดเซี่ยชิงหยวนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ตราบใดที่ทั้งสองไม่เผชิญหน้ากันโดยตรงก็ไม่เป็นไร
เธอเดินไปนั่งกับคนอื่น ๆ สักพัก และสังเกตเห็นว่าดวงตาของฉีจิ่นจือมองมาที่ท้องของตนแล้วถอนสายตากลับอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าเขาไม่สนใจสิ่งใดเลย
แต่เซี่ยชิงหยวนรู้สึกถึงได้ความหดหู่ในสายตาของเขา
ดูเหมือนเขาจะไม่มีความสุข
นี่เพราะเขาไม่พอใจกับการตั้งครรภ์ของเธองั้นเหรอ?
เซี่ยชิงหยวนมองไปที่เสิ่นอี้โจวอีกครั้ง โดยนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างชายสองคนเมื่อไม่นานมานี้ แล้วดวงตาของเธอก็มืดลง
มันก็จริงแหละ หากภรรยาของชายคนที่คุณสนใจตั้งครรภ์ เป็นใครก็คงไม่มีความสุขทั้งนั้น
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ หญิงสาวก็ไม่มีความตั้งใจที่จะนั่งต่อไป เธอจึงหาข้อแก้ตัวและไปที่นอกบ้านเพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์
แต่หลังจากยืนได้สักพัก ฉีจิ่นจือก็ออกมาเช่นกัน
เขายังคงเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงแล้วมองเธอด้วยสายตาที่อ่อนลง “ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ”
นับตั้งแต่เขาพบกับเซี่ยจื่ออี้และนึกถึงถ้อยคำที่พูดกันที่ถนนในวันนั้น ชายหนุ่มก็ไม่กล้ามาเจอเซี่ยชิงหยวนเป็นเวลาหลายวัน
ฉีจิ่นจือรู้สึกว่าสำหรับคนแบบเขา มันมักรู้สึกด้อยกว่าแม้จะยืนอยู่ตรงหน้าเธอก็ตาม
เขากลัวว่าเธอจะรู้ความคิดของตัวเอง และหลีกเลี่ยงเขาเหมือนงูหรือแมงป่อง
แต่จะให้ทำยังไงได้ล่ะ? ในเมื่อเขาได้รู้สึกถึงแสงสว่างและความอบอุ่นแล้ว เขาเลยติดใจและไม่อาจถอยห่างได้เลย
ริมฝีปากของเซี่ยชิงหยวนพลันกระตุกขึ้นมา “ขอบคุณค่ะ”
หลังจากพูดสิ่งนี้แล้ว ทั้งสองก็เงียบลงอีกครั้งและไม่มีใครพูดอะไร
เมื่อเซี่ยชิงหยวนกำลังจะบอกฉีจิ่นจือว่า เธอกับเสิ่นอี้โจวรักกันมากและต้องการให้เขาเลิกคิดเกี่ยวกับสามีของเธอ หญิงสาวก็ได้ยินฉีจิ่นจือเอ่ยถามเบา ๆ “ผมได้ยินมาว่าการตั้งครรภ์เป็นเรื่องยากมาก”
เซี่ยชิงหยวน “…”
เธอตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เธอจะได้สติกลับมา “เอ่อ…ก็ไม่เลวร้ายเท่าไหร่นะ”
ฉีจิ่นจือมองไปที่คางของเซี่ยชิงหยวน ซึ่งดูผอมลงไปไม่น้อย
“คุณชอบเขามากเลยเหรอ?”
เซี่ยชิงหยวนไม่สามารถบอกได้ว่าฉีจิ่นจือกำลังหมายถึงเสิ่นอี้โจวหรือเด็กในท้อง ดังนั้นเธอจึงพยักหน้าและพูดว่า “ไม่ว่าจะเป็นอี้โจวหรือลูกในท้อง ฉันก็ยินดีมาก”
เธอรู้สึกว่าเขากำลังทดสอบตัวเองอยู่ ดังนั้นเธอต้องคว้าโอกาสนี้ไว้ วางแผนแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและทำให้เขาล่าถอยไปแม้จะลำบากก็ตาม
เขาจะทำอะไรได้อีก?
เธอมีลูกกับเสิ่นอี้โจวแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังต้องบอกเขาว่า “ยังไงคุณก็มาเยี่ยมเราได้เสมอเลยนะ”
เซี่ยชิงหยวนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหนาวสั่น
เมื่อพูดจบแล้ว เซี่ยชิงหยวนก็มองเห็นความผิดหวังและอารมณ์บางอย่างที่ไม่สามารถมองเห็นได้ในดวงตาของเขา
ฉีจิ่นจือยิ้ม แต่รอยยิ้มไปไม่ถึงดวงตา เขามองเซี่ยชิงหยวนด้วยดวงตาที่เหมือนมีน้ำตาคลอ “คุณใจดีมาก ไม่เหมือนผม…”
จากนั้นเขาไม่ได้พูดอะไรอีก
เซี่ยชิงหยวน “…”
น้ำเสียงที่ผิดหวังและดวงตาที่เหมือนมีน้ำตาคลอของฉีจิ่นจือทำให้หัวใจของเธออ่อนลงอย่างอธิบายไม่ได้
คุณต้องการอะไร?
หงายไพ่อารมณ์กับเธอ แล้วอยากให้เห็นใจและมอบเสิ่นอี้โจวให้เหรอ?
เขาต้องการเสิ่นอี้โจว แต่เธอก็ยังต้องการพ่อของลูกเธอด้วย ดังนั้นเธอจึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะไม่ทำให้ฉีจิ่นจือขุ่นเคือง “ถ้าคุณไม่รังเกียจ คุณสามารถเป็นพ่อทูนหัวของลูกเราได้นะ”
อันที่จริงเธอพูดข้อเสนอนี้ไปอย่างไม่คิดจริงจัง อีกทั้งมันก็ไม่ได้ทำร้ายเธออยู่ดี และตามความเห็นของเธอ ถ้าเขากลายเป็นพ่อทูนหัวของเด็ก เขาคงไม่น่าจะกล้าที่จะโลภอยากได้บิดาผู้ให้กำเนิดของเด็กใช่ไหมล่ะ?
ไม่สิ เธอจำได้ว่าเคยอ่านนิตยสารบางฉบับในชีวิตก่อนมาอยู่ โดยบอกว่ามีชายสองคนในต่างประเทศที่เลี้ยงลูกด้วยกัน จากนั้นจึงขอให้เด็กเรียกพวกเขาว่า ‘พ่อ’
ขณะที่เซี่ยชิงหยวนรู้สึกเสียใจและรำคาญตัวเอง เธอก็เห็นฉีจิ่นจือยิ้มออกมา
ริมฝีปากของเขายกขึ้นก่อนจะพูดว่า “ตกลงครับ”
เซี่ยชิงหยวน “!”
มันสายเกินไปสำหรับเธอที่จะเสียใจตอนนี้แล้วใช่ไหม?
โดยไม่คาดคิด ฉีจิ่นจือยังคงไม่เต็มใจที่จะปล่อยเสิ่นอี้โจวไป แม้ว่าจะกลายเป็นพ่อของลูกเธอแล้วก็ตาม!
ฉีจิ่นจือพูดต่อ “ในอนาคตพอเด็กเกิดแล้ว อย่าลืมบอกผมนะ แล้วผมจะมอบอั่งเปาให้กับเด็กแน่นอน”
เซี่ยชิงหยวนยิ้มอย่างขมขื่น “ได้เลยค่ะ…”
ทำไมสมองของเธอถึงโง่ขนาดนี้ หรือว่ามันเป็นเพราะเธอกำลังตั้งครรภ์รึเปล่า?
เป็นเรื่องแปลกที่เห็นคู่แข่งความรักมาอยู่ใกล้ ๆ แล้วคิดว่าดี
ฉีจิ่นจือเงยหน้าไปทางเซี่ยชิงหยวน “ข้างนอกมีลมแรงนะ คุณรีบเข้าไปเร็ว ๆ เข้าเถอะ”
เซี่ยชิงหยวนร้องไห้อยู่ในใจ แต่ยังคงต้องฝืนยิ้ม “อื้ม”
เธอเดินไปไม่กี่ก้าวแล้วเหลือบมองกลับมา พบว่าฉีจิ่นจือยังคงยืนอยู่ที่นั่นมองเธอด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา
ฉีจิ่นจือโบกมือให้เธอแล้วหยิบบุหรี่ออกมาจากกระเป๋าของเขา “ผมจะสูบบุหรี่ก่อนกลับหน่อยน่ะ”
เซี่ยชิงหยวนตอบอย่างว่างเปล่า “ค่ะ”
ฉีจิ่นจือเฝ้าดูเซี่ยชิงหยวนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาค่อย ๆ จางหายไปและดวงตาของเขาก็เหงาและเศร้าโศกกว่าเดิม
เขาหันกลับไปมองดูพระจันทร์สีขาวสว่างที่แขวนอยู่บนท้องฟ้ายามค่ำคืนแล้วหัวเราะกับตัวเอง
เขารู้เรื่องนี้มาตลอดไม่ใช่เหรอ?
เมื่อเขาได้ยินเธอพูดว่ามีความสุขเพราะเสิ่นอี้โจวและลูก หัวใจของเขารู้สึกเจ็บปวดในทันทีราวกับมีเข็มนับพันเล่มทิ่มแทงในใจ
จนกระทั่งเธอขอให้เขาเป็นพ่อทูนหัวของลูกของเธอ เข็มเล็ก ๆ ที่เหลืออยู่ในใจของเขาก็ดูเหมือนจะถูกถอนออกไปมากมายในทันที
แม้ว่ามันจะยังคงเจ็บปวด แต่มันก็ทำให้เขารู้สึกพึงพอใจอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
เขาคิดในใจ ‘มันคงจะดีถ้าได้เป็นครอบครัวของเธอด้วยวิธีนี้’
…
“คุณบอกว่าคุณจะให้ฉีจิ่นจือเป็นพ่อทูนหัวลูกของเราเหรอ?”
เซี่ยชิงหยวนบอกกับเสิ่นอี้โจวเกี่ยวกับเรื่องนี้ก่อนเข้านอนตอนกลางคืน
มือของเขาที่กำลังถอดเสื้อผ้าหยุดทันที และดวงตาจ้องมองภรรยาเบา ๆ โดยไม่แสดงอารมณ์หรือความโกรธใดๆ