บทที่ 818 ร่างกายที่เปลี่ยนแปลง
บทที่ 818 ร่างกายที่เปลี่ยนแปลง
ในที่สุดเพ่ยเหมียนหมานก็เกิดความคิดบางอย่างและพูดว่า “ซานไฉ่ เจ้ายังเด็กเกินไป มันไม่ดีสำหรับเจ้าที่จะเข้าใกล้ผู้ชาย เมื่อเจ้าโตเท่าข้าแล้ว พี่ใหญ่จะยอมให้เจ้าลอง ตกลงไหม?”
“จริง ๆ นะ?” เด็กหญิงมีความสุขอีกครั้งในทันที
“แน่นอน! มาทำสัญญากันก็ได้” เมื่อเห็นว่าสามารถโน้มน้าวเด็กสาวได้ เพ่ยเหมียนหมานก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อเด็กผู้หญิงคนนี้โตขึ้น นางจะเข้าใจมันด้วยตัวเอง และนางก็จะไม่โง่พอที่จะหยิบยกเหตุการณ์นี้ขึ้นมากล่าวถึง…
ตอนนี้พวกเขาปราบซานไฉ่ได้สำเร็จแล้ว ทั้งสองคนต้องการเวลาอยู่ด้วยกันตามลำพัง แต่พวกเขากลับหาทางสลัดเด็กหญิงตัวน้อยคนนี้ไม่ได้
ทว่าในที่สุด นางกำนัลหลายคนก็พาซานไฉ่กลับไปทานอาหารเย็น และเตรียมเข้านอน
นางกำนัลคนอื่น ๆ พาซูอันและเพ่ยเหมียนหมานไปที่ห้องของพวกเขาด้วยเช่นกัน
ซูอันยังมีหลายสิ่งที่ต้องการจะพูดกับเพ่ยเหมียนหมานรวมถึงคำถามมากมาย เขาจะรอจนพระอาทิตย์ขึ้นเพื่อพบนางอีกครั้งได้อย่างไร?
เขาแอบออกจากห้องกลางดึกและเข้าไปในห้องของเพ่ยเหมียนหมาน
ตอนที่ยังเป็นพระเจ้าอู่ติง ซูอันปกครองวังแห่งนี้มาเป็นเวลาห้าสิบปีแล้ว และคุ้นเคยกับแผนผังของพระราชวังแห่งนี้เป็นอย่างดี แม้ว่าภายในจะได้รับการปรับปรุงใหม่อยู่บ้าง แต่ในเมื่อเขาชินกับมันมาเป็นเวลาหลายสิบปี มันก็ไม่ได้ยากที่จะหาทางเข้าไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ก่อนหน้านี้เขาถามเพ่ยเหมียนหมานเรียบร้อยแล้วว่าห้องของนางอยู่ที่ไหน
เมื่อมีคนแปลกหน้าเข้ามาในห้อง เพ่ยเหมียนหมานก็กระโดดด้วยความตกใจ
นางกำลังพุ่งเข้าโจมตีก่อนที่จะจำซูอันได้ นางปล่อยลมหายใจที่กลั้นไว้ รู้สึกเขินอายและประหม่าแทน “เจ้ามาทำอะไรที่นี่ตอนกลางดึก?”
“เราห่างกันมานานแล้ว ข้ามีหลายสิ่งที่ยังอยากจะพูดกับเจ้า” ซูอันหน้าแดงและหัวเราะ “ว่าแต่เจ้าลืมไปแล้วหรืออย่างไรว่าเราเป็นคู่สามีภรรยาที่อยู่กินกันมาชั่วชีวิตแล้วรอบหนึ่ง ทำไมตอนนี้เจ้ากลับยังดูเขินอายอีก?”
“ตอนนี้สิ่งต่าง ๆ เปลี่ยนไปแล้ว!” เพ่ยเหมียนหมานอยากจะปลดปล่อยอารมณ์ของตัวเองเช่นกัน แต่นางยังคงรู้สึกเขินอายเมื่อนึกถึงสถานะในตอนนี้ของพวกเขา
“อะไรที่เปลี่ยนไป? เจ้าเป็นผู้หญิงของข้าตลอดไปไม่มีวันเปลี่ยนแปลง” ซูอันมุดไปใต้ผ้าห่มของนางอย่างรวดเร็ว
ใบหน้าของเพ่ยเหมียนหมานแดงก่ำทันที นางโอบกอดเขาโดยไม่พูดอะไรอีก พวกเขาสองคนห่างกันนานเกินไปแล้ว “อาซู ข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกิน…”
ทั้งสองเต็มไปด้วยอารมณ์รักอย่างลึกซึ้งที่รุนแรง เห็นได้ชัดว่าพวกเขาถูกแยกจากกันมานานเกินไปเพราะการทดสอบก่อนหน้า
การพลัดพรากนั้นเลวร้ายยิ่งนักสำหรับซูอันที่ต้องใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวอยู่หลายสิบปีโดยไม่มีเพ่ยเหมียนหมาน ขณะนี้เมื่อได้เขาโอบกอดนางอีกครั้ง เขาจึงยิ้มเหมือนคนสติไม่สมประกอบพลางจ้องมองผู้หญิงตรงหน้า
ในที่สุดวิญญาณที่บาดเจ็บของเขาก็ได้รับการหล่อเลี้ยงอีกครั้ง มันชุ่มชื้นราวกับทะเลทรายหลังพายุฝน
เดิมทีเขามาเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องสำคัญ แต่พอมาถึงจริง ๆ พวกเขาไม่ได้พูดถึงสิ่งอื่นใด เพียงแต่แสดงความรู้สึกที่ลึกซึ้งที่สุดต่อกันเท่านั้น
จิตใจและร่างกายของพวกเขาค่อย ๆ หลอมรวมกันและบรรยากาศในห้องก็ค่อย ๆ เร่าร้อนขึ้น
การหายใจของเพ่ยเหมียนหมานเริ่มถี่เร็วขึ้น ดวงตาของนางเริ่มพร่ามัว แก้มของนางแดงก่ำเล็กน้อย แม้ซูอันจะรู้ว่านางสวย แต่คราวนี้นางมีรูปลักษณ์ที่แตกต่างออกไปซึ่งทำให้เขาตื่นเต้นกว่าปกติ
ใบหน้าของนางแดงขึ้น นางรีบคว้ามือของเขาแล้วพูดว่า “เจ้านี่มันป่าเถื่อนจริง ๆ! ขนาดข้าอยู่ในร่างอายุน้อยแค่นี้เจ้าก็ยังไม่เว้นเลย!”
ซูอันหัวเราะอย่างอารมณ์ดี “เราอยู่ด้วยกันมานานแค่ไหนแล้ว? จะมาพูดเรื่องนี้ทำไม?”
เพ่ยเหมียนหมานนึกถึงวันเวลาที่พวกเขาอยู่ด้วยกันในฐานะจักรพรรดิและจักรพรรดินี ทุกวันเต็มไปด้วยความรักและความเสน่หา ร่างกายของนางอ่อนลง จากนั้นนางก็เริ่มโอบกอดเขาอีกครั้ง
…
ทว่าเวลาผ่านไปไม่ถึงหนึ่งก้านธูป เสียงหัวเราะก็ดังมาจากใต้ผ้าห่ม เพ่ยเหมียนหมานหัวเราะอย่างหนักจนตัวสั่นไปทั้งตัว
ใบหน้าของซูอันมืดมนเหมือนถ่าน ในที่สุดเขาก็เพิ่งรู้ตัวว่าตอนนี้ไม่ใช่ตัวตนเดิมอย่างที่เคยเป็น…
เฮ้อ…
“พอ ๆ เรื่องนี้เอาไว้ก่อนก็ได้ คุยกับเจ้าอย่างเดียวก็แล้วกันช่วงนี้” เพ่ยเหมียนหมานซบหน้าอกของเขาด้วยความรู้สึกที่ดีมาก
ซูอันอดไม่ได้ที่จะยิ้มเช่นกัน จิตใจของเขาค่อย ๆ สงบลงอีกครั้ง เขาเริ่มพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากที่พวกเขาแยกจากกัน
ค่ำคืนผ่านไปอย่างรวดเร็วและซูอันก็จากไปอย่างเงียบ ๆ ก่อนรุ่งสาง หากพวกเขาถูกจับได้ ผลที่ตามมาจะเลวร้ายยิ่งกว่าแค่ขาหัก เพราะในยุคนี้มีรูปแบบการลงโทษที่น่ากลัวอย่างมากมาย
หลังจากคืนนั้น ทั้งสองก็ไปไหนมาไหนพร้อมกันเหมือนตัวถูกมัดติดกันไว้ ทุกคนรอบตัวพวกเขาประหลาดใจกับความรักที่พี่น้องสองคนนี้มีให้แก่กัน
เพื่อหลีกเลี่ยงความสงสัย พวกเขามักจะพาซานไฉ่ผู้เป็นน้องสาวคนเล็กไปด้วยทุกครั้งที่พวกเขาออกไปในที่สาธารณะ เพื่อไม่ให้ใครมีความคิดที่ไม่บริสุทธิ์เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพวกเขา
ซานไฉ่มีความสุขอย่างเห็นได้ชัดที่ได้เล่นกับพี่สาวและพี่ใหญ่ของนาง น่าเสียดายที่นางยังเด็กเกินไปที่จะรู้ว่านางเป็นแค่บุคคลที่สาม
วันนี้ก็เหมือนกับวันอื่น ๆ หลังจากที่พวกเขาพาซานไฉ่ไปรอบ ๆ วังและเล่นกับนางมาระยะหนึ่งแล้ว พวกเขาหลอกนางให้เล่นโคลนดินเพียงลำพังหลังจากที่นางกำนัลจากไป
หลังจากเดินห่างไปด้านข้างพอสมควร ซูอันและเพ่ยเหมียนหมานเริ่มสนทนากัน ความไร้เดียงสาและความเป็นพี่น้องที่พวกเขาแสดงต่อหน้าคนอื่นหายไปอย่างสิ้นเชิง แทนที่ด้วยความเป็นผู้ใหญ่อย่างจริงจัง
“อาซู เจ้าคิดว่าการทดสอบส่วนนี้คืออะไร?” เพ่ยเหมียนหมานดูกังวล ถึงแม้ว่านางจะพอเดาออกว่าเวลาของโลกภายนอกน่าจะผ่านไปไม่นาน แต่เวลาที่พวกเขาอยู่ในการทดสอบนั้นกินเวลาไปหลายสิบปีแล้ว
พวกเขาไม่ต้องการถูกขังอยู่ในการทดสอบนี้ตลอดไป ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมหลังจากใช้เวลาหลายวันในการระบายความรู้สึกและความรักที่มีต่อกัน พวกเขาค่อย ๆ เริ่มพูดคุยถึงแนวทางของการทดสอบอย่างจริงจังมากขึ้น
“ข้าเชื่อว่าเผ่าโจวยังคงเป็นกุญแจสำคัญของการทดสอบ” ซูอันกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
“เผ่าโจว?” เพ่ยเหมียนหมานตกตะลึงชั่วขณะ ความทรงจำของนางเริ่มกลับมา นางจำได้ว่าซูอันเคยวางแผนที่จะจัดการกับเผ่าโจวเมื่อการทดสอบครั้งที่แล้ว แต่พวกเขามัวแต่ยุ่งกับเรื่องอื่นและในที่สุดก็ลืมเรื่องของเผ่าโจวไปโดยสิ้นเชิง
“ใช่ แม้ว่าข้าจะไม่มีหลักฐานเป็นชิ้นเป็นอัน แต่ข้าเชื่อว่าข้าคิดถูก เนื่องจากอาณาจักรซางถูกทำลายโดยเผ่าโจว การทดสอบนี้จึงน่าจะเกี่ยวข้องกับเผ่าโจว”
ซูอันได้ตอบกลับ