บทที่ 885 ศพแม่ชียุง
บทที่ 885 ศพแม่ชียุง
ซูอันยอมรับว่าหญิงสาวในร่างเด็กหนุ่มคนนี้ค่อนข้างน่าดึงดูด ไม่น่าแปลกใจที่มู่หรงชิงเหอโง่เขลาจนหมกมุ่นอยู่กับนาง “ข้าอุ้มเจ้าพาดบ่ามา ทำไม? ข้าเป็นผู้บ่มเพาะข้าสามารถอุ้มหมูตัวใหญ่ ๆ ไปมาได้อย่างง่ายดายด้วยซ้ำ นับประสาอะไรกับมนุษย์เพียงคนเดียว ไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้าอะไรนักหรอกมันไม่ได้ยากเย็น”
“เจ้านี่มันสุดจะปากร้ายเลย!” ฉู่โหยวเจากระทืบเท้า นางหันหลังแล้ววิ่งกลับเข้าไป
ซูอันตกตะลึง ข้าไม่ได้ทวงบุญคุณจากเจ้า แต่ทำไมเจ้าถึงมาด่าข้าแบบนี้ล่ะ?
เขาสลัดความคิดนี้ออกจากหัวอย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีเรื่องสำคัญอื่น ๆ ที่ยังต้องจัดการ
ไม่ใช่แค่ชูเหยียนที่เป็นห่วงเขา
เพ่ยเหมียนหมานกลับตระกูลไปแล้วและไม่ได้อยู่ในเมืองหลวง เขาไม่มีทางติดต่อกับนางแม้ว่าเขาจะต้องการ อย่างไรก็ตามจักรพรรดิได้แจ้งให้คนทั้งโลกทราบเกี่ยวกับสถานะใหม่ของเขาแล้ว ดังนั้นนางน่าจะรู้ได้ในไม่ช้า
อย่างไรก็ตาม มีคนอื่นที่เขาห่วงใยในเมืองหลวง เจิ้งตานอยู่ที่นี่พร้อมกับพ่อลูกตระกูลซ่าง
จักรพรรดิได้แสดงความเมตตาต่อซ่างหงเมื่อพวกเขากลับมายังเมืองหลวง อาชญากรรมของเขาลดลงเหลือเพียงความผิดเล็ก ๆ น้อย ๆ และถูกลงโทษโดยการกักบริเวณในบ้าน
เมื่อขั้วอำนาจที่ขัดแย้งรู้ว่าซ่างหงไม่มีผู้สืบทอดอีกต่อไป พวกเขาทั้งหมดต่างยินดีเป็นอย่างยิ่ง ไม่มีใครโต้แย้งกับการตัดสินใจของจักรพรรดิและยินดีรับคำตัดสิน
เห็นได้ชัดว่าการเลือกลูกสะใภ้ที่สวยที่สุดนั้นไร้ประโยชน์ หากนางไม่สามารถช่วยให้กำเนิดทายาทได้ นอกจากนี้ซ่างหงนั้นแก่ชรามากแล้วและหมดความสามารถในการผลิตทายาทได้อีกต่อไป
ถ้าเขาเต็มใจที่จะอยู่อย่างโดดเดี่ยวแต่จงรักภักดีต่อองค์จักรพรรดิไปจนสุดทาง ก็ไม่มีใครที่จะคัดค้านอีก
ตระกูลซ่างมีชื่อเสียงมากในเมืองหลวง ซูอันรู้ทิศทางไปยังคฤหาสน์ของพวกเขา และหลังจากสอบถามหลายครั้งตลอดทาง เขาก็พบว่าตัวเองมาถึงจุดหมายอย่างรวดเร็ว
เขาเพิ่งไปเยี่ยมชมคฤหาสน์ตระกูลฉินอันงดงาม ดังนั้นเมื่อเปรียบเทียบคฤหาสน์ตระกูลซ่างจึงดูด้อยกว่ามาก ไม่เพียงแต่พื้นที่โดยรอบมีขนาดเล็กกว่ามากเท่านั้น แต่ทางเข้าก็เกลื่อนไปด้วยใบไม้แห้งซึ่งไม่ได้ถูกกวาดทิ้งไป
บรรยากาศอ้างว้างแผ่ซ่านไปทั่วพื้นที่
ซูอันต้องการเข้าทางประตูหลัก แต่เขาเห็นคนหลายคนคอยเฝ้าอยู่ในเงามืด การกักบริเวณในบ้านเป็นการลงโทษรูปแบบหนึ่งเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงไม่ควรให้คนอื่นเห็นว่าเขาเข้าไปด้านในอย่างเปิดเผย
ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่ต้องการที่จะเปิดเผยความสัมพันธ์ของเขากับเจิ้งตานเช่นกัน เนื่องจากมันอาจส่งผลให้เกิดอันตรายที่ไม่คาดคิดสำหรับทั้งตัวเขาและนาง
เขาเดินเลาะกำแพงจากด้านนอกไปเรื่อย ๆ และเมื่อเห็นว่าเป็นจุดอับสายตาเขากระโดดข้ามกำแพงเข้าไปอย่างเงียบเชียบทันที
เมื่อเข้ามาอยู่ในบริเวณคฤหาสน์ตระกูลซ่างเขาพบว่ามีคนรับใช้ไม่กี่คนอยู่ข้างใน มันไม่ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นจวนของผู้ตรวจการเลย
นี่อาจเป็นผลจากการที่ซ่างหงไม่เป็นที่โปรดปรานของจักรพรรดิอีกแล้ว ซ้ำร้ายยังกลายเป็นนักโทษ ทุกคนที่เคยรับใช้ที่นี่คงหนีจากไป เหมือนเหล่าหนูสละเรือที่กำลังจม
ซูอันถอนหายใจ แม้ว่าเขาและซ่างหงจะเป็นศัตรูกันในอดีต แต่ก็เป็นเพียงเพราะพวกเขามาจากตระกูลที่ต่างกัน เขายังคงชื่นชมความสามารถและวิธีการของชายผู้นี้ และอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเห็นใจเมื่ออีกฝ่ายตกต่ำลงมาก
เขาเดินเข้าไปข้างในและพบว่านี่น่าจะเป็นสวนหลังบ้าน แม้ว่าเขาจะเรียกว่าสวน แต่ก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไรเช่นกัน
เขาเห็นร่างสีขาวเคลื่อนไหวไปมา
ซูอันตื่นตระหนก เขานึกถึงความรู้สึกอ้างว้างเย็นยะเยือกที่เขารู้สึกหลังจากเข้ามาในคฤหาสน์ ที่นี่มีผีผู้หญิงเดินเตร่ไปมาด้วยงั้นเหรอ?
อย่างไรก็ตาม เขาหัวเราะเยาะตัวเองทันที นี่คือโลกแห่งผู้บ่มเพาะ เขาเคยเห็นผีดิบ ผีโครงกระดูก และวิญญาณอาฆาตในมิติลับมาจนนับไม่ถ้วนแล้ว เขายังจะบ้ากลัวสิ่งที่เรียกว่าผีอีกงั้นเหรอ?
ซูอันลอบเดินไปหยุดที่ด้านหลังนางอย่างเงียบ ๆ และกระซิบว่า “เจ้าดูเหงา ๆ นะ ต้องการเพื่อนซักคนไหม?”
ร่างที่คุ้นเคยนี้จะเป็นใครไปได้อีกนอกจากเจิ้งตาน?
ผู้หญิงในชุดขาวเริ่มสะดุ้งโหยง นางสะบัดหน้าหันมามองอย่างกะทันหัน แต่ลืมไปว่าตัวเองยังคงอยู่บนชิงช้า นางเสียการทรงตัวและทำท่าจะหล่นลงกับพื้น
ซูอันรีบจับนางไว้ นางเหวี่ยงมือตีเขา แต่ก็ต้องตกตะลึงเมื่อเห็นว่าเป็นใคร “เจ้า?”
ใบหน้าของซูอันแทบจะเปลี่ยนเป็นสีเขียว คนที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาไม่ใช่เจิ้งตาน! แต่เป็นคุณหนูของตระกูลซ่าง…ซ่างเฉี่ยน!
ร่างของซ่างเฉี่ยนยังคงค้างอยู่ในท่าที่เสียสมดุล ดังนั้นซูอันจึงไม่สามารถปล่อยมือได้ อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนไม่เหมาะสมสำหรับเขาที่จะจับนางไว้เช่นกัน
ซูอันกลืนน้ำลาย “เจ้าจะเชื่อข้าไหมถ้าข้าบอกว่าข้าคิดว่าเจ้าเป็นคนอื่น?”
ใบหน้าของซ่างเฉี่ยนแดงก่ำ หลังจากนางทรงตัวได้จึงผลักเขาออกไป “แล้วเจ้าคิดว่าข้าเป็นใครล่ะ?”
“ข้าคิดว่าเจ้าเป็น…” ซูอันตอบโดยไม่รู้ตัว แต่จากนั้นก็ตระหนักว่าเขาไม่ควรเปิดเผยว่าเป็นเจิ้งตาน
นี่คือพี่สะใภ้ของนาง มันจะไม่เป็นการตบหน้าตระกูลซ่างหรอกหรือ ถ้าเขาบอกนางว่าเขากำลังมองหาเจิ้งตานอยู่?
เขารีบเปลี่ยนเรื่องโดยชี้ไปที่ชุดสีขาวของนาง “ทำไมเจ้าถึงแต่งตัวแบบนี้?”
ดวงตาของซ่างเฉี่ยนแดงก่ำ “เจ้าลืมไปแล้วเหรอว่าพี่ชายของข้าถูกแม่ชียุงฆ่า? เมื่อพวกเราเป็นนักโทษ เราทำได้เพียงฝังเขาไว้แถวนั้น ตอนนี้ศพเพิ่งถูกขุดขึ้นมาและอยู่ในช่วงไว้ทุกข์”
“ขอแสดงความเสียใจด้วยแม่นางซ่าง” ซูอันถอนหายใจ แม้ว่าเขาและซ่างเชียนจะเป็นศัตรูกัน แต่ชายคนนั้นก็ตายไปแล้ว ทั้งหมดล้วนกลายเป็นเพียงอดีต
“ขอบคุณ” อารมณ์ของซ่างเฉี่ยนยังคงตกต่ำ
ซูอันนึกถึงบางสิ่ง เขานำศพของแม่ชียุงออกจากดวงแก้วผู้รอบรู้ “นี่คือคนที่ฆ่าพี่ใหญ่ของเจ้า ข้าเก็บศพของนางไว้เพราะคิดว่าเจ้าอาจจะต้องการมัน”
เป็นเรื่องปกติที่ศพจะเหี่ยวเฉาหลังจากผ่านไประยะหนึ่ง ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องกังวลว่าคนอื่นจะล่วงรู้ว่าแม่ชียุงได้ถูกเขาดูดแก่นแท้โลหิตของนางออกไปหรือไม่
“แม่ชียุง!” ซ่างเฉี่ยนจำฆาตกรที่ฆ่าพี่ชายของนางได้ทันที นางทั้งตกใจและดีใจ “นางตายได้อย่างไร?”
นางเคยเห็นแม่ชียุงมาก่อน แม้แต่พ่อของนางก็ไม่ใช่คู่มือของอีกฝ่าย การแก้แค้นดูเหมือนเป็นเรื่องไกลตัว อย่างไรก็ตาม แม่ชียุงถูกฆ่าตายแล้วจริง ๆ!
ซูอันกล่าวว่า “ข้าโชคดีจึงจัดการนางได้ จริง ๆ แล้วข้าต้องการที่จะเผาศพทันที แต่ข้าคิดว่าเจ้ากับบิดาของเจ้าคงต้องการเห็นศพของนางอย่างแน่นอน นี่เป็นเหตุผลที่ข้าเก็บศพของนางไว้”
ซ่างเฉี่ยนเป็นผู้หญิงที่ฉลาด นางไม่ได้ถามว่าเขาฆ่าแม่ชียุงได้อย่างไร เพราะนางรู้ว่าทุกคนล้วนมีความลับของตัวเอง “ขอบคุณพี่ซู! ท่านเป็นผู้มีพระคุณที่ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริงของตระกูลซ่าง”
ก่อนหน้านี้นางกล่าวขอบคุณอย่างไม่เต็มใจ แต่การขอบคุณครั้งนี้ออกมาจากใจของนางอย่างแท้จริง