การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย – บทที่ 281 รอไม่ไหว

การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย

บทที่ 281 รอไม่ไหว

บทที่ 281 รอไม่ไหว

หลังจากรับประทานมื้อเย็นเสร็จแล้ว จิงเจ้อหรงมาส่งทุกคน

เฮ่อจื่อกุยดื่มไปมาก เขาตบบ่าของจิงเจ้อหรงหนัก ๆ ก่อนจะพูดว่า “อาเจ้อ นายนี่มันยอดเยี่ยมจริง ๆ อ้อ แล้วนายต้องดูแลอาหลานให้ดีด้วยล่ะ”

“พี่ใหญ่ไม่ต้องห่วงครับ ผมจะดูแลอาหลานอย่างดี”

หลังเห็นว่าสามีเริ่มเมาแล้ว พานลี่ฮวาอดไม่ได้ที่จะดึงเขากลับมาแล้วพูดว่า “พอได้แล้ว จื่อกุยกลับไปพักผ่อนเถอะ” จากนั้นจึงหันไปเรียกลูกชายให้มาช่วย

เฮ่อเจียรุ่ยรีบเข้ามาพยุงเฮ่อจื่อกุย ก่อนจะพาเขาไปที่ห้องรับรองแขก

ส่วนหลี่จงอี้ ซูเหนียนอวิ๋น และคนอื่น ๆ ต่างขยิบตาให้กันเพื่อให้จิงเจ้อหรงและเฮ่อหลานอยู่ด้วยกันสองต่อสอง ทุกคนแยกย้ายกลับห้องตัวเองอย่างรวดเร็ว ขณะที่โม่เจ๋อหยวนเดินตามถังซวงไปที่ห้องของเธอ

“ซวงเอ๋อร์ แม่บอกว่าอยากจะมาเยี่ยมเธอน่ะ แล้ววันที่ป้าหลานแต่งงาน แม่จะมาช่วยด้วยนะ”

ได้ยินอย่างนั้นแล้ว ถังซวงรีบพูดว่า “ฉันควรจะไปเยี่ยมพวกท่านมากกว่านะคะ แต่เพราะสองสามวันนี้ฉันยุ่งมากเลยยังไม่ได้ไป”

แน่นอนว่าโม่เจ๋อหยวนรู้ดี

“แม่ฉันรู้เรื่องนั้นดี หล่อนเลยจะมาที่นี่เอง จะได้ถามป้าหลานว่าอยากให้ช่วยตรงไหนไหม”

อีกด้านหนึ่ง จิงเจ้อหรงมองลานที่ตกแต่งใหม่ เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “อาหลาน คุณพร้อมหรือยังครับ?”

เฮ่อหลานหน้าแดง เธอพูดอย่างลุกลี้ลุกลน “ซวงเอ๋อร์กับคนอื่น ๆ เป็นคนทำค่ะ พวกเขาบอกว่างานแต่งของเราจะได้สวย ๆ”

“ซวงเอ๋อร์กับเด็ก ๆ เลยตั้งใจทำให้”

ท่ามกลางแสงสีเหลืองอ่อนโยนของฉากหลัง พร้อมด้วยโคมไฟสีแดงขนาดเล็ก เมื่อใบหน้างดงามของหญิงสาวรับกับแสงนั้น ยิ่งทวีความน่ารับชมมากขึ้นไปอีก เธอในตอนนี้สวยจนผู้คนไม่สามารถละสายตาได้ จิงเจ้อหรงจับมือของเธอไว้โดยไม่รู้ตัว “อาหลาน…”

เฮ่อหลานมองจิงเจ้อหรงด้วยสายตาเขินอาย ทว่าใบหน้ากลับเปื้อนรอยยิ้มแห่งความสุข

จิงเจ้อหรงไม่สามารถหยุดตัวเองได้ เขากดจูบลงที่หน้าผากของเฮ่อหลานอย่างแผ่วเบา “อาหลาน… เจ้าสาวของผม ผมแทบจะรอไม่ไหวแล้ว อยากให้ถึงวันที่สิบเก้าเร็ว ๆ จัง”

ได้ยินเสียงพึมพำของจิงเจ้อหรง ใบหน้าของเฮ่อหลานแดงเรื่อทันที เธอผลักเขาออกเบา ๆ ก่อนจะพูดว่า “อาเจ้อ คุณควรกลับไปได้แล้วค่ะ วันนี้คุณคงเหนื่อยมาก”

จิงเจ้อหรงรู้ดีว่าเฮ่อหลานกำลังเขิน เขาจึงยอมปล่อยมือแล้วโบกมือลาหญิงสาวด้วยรอยยิ้ม

หลังจากเฮ่อหลานกลับห้องพร้อมใบหน้าแดงก่ำ เธอพบว่า ซูเหนียนอวิ๋นกับเก่อชิงเหมยรออยู่

พอทุกคนเห็นแก้มแดงก่ำของเฮ่อหลาน ซูเหนียนอวิ๋นเลยพูดหยอกล้อ “อาเจ้อคงอยากจะแต่งงานให้เร็วที่สุดแล้วล่ะ ดูสิ อาหลานของเราน่ารักขนาดนี้”

“อาจารย์…”

เฮ่อหลานทำตัวไม่ถูก

เห็นอย่างนั้นซูเหนียนอวิ๋นรีบโบกมือก่อนจะพูดว่า “เอาล่ะ พอแล้ว ฉันจะไม่พูดอีก มานั่งลงเร็วเข้า ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอน่ะ”

เฮ่อหลานได้ยินแล้วจึงรีบนั่งลง

ซูเหนียนอวิ๋นหยิบกล่องผ้าที่เตรียมไว้ในตอนเช้ามอบให้กับเฮ่อหลานแล้วพูดว่า “นี่คือสินสอดที่ฉันเตรียมไว้ให้เธอ แม้มันจะไม่มาก แต่ทั้งหมดคือความตั้งใจของฉัน รับมันไว้เร็วเข้า”

เฮ่อหลานหยิบกล่องผ้าออกมา และพบว่ามันค่อนข้างหนักพอสมควร เมื่อเธอเปิดออกจึงเผยความประหลาดใจทันที เธอรีบพูด “อาจารย์คะ นี้มันมากเกินไปค่ะ มากเกินกว่าที่ฉันจะรับไว้ได้”

“ไม่มากเกินไปหรอก รับมันไว้เถอะ”

ซูเหนียนอวิ๋นไม่คิดว่ามากเกินไปแต่อย่างใด “เธอไม่ต้องกังวล ฉันเตรียมของสำหรับพี่สาวของเธอไว้เหมือนกัน ดังนั้นทั้งสองพี่น้องจะได้รับการจัดแบ่งอย่างยุติธรรม”

ได้ยินอย่างนั้นแล้ว เก่อชิงเหมยอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “อาจารย์คะ ฉันยังไม่ได้แต่งงาน คุณจะมาเตรียมอะไรให้ฉันทำไม? ให้น้องสาวไปเถอะค่ะ”

“ถ้าในอนาคตเธอได้แต่งงานทำยังไงล่ะ ฉันก็ต้องเตรียมไว้ก่อนสิ”

เฮ่อหลานรีบพูดขึ้นว่า “ใช่ค่ะพี่ ถ้าวันหนึ่งพี่แต่งงาน ฉันก็จะมอบสินสอดให้พี่ด้วย”

เมื่อเห็นว่าทุกคนพูดเรื่องของตนเอง เก่อชิงเหมยรีบกล่าวขัด “เอาล่ะ พอได้แล้ว เราควรพูดเรื่องงานแต่งงานของอาหลานสิ อย่าคุยเรื่องของฉันเลย” จากนั้นเธอหยิบของที่เตรียมไว้ออกมา “อาหลาน อันนี้คือของที่ฉันจะมอบให้ ฉันปักจี้สองชิ้นและผ้านวมสองชุดให้ มันเป็นของง่าย ๆ หวังว่าเธอจะไม่รังเกียจมันนะ”

เฮ่อหลานมองงานปักประณีตตรงหน้าก่อนจะรีบพูดว่า “พี่คะ ของพวกนี้ต้องใช้เวลาปักนานมาก ฉันชอบมันมากเลยค่ะ ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ชอบเลย”

เมื่อเห็นว่าเฮ่อหลานชอบ เก่อชิงเหมยยิ้มแล้วพูดว่า “แค่เธอชอบก็ดีแล้ว”

หลังจากอาจารย์และลูกศิษย์ส่งมอบของให้กันแล้ว พวกเขาแยกย้ายกลับห้องพัก

เช้าวันรุ่งขึ้น หลินเหม่ยเจินพาหลินหมิงซู่มาที่หน้าประตู ส่วนโม่เจ๋อหยวนนั้นมาที่นี่แต่เช้าแล้ว

เมื่อเห็นว่าพวกเขามาถึงแล้ว เฮ่อหลานรีบโบกมือเรียกเพื่อเชิญชวนให้เข้ามานั่งด้านใน

“อาหลาน ฉันได้ยินจากอาเจ้อว่าเธอจะย้ายมาอยู่ที่เมืองหลวง ดีจริง ๆ เลย ในอนาคตพวกเราจะได้ไปมาหาสู่กันบ่อย ๆ”

“ใช่ค่ะ มันสะดวกกว่ามาก”

เฮ่อหลานชอบหลินเหม่ยเจินมาก และรู้สึกสบายใจที่ได้คุยกับหล่อน จากนั้นเวลานี้เธอหันมองหลินหมิงซู่ด้วยความสงสัยก่อนจะถามว่า “หมิงซู่ คุณกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่หรือคะ?”

หลินหมิงซู่ยิ้มแล้วพูดว่า “น้องหลาน ธุระของผมเรียบร้อย แล้วน่ะ คราวนี้ผมต้องขอบคุณคุณชายซ่างและคุณชายเฮ่อจริง ๆ จริงสิ พอคุณชายซ่างก็ทราบข่าวเรื่องงานแต่งงานของเธอด้วยนะ เขาบอกว่าเขาก็จะมาร่วมงานเหมือนกัน”

ได้ยินอย่างนั้น ใบหน้าของเฮ่อหลานเผยความประหลาดใจ

“จริงหรือคะที่คุณชายซ่างจะมาเมืองหลวง?”

“ใช่”

คราวนี้หลินหมิงซู่จัดการทุกสิ่งได้ราบรื่นเพราะการดูแลของซ่างสยงเยี่ยและเฮ่อจื่อกุย หากไม่ใช่เพราะสิ่งที่เขาต้องจัดการต่ออีก เขาคงกลับมาที่นี่พร้อมกับครอบครัวเฮ่อแล้ว “น้องหลาน ตอนนี้คุณชายเฮ่อกับคนอื่น ๆ ก็มาถึงแล้วใช่ไหม”

“ใช่ค่ะ”

ขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยกัน เฮ่อจื่อกุยและพานลี่ฮวาเดินเข้ามาพอดี

เมื่อเห็นเฮ่อจื่อกุย หลินหมิงซู่ก้าวไปด้านหน้าทันทีก่อนจะยิ้มกว้างแล้วพูดว่า “คุณชายเฮ่อ เราเพิ่งพูดถึงคุณอยู่เลย ขอบคุณมากนะครับสำหรับการช่วยเหลือก่อนหน้านี้”

“หมิงซู่ คุณก็สุภาพเกินไปแล้ว คุณขอบคุณผมหลายครั้งแล้วนะครับ แล้วคุณทำงานเสร็จหมดแล้วใช่ไหม?”

“ครับ ทุกอย่างเรียบร้อยดี”

หลังจากนั้นหลินหมิงซู่แนะนำหลินเหม่ยเจินและคนอื่น ๆ ให้รู้จักกัน และเมื่อรู้ว่าพานลี่ฮวาต้องการออกไปเดินซื้อของ หลินเหม่ยเจินพูดขึ้นว่า “คุณนายเฮ่อ ฉันคุ้นเคยกับเมืองหลวงดี เดี๋ยวฉันจะพาคุณไปเดินเล่นเองนะคะ”

พานลี่ฮวารู้ดีว่าเฮ่อหลานกำลังยุ่งในช่วงนี้ เธอจึงพยักหน้ารับคำชวน “ค่ะ ไปด้วยกันนะคะ”

หลังจากหลินเหม่ยเจินและหลินหมิงซู่พาครอบครัวของ เฮ่อจื่อกุยออกไปแล้ว เฮ่อหลานกลับมาที่ห้องของตัวเองและยังปักเสื้อสีแดงเตรียมไว้สำหรับวันงาน ในวันแต่งงาน เธอต้องทำให้กับคนสำคัญ ทั้งของจิงเจ้อหรง คุณชายจิง คุณนายจิง แน่นอนว่ามีของหลี่จงอี้และซูเหนียนอวิ๋นด้วย

แต่สำหรับคนอื่น ๆ เธอไม่มีเวลาเพียงพอที่จะทำมันจริง ๆ

เมื่อเฮ่อหลานลงเข็มไปอีกสักครู่หนึ่ง ก็มีแขกมาเยือนที่ประตู คราวนี้เป็นซ่างสยงเยี่ยที่หลินหมิงซู่พูดถึงก่อนหน้านี้

“สวัสดีค่ะคุณชายซ่าง ไม่คิดเลยว่าคุณจะมาที่นี่ด้วย”

ซ่างสยงเยี่ยอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “หุ้นส่วนของผมกำลังจะแต่งงาน ผมต้องมาอวยพรด้วยสิครับ”

เก่อชิงเหมยเห็นว่าซ่างสยงเยี่ยมาที่นี่ ดังนั้นเธอจึงออกมาทักทายด้วย “คุณชายซ่าง ไม่ได้พบกันเสียนานนะคะ”

พอเห็นเก่อชิงเหมยซ่างสยงเยี่ยยิ้มกว้างก่อนจะถามว่า “อาจารย์ซูอยู่ที่นี่หรือเปล่าครับ?”

“ค่ะ อาจารย์ซูก็อยู่ที่นี่เหมือนกัน”

เก่อชิงเหมยพูดคุยกับเขาเกี่ยวกับเรื่องโรงสานมากมายโดยไม่รู้ตัว ส่วนซ่างสยงเยี่ยทราบแล้วว่าหลังจากนี้เก่อชิงเหมยจะเป็นคนดูแลทุกอย่างในโรงสาน และพอถึงงานปักที่ประณีตของอีกฝ่ายแล้ว ซ่างสยงเยี่ยไม่มีคำคัดค้านใด ๆ

และตอนนี้แขกของเฮ่อหลานมาครบแล้ว ในวันที่สิบแปดของเดือนจันทรคติที่สิบสอง ตระกูลจิงนำสินสอดทองหมั้นออกมา

ในเวลานี้ ตรอกหน้าบ้านจึงเต็มไปด้วยชีวิตชีวาของขบวนสินสอด

การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย

การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย

Status: Ongoing
การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนี่ผู้มั่งคั่งร่ำรวยเธอตื่นขึ้นมาในร่าง ‘ถังชวง’ เด็กสาวในยุค 70 ที่มีชีวิตแสนลำบากในตระกูลที่กขี่ทั้งเธอ แม่กับน้องสาว… แต่จากนี้เธอจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ เธอจะเป็นเศรษฐีนี่ให้ได้เลย! นิยายแปลเรื่อง การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนี่ผู้มั่งคั่งร่ำรวย [重返七零之空间小辣]ผู้แต่ง:钰儿เรื่องย่อ: เธอเกิดใหม่มาในร่งของ ถังซวง’ เด็กสาวที่ถูกกใน ยุค 70!! แถมยังต้องมาเจอกับพ่อใจร้ายที่วัน ๆ เาแต่ทุบตี เธอเลยต้องวางแผนให้แม่หย่ากับพ่อเฮงซวยแบบนี้แล้วพาแม่กับน้องสาว ออกไปจากตระกูลปรสิตนี่ และหลังออกจากระกูล เธอก็มุ่งมั่นตั้งใจพาครอบครัวไปสู่เส้นทางเศรษฐีนี่ให้ได้ในสักวัน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท