บทที่ 297 โรงเรียนใหม่ นักเรียนใหม่
บทที่ 297 โรงเรียนใหม่ นักเรียนใหม่
หลังจากที่ผู้เฒ่าโม่และเจิ้งหงกลับออกไป เฮ่อหลานพาถังเซวี่ยออกไปด้วยเช่นกัน
ส่วนหลินเหม่ยเจินไปส่งพวกเขาก่อนจะกลับมาต้มยาต่อ
ตอนนี้โม่เจ๋อหยวนเกือบจะหายดีแล้วหลังจากนอนพักในโรงพยาบาลนานกว่าหนึ่งสัปดาห์ แม้แต่หมอเองก็ประหลาดใจเสมอเมื่อเข้ามาตรวจร่างกายของเขา “นี่… ความเร็วในการฟื้นตัวของเธอมันอะไรกัน บาดเจ็บหนักขนาดนี้แต่ใช้เวลาฟื้นตัวแค่ไม่กี่วันเนี่ยนะ”
หลินเหม่ยเจินที่อยู่ด้านข้างกล่าวขึ้นด้วยความภูมิใจ “ต้องขอบคุณซวงเอ๋อร์ของเราค่ะ เธอเป็นคนเตรียมยาให้เจ๋อหยวน แค่สองวันก็เห็นผลแล้ว”
หมอคนนี้คือหมอที่ผ่าตัดให้กับโม่เจ๋อหยวนก่อนหน้านี้ หลังเขาได้ยินอย่างนั้นแล้ว เขาหันมองหลินเหม่ยเจินอย่างประหลาดใจ “เป็นเพราะยาที่เธอเตรียมไว้งั้นหรือครับ? ยาอะไรอัศจรรย์เกินไปแล้ว?” แน่นอนว่าเขารู้สึกว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่สาวน้อยอย่างถังซวงจะทำได้ถึงขนาดนี้ แม้เธอจะพอรู้พื้นฐานทางการแพทย์บ้าง แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะเก่งกาจมากขนาดนั้น
“ค่ะมันยอดเยี่ยมมาก ยาแก้อักเสบชนิดพิเศษที่โรงพยาบาลต่าง ๆ ได้รับไปก็ถูกพัฒนาขึ้นโดยถังซวงของเราเอง ดังนั้นใบสั่งยาที่เธอมอบให้ย่อมน่าเชื่อถือแน่นอนค่ะ”
“อะไรนะ…”
หมอจินแทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง
ยาแก้อักเสบพิเศษที่หลินเหม่ยเจินพูดถึงคือยาที่ใช้ในโรงพยาบาลใหญ่ ๆ ในปัจจุบัน ถูกพัฒนาโดยสาวน้อยตรงหน้าเขาน่ะหรือ? ดูเหมือนว่าเขาจะเข้าใจแล้วว่าทำไมโม่เจ๋อหยวนถึงฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว “เป็นอย่างนี้นี่เอง”
หลังเห็นว่าหลินเหม่ยเจินพูดออกไปอย่างนั้น ถังซวงอดไม่ได้ที่จะยิ้มแล้วถามว่าหมอจินว่า “คุณหมอจินคะ พี่โม่จะออกจากโรงพยาบาลได้ตอนไหนหรือคะ?”
“พักอีกสักสองวันแล้วกัน ถึงเขาจะหายดีแล้ว คราวหน้าก็ต้องดูแลเขาให้ดีด้วยล่ะ”
“ค่ะคุณหมอ เข้าใจแล้ว”
หลังจากที่หมอจินออกไปแล้ว โม่เจ๋อหยวนมองถังซวงด้วยรอยยิ้ม “ซวงเอ๋อร์ได้ยินไหมว่าฉันกำลังจะออกจากโรงพยาบาลในอีกสองวันข้างหน้า เพราะงั้นวันนี้เธอกลับบ้านไปพักผ่อนได้แล้ว”
หลินเหม่ยเจินที่ยืนอยู่ด้านข้างเองก็กล่าวโน้มน้าวด้วยเช่นกัน “ใช่แล้วจ้ะซวงเอ๋อร์ เธอดูแลเจ๋อหยวนตลอดสองสามวันที่ผ่านมาแล้ว ตัวเองยังไม่ได้พักผ่อนเลย รีบกลับบ้านไปนอนพักให้สบายตัวเถอะ”
คราวนี้ถังซวงไม่ปฏิเสธ เธอพยักหน้าก่อนจะพูดว่า “ค่ะ วันนี้ฉันจะกลับแล้ว” ตอนนี้อาการบาดเจ็บของโม่เจ๋อหยวนดีขึ้น เธอไม่จำเป็นต้องกังวลอีกต่อไป
หลังเก็บข้าวของ ถังซวงกลับออกไป
ซึ่งเฮ่อหลานประหลาดใจมากเมื่อเห็นว่าลูกสาวคนโตกลับบ้าน
“ซวงเอ๋อร์ ทำไมกลับมาแล้วล่ะจ๊ะ? แล้วเจ๋อหยวนล่ะ?”
“พี่โม่อยู่โรงพยาบาลค่ะ อีกสองวันจะได้กลับบ้านแล้ว วันนี้หนูเลยกลับมาพักผ่อนที่บ้านน่ะค่ะ”
ได้ยินอย่างนั้น เฮ่อหลานรีบพูดขึ้นว่า “งั้นเดี๋ยวแม่จะให้ในครัวเตรียมอาหารให้นะ ไปอาบน้ำแล้วมากินข้าวเถอะ จะได้หลับสบาย”
“ค่า”
หลังจากที่ถังซวงพักผ่อน เธอกลับไปโรงพยาบาลอีกครั้ง และเห็นว่าโม่เจ๋อหยวนเดินได้แล้ว เขาดูไม่เหมือนผู้ป่วยเลยสักนิดเดียว ถ้าเป็นแบบนี้ ตอนที่หมอให้ออกจากโรงพยาบาล เขาคงสามารถเดินออกจากโรงพยาบาลได้เองด้วยซ้ำ
“พี่โม่ ช่วงนี้พี่ต้องพักผ่อนให้มากนะคะ แล้วก็เลิกไปยุ่งกับเรื่องอื่นได้แล้ว”
ได้ยินคำพูดของถังซวงแล้ว โม่เจ๋อหยวนพยักหน้ารับ “อืม ฉันเข้าใจแล้ว”
หลินเหม่ยเจินเชื่อมั่นในถังซวงมาก เมื่อเห็นว่าหญิงสาวพูดอย่างนี้ เธอรีบพยักหน้าทันที “ซวงเอ๋อร์ไม่ต้องห่วงนะ ฉันจะดูแลเจ๋อหยวนให้ดี ไม่ให้เขามีเวลาไปยุ่งกับเรื่องอื่น ๆ เด็ดขาด”
หลังจากส่งโม่เจ๋อหยวนกลับบ้านแล้ว ถังซวงกลับมาที่บ้านตระกูลจิง
พอเห็นถังซวงกลับมาแล้ว จิงเจ้อหรงถามทันทีว่า “เจ๋อหยวนหายดีแล้วหรือ?”
“พ่อไม่ต้องห่วงนะคะ พี่โม่ฟื้นตัวเร็วมาก ทุกอย่างเรียบร้อยดีค่ะ”
“อื้ม ดีแล้ว ๆ”
จิงเจ้อหรงยื่นบางอย่างให้กับถังซวงแล้วพูดว่า “ลองดูนี่สิ คนที่ต้องการจับตัวลูกถูกสอบสวนแล้ว คนพวกนี้มีเป้าหมายคือเจ๋อหยวน และพวกเรายังได้สืบสวนเกี่ยวกับเรื่องอื่น ๆ อีกด้วย คราวนี้ลูกช่วยเราไว้อีกแล้วนะ”
ถังซวงอ่านทั้งหมดแล้วถามอีกครั้งว่า “พ่อรู้ไหมคะว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวเรื่องงานวิจัยของพี่โม่?”
“อื้ม รู้แล้วล่ะ”
พอพูดถึงเรื่องนี้ ใบหน้าของจิงเจ้อหรงเย็นชาจนน่าขนลุก “ไม่คิดเลยว่าชาวฝูซางจะมีหนอนในสถาบันวิจัยด้วย แต่โชคดีที่พวกนั้นไม่ใช่คนระดับสูงและไม่ได้รู้เรื่องภายในมากนัก ตอนนี้ถูกจัดการหมดแล้วล่ะ”
“ดีแล้วค่ะ”
จิงเจ้อหรงทราบดีว่าผู้บังคับบัญชาให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก อย่างไรซะทั้งโม่เจ๋อหยวนและถังซวงคืออัจฉริยะที่หาตัวได้ยาก หากมีอะไรเกิดขึ้นกับทั้งสองคน แน่นอนว่าผลที่ตามมาจะยิ่งกว่าหายนะ “ซวงเอ๋อร์ คนที่เบื้องบนส่งมาจะมาที่นี่วันพรุ่งนี้ ลูกจะได้พบกับเขาก่อน แล้วหลังจากนั้นพวกเขาจะคอยคุ้มกันลูกอย่างลับ ๆ”
“พวกเขา? มากกว่าหนึ่งคนหรือคะ?”
จิงเจ้อหรงพยักหน้า “อื้ม เท่าที่พ่อรู้มาน่าจะสามคนนะ”
“มากเกินไปหรือเปล่า”
ถังซวงประหลาดใจเล็กน้อย คราวแรกเธอคิดว่ามีเพียงคนเดียวซะอีก
จิงเจ้อหรงมองถังซวงด้วยรอยยิ้ม “เห็นแล้วใช่ไหมว่าผู้บังคับบัญชาให้ความสำคัญกับลูกมากแค่ไหน” สุดท้ายเขาก็นึกบางอย่างออกแล้วพูดว่า “อ้อ เมื่อวานพ่อได้พบกับผู้อาวุโสจูด้วยล่ะ เขาบอกว่าถ้ามีเวลาให้เข้าไปพบเขาหน่อยนะ เขาอยากเจอลูกมาก”
ผู้ที่ต้องการรับชมเรื่องตลกของเขาในงานแต่งงานก่อนหน้านี้ เปลี่ยนความคิดไปหมดแล้ว และในเวลานี้ไม่ว่าใครก็ตามอิจฉาเขามากที่มีลูกสาวที่เก่งกาจอย่างถังซวง
วันถัดมา มีสามคนมาที่นี่จริง ๆ
พวกเขาคือชายหนุ่มรูปร่างแข็งแรงสามคน และหลังจากทักทายถังซวงเสร็จ ทั้งสามหายตัวไปทันที นอกจากจิงเจ้อหรงแล้ว ไม่มีใครทราบว่าทั้งสามมีตัวตนอยู่
เมื่อถังซวงเห็นว่าทั้งสามหายไปแล้ว เธอจึงไม่สนใจอะไรอีก เพราะเวลานี้เธอกับถังเซวี่ยจะต้องไปโรงเรียน หญิงสาวยังคงสบาย ๆ ไม่เครียดอะไร ต่างจากถังเซวี่ยที่ค่อนข้างกระวนกระวายเล็กน้อย เด็กสาวจึงดึงถังซวงให้มาอยู่ใกล้ตลอดเวลา
เมื่อโรงเรียนเปิด จิงเจ้อหรงและเฮ่อหลานมาส่งถังซวงและถังเซวี่ยไปโรงเรียนด้วยตัวเอง และไปส่งถังเซวี่ยก่อน
“เสี่ยวเซวี่ย ฉันจะมารับเธอ แล้วเราจะกลับบ้านด้วยกันนะ”
ได้ยินพี่สาวพูดอย่างนั้นแล้ว ถังเซวี่ยพยักหน้ารับ “ค่ะพี่”
เมื่อเห็นว่าลูกสาวคนเล็กเลิกกังวลแล้ว เฮ่อหลานหัวเราะออกมาพร้อมกล่าวว่า “แม่จะรอที่บ้านนะจ๊ะ”
หลังส่งถังเซวี่ยแล้ว ทั้งสามไปที่โรงเรียนของถังซวงต่อ ถังซวงโบกมือลาจิงเจ้อหรงกับเฮ่อหลาน ก่อนจะเดินตรงเข้าไปในโรงเรียนของตน
“เฮ้ นี่เธอเข้าห้องผิดหรือเปล่า?”
ทันทีที่ถังซวงเดินมายังประตูชั้นสาม เธอได้ยินใครบางคนพูดกับตน
ได้ยินอย่างนั้นแล้ว นักเรียนทุกคนในชั้นเรียนมองไปรอบ ๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“เธอเป็นใครกันน่ะ ทำไมฉันไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนเลย”
“ใช่ ฉันรู้จักนักเรียนหญิงทุกคนในชั้นเรียนนะ แต่ฉันไม่เคยเห็นเธอมาก่อน เธออยู่ชั้นเรียนไหนกันแน่?”
ขณะทุกคนกำลังพูดคุยกัน ถังซวงเดินเข้าไปในห้องเรียนอย่างไม่สนใจใคร เธอเงยหน้าขึ้นก่อนจะมองไปรอบ ๆ แล้วเดินตรงไปยังท้ายห้องก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ที่ว่างอยู่